คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กรอกใบสมัคร (RW2...100%)
แสงแรกแห่งอรุณสยายปีกสีส้มระเรื่อ ปลุกทุกสรรพชีวิตในผืนป่าให้ตื่นขึ้นจากนิทรา นกไพรโผล่หน้าออกจากรังนอนบนไม้สูง กระพือปีกออกหากินพร้อมทั้งส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว เรียกกวางป่าเขาสั้นให้ยอมโผล่ลับออกจากพุ่มไม้ทึบ ที่ตามติดมานั้นคือลูกแหง่สีน้ำตาลลายดอกขาวซึ่งยังไม่หย่านมดีนัก เจ้าตัวเล็กพยายามเอาปากไซร้ใต้ท้องอุ่นๆของแม่กวาง หวังจะลิ้มรสนมมารดาอันหอมหวานเป็นอาหารประเดิมมื้อแรกของวัน ถัดออกไปไม่ไกล สิ่งที่กำลังพันตัวให้ดูกลมกลืนกับไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีนั้นคืองูเหลือมใหญ่ขนาดมหึมา ลำตัวเหยียดยาวสีเทาลายเหมือนจะกลายเป็นเนื้อเดียวกับเปลือกไม้แข็งสีน้ำตาลเข้มที่ถูกตะไครน้ำและพืชจำพวกมอสจับเกาะเป็นหย่อมๆ ลิ้นสีแดงสดแลบแปลบปลาบราวกับกระหายในเลือดสดๆของชีวิตที่ในวันนี้จะต้องสังเวยแก่มัน ม่านตาสีดำหรี่เล็กในนัยน์ตาสีเหลืองเข้มดูไร้อารมณ์ราวกับสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกนั้นเป็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็นของชีวิต แม้งูเหลือมจะมิอาจส่งเสียง ทว่าป่าซึ่งเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงนกไพรและสำเนียยงของเหล่าแมลงนั้น บางครั้งกลับถูกกลบไปด้วยเสียงคำรามก้องของอัมเวริน...เสือขาวมีปีกที่กำลังอยู่ในวัยคึกคะนอง เสียงที่เป็นดั่งสัญญาณมรณะของอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยให้แก่คมเขี้ยวและกรงเล็บของผู้อยู่ในลำดับเบื้องบนของห่วงโซ่อาหาร ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดเป็นสำเนียงไพรซึ่งทั้งไพเราะอ่อนหวานและดุดันเหี้ยมโหดในเวลาเดียวกัน
หากในขณะเดียวกัน ระหว่างที่หลากชีวิตในป่ากำลังดำเนินต่อไป ร่างของเด็กหนุ่มชาวมนุษย์เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มกลับเลือกที่จะซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนผืนหนา ตวัดหมอนขึ้นมาปิดหน้าปิดหูราวกับรำคาญแสงอาทิตย์สดใสยามเช้าและเสียงเจื้อยแจ้วของสำเนียงไพร นัยน์ตาหลุบปิดสนิทบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังติดอยู่ในห้วงนิทราอันแสนสุขจนคร้านที่จะตื่นกลับเข้ามาในโลกแห่งความจริง ข้างกายที่นอนหมอบอยู่ไม่ห่างนั้นคือหมาป่าร่างยักษ์สีเทาแกมดำซึ่งกำลังนอนหรี่ตามอง 'นายน้อย' อย่างอดทน พวงหางอันอุดมไปด้วยขนฟูแกว่งเป็นจังหวะช้าๆ หากจะด้วยอารมณ์ดีหรือรำคาญก็สุดจะเดา
ก๊อกๆๆ!!!!
เสียงเคาะที่ทั้งรัวและลั่นเขย่าประตูไม้จนสั่นไปทั้งบานเป็นเสมือนโซ่ที่ฉุกกระฉากเคชให้ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ความเพลียจากการที่เมื่อคืนอดหลับอดนอนมีฤทธิพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่สนใจ พลิกตัวกลับไปนอนต่ออย่างงัวเงีย ไม่ลืมที่จะออกแรงเขี่ยร่างยักษ์ของเจ้าหมาป่าให้เขยิบออกไปห่างๆ
แต่ถึงอย่างนั้น...
ก๊อกๆๆๆๆๆๆ!!!
คราวนี้ถี่ลั่นจนถึงจะทำใจนอนต่อไปก็คงไม่หลับเพราะรำคาญ เซเบเรียคนลูกจึงตัดใจลุกขึ้นจากที่นอนอันแสนอุ่นอย่างอาลัยอาวรณ์ ฟลอเรนส์เป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้นก็จริง ทว่าในป่าดิบแบบนี้ อุณหภูมิตอนดึกจนถึงตอนเช้าตรู่ของวันใหม่นั้นแทบติดลบ เสียงเคาะประตูที่ดังไม่ยอมหยุดซักทีเริ่มทำเอาเคชนิ่วหน้าเพราะหนวกหู แล้วหน้ายิ่งนิ่วหนักขึ้นไปเป็นสองเท่าเมือพอเปิดบานประตูไม้สีเข้มออกแล้วพบนายเฮลกัลในสภาพอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ยืนยิ้มแฉ่งรออยู่เหมือนคนมีความสุขที่สุดในชีวิต จนผู้เป็นลูกชายเห็นแล้วแทบอยากจะค่อยๆปิดประตูแล้วเดินโซซัดโซเซกลับขึ้นเตียงเข้าไปนอนต่อยิ่งนัก
"อรุณสวัสดิ์ ลูก รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า เดี๋ยวไปสายแล้วคนจะเยอะ "
คำทักแรกของพ่อเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังจะหมุนตัวเดินโผเผกลับขึ้นที่นอนให้ชะงักกึก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างเหมือนลืมเรื่องง่วงนอนไปเสียสนิทเพราะนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ สมองตื่นขึ้นฉับพลันโดยไม่ต้องได้รับคำพูดใดๆกระตุ้นซ้ำ พร้อมกับคำตอบที่แล่นเข้ามาที่ทำเอาอยากกลับขึ้นเตียงไปล้มตัวลงนอนมากกว่าเดิม
ก็วันนี้...เป็นวันที่โรงเรียนมหาเวทเปิดรับสมัครนักเรียนใหม่นี่!!
"พ่อ..ผมอายุสิบหกแล้วนะครับ ไม่ใช่เด็กที่ต้องให้พ่อมาเรียกไปอาบน้ำแล้วนะ"
ความไม่พอใจที่สั่งสมมาตั้งแต่คำว่าโรงเรียนมหาเวทแล่นเข้ามาในหัว ทำให้ย้อนกลับไปอย่างหงุดหงิด แต่เพราะขัดพระประสงค์ของบิดาบังเกิดเกล้าไม่ได้ ลูกกตัญญูอย่างเคช เซเบเรีย จึงต้องจำใจเดินหน้าตาบึ้งตึงเข้าไปจัดการทำธุระตามที่ท่านพ่อบัญชาจำเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว หลังจากปล่อยสกายให้ออกไปล่าสัตว์นอกบ้านแล้ว สองพ่อลูกจึงรีบขี่เปกาซัสเข้าไปในตัวเมืองอย่างเร่งรีบเพื่อจะไปต่อรถไฟได้ทันเวลา โดยเคชไม่ลืมที่จะหนีบซองเอกสารสำคัญประจำตัวที่ใช้ในการสมัครติดมือไปด้วย
.............
..........
......
....
...
.
จะเรียกว่ามาทันก็จริง หรือจะว่ามาไม่ทันก็ได้ หลังผ่านการเดินทางอันยาวนานแปดชั่วโมงรวด จากฟลอเรนส์จนมาถึงมหาเวท ทั้งเคชและเฮกัลจึงพบว่า พวกตนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมหาศาล ในพื้นที่ของโรงเรียนที่มหาศาลยิ่งกว่า!
"นี่ พ่อ ล้มเลิกความคิดในตอนนี้ยังทันนะ คนเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวก็ได้เสียเงินค่าสมัครฟรีๆหรอก"
คนเป็นลูกเอ่ยพลางหันมองไปรอบตัวซึ่งบัดนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแน่นขนัด ต่อหางแถวเป็นคิวยาวแม้จะมีโต๊ะเปิดรับสมัครเรียงเหยียดเป็นแนวไม่ต่ำกว่าห้าสิบโต๊ะก็ตาม ไอระอุจากดวงตะวันที่แสงยังแผดแรงแม้จะเป็นเวลาย่ำบ่ายย่ำเย็นยิ่งราวกับจะช่วยขับความร้อนใจให้แรงยิ่งขึ้น
"เอาน่า ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ลองสอบดูหน่อยจะเป็นไร"
นายเฮลกัลเลือกใช้น้ำเย็นเข้าลูบเมื่อเห็นเจ้าตัวลูกชายตัวดีกำลังอยู่ในภาวะหงุดหงิด ในขณะที่ภายในลอบถอยหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อเห็นจำนวนคนที่กำลังต่อแถวเป็นคิวยาวเหยียด ทำอะไรไม่ได้นอกจากลากเจ้าตัวแสบเดินไปต่อคิวแถวที่อยู่ใกล้ที่สุด
ฝูงคนขยับไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า พอๆกับดวงอาทิตย์ที่กำลังโรยแสง หลังจากยืนเมื่อยมาตั้งเกือบสามชั่วโมง กราฟความเบื่อหน่ายของเคชก็พุ่งจนถึงขีดสุด จนต้องอาศัยจังหวะที่นายเฮลกัลกำลังติดพันอยู่กับการสนทนากับคนที่ต่อคิวอยู่ข้างๆแวบหลบออกมา ตั้งใจว่าจะเดินหาซื้อน้ำซักแก้ว แม้จะรู้มาก่อนว่าราคาค่าน้ำในวันที่คนเยอะอย่างนี้จะต้องถูกโขกให้สูงขึ้นอีกเกือบเท่าตัวก็ตาม
และที่สำคัญ นี่จะเป็นการแก้เผ็ดเล็กๆน้อยๆ เพราะรู้ดีว่า ถึงอย่างไร พ่อก็คงไม่ยอมออกจากคิวที่ต่อมาตั้งสามชั่วโมงเพื่อมาลากตัวเขากลับไปแน่!!
เห็นคนเยอะขนาดนี้ก็นึกว่าจำนวนร้านขายน้ำจะแปรผันตรงกับจำนวนคน แต่หลังจากเดินวนหาเป็นสิบรอบ จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอซักร้าน จนชักนึกสงสัยว่าทางโรงเรียนมหาเวทคงเก็บค่าเช่าแผงมหาโหดจนไม่มีใครกล้าริมาเปิดร้านไปตามๆกัน นานเข้าเจ้าคนโดดเองก็ชักเริ่มไม่สบายใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนชักจะแวบออกมานานเกินไปแล้ว ตัดสินใจว่าจะทนคอแห้งต่อไปอีกซักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้ ทว่าในขณะที่มัวแต่เดินใจลอยอยู่นั้น...
โครม!!
"อ๊ะ!ขอโทษครับ" เคชชิงพูดขึ้นก่อนโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่เพราะทั้งหน้าตาและหุ่นของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนกับนักรบคลั่ง แต่เป็นเพราะว่าเขาเป็นฝ่ายผิดที่เหม่อจนเดินไปชนเข้า หากดูเหมือนว่า วันนี้...เขาจะโชคร้ายเสียแล้ว
"แก!!!แกกล้ามากนะที่มากระแทกไหล่ท่านริโดคนนี้น่ะ!!"
นักรบคลั่งกระชากเสียง ด้วยร่างที่สูงเกือบสองเมตร ประกอบกับกล้ามเนื้อเป็นมัดๆเหมือนนักเพาะกายยิ่งช่วยขับความน่าเกรงขามให้แก่ริโดมากยิ่งขึ้น ทั้งดาบเล่มยักษ์สีเงินที่เจ้าตัวคอนอยู่บนบ่าก็มากพอที่จะทำให้คนขวัญอ่อนลนลานขอโทษแต่โดยดี
"แต่นั่นผมไม่ได้ตั้งใจจะ..." เคชแย้ง ทว่านักรบคลั่งที่กำลังเดือดจัดไม่ฟังเสียง ดาบเล่มยักษ์ในมือถูกเหวี่ยงลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับเสียงหวีดร้องของผู้เห็นเหตุการณ์ คมดาบสีเงินพุ่งเข้าหาร่างของเด็กหนุ่มหมายจะกระชากโลหิตให้ออกจากกาย ใบหน้าอัปลักษ์ของริโดฉายแววผยองยินดีเมื่อเห็นว่าการโจมตีของตนนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัวหรือหลบพ้น!
พริบตา ที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเปลี่ยนจากขี้เล่นเป็นแข็งกร้าว ปืนลูกโม่สีเงินถูกกระชากออกจากซองข้างเอวด้วยความเร็วที่เหนือกว่าการจับจ้องของสายตา คงมีเพียงเสียงลั่นของกระสุนเท่านั้นที่สามารถอธิบายถึงเศษดาบซึ่งหักสะบั้นตกลงเกลื่อนพื้น ควันสีเทาจางลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือปากกระบอกปืนราวกับจะยืนยันถึงความน่าจะเป็นที่มิอาจเป็นไปได้
คงไม่น่าแปลกใจในฝีมือและความเร็ว หากทุกคนทราบว่า เคช เซเบเรีย เป็นคนๆเดียวกับเด็กหนุ่มผู้ชนะเลิศการแข่งขันยิงปืนระดับเมืองสามปีซ้อน!
…แปะ...แปะ…
หยาดโลหิตค่อยๆรินหล่นลงเปื้อนผืนผสุธา เริ่มแรกเพียงหยาดเล็กที่ซึมเปื้อนออกตามรอยกรีด ทว่ากลับทำให้ใบหน้าอัปลักษณ์ของนักรบคลั่งซีดเผือด ม่านนัยน์ตาขยายกว้างด้วยความหวาดกลัว ปากแผลค่อยๆอ้าออกเหมือนถูกมือยักษ์จับฉีกกระชาก แรงดันส่งเลือดอุ่นๆพุ่งสูงขึ้นไปเช่นน้ำพุ ตกกระเซ็นเป็นฝอยย้อมผืนดินให้คลุมไปด้วยแอ่งน้ำสีแดงฉาน ปิดท้ายด้วยมือข้างที่เคยจับดาบจะขาดสะบั้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนของริโด
…หากครั้งนี้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววประหลาดใจมิต่างไปจากผู้คนรอบกาย...
"นึกว่าจะเก่ง เสียแรงเปล่าจริงๆ"
น้ำเสียงเย็นเยียบเผยออกมาพร้อมๆกับการปรากฎตัวของเด็กหนุ่มผู้เป็นคำตอบให้กับความสงสัยในใจผู้เห็นเหตุการณ์ รองเท้าราคาแพงค่อยๆเหยียบย่ำลงมาบนแอ่งเลือดก่อให้เกิดระรอกพลิ้วสะท้อนเป็นวง เรือนผมสีเงินสว่างไหวน้อยๆตามจังหวะการก้าวเดิน ใบหน้านั้นเรียบเฉยแม้ยามเช็ดเลือดที่ติดอยู่บนดาบบางเล่มยาวก่อนเก็บเข้าฝัก นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองร่างอันย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงของนักรบคลั่งอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเบือนมาสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลด้วยทีท่าไร้ความรู้สึก
"เอ้อ..ขอบ..."
"ฉันไม่ได้อยากช่วยนาย เพียงแต่รำคาญเสียงหนวกหูของเจ้านี่" เด็กหนุ่มผมสีเงินชิงเอ่ยก่อนที่เคชจะทันได้กล่าวขอบคุณ นัยน์ตาสีท้องทะเลลึกคู่งามเย็นยะเยือกราวกับฉาบทับไว้ด้วยกำแพงน้ำแข็งจนทำให้คนฟังรู้สึกหนาววูบเหมือนถูกพายุหิมะพัดเข้าใส่ สิ่งที่ใกล้เคียงกลับคำว่าอำนาจในแววตาไร้อารมณ์นั้นทำให้พรานป่าแห่งฟลอเรนส์ไม่กล้าเอ่ยย้อนกล่าวคำใดออกมาซักนิด แม้ถ้อยคำนั้นจะถูกตะโกนลั่นอยู่ในใจก็ตาม.. 'ถึงไม่มาช่วย ฉันก็จัดการเองได้เฟ้ย!'
"ไปกันเถอะ เวเลส"
นักดาบเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มพึมพำขึ้นเบาๆ เดินผ่านหน้าเคชไปราวกับเห็นเป็นธาตุอากาศ ชายผมสีทองสว่างซึ่งแต่งกายด้วยชุดท่าทางภูมิฐานก้าวออกมาจากฝูงชน เดินตามหลังเด็กหนุ่มเหมือนองค์รักษ์นั้นคงจะชื่อเวเลส ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็ถูกกลืนหายเข้าไปในคลื่นมนุษย์จำนวนมหาศาล
เสียงตะโกนโหวกเหวกลั่นมาแต่ไกล ไม่นานก็ดังจนแทบจะกลบเสียงร้องครวญครางของนักรบคลั่งริโดจนมิด เคชถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย... ศูนย์พยาบาลที่นี่ทำไมมาเร็วนักเชียว น่าจะปล่อยให้มันเจ็บต่อไปอีกหน่อย นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองร่างที่กำลังร้องโหยหวนอยู่แทบเท้าด้วยความสมเพช
ก่อนร่างสันทัดของพรานป่าแห่งฟลอเรนส์จะก้าวกลับไปทางเดิม
"เฮ้อ...เล่นเอาหายหิวน้ำเลยแฮะ ป่านนี้ พ่อรอแย่แล้วมั้ง"
....ว่าแต่หมอนั่น นักดาบผมสีเงินคนนั้น เป็นใครกันนะ?!
"เอ้า พ่อสมัครให้เสร็จแล้วนะ!"
ผิดคาด ที่วันนี้คนเป็นพ่อนอกจากจะไม่ร่ายบทเทศนาให้ฟังแล้ว ยังยืนยิ้มหน้าระรื่นเสียด้วย มือยื่นซองเอกสารเล็กๆซึ่งเป็นหลักฐานการสมัครให้ลูกชายที่รับไปเปิดอ่านดูผ่านๆแบบไม่ใส่ใจ เคชกวาดตามองตัวอักษรอย่างลวกๆ สองจิตสองใจว่าควรจะเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้พ่อฟังดีหรือไม่
"พ่อ เมื่อกี้นี้ผม..." เพียงแค่เริ่มประโยค คำพูดของเคชก็ถูกขัดด้วยเสียงนาฬิกาใหญ่บนยอดหอคอยสูงตีบอกเวลาหกโมงเย็น เรียกนายเฮลกัลให้เงยหน้าขึ้นมองนภาเปลี่ยนสีด้วยท่าทียุ่งยากใจ
"เอ..สงสัยคืนนี้คงต้องค้างซะที่นี่ล่ะมั้ง"
คนเป็นพ่อพึมพำ ปัญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับที่ซุกหัวนอนคืนนี้ทำให้ลืมเรื่องที่ลูกชายกำลังจะพูดอะไรบางอย่างซะสนิท หลังจากที่ไปสอบถามประชาสัมพันธ์ถึงโรงแรมราคาถูกนอกโรงเรียนแล้ว สองพ่อลูกพรานป่าแห่งฟลอเรนส์จึงได้เดินทางมาถึงโรงแรมเล็กๆสภาพกลางเก่ากลางใหม่ซึ่งเบียดเสียดไปด้วยผู้คน เนื่องจากผู้ที่เข้าสอบในโรงเรียนมหาเวทก็ใช่ว่าจะมีแต่พวกลูกคนมีเงินไปซะทั้งหมด เป็นโชคดีอย่างมหาศาลที่เหลือห้องว่างนั้นเหลืออยู่ห้องสุดท้ายพอดี เมื่อลงทะเบียนเช่าห้องและนำของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว พ่อลูกตระกูลเซเบเรียจึงได้ออกไปหาข้าวเย็นทาน หลังจากที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่มื้อเช้า
"พ่อ แน่ใจหรอว่าถ้าผมเรียนที่นี่ แล้วพ่อจะมีเงินพอจ่ายน่ะ?"
เจ้าตัวดีถามย้ำเป็นรอบที่ร้อยแปดหลังจากเห็นคนเป็นพ่อควักเงินออกมาจ่ายค่าอาหาร ราคาแค่ข้าวสองจานในซุ้มอาหารกึ่งแผงลอยข้างทางของที่นี่นั้น แพงพอๆกับไปนั่งกินร้านอาหารหรูๆของฟลอเรนส์เลยทีเดียว และที่สำคัญ...ไม่เห็นอร่อยเลยซักนิด
"บอกว่าพอก็พอสิ"
นายเฮลกัลตอบเป็นรอบที่หนึ่งร้อยเจ็ด สายตากวาดดูร้านค้าน้อยใหญ่สองข้างทางหวังจะหาที่ฝากท้องราคาถูกในมือเช้า นึกหงุดหงิดตัวเองที่ประเมินค่าครองชีพที่นี่ผิดไปลิบลับจนเงินที่เตรียมมาเหมือนเป็นเพียงเศษสตางค์ ทว่านอกจากค่าเงินที่สูงขึ้นแล้ว ที่นี่..ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย
คงเป็นเพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับร้านรวงต่างๆ ทำให้เคชไม่ทันได้สังเกตว่า พ่อของตนพาเดินเข้าซอกนั้นออกซอยนี่ทะลุตรอกซอกมุมหลบฝูงชนที่แออัดยัดเยียดไปทั่วบริเวณอย่างเชี่ยวชาญราวกับคนในพื้นที่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็กลับมายืนอยู่หน้าโรงแรมเดิมเสียแล้ว
"เมื่อกี๊เราไม่ได้กลับทางเดิมนี่พ่อ" เซเบเรียคนลูกเพิ่งนึกเอะใจขณะกำลังเดินผ่านโถงระเบียงแคบๆที่จะตรงไปยังห้องพัก นายเฮลกัลไม่ตอบ ทั้งยังเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อหยุดอยู่หน้าประตูก็ทำทีเป็นหากุญแจห้องพักไม่เจอ เดือดร้อนเจ้าตัวดีที่ต้องวิ่งทั่กๆลงบันไดไปห้าชั้นเพื่อไปขอกุญแจสำรองจากเจ้าของโรงแรม เพียงเพื่อพบว่าพอขึ้นมาถึง คนเป็นพ่อก็เข้าห้องไปนั่งแช่อยู่บนเก้าอี้ยาว สบายใจเฉิบเสียแล้ว ครั้งพอตั้งท่าจะโวยวายก็ถูกบิดาบังเกิดเกล้าชิงดักคอไว้ก่อนเสียอีก
"เพิ่งหาเจอน่ะลูก มันอยู่ในกระเป๋ากางเกงนี่เอง"
นายเฮลกัลว่าพลางยิ้มแย้ม ไม่มีอาการรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังจงใจยืดแขนบิดขี้เกียจ ทิ้งตัวลงนอนตามโซฟายาวด้วยท่วงท่าที่ดูแล้วแสนสบายจนน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด กระตุ้นต่อมยั่วอารมณ์อดทนของเคชได้สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมาย
"พ่อ!!พ่อจงใจใช่ไหม?!"
เจ้าตัวดีคาดคั้นดังลั่น ตามด้วยเสียงประตูถูกกระแทกปิดดังโครม หัวคิ้วกระตุกปึดๆยามนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองพ่อของตนที่แกล้งทำเป็นหลับสนิทอยู่บนม้านั่งยาวอย่างแสนจะสุขอุรา แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ โวยวายเซ้าซี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะลงแบบนี้ล่ะก็ต่อให้ถือโทรโข่งมาตะโกนจ่อหู ท่านพ่อก็จะเล่นฟอร์มหลับตาไม่รู้เรื่องรู้ราว สุดท้ายเคชก็ได้แต่กระแทกเท้าโครมๆไปอาบน้ำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้ำเย็นๆจะช่วยลดอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดๆในยามนี้ให้สงบลงได้
หารู้ไม่ว่า ตนได้ลืมทวงคำตอบจากคำถามที่โถงระเบียงห้องพักไปเสียแล้ว...
รุ่งเช้าหลังจากตื่นมากินอาหารอย่างลวกๆในร้านแผงข้างทางหน้าโรงแรม พ่อลูกตระกูลเซเบเรียก็รีบจ่ายเงินค่าห้องพักแล้วจับรถม้าไปสถานีรถไฟประจำเมืองอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันขบวนรถไฟสายฟลอเรนส์ที่ออกแต่เช้าตรู่ ไม่กี่นาทีหลังจากซื้อตั๋วและขึ้นมานั่งอุ่นใจบนรถจักรแล้ว เตาไอน้ำขนาดใหญ่ก็ส่งเสียงหวูดลั่นทั้งยังพ่นควันสีขาวออกเป็นทางยาว พร้อมกันนั้นล้อเหล็กก็ค่อยๆถูกฉุดให้แล่นไปตามรางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเด็กหนุ่มมองโรงเรียนมหาเวทที่ค่อยๆเลือนหายไปจากจักษุภาพด้วยแววตาที่ไร้ความอาวรณ์
'อีกหนึ่งสัปดาห์...' เสียงของคนเป็นพ่อล่องลอยเข้ามาในห้วงความคิด
'อีกหนึ่งสัปดาห์จะต้องกลับมาที่มหาเวทอีกครั้งเพื่อทำการทดสอบเข้าเรียน"
"เฮ้อ..." เคชลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ปล่อยให้ลมหนาวพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาคลอเคลียดวงหน้า พัดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มให้ปลิวไหวน้อยๆไม่สนใจพนักงานที่กำลังเดินรี่เข้ามาตรวจตั๋ว ปล่อยภาระนั้นให้ผู้เป็นพ่อรับผิดชอบ เด็กหนุ่มหรี่เปลือกตาลงราวกับต้องการจะจมดิ่งลงในห้วงความคิด
…อาทิตย์หน้าหรือ หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ นักดาบผมสีเงินคนนั้นน่ะ...
กาลเวลา...เป็นสิ่งที่น่ากลัว
เพราะมักจะโบยบินสู่ผู้ที่มิปราถนาเสมอ
หากสำหรับผู้ต้องการอย่างยิ่งยวดแล้วไซร้
กลับละทิ้งอย่างไม่ไยดี
สัปดาห์หลังกลับจากการเยือนมหาเวทผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มอดใจหายไม่ได้ ช่วงตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้กำลังเป็นฤดูที่อากาศดิบชื้นในป่าจะเริ่มยะเยือกขึ้น ด้วยผลจากลมหนาวที่พัดมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งผ่านฟลอเรนส์เป็นในเวลานี้แห่งปีเป็นประจำ สัตว์ป่าจำพวกหมีเป็นพวกแรกเสมอที่ล่วงรู้ล่วงหน้าถึงการมาเยือนของเกล็ดหิมะสีขาวพิสุทธิ์ที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาจากผืนฟ้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ พวกมันจะออกจากป่าลึมมาเพื่อเริ่มกักตุนอาหารเพื่อใช้ในการจำศีลอันยาวนาน และเวลานี้เองที่ถือเป็นช่วงนาทีทองของพรานป่าทุกคน ที่จะล่าหมีเพื่อกักตุนเนื้อไว้สำรองในเดือนอันเยียบเย็นเช่นกัน
…หมีกักตุนอาหาร และมนุษย์ก็เห็นหมีเป็นอาหารที่ต้องกักตุนอีกต่อหนึ่ง…
"พ่อครับ ที่มันยอมออกมาจากป่าลึก ก็เพื่อที่จะมีชีวิตรอดไม่ใช่หรือครับ"
เมื่อนานมาแล้ว เคชตัวน้อยๆเคยถามพ่อของตนในช่วงเวลานี้แห่งปี เมื่อเห็นนายเฮลกัลกำลังจะประทับไรเฟิลคู่มือขึ้นเล็งเจ้าสัตว์ยักษ์ท่าทางงุ่นง่าน ตอนนั้น พอจบคำถาม คนเป็นพ่อก็ลดปืนในมือลง ละสายตาจากเหยื่อตัวใหญ่ที่กำลังเป็นเป้าชั้นเลิศ พลางหันมามองนัยน์ตาไร้เรียงสาของลูกชาย มือหยาบกร้านเอื้อมขึ้นมาลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มนุ่มๆของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
"ใช่แล้วล่ะ ลูก เพียงแต่ เราก็จำเป็นต้องเอาชีวิตรอดเหมือนกัน "
พลันเสียงปืนก็ก้องกังวานไปทั่วป่า พร้อมๆกับฟองเลือดที่ผุดพรายรดลงบนบนผืนพรมใบไม้แห้ง ร่างอันเต็มไปด้วยมัดกล้ามของหมีสีน้ำตาลแก่ตัวนั้นกระตุกเฮือกพลางเซถลา ล้มนิ่ง ไม่ไหวติง ของเหลวสีแดงสดไหลชุ่มขนรุงรังของมันจนชุ่มโชก ปิดฉากบทสนทนาอันเป็นเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ
ไม่ได้โหดร้าย ไม่ได้น่าเห็นใจ ไม่ได้รู้สึกสงสาร ไม่ได้รู้สึกผิด
ในผืนป่าแห่งฟลอเรนส์ มีที่ว่างเพียงให้สัญชาติญาณดิบของมนุษย์แสดงออกเท่านั้น...
แน่ล่ะ ทั้งเคชและนายเฮลกัลเองก็ยุ่งจนหัวปั่น ไหนจะต้องออกไปนอนค้างแรมกลางป่าเสียหลายคืน ไหนจะเสียเวลาไปกับการสะกดรอยไปอีกหลายวัน กว่าจะล้มหมีสีน้ำตาลแก่ตัวเขื่องลงได้ เพราะการล่าหมีมิใช่เพียงถือปืนออกไปตามล่า แล้วยิงทิ้ง เป็นอันเสร็จพิธี ทว่าการล่าสัตว์ยักษ์อารมณ์ร้ายขนรุงรังหนักร่วมร้อยกิโลนั้นกลับเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถึงขนาดที่พวกพรานมือใหม่ผู้ยังหยิ่งผยองต่อผืนป่าเอาชีวิตไปทิ้งเสียมากมาย ขั้นตอนการล่าเริ่มตั้งแต่การเตรียมตัวให้พร้อมด้วยปืนไรเฟิลหนัก แผนการล่าที่ถูกเตรียมมาแรมเดือนถูกนำมาทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ขึ้นใจ สัมผัสพรานที่ต้องแม่นยำในภูมิความรู้ของป่าโดยไม่ผิดเพี้ยน
หากที่สำคัญ นั่นคือ โชค และ ฝีมือ ของนายพราน ที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า จะยังคงเป็นผู้ล่า หรือจะเป็นผู้ถูกล่าเสียเอง!
"เฮ้อ..จบซักที ที่นี้ถึงผมไม่อยู่พ่อก็ไม่ต้องกลัวอดตายล่ะน่า"
เคชกระเซ้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง ระหว่างเดินไปดูผลงานของตนที่นอนนิ่งเหมือนยอมศิโรราบให้แก่พรานผู้ล่าตน บู๊ทเดินป่าแบบทหารย่ำลงไปในแอ่งน้ำเฉอะแฉะสีแดงขุ่น ก้าวทับขึ้นไปบนซากสัตว์ขนาดใหญ่ที่ยังคงอุ่นอยู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองรอยแผลขนาดเล็กทว่าลึกฉกรรจ์กึ่งกลางขมับของหมีสีน้ำตาลร่างยักษ์ที่ยังคงมีของเหลวสีแดงไหลทะลักออกมาเป็นสายอย่างภาคภูมิใจ
"ฮ่ะๆๆ นั่นสินะ ใหญ่ดีเสียด้วยสิ ทีนี้ก็เหลือแค่ไปหาซื้อไวน์แดงมาตุนไว้เยอะๆ แค่นี้ พ่อกับกายก็ผ่านหน้าหนาวนี้ไปได้สบาย"
นายเฮลกัลหัวเราะร่า ในขณะที่มือยังคงสาละวนอยู่กับการลูบหัวชมเชยเจ้าหมาป่าร่างยักษ์ที่ขนสีเทาฟูถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดของโลหิต อันเป็นหลักฐานถึงการเข้าร่วมในสมรภูมิเล็กๆที่ช่วงชิงความอยู่รอดเมื่อครู่นี้ เคชเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเครื่องดื่มสีแปลกที่ทำจากเหล้าองุ่นซึ่งพ่อของเขาชื่นชอบนักหนา
ไม่เห็นเข้าใจเลย ไอ้น้ำสีม่วงอมแดง รสชาติอ่อนปวกเปียบหยั่งกับดื่มน้ำเปล่า แถมยังแพงระยับก็เท่านั้น พ่อชอบกินไปได้ยังไงนะ
เด็กหนุ่มนึกในใจ ไม่อยากเอ่ยออกมาเป็นคำพูดให้ต้องขุ่นเคืองกันเสียเปล่าๆ เคชเองก็เหมือนกับชาวพรานฟลอเรนส์ทั่วไป ที่นิยมเหล้าเถื่อนดีกรีแรงราคาถูกซึ่งลอบหมักกันเองมากกว่าไวน์แดงราคาแพงรสชาติซับซ้อน เพราะด้วยแอลกอฮอร์ที่สูงถึงขนาดคนดื่มไม่แข็งอาจล้มได้ง่ายๆในจอกเดียวนั้น หากดื่มในหน้าหนาวแล้วจะทำให้ร่างกายอุ่นวาบ รู้สึกถึงเส้นเลือดที่กำลังสั่นตามแรงเต้นของหัวใจ ขับไล่ความเยีนเยียบเป็นปลิดทิ้ง ถึงขนาดมีคำกล่าวไว้ว่า
“ผู้ใดดื่มเหล้าป่า สุราทะเลสามจอกแล้วไม่เมา ผู้นั้นก็จะไม่มีวันถูกใครมอมเหล้าได้เลย”
"พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะต้องกลับไปมหาเวทน่ะ กว่าจะล้มมันได้ ทันเวลาแบบฉิวเฉียดไปเลยแฮะ"
เด็กหนุ่มเงยหน้าพูดขึ้นลอยๆกับท้องฟ้าสีครามที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ม อันเป็นสัญญาณว่าเวลากำลังจะล่วงเลยเข้าสู่ห้วงราตรี นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายใสแจ๋ว แม้จะรู้ว่า งานหนักอย่างการแปรสภาพก้อนเนื้อหนักร่วมร้อยกิโลให้กลายเป็นเสบียงสำหรับกักตุนนั้นยังคงรอตนอยู่เบื้องหน้า
คืนนี้...อย่างมากก็แค่ไม่ได้นอนทั้งคืนแหละน่า
เคชนึกเล่นๆอย่างคนมองโลกในแง่ดี ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการกับก้อนเนื้อยักษ์ที่ยังคงคลุมด้วยขนสีน้ำตาลย้อมแดงโดยทันที มีดเดินป่าเล่มยาวเสือกลึกเข้าไปในเนื้ออันอุดมไปด้วยมัดกล้ามบริเวณสันคอ เกร็งข้อมือเล็กน้อยขณะลากผ่านตามแนวยาว เลือดสีแดงสดไหลทะลักพรวดจนเกือบทั้งแขนอาบไปด้วยของเหลวอุ่นที่มีกลิ่นคาวน่าคลื่นไส้ เพียงแค่ออกแรงพลิกมีดนิดเดียว คอของเจ้าหมีเคราะห์ร้ายก็ขาดสะบั้น เด็กหนุ่มจัดการถลกหนัง ทั้งแล่ทั้งตัดก้อนเนื้อออกเป็นส่วนๆอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่ชายผู้พ่อกำลังวุ่นอยู่กับการขอนไม้แห้งท่อนโตๆที่หาได้จากแถวๆนั้น มาสะทำเชื้อไฟสำหรับเผาเนื้อ
ไม่นานนัก เนื้อก้อนโตๆนับสิบก้อนก็ถูกโยนลงกองไฟร้อนฉ่า กลิ่นเนื้อไหม้คละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนไม่มีสัตว์ป่าตัวใดกล้าเยื้องกรายเข้ามาใกล้ ควันไฟสีเขม่าดำโหมแรงลอยขึ้นสู่นภาสีมืดมิด ราวกับดวงวิญญาณของหมีตัวนั้น...
…เช้าแล้ว...
สัมผัสแรกบอกกับตัวเองอย่างนั้น เมื่อภาพในคลองจักษุสะท้อนสีใสกระจ่างของท้องฟ้าที่เรื่อไปด้วยแสงอันอบอุ่นของดวงตะวัน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับความสว่าง เคชสะบัดหน้าเบาๆเพื่อขับไล่ความง่วงงุนก่อนสะบัดผ้านวมผืนหนาออกจากตัว ลมหนาวที่แทรกเข้ามาตามรอยแง้มเล็กๆของหน้าต่างพัดไล้ผิวจนรู้สึกหนาววูบ ช่วยขับไล่อาการนอนไม่พอให้หายชะงัดนัก แต่ถึงอย่างไร เช้าวันนี้ก็เป็นเช้าวันสำคัญที่ไม่มีเวลามามัวโอ้เอ้ แม้จะอยากกลับเข้าไปวุกไออุ่นๆบนที่นอนนุ่มๆใจแทบขาด แต่เด็กหนุ่มก็รีบลุกจากเตียงด้วยใจอาวาณ์ ไปอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว
"อ้าว พ่อกำลังคิดจะเข้าไปปลุกอยู่พอดีเลย"
นายเฮลกัลว่ายิ้มๆพลางเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มหนา เหลือบมองนาฬิกาคร่ำครึบนหลังตู้ซึ่งเข็มยังคงชี้บอกเวลาเช้าตรู่ เมื่อเห็นเคชที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้อง ในมือของชายวัยกลางคนถือถ้วยชาบุบบู้บี้ใบเก่าแก่ที่ยังคงมีควันกรุ่นๆลอยอยู่เหนือผิวแก้ว บนโต๊ะไม้เนื้อแข็งสีอ่อน ขัดมันเสียจนขึ้นเงานั้นมีจานวางอยู่สองใบ ใบหนึ่งใส่ขนมปังปิ้งหน้าตาเกรียมเล็กน้อยอยู่สามสี่แผ่น ริมขอบจานมีเนยก้อนใหญ่ๆกับแยมสีอมม่วงใส่ถ้วยเล็กๆแยกไว้ ส่วนอีกใบมีเนื้อย่างชุ่มมันเล็กน้อยหั่นเป็นชิ้นโตๆใส่ไว้ แถมท้ายด้วยผักสดๆหลากสีที่มีหยดน้ำเกาะพราวอีกหนึ่งตะกร้าโตๆ
"อือ เมื่อคืนผมก็ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่นี่"
เคชเอ่ยตอบพร้อมกับลากเก้าอี้ออกมานั่ง มือสาละวนอยู่กับการหยิบแผ่นขนมปังปิ้งมาปาดเนย ตามด้วยคว้าผักสดๆลงมาวาง ต่อด้วยเนื้อชิ้นโตๆ เอาผักมาวางทับอีกชั้นหนึ่ง ก่อนปิดท้ายด้วยขนมปังปิ้งอีกแผ่น โดยไม่แยแสแยมราสเบอร์รี่ในถ้วยใบเล็กซักนิด ทำซ้ำเช่นนี้สี่รอบจนได้แซนวิชสี่ชั้นขนาดใหญ่ จึงลุกไปหยิบมีดทำครัวมาหั่นกลาง แบ่งครึ่งออกเป็นสองชิ้น ครึ่งหนึ่งเอาใส่จานที่หยิบมาพร้อมกับมีดแล้วเอาไปวางไว้หน้านายเฮลกัลที่ยังคงใจจดใจจ่อกับตัวอักษรในหนังสือ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งหยิบขึ้นมากัดคำโตๆ เคี้ยวกร้วมๆโดยไม่ต้องใช้จาน
"พ่อต้มกาแฟไว้ให้แล้วอยู่ในครัวโน่นแน่ะ หมีตัวนี้รสชาติใช้ได้นะ" นายเฮลกัลเอ่ยขึ้นโดยที่ยังไม่ยอมละสายตาจากหนังสือในมือ ส่วนประโยคหลังหมายถึงแซนวิชฝีมือลูกชายที่เพิ่งกัดชิมเป็นคำแรก
"แล้วไอ้กายล่ะพ่อ?"
เด็กหนุ่มหันมาถามเมื่อเปิดประตูครัวออกไปแล้วไม่พบหมาป่าร่างยักษ์ขนสีเทากระโจนเข้าใส่อย่างที่ควรจะเป็น คนเป็นพ่อไม่ตอบ แต่อาศัยการชี้นิ้วโป้งข้ามหลังไปยังประตูบ้าน เป็นสัญญาณที่รู้กันว่า เช้าวันนี้สกายมันเกิดคึกจนรีบออกไปล่าเหยื่อแต่เช้าตรู่เรียบร้อยแล้ว
หลังได้กาแฟร้อนๆกลิ่นหอมกรุ่นมาถ้วยหนึ่ง เคชก็กลับมานั่งลงตรงหน้านายเฮลกัล มองบิดาที่กำลังอ่านหนังสืออย่างใจจดใจจ่อด้วยสายตาครุ่นคิด
"นี่ พ่อ ถ้าเกิดผมสอบไม่ติดขึ้นมา แล้ว..."
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ อย่างมาก ปีหน้าก็ค่อยไปสอบใหม่เท่านั้นเอง แล้วถ้ายังไม่ติดอีก ก็สอบใหม่ไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ"
นายเฮลกัลเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ(จนได้) พลางทำไม้ทำมือประกอบการย้ำในประโยคสุดท้าย เล่นเอาคนเป็นลูกรู้สึกร้อนๆหนาวๆวูบๆอย่างไรชอบกล แผนที่จะทำเป็นแกล้งสอบตกจึงต้องถูกพับเก็บลงกรุไปแต่โดยดี เมื่อเห็นว่าชักจะได้ไม่คุ้มเสีย
"ถ้างั้น ก็รีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวไปสายแล้วคนจะเยอะเอา"
เจ้าตัวดีเริ่มเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นรอยยิ้มรู้ทันแว่บๆผุดขึ้นมาบนริมฝีปากของคนเป็นพ่อ พลางลุกจากเก้าอี้เดินถือทั้งถ้วยทั้งจานเข้าไปล้างในครัวเป็นการตัดบทสนทนา แถมยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆลอยมาตามสายลมหนาวแห่งฟลอเรนส์
"จริงๆเลย เจ้าลูกคนนี้นี่ เฮ้อ...ถ้าในอนาคตข้างหน้า ยังคงยิ้มได้อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่หรอก"
นายเฮลกัลพึมพำกับตัวเองเบาๆ มองตามแผ่นหลังของเจ้าลูกชายตัวดีที่เพิ่งลับสายตาไป
..................
..............
..........
......
....
...
..
.
"คฤหาสถ์เทียมเมฆ ถ้ำฟ้าคำราม หอคอยแดง และ ปราสาทหินผา "
ชื่อที่ไม่คุ้นหูถูกประกาศผ่านลำโพงจากชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำราคาแพง พื้นเวทีซึ่งยกขึ้นสูงซ้ำยังตกแต่งอย่าหรูหรา ทำให้แม้จะอยู่ไกลลิบแต่เคชก็สามารถสำรวจคนบนนั้นได้อย่างชัดเจน ท่าทางที่ทะมัดทะแมง กับเรือนผมสีทองสว่างช่วยขับใบหน้าเรียวให้ดูหนุ่มกว่าความเป็นจริง หากที่น่าสะดุดตากลับเป็นนัยน์ตาสีม่วงเข้มซึ่งฉายแววเหมือนรู้เท่าทันจนไม่อยากสบตาด้วย
ชายผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจนไม่ต้องแนะนำตัว...เกียร์ ทีราดอส ผู้อำนวยการแห่งโรงเรียนมหาเวท!
เบื้องหน้าพวกเขานั้น หากมองเวทีใหญ่ ผ่านบรรดาฝูงชนจำนวนมหาศาลที่ต่างเบียดเสียดแออัดยัดเยียดกันอยู่ด้านหน้าแล้ว ที่เห็นปลายยอดแหลมไกลลิบนั่นคือประตูโลหะสีทองบานใหญ่มหึมา ซึ่งเป็นประตูที่จะถูกเปิดออกเมื่อถึงเวลาเข้าสอบนั่นเอง ประตูนี้มีชื่อพิลึกๆพอๆกับชื่อโรงเรียนว่า'จุดรวมพล'
"กติกามีเพียงว่า ผู้เข้าสอบจะต้องไปให้ถึงสถานที่ใดที่หนึ่งในสี่แห่งนี้ ภายในเวลาสามวันเท่านั้น"
กติกาที่ถูกประกาศนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาประหลาดใจดังขึ้นแม้แต่น้อย เนื่องจากทางโรงเรียนมหาเวทซึ่งก่อตั้งมานับร้อยปีแล้วไม่เคยจัดการสอบรับนักเรียนใหม่แบบอื่นเลย ดังนั้นมันจึงเป็นรูปแบบตายตัวที่ผู้สมัครรู้ได้โดยไม่ต้องเดา
แต่ที่น่าตื่นเต้นน่ะ...มันต่อจากนี้ตะหากเล่า!!!
หลังจากเดินไปเข้าคิวรับแผนที่มาแล้ว หากเปิดดูก็จะพบเรื่องที่ชวนตะลึงว่า ทางโรงเรียนมหาเวทนั้นมีพื้นที่มหาศาลถึงกับเรียกได้ว่าเป็นประเทศย่อมๆเลยทีเดียว มีกระทั่งผืนป่าดงดิบ ทะเลทราย แม่น้ำ ทะเลสาบ หุบเขา เนินเขา ภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่ม จนดูเหมือนรวบรวมสารพัดสีและสัญลักษณ์สากลที่ใช้ในการทำแผนที่มาอยู่ในแผนที่แผ่นนี้ได้ครบ และถึงแม้จะมีการแบ่งตึกเรียนต่างๆออกเป็นสี่โซน และโซนพิเศษสำหรับอาจารย์ รวมเป็นห้าโซนด้วยกัน แต่พื้นที่ที่เหลือโดยเฉพาะผืนป่าดิบก็ยังคงนับว่ากว้างมากอยู่ดี
ด้านหลังแผนที่มีคำอธิบายอย่างคร่าวๆของโซนต่างๆ
โซนแต่ละโซน ในด้านหลักสูตรการเรียนการสอนนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรเลย ทว่ากลับแตกต่างในเรื่องของสถานที่ตั้งของอาคารเรียน โซนคฤหาสถ์เทียมเมฆอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มปนที่ราบสูง ทั้งยังเป็นโซนที่ตัวอาคารได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราไสตล์กึ่งย้อนยุค โซนปราสาทหินผาอยู่ติดกับภูเขาลาดชัน อากาศกึ่งแห้งกึ่งร้อน หากเมื่อดูจากแผนที่แล้วกลับเป็นสถานที่ที่จะไปถึงได้ง่ายที่สุดในการสอบ โซนถ้ำฟ้าคำราม อยู่ติดด้านหนึ่งของทะเลสาบขนาดใหญ่โดดเด่นในเรื่องของบรรยากาสที่สวยงาม เหมือนการมาพักร้อนริมทะเลเป็นที่สุด และโซนสุดท้าย หอคอยแดง ตั้งติดอยู่กับผืนป่าดิบรกทึบ จึงทำให้ไม่ค่อยมีผู้เข้าสอบนิยมมุ่งหน้าไปเท่าไหร่นัก
"มันก็ต้องโซนถ้ำฟ้าคำรามซี่!!!รู้ไหม รุ่นพี่สาวๆที่สวยๆน่ะ กว่าค่อนไปอยู่โซนนั้นกันนะเฟ้ย!!"
เสียงเอ็ดตะโรที่ดังลั่นอยู่ด้านหลังเรียกความสนใจจากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มให้ละจากแผนที่ในมือไปมอง ไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่นัยน์ตาสีม่วงฉายแววสนุกสนานกำลังยืนโม้อยู่กับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งท่าทางดูเฮ้วไม่แพ้กัน ดูท่าบทสนทนากำลังออกรสออกชาติเพราะอยู่ดีๆทั้งคู่ก็หัวเราะร่าออกมาพร้อมกัน
ชะรอยเด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีอเมทิสต์จะสังเกตเห็นสายตาของเคชที่ลอบมองพวกตนอยู่ ใบหน้าของเขาจึงแย้มรอยยิ้มกว้างขึ้นอย่างทักทายพลางลากคู่สนทนาให้เดินเข้ามาใกล้
"เอ่อ ขอโทษนะครับ...ไม่ทราบว่า ห้องน้ำไปทางไหนหรือครับ?"
คำแรกทักที่ทำเอาเคชต้องยืนนิ่งอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะได้สติเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างชอบใจ
"ฮ่ะๆๆ ล้อเล่นหรอก ล้อเล่น ก็เห็นนายยืนมองมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนี่ เลยคิดว่าจะชวนมาร่วมกลุ่มด้วยซะหน่อย แต่มันนึกเหตุผลดีๆไม่ออกนี่" ประโยคสุดท้ายแฝงไว้ด้วยรอยขอโทษขอโพยที่ช่างเล็กน้อยยิ่งกว่าเสียงหัวเราะที่พยายามกลั้นเต็มความสามารถ แถมคำแก้ตัวที่ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยก็ทำให้เคชอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้ ชักเริ่มนึกถูกชะตากับเด็กหนุ่มขี้เล่นคนนี้
"ฉัน เนรัส เรมิงตัน ส่วนหมอนี่ เอียรา บีนอฟ "
อีกฝ่ายแนะนำตัว พร้อมกับยื่นมือออกมาเป็นเชิงทักทาย ส่วนคนหลังที่ชื่อเอียรานั้นเพียงพยักหน้ารับนิดๆ ทว่าก็ยังยื่นมือออกมาให้จับเช่นกัน
"เคช เซเบเรีย ยินดีที่ได้รู้จัก"
เคชยิ้มกว้างพลางจับมือกับทั้งสองคน ไม่นานนักก็สนิทกันจนคุยสัพเพเหระไปได้เรื่อยเปื่อย รู้คร่าวๆเพียงว่า เนรัสนั้นเป็นนักดาบมาจากเมืองแห่งหนึ่งทางทิศเหนือ ส่วนเอียรานั้นก็เพิ่งได้เจอกันที่นี่ก่อนหน้าเคชไม่นานนัก
"แล้วนายล่ะ ตั้งใจจะไปเข้าโซนไหน?"
บทสนทนาวกกลับมาสู่เรื่องการสอบเข้าที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เคชหยิบแผนที่ขึ้นมากางดู หน้านิ่วคิ้วขมวด พึมพำอะไรขมุบขบิบคนเดียวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้นมาตอบเนรัส
"ฉันว่าจะไปโซนหอคอยแดงว่ะ "
พอได้ยินคำตอบ ทั้งเนรัสและเอียราก็เบิกตาค้างราวกับเคชเพิ่งพูดอะไรเสียสติออกไป จากจุดเริ่มต้นนั้นหอคอยแดงไม่ได้อยู่ไกลสุดก็จริง ทว่าเส้นทางนั้นขึ้นชื่อเรื่องความยากลำบากนักหนา จนน้อยคนนักที่จะเลือกไปโซนนั้น
"เฮ้ย เคช อย่าหาว่าดูถูกเลยนะ ที่จะเตือนนี่ด้วยความหวังดีหรอก...เลิกคิดเหอะ" เอียราเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกพลางเอื้อมมือมาตบไหล่เคชแปะๆอย่างให้กำลังใจ ในขณะที่เนรัสพยักหน้าหงึกหงัก รับรองคำพูดของเพื่อนอยู่ข้างๆ
"ทำไมวะ?" นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของพรานป่าแห่งฟลอเรนส์มองเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมาอย่างแปลกใจ
"ง่ายๆคือ เส้นทางมันโหดจนคนที่สอบติดโซนนี้น่ะ น้อยกว่าโซนอื่นๆเค้าทุกปีแหละ" เนรัสอธิบาย แล้วเมื่อเห็นเคชยังคงนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ เอียราจึงเสริมขึ้นให้
"พื้นที่ที่ขึ้นชื่อที่สุดในมหาเวทน่ะ ก็คือ ป่าดิบ ไงล่ะ ถ้าไม่เก่งจริงล่ะก็.." ช่องว่างที่เว้นไว้เพื่อให้ไปจินตนาการภาพสยดสยองกันเอาเอง หากเคชกลับพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยกลับไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง
"แหงสิ ที่เลือกโซนนี้ก็เพราะมันเป็นป่าไงเล่า!"
คราวนี้ แววตาแห่งความงุนงงถึงทีปรากฏอยู่ในนัยน์ตาของเด็กหนุ่มทั้งสองบ้าง เคชเห็นดังนั้นจึงหัวเราะเบาๆ บอกต่อไปด้วยท่าทีสุดยืด
"ฉันอยู่ที่ฟลอเรนส์ เป็นพรานป่าว่ะ!!"
อึ้งไปนาน กว่าเนรัสจะพยายามพูดอะไรออกมา แต่ยังไม่ทันที่เสียงจะล่วงพ้นผ่านลำคอ กริ่งเรียกชุมนุมผู้เข้าสอบก็แผดเสียงลั่นขึ้น
"ฮ่ะๆ เอาเป็นว่า ขอให้โชคดีละกันเว้ย "
เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีอเมทิสต์เปลี่ยนมาเป็นหัวเราะแทน ถึงกระนั้นก็ยังสามารถจับกระแสตื่นเต้นในน้ำเสียงนั้นได้ เช่นเดียวกับเคชและเอียราที่เอ่ยประโยคคล้ายคลึงกันนี้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน
ตื่นเต้น...ตื่นเต้น...ตื่นเต้น
ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะเข้าเรียนในนี้แท้ๆ แต่ทำไมหัวใจถึงได้เต้นแรงขนาดนี้นะ
อ่า..คงเป็นเพราะ 'ไม่อยากแพ้' เจ้าพวกนี้แน่ๆเลย
ชั่วขณะหนึ่งที่ใบหน้าของนักดาบผมสีเงิน เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่สวยที่แสนจะเย็นชา แวบเข้ามาในห้วงความคิด ก่อนจะสลายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าตัวรีบลนลานปฏิเสธ
จะเป็นเพราะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ต้องไม่เป็นเพราะเราอยากไปเจอหมอนั่นสักครั้ง ไม่มีวัน!!
หลังแยกกับเนรัสกับเอียราที่ล่วงหน้าไปประตูจุดรวมพลก่อนแล้ว เคชก็ยังคงยืนแกร่วรอนายเฮลกัลอยู่ที่เดิม นึกสงสัยเต็มกำลังว่าจนป่านนี้ พ่อของเขาที่อยู่ดีๆก็บอกว่า 'คอแห้ง จะไปหาน้ำกิน ให้รออยู่ตรงนี้' แล้วก็เดินหายไปเสียซะดื้อๆนั้น ทำไมถึงยังไม่กลับมาซะที คงไม่ใช่เดินหาร้านขายน้ำจนหลงทางไปแล้วหรอกนะ
"โอย..หาไม่เจอซักร้านเลยแหละ"
นึกอยู่ไม่ทันขาดคำ คนที่กำลังโลดแล่นอยู่ในห้วงความคิดก็โผล่หน้ามาตัวเป็นๆ ทั้งยังบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง ทำนองว่า 'เดินจนขาลากก็ยังหาน้ำไม่เจอซักหยด' แต่ยังไม่ทันที่เคชจะเอ่ยปากทักหรือโวยวายอะไร คนเป็นพ่อก็ก้มลงมองนาฬิกา เมื่อเห็นว่าจวนเจียนจะได้เวลาเข้าสอบเต็มทีก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบคว้าแขนลูกชายตาลีตาเหลือกวิ่งไปยังสถานที่นัดรวมพล ทันเวลาก่อนเข้าสอบเพียงฉิวเฉียด
"ทีหลัง พกกระติกน้ำมาจากบ้านเลยนะพ่อนะ"
คนเป็นลูกชายเค้นเสียงออกมาทีละคำสลับกับการหายใจหอบ เม็ดเหงื่อเกาะพราวเต็มดวงหน้าขาวทั้งๆที่ยังไม่ได้เวลาเข้าสอบ ส่วนนายเฮลกัลตัวต้นเหตุเพียงแต่หัวเราะแหะๆ สภาพดูโทรมไม่แพ้ลูกชาย แต่ดูไม่อนาทรณ์ร้อนใจเอาเสียเลย
"เอาน่า ถือว่าเป็นการวอร์มอัพไงลูก"
นอกจากไม่อนาทรณ์ร้อนใจแล้ว งานนี้เคชยังรู้ซึ้งว่า พ่อของเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีอีกตะหาก นี่ก็ชวนให้เดือดปุดๆนัก
"เป็นไง อยู่ว่างๆเมื่อกี้แล้ว วางแผนเรียบร้อยแล้วใช่ไหมล่ะ?"
คนเป็นพ่อเอ่ยยิ้มๆ เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉยเมื่อเห็นเจ้าลูกตัวแสบทำหน้ามุ่ย ท่าทางไม่สบอารมณ์
"แค่คร่าวๆน่ะครับ"
เคชหันมาพยักหน้ารับอย่างเนือยๆ ยังไม่หายเคืองนายเฮลกัลที่อยู่ดีๆก็หายไปแล้วก็กลับมาฉุดเขาวิ่งเสียหอบ ไอ้การวิ่งน่ะ มันไม่เท่าไหร่หรอก เพราะปกติอาชีพที่เขาทำก็บังคับให้ต้องวิ่งนานกว่านี้เยอะ แต่การที่คนเป็นพ่อหายตัวไปเสียนาน แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะแหะๆนี่ มันน่าโมโหจริงๆ..
"นี่ เคช.."
เซเบเรียคนพ่อเมื่อเห็นว่าวิธีการชวนคุยไม่ได้ผล ก็เริ่มเปลี่ยนมาเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังแทน นัยน์ตาอำพันวาววาบขึ้นอย่างสมใจเมื่อเห็นคนเป็นลูกยอมเบือนหน้ามามองแม้ด้วยสีหน้าซังกะตาย
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามถอดจี้ออกเด็ดขาดนะลูก"
นายเฮลกัลเตือนลูกชายด้วยน้ำเสียงขึงขัง ทว่าสำหรับเคช นี่เป็นรอบที่ห้าพันเท่าไหร่ก็ขี้เกียจจะจำ ประโยคอมตะที่พ่อหมั่นพร่ำหมั่นพูด เรียกได้ว่ากรอกหูให้ฟังตั้งแต่เขายังตัวเตี้ยกว่าปืนไรเฟิลกระบอกที่เล็กที่สุด ก็แค่จี้โลหะสีเงินรูปมังกรหมอบธรรมดา ไม่รู้พ่อจะหวงจะห่วงอะไรนักหนา
อ้อ!พ่อเคยบอกว่าเป็นของขวัญจากแม่นี่ สงสัยจะเป็นหลักฐานพิสูจน์ในสิทธิ์ราชบัลลังค์เอร์ริเธียร์ละมั้ง?
ให้ตายเถอะ!ถ้าเป็นแบบนั้นจริงล่ะก็ เขาจะถอดเขวี้ยงทิ้งเสียเดี๋ยวนี้แหละ!!
ถึงในใจจะคิดเรื่อยเปื่อย แต่เคชก็แสดงออกเพียงรับคำอืมเบาๆในลำคอเท่านั้น เอื้อมมือไปลูบจี้เล่นอย่างใจลอย ปลายนิ้วหยาบกร้านสัมผัสได้ถึงความเย็นของเนื้อโลหะ ทว่ากลับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจอย่างน่าประหลาด
ท่านแม่....
เทพมังกรในตำนาน ราชินีแห่งเอร์ริเธียร์
จะเป็นใคร เป็นอะไรก็ช่าง
สำหรับเขาที่เคยคิดว่ากำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก
ขอแค่ตอนนี้แม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็เพียงพอแล้ว...
"เอ้า!!มัวแต่เหม่ออยู่นั่นแหละ ใกล้จะได้เวลาแล้..."
คำสุดท้ายของนายเฮลกัลถูกแทนที่ด้วยเสียงกริ่งแผดดังลั่น เสียงแหลมแสบแก้วหูที่เป็นสัญญาณเริ่มต้นการทดสอบเข้าโรงเรียนมหาเวท พร้อมกันนั้น บานประตูโลหะสีทองก็ค่อยๆเผยตัวเองออกช้าๆด้วยทีท่าน่าเกรงขาม ชวนให้นึกถึงปากของสัตว์ร้ายที่กำลังจะกลืนกินเหล่าผู้กล้าซึ่งพรั่งพรูเข้าไปข้างใน
เคชยิ้มเผล่ มองฝูงชนที่ค่อยๆทยอยกลืนหายผ่านเข้าไปในบานประตูราวน้ำซึมบ่อทรายด้วยสายตาวาววาบ ความตื่นเต้นระริกอยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มอย่างมิอาจปิดบัง เด็กหนุ่มกระชับไรเฟิลคู่มือขึ้นสะพายไหล่ หันกลับไปมองหน้าพ่อตนราวกับจะทวงคำอวยพร
"โชคดีนะลูก อย่าถอดจี้ล่ะ"
ลงท้ายไม่วายกำชับอย่างเป็นห่วง เรียกเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มขบขันจากคนเป็นลูก ก่อนเจ้าลูกชายตัวดีจะกลับหลังหันมุ่งหน้าเดินไปยังประตูสีทองตระหง่านอย่างมั่นใจ ไม่ลืมที่จะโบกมือหย็อยๆให้คนเป็นพ่อโดยไม่หันกลับมามองด้วยท่าทีน่าหมั่นไส้
จวบจนเมื่อแผ่นหลังของลูกชายลับไปจนสิ้นสายตา นายเฮลกัลจึงรู้สึกว่ามีสัมผัสกดลงเบาๆที่ไหล่ พร้อมๆกับเสียงหัวเราะน้อยๆที่ดังขึ้นเบาๆ
"หึหึหึ เด็กคนนั้นโตขึ้นขนาดนี้แล้วเชียวหรอ ไม่เหมือนนายเลยซักนิดเดียว"
นายเฮลกัลแยกเขี้ยวงุดให้กับคำกล่าวนั้น ถองศอกกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทว่าอีกฝ่ายสามารถถอยหลบได้ทันอย่างรู้เส้นกันดี
"ไม่เหมือนน่ะดีแล้ว"
พ่อหลงลูก(?)ตอกกลับอย่างนึกหงุดหงิด ไม่สนใจประกายขบขันที่ทออย่างชัดแจ้งไม่คิดปิดบังในนัยน์ตาสีม่วงเข้ม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังสนุกจนไม่อยากเลิกง่ายๆ
"อ้อ ไม่เหมือนพ่อ แต่สงสัยจะเหมือนแม่ล่ะสิ"
คราวนี้นายเฮลกัลกระตุกรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก หันไปมองบุรุษเบื้องหน้าเต็มตา เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ
"ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะยินดีมากเลยว่ะ ไอ้เกียร์!!!"
สิ้นประโยค ชายเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงก็อึ้งไปสามวินาที ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหัวเราะร่าดังลั่น ไม่เหลือมาดผู้อำนวยการโรงเรีนมหาเวทเลยแม้แต่นิดเดียวจนเมื่อเจอสายตาขุ่นๆจากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ส่งมาเป็นเชิงปราม เกียร์จึงพยายามหยุดหัวเราะด้วยความยากเย็นจนพาลสำลักแค่กๆ
"มีเรื่องระยำอะไรจะมาบอกอีกล่ะ?"
นายเฮลกัลเอ่ยถามเสียงเรียบ พยายามทำใจอย่างยิ่งยวดไม่ให้ไปตกหลุมพรางแววตาแกล้งใสซื่อของอเมทิสต์คู่งาม
"ใจร้ายชะมัด นายพูดกับเพื่อนเก่าที่เคยร่วมฝ่าฟันกันมาอย่างนี้ได้ไง "
"ก็ลองแกทำสายตาระรื่นแบบนี้สิ ไม่เคยมีซะล่ะไอ่เรื่องดีๆน่ะ ตั้งแต่ก่อนโน้นแล้ว ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ"
แทนที่จะโวยวาย เกียร์กลับยืนยิ้ม พยักหน้าหงึกๆเหมือนยอมรับข้อกล่าวหานั้นแต่โดยดี ทว่าหากสังเกตเสียหน่อยก็จะพบว่า นัยน์ตาสีม่วงนั้นยิ่งพราวระยับเหมือนนักมายากลที่กำลังจะแสดงลูกไม้เด็ดของตนโดยคาดหมายว่า บรรดาผู้ชมนั้นจะต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
แล้วเพื่อนรักเก่าแก่ของนายเฮลกัลก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ด้วยน้ำเสียงที่แสนจะปกปิดความสนุกสนานเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ
"ดีอัส เรเฟรัส ลูกชายของหมอนั่นก็เข้าเรียนปีนี้ด้วย!"
สิ้นประโยค นายเฮลกัลก็แทบยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่สิ แทนที่จะยกมือขึ้นกุมขมับ ควรจะยกมือขึ้นไปชกหน้าไอ้เพื่อนรักซักหมัดน่าจะเหมาะกว่า แต่คนข้างกายก็ไวทายาท หลบวูบแบบเฉียดปลายเส้นผมไปนิดเดียวเหมือนอ่านใจได้
"ให้ตายเถอะ!ถ้าเจอกับเคชเข้าล่ะก็ มีหวังอนาคตได้ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังแน่"
"อ้อ!ยังมีอีกเรื่องที่นายควรรู้" เกียร์เอ่ยพลางยิ้มยียวน ทว่าก็ยังคงเรียกความสนใจของนายเฮลกัลได้ชะงัดนัก
"เด็กคนนั้น...ปีนี้ เขาจะเข้ามาเป็นครูสอนดาบของที่นี่!!!"
"อะไรน่ะ?!!"
เฮลกัลได้ยินเสียงตัวเองตะคอกถามออกไปอย่างตกใจ รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้า มือใหญ่ยื่นออกไปกระชากคอเสื้อสูทราคาแพงของเพื่อนรัก หากเกียร์ยังคงยิ้มนิ่ง เฝ้ามองความรู้สึกมากมายที่ไหลพล่านอยู่ภายในนันย์ตาสีน้ำตาลเข้ม แม้จะอ่านไม่ออก ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้...มือที่กำลังขยำคอเสื้อสูทของเขาจนยับย่นนั้น สั่นสะท้าน
"เด็กคนนั้นเลือกเส้นทางของเขาเอง.."
เสียงยียวนเปลี่ยนเป็นเอ่ยปลอบประโลมเบาๆ ปลอบทั้งๆที่หัวใจของตนเองก็ร้าวเหมือนถูกบีบไม่แพ้กัน
ผ่านไปนิ่ง...เนิ่นนานในความรู้สึก ทว่ารวดเร็วในโลกแห่งความเป็นจริง มือหยาบก็คลายออกจากเสื้อสูทที่ถูกกำจนชื้น ไม่เหลือร่องรอยขี้เล่นอีกต่อไป ไม่ว่าจะอยู่บนใบหน้าของเฮกัล เซเบเรีย หรือ เกียร์ ทีราดอส ก็ตามที
"ฝากเขาด้วย..." นายเฮลกัลพึมพำเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงเศร้าสร้อยจนคนฟังเพียงยิ้มขื่นยามพยักหน้ารับ
"ถึงนายไม่บอก มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว"
"แต่ถ้าวันหนึ่ง'โชคชะตา'เกิดหมุนขึ้นมา นายจะให้ฉันช่วยใคร ลูกนายหรือเด็กคนนั้น?"
ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมอีกครั้งพร้อมๆกับความเคร่งเครียดอันน่าอึดอัด แต่เกียร์ก็ไม่คิดจะทำให้ความรู้สึกกดดันเหล่านี้หายไปด้วยการเร่งรัดคำตอบจากเพื่อนผู้ยังคงก้มหน้านิ่ง ปล่อยเวลาให้ผ่านไปช้าๆเช่นเดียวกับสายลมที่พริ้วมาเหมือนจะปลอบประโลมความเสียใจให้พัดผ่านพ้นไป
"ช่วยเด็กคนนั้น...เซนาส เนราเวล!!"
คำตอบถูกกล่าวผ่านริมฝีปากที่สั่นระริก ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาเวทไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแค่พยักหน้าเบาๆรับคำตอบนั้น นัยน์ตาสีอเมทิสต์เบือนขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีส้มแสด งดงามราวกับผืนภาพวาดของจิตรกร
แต่นั่นแหละ...เกียร์ยิ้มขื่นให้กับตนเอง
…ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งภาพอันงดงามนี้ไม่ให้ถูกป้ายทับด้วยความมืดมิดของผืนราตรีได้
เช่นเดียวกับไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งชะตากรรมแห่งอนาคตได้เช่นกัน...
...................................................................................................
สวัสดีจ้า!!!กลับมาอีกครั้งหลังจากหายหัวไปนาน แหะๆๆในที่สุดก็ต้องเข้ามาเพิ่มเติมนิดหน่อย(?)
จนได้ >o< ขอขอบคุณมากๆสำหรับทุกเม้นท์เน้อ ขอบคุณมากๆ อันที่จริง ข้าพเจ้าตั้งใจจะ
มาบอกอะไรอย่างอย่างกับทุกๆท่าน นั่นคือ ข้าพเจ้าจะนั่งRWไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงตอนล่าสุด
ทั้งนี้ มันจะเป็นการRWที่จะเนื้อหาในแต่ละตอนนั้นจะเปลี่ยนไปเยอะมาก
ดังนั้น จึงอยากจะให้ทุกๆท่าน....อ่านตั้งแต่ตอนที่หนึ่งใหม่ อีกรอบ^ ^(ผลั่ก!!!!...โดนทุกท่านรุมกระทืบ)
และอีกเรื่องหนึ่งคือ อะแฮ่ม เนื่องด้วยข้าพเจ้ากำลังสนุกสนานอยู่กับการนั่งRW ดังนั้น ตอนใหม่ๆนี่
เอ่อ...เอิ่ม...อือ...งึมงำ...งึมงำ บะ..แบบว่า อ่า....แหะๆๆ ขอจับใส่โหลแก้ว ดองไว้ก่อนเน้อ >w<
ข้าพเจ้าโผล่มาตอบเม้นท์ในนี้ จะมีใครมาอ่านไหมน้า แต่เอาเถอะ...อยากตอบอ่า >o<
คห.419 Name : ปักษาอคคี
ขอบคุณมากๆจ้า >o< เอิ่ม จะตอบช้าไปรึเปล่านะ แต่เราชอบ ชื่อที่สอง อ่ะ ^ ^ แต่งเสร็จเมื่อไหร่ อย่าลืมมาบอกเน้อ
แล้วจะรีบตามไปอ่าน 5555 >w<
คห.420 Name : [ IP : 125.25.26.228 ]
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยจ้า!!!!>w<
คห.421 Name : Nu GuA
ฮ่ะๆๆๆๆ เขิลลลอ่า >///< เพิ่งมีคนบอกแบบนี้ครั้งแรกนะเนี่ย ขอบคุณมากๆจ้า >w<
คห.422 Name : Ellie
โห...อารายกานเนี่ย พี่เอล แค่ครึ่งปีเอง ทำเป็นลืมไปได้ 55555 >w<
คห.423 Name : Nu GuA
จ้า..........พยายามปั่นเต็มที่แล้วเน้อ แบบว่า ปั่นมาก เดี๋ยวดองไม่ได้ที่ แล้วจะไม่อร่อย หุหุหุ >w<
คห.424 Name : taresia
พะ...พยายามปั่นเต็มที่แล้วเน้อ ว่าแต่ ชิชะ!อยากได้เม้นท์เยอะๆจัง 5555 >w<
คห.425 Name : twister
ขอบคุณมากๆจ้าที่ช่วยวิจารณ์ คือ นี่เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกที่แต่งจ้า มันก็เลยขาดๆเกินๆไปบ้าง
แหะๆๆ >///< ตอนนี้กำลังRWแก้ไขอยู่จ้า ขอบคุณมากๆเน้อ >w<
คห.426 Name : Nu GuA
แหะๆๆ เร็วสุดๆเท่าที่จะปั่นได้แล้วจ้า >w<
คห.427 Name : fuchingi jikara
บ๊ะเจ้า!!!64ตอนรวด!!!! o_O" นะ...นับถือๆ ขนาดข้าพเจ้าเป็นคนแต่งแท้ๆ ยังไม่เคยอ่านรวดหกสิบสี่ตอนเลย>o<
หุหุหุ น้อมรับคำวิจารร์ด้วยความเต็มใจจ้า และได้(อยู่ระหว่าง)ทำการปรับปรุงตามคำวิจารร์ของท่าน
ตอนนี้RWอยู่จ้า ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยเน้อ >w<
ปล.ชื่อแปลกดีอ่า แปลว่าอะไรหรอ? >w<
ปล2.ผลสอบโอเน็ตออกมาไม่ได้เรื่องเลยเอ้อ TTwTT
คห.428 Name : ปักษาอัคคี
แหะๆๆ อพแล้วจ้า แต่อัพRWนี่ คงไม่ว่ากันเน้อ ว่าแต่ ชอบดาราเกาหีเหรอ เพื่อนๆเรามีแต่คนปลื้มดาราเกาหลี
เหมือนกัน แต่เราหลงการ์ตูนซะจนไม่มีตาไว้มองอย่างอื่นซะแล้ว 5555 >w<
คห.429Name : Nu GuA
โอ๋ๆๆๆ อัพแล้วจ้าๆ อัพจริงๆน๊า.....ถึงแม้จะเป็นแค่RWก็เถอะ หุหุหุ >w<
คห.430-431Name : ขวัญ
แหะๆๆ ขอบคุณจ้า หายไปดูหนังสือสอบโอเน็ตมาเน้อ >w<
คห.432 Name : แสงแดดยามเช้าที่อ่อนโยน*-*
แหะๆๆ แบบว่า อ่านรอบที่สามอีกทีละกันเน้อ คราวนี้RWใหม่น้า ขอบคุณมากๆจ้า >w<
...........................................................................................................................
สวัสดีจ้า!!!ผู้อ่านทุกท่าน ขอแนะนำตัวเล็กน้อย ข้าพเจ้ามีนามว่าipod
อันที่จริง...ควรจะแนะนำตัวตั้งแต่บทนำตอนที่แล้วเสียด้วยซ้ำ >w<
ต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะเริ่มRW ตอนเก่าๆไล่ไปเรื่อยๆ ดังนั้น อย่าแปลกใจ หากท่านข้ามไปอ่านตอนถัดไป
แล้วกลับพบว่า เนื้อเรื่องมัน....ไม่ต่อกัน _ _" ขอบคุณที่ช่วยคลิกเข้ามาอ่าน
(ปล.เม้มให้หน่อยจักยิ่งขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ตรงไหนควรแก้ไขปรับปรุงบ้าง น้อมรับคำวิจารณ์ทุกกรณี >w<)
ขอบคุณมากๆเน้อ>o<
ปล.นี่เป็นตอนที่ยังRW(เกือบ)สมบูรณ์ คิดว่า อาจจะเข้ามาเพิ่มเติมอีกนิดๆหน่อยๆเน้อ >w<
ความคิดเห็น