ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มูฟออนเป็นเธอ (yuri)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 : ได้พบเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 63


    เมื่อย้อนกลับไปสมัยที่เด็กมอปลายทุกคน อยากจะมีที่เรียนและอยากเรียนในคณะวิชาที่ชอบ แต่เพราะว่าการที่ครอบครัวคาดหวังจึงทำให้เกิดแรงกดดันที่มากเกินจะอธิบายได้ เมื่อสิ่งที่เราชอบดันไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวชอบสักเท่าไหร่ 

    ปุ้นในวัยอายุสิบแปด ผู้หลงใหลการทำอาหารและชื่นชอบกลิ่นกาแฟเลยคิดที่จะทำในสิ่งที่ชอบมาเป็นการเรียนรู้ที่ใช่ที่สนใจในการเรียนมหาลัย อีกทั้งยังเป็นการสานฝันของคนที่ปุ้นรัก แต่เพราะว่าครอบครัวได้คาดหวังกับการที่ปุ้นเรียนดีอยู่ในอันดับต้นๆ ของโรงเรียน เลยอยากที่จะให้ปุ้นได้เข้าเรียนในคณะแพทย์พยาบาลมากกว่าการเข้าเรียนคหกรรม ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหลังจากผลสอบเข้ามหาลัยประกาศขึ้น 

    “ทำไมเราถึงไม่ยื่นคะแนนคณะแพทย์หล่ะปุ้น ทำไมไม่ฟังที่ป๊าพูด ทำไมเราดื้ออย่างงี้ ป๊าบอกให้เรายื่นคะแนนคณะแพทย์ทั้งๆ ที่คะแนนเราก็ติดมหาลัยต้นๆ ได้ ทำไมเราไปเลือกคณะคหกรรมแบบนี้” เสียงของป๊าที่ดังขึ้นทันทีที่เห็นลูกสาวอย่างปุ้นเดินเข้ามาในบ้านหลังจากไปข้างนอก ปุ้นที่รู้ดีว่าอย่างไงวันนี้ก็มาถึงเมื่อความชอบของเขาดันไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวต้องการ เพราะว่าความคาดหวังของคนส่งเรียนดันไม่ใช่จุดประสงค์ของคนเข้าเรียน 

    “ปุ้นกำลังสานฝันให้ม๊าไง” คำตอบนี้ทำให้คนเป็นพ่อกระอักกับคำตอบไปชั่วขณะกับคำตอบลูกสาว เมื่อลูกสาวได้พูดถึงคนที่รักที่จากโลกนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่คำตอบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความโกรธและความไม่เข้าใจนั้นลดลงจากใจของเขา 

    “สิ่งที่ป๊าละเลยไปไง ป๊ายังจำได้ไหม” ปุ้นที่ยิ้มออกมาพร้อมกับสายตาที่ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ปุ้นที่รู้ตัวเองว่าการพูดแบบนี้ ยิ่งทำให้บรรยากาศมันแย่ลง แต่เพราะว่าเขาทนกับสถานการณ์แบบนี้มาเกินพอ ความละเลยฐานะของพ่อที่เลี้ยงเขาแค่เงินไม่ใช่ความรักความอบอุ่นที่ควรจะได้รับ 

    “ความฝันที่ม๊าอยากเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ความฝันที่ป๊าไม่เคยคิดที่จะทำตามที่ม๊าขอเพราะว่ามัวแต่บ้้างานจนลืมม๊ากับปุ้น แล้วสิ่งที่ป๊าบอกว่าจะให้ปุ้นเรียนแพทย์แล้วจบมาเป็นหมอแบบป๊า บอกเลยว่าปุ้นไม่เอา เพราะว่าตลอดเวลาที่ม๊าอยู่ ม๊าบอกปุ้นตลอดว่าให้ปุ้นเรียนดีๆ เรียนให้ได้อันดับดีๆ ป๊าจะได้มาฉลองกับเราบ้าง ฮึก ตอนนี้ปุ้นอยากให้ม๊าอยู่ข้างๆ ปุ้นมากเลยป๊า เพราะป๊าไม่เคยเข้าใจอะไรปุ้นเลย” ปุ้นที่ยิ้มพร้อมทั้งน้ำตามองไปยังพ่อตนเองที่ยืนโกรธอยู่ข้างหน้า

    “เรื่องม๊าก็ส่วนเรื่องม๊า เรากำลังคุยเรื่องผลสอบของแกอยู่นะปุ้น แกจะอ้างม๊าแกขึ้นมาทำไมหะ!!!!”

    “หรือจะให้ปุ้นพูดเรื่องที่ป๊าไปมีเมียน้อยจนม๊าจับได้แล้วตรอมใจอย่างงั้นหรอ!!!!! ป๊าถึงจะเลิกยุ่งกับชีวิตปุ้นสักที!!!!!!” ปุ้นที่เหลืออดกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อได้ทำ เพราะเขารู้ถึงต้นสายปลายเหตุกับการตรอมใจของแม่ตนเอง

    - เพี๊ยะ -

    เสียงฝ่ามือที่กระทบบนแก้มของอีกฝ่าย มันก็ทำให้แก้มชาไปทันทีที่รู้สึก 

    “อย่ามาใช้เหตุผลนี้ในการอ้างกับฉัน!!!!!!” 

    ปุ้นที่หันมามองมือผู้เป็นพ่อที่ตบหน้าเขา ปุ้นมองด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนจะยิ้ม

    “ปุ้นโตพอที่จะเข้าใจสิ่งที่ม๊าจะสื่อและปุ้นก็เข้าใจในสิ่งที่มันเกิด ก่อนที่ม๊าจะไป ม๊าได้บอกปุ้นว่าให้ปุ้นทำในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่รัก ทำตามความรู้สึกที่ตนเองมี ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกที่มีอยู่ ตอนนี้ปุ้นกำลังทำเสียงหัวใจและก็ทำในสิ่งที่ควรทำ”

    “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปปุ้นจะออกไปใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งป๊า ป๊าจะได้ไม่ปวดหัวกับปุ้นอีกแล้ว” ปุ้นที่ยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินออกจากบ้าน จากการเดินเปลี่ยนเป็นการวิ่ง การวิ่งที่ไร้จุดหมาย ไร้หนทาง ไร้ที่พึ่ง มันทำให้ปุ้นรู้สึกเคว้งคว้าง น้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มทำให้ปุ้นคิดถึงคนที่จากไปขึ้นมาทันที 

    “ม๊า ทำไมการที่ไม่มีม๊าอยู่มันช่างเหงาแบบนี้ ทำไมม๊าไม่เอาปุ้นไปอยู่ด้วย ฮึก ปุ้นคิดถึงม๊าจังเลย” ปุ้นที่ก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้ข้างทางก็พูดตัดพ้อขึ้นมาทันที 

    ตอนนี้ปุ้นเดินมาเรื่อยๆ จนถึงสะพานข้ามแม่น้ำแหล่งนึง ซึ่งจิตใจของปุ้นในตอนนี้อย่างที่จะลาโลกนี้ไปให้พ้น ปุ้นค่อยๆ เดินไปกลางสะพานก่อนจะก้าวขาขึ้นราวสะพานไปทีละข้าง 

    “ม๊า ตอนนี้ปุ้นอยากไปอยู่กับม๊ามากเลย ตั้งแต่ม๊าจากไปปุ้นแถวไม่เหลือใครเลย ฮึก ม๊าปุ้นขอไปอยู่กับม๊าดะ….” ยังไม่ทันทีปุ้นจะพูดจบ ก็มีแรงดึงจากท่าด้านหลัง ทำให้ปุ้นหล่นลงมาจากราวสะพานพร้อมคนที่รวบตัวเขาเข้ามา

    “น้องอย่าคิดสั้นดิ ความตายไม่ใช่หนทางออกที่ดีนะ” เสียงของคนที่ดึงสติพร้อมทั้งรวบตัวเขาไว้ก็พูดขึ้น ปุ้นที่ได้สติก็กลับร้องไห้หนักกว่าเก่า คนที่ช่วยเหลือเขาก็ค่อยๆ ดึงเขามาปลอบพร้อมลูบหลังเบาๆ 

    “พี่ไม่รู้ว่าเราไปเจออะไรมา แต่อย่างน้อยวันพรุ่งนี้อาจจะมีอะไรที่ดีกว่าวันนี้ก็ได้นะ แต่ตอนนี้น้ำตามันช่วยบรเทาความเจ็บปวดนี้ได้ ร้องออกมาให้หมดจนกว่าน้องจะสบายใจขึ้น” 

    หลังจากที่ปุ้นร้องไห้สบายใจแล้ว ตอนนี้เขาก็มองไปยังคนที่ช่วยชีวิตเขาในครั้งนี้ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ซึ่งปุ้นได้เล่าคร่าวๆ ว่าหนีออกมาจากบ้านเพราะทะเลาะกับพ่อ โดยทีปุ้นนึกได้ว่าเขามีเบอร์ของป้าทิพย์พี่สาวม๊าที่ให้เบอร์เขาตอนเจอกันในงานศพม๊าเมื่อปีที่แล้ว เลยให้พี่ที่ช่วยชีวิตเขาช่วยคุยกับป้าทิพย์ให้มารับเขา ซึ่งตอนนี้ปุ้นยังไม่พร้อมจะอธิบายหรือพูดอะไรมากกว่านี้

    “เดี๋ยวป้าน้องจะมารับนะ พี่ช่วยพูดกับเขาให้แล้ว แต่ว่าจากชลบุรีมากรุงเทพก็ชั่วโมงสองชั่วโมง เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน” คนที่ช่วยชีวิตหันมาบอกปุ้นที่ยืนเหม่ออยู่ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ ปุ้น

    “ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนู” ปุ้นพูดขึ้นก่อนจะมองไปยังคนข้างๆ 

    “ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก เพราะว่าจุดที่เราเคยยืนเมื่อกี้ พี่ก็เคยยืนมาก่อน แต่ว่าเหตุของพี่ดูเบาไปเลย เมื่อเจอเหตุการณ์ของเรา”

    “พี่คิดว่าการทำในสิ่งที่เราชอบมันจะไปได้ไกลขนาดไหนค่ะ” จู่ๆ ปุ้นก็ยิงคำถามไปที่พี่สาวที่ช่วยชีวิตเขา 

    “มันขึ้นอยู่กับใจของเราว่าจะพยายามมากขนาดไหน พยายามลบคำสบประมาณที่คนอื่นสร้างมาได้มากขนาดไหนเท่านั้น ใช้คำสบประมาณเป็นแรงผลักดัน ใช้ความสุขเป็นแรงขับเคลื่อนในการใช้ชีวิต” รอยยิ้มของพี่สาวที่ช่วยชีวิตของปุ้นทำให้เหมือนได้แสงเทียนที่ค่อยๆ อบอุ่นหัวใจ แต่เพราะว่าความเพลียจากการวิ่งแต่เดินออกมาไกล ทำให้ปุ้นเผลอนั่งหลับไปจนรู้ตัวอีกทีก็โดนปลุกด้วยเสียงของป้าทิพย์ที่เข้ามาปลุกพร้อมโผลกอดหลานสาว

    “เป็นไงบ้างปุ้น แก้มแดงไปหมดเลยหลานป้า” ป้าทิพย์ที่เอามือลูบแก้มที่แดงขอบหลาน และปุ้นที่ได้ยินเสียงที่ห่วงใยของป้าก็ถึงกับปลอบโฮออกมาอีกรอบ 

    “ขวัญเอย ขวัญมานะหลานป้า ต่อจากนี้ไม่ต้องกลับบ้านหลังนั้นแล้ว ไปอยู่กับป้า เดี๋ยวป้าจะดูแลปุ้นแทนแม่เราเอง หลานป้าคนเดียวป้าเลี้ยงได้” ปุ้นที่รู้สึกผิดที่คิดสั้นเพียงเพราะความคิดชั่ววูบจนลืมว่ามีอีกหลายคนที่ห่วงใย ซึ่งป้าทิพย์เป็นญาติเพียงคนเดียวที่ปุ้นมีอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้พอเริ่มโตเขาจะไม่ค่อยได้ไปเยี่ยม แต่ป้าทิพย์ก็ยังเป็นญาติที่พร้อมโอบกอดเขาเสมอเหมือนดังวันก่อนตอนที่ม๊าอยู่

    “ผมขอบคุณคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลน้องสาวผม” ไม้ลูกชายป้าทิพย์หันไปขอบคุณคนที่ช่วยชีวิตปุ้นที่ตอนนี้เขายิ้มเมื่อได้เห็นว่าเด็กคนนี้ปลอดภัย 

    “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวเติ้ลขอตัวไปทำธุระก่อนนะคะ พอดีว่านัดเพื่อนไว้” สาวที่ช่วยที่ช่วยชีวิตปุ้นก็รีบขอตัวไปทำธุระแล้วเห็นว่าป้าหลานกำลังคุยกันก็เลือกที่จะไม่บอกลา บวกกับมีสายโทราศัพท์เข้าเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิทโทรเขาทำให้เขาต้องรีบขับรถออกไป

    “พี่ไม้แล้วพี่เขาไปไหนแล้ว” ปุ้นที่หันกลับมาไม่เจอคนที่ช่วยชีวิตถึงกับต้องถามลูกพี่ลูกน้องอย่างไม้ 

    “เหมือนว่าเขาจะมีธุระนะ”

    “ถ้าไม่มีพี่เขา ปุ้นคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้แน่ๆ ” ปุ้นที่ยังรู้สึกผิดที่จะคิดสั้นก็โทษตัวเองอีกครั้ง 

    “คิดซะว่าปุ้นคนเก่าได้โดดลงเหวนรกไปแล้ว ตอนนี้คือปุ้นคนใหม่ที่จะเจอแต่สิ่งดีแล้วนะ” ไม้ที่วางมือไว้บนหัวน้อยๆ ของปุ้น พร้อมกับยิ้มให้น้อง

    “กลับบ้านกันเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะมีพี่เป็นพี่ชาย จะมีแม่ทิพย์เป็นแม่อีกคน ส่วนเรื่อง…” 

    “เดี๋ยวป้าจัดการเอง ปุ้นไม่ต้องกังวล ปุ้นอยากเรียนอะไร อยากทำอะไรป้าสนับสนุนเราทั้งหมด เพราะว่าทุมฝากฝังเราไว้กับป้าแล้ว” ปุ้มที่พยักหน้าทั้งน้ำตารับคำของป้าและพี่ชาย 

    ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเรื่องเลวร้ายในวันนั้นเป็นเครื่องย้ำเตือนความทรงจำของปุ้นเป็นอย่างดี เขาปรับเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตโดยมีแม่ทิพย์ พี่ไม้เป็นคนที่คอยสนับสนุนความชอบของเขา เพราะว่าการทำในสิ่งที่ชอบ ทำให้เขามีแรงผลักดันและกำลังใจในการเรียนรู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง จากคนที่ไร้สีสันกลับมามีชีวิตชีวาอย่างกับคนละคน ปุ้นที่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อวันนี้มาถึงวันที่เขาเปิดร้านเป็นของตัวเองโดยมีหุ้นส่วนเป้นพี่ชายอย่างไม้ 

    ‘ร้านเล็กๆ ที่ม๊าหวังไว้ ตอนนี้ปุ้นได้เปิดแล้วนะ ถึงม๊าจะมองดูอยู่บนฟ้าก็ไม่เป็นไร ปุ้นทำให้ม๊าได้แล้วนะ’ ปุ้นที่ยืนมองป้ายร้านอย่างภาคภูมิใจ

    - A Little Hope cafe -

    - กริ๊ง - 

    เสียงกระดิ่งประตูร้านดังขึ้นเป็นครั้งแรกของการเปิดร้านอย่างเป็นทางการ

    “สวัสดีค่ะร้าน A Little Hope cafe ยินดีต้อนรับค่ะ” ปุ้นที่ละสายตาจากเครื่องชงกาแฟมาสนใจลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้าร้านมา ทำให้ปุ้นใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อหนึ่งคนในกลุ่มนั้นคือคนที่เขาตามหามาตลอดสี่ปี

    “ขออเมริกาโน่เย็นแก้วนึงค่ะ” น้ำเสียงที่ครั้งนึงปุ้นเคยได้ยิน เสียงที่ช่วยฉุดให้เขาได้มีสติมาสู่โลกของเช้าวันใหม่ที่สดใส คนนี้ที่เขาตามหา คนที่ปุ้นรู้แค่ชื่อจากพี่ไม้ รู้แค่หน้าตาที่เจอคนครั้งแรกแต่กลับอยู่ในใจปุ้นเสมอมา

    จากคนที่ไม่เคยเชื่ีอในพรหมลิขิตก็กลับมาเชื่อหมดใจ เมื่อคนที่เขาอยากเจอได้มาอยู่ต้องหน้าเขา เมื่อความดีใจทำให้น้ำตาไหลเอ่อไหลอาบสองแก้ม 

    “ได้เจอกันสักทีนะคะพี่เติ้ล” 

    ————————————————————————————————————

    อะแฮ่ม!!!! ไรท์เตอร์ติดธุระทางบ้านเลยมาเลทไปนิดนึง แฮ่ๆๆ  โปรดให้อภัยข้าพเจ้าด้วยนะงับ

    มาพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองความรักหรือความคิดเห็นของนิยายได้ โดยเราขอยึดแท็กนี้สำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ #มูฟออนเป็นเธอ 

    หวังว่าจะสนุกกับสิ่งที่เราสร้างสรรค์ เพราะนั่นคือสิ่งที่เราอยากจะสื่อออกมาให้เสพสมด้วยตัวอักษรและความรู้สึก 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×