ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มูฟออนเป็นเธอ (yuri)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 : ไม่อยากให้เธอต้องอยู่คนเดียว

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 63


    บทสนทนาทั้งหมดที่เติ้ลและหลิวได้พูดคุยนั้น ทำให้ปุ้นเข้าใจถึงสถานการณ์ของเติ้ลดี ปุ้นคงทำได้เพียงให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกัน โดยการที่ถ่วงเวลากายที่กำลังจะเดินมาที่โต๊ะ

    “อ้าว ปุ้นมาทำอะไรตรงนี้” กายถามทันทีที่เห็นปุ้น

    “ปุ้นว่าจะไปเช็คบิลอะค่ะ”

    “เฮ้ย ได้ไง เดี๋ยวพี่เลี้ยง” กายที่รีบไปที่เคาน์เตอร์รีบคว้าบัตรมาจ่ายก่อนที่จะให้สาวๆ มาจ่าย ด้านปุ้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะทันที เมื่อรู้ว่าบทสนทนาที่เขาได้ยินนั้นจบลงไปแล้ว

    “กลับกันเลยได้พี่เติ้ล เมื่อกี้พี่ไม้โทรตามปุ้นแล้ว” ปุ้นหันไปบอกเติ้ลที่นั่งอยู่เงียบ

    “ได้ซิ งั้นไปจ่ายตังค์กัน”

    “ไม่ต้อง พี่จ่ายไปแล้ว มื้อนี้พี่เลี้ยง” กายที่เดินกลับมาที่โต๊ะ ก็พูดขึ้นก่อนนะหันไปมองหลิวที่มีอาการแปลกๆ

    “หลิวว่าเรากลับกันดีกว่านะคะ หลิวรู้สึกจะไม่สบายอย่างไงก็ไม่รู้” หลิวที่เก็บของก็จะลุกขึ้นจากโต๊ะทันที

    “ได้ซิหลิว พี่กลับก่อนนะเติ้ล ปุ้น วันหลังไว้เจอกันใหม่” กายที่ต้อนรับหลิว ก่อนจะหันไปโบกมือลาน้องทั้งสอง

    “ขอบคุณนะคะพี่กาย ที่วันนี้เลี้ยงมื้อนี้ วันหลังแวะมาที่ร้านปุ้นได้นะคะ พี่หลิวด้วยนะคะ” ปุ้นยิ้มก็จะหันไปมองหญิงสาวที่ยืนข้างๆกาย

    “วันหลังพี่แวะไปที่ร้านเราแน่นอน” หลิวพูดพร้อมยิ้มรับคำชวนของปุ้น

    “ดูแลตัวเองด้วยนะหลิว ฝากพี่กายดูแลหลิวด้วยนะคะ”

    “มันเป็นหน้าที่พี่อยู่แล้ว” กายที่พูดจบประโยคก็โอบไหล่หลิวทันที

    “งั้นขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเติ้ลได้ขอตัวเดินออกมาจากจุดที่ทั้งสองคนอยู่ ทำให้ความรู้สึกตอนนี้เหมือนน้ำตาที่กั้นไว้เหมือนจะไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว บรรยากาศที่จอดรถตอนนี้เติ้ลแทบไม่ได้ยินเสียงรถบีบแตรที่กำลังจะถอยชน ดีที่ปุ้นดึงตัวของเติ้ลออกมาก่อน

    “ขอโทษค่ะ” ปุ้นที่รีบขอโทษเจ้าของรถที่ถอย ก่อนที่จะจูงมือเติ้ลไปที่รถ เขามองไปยังคนที่เขาจูงมือมา ตอนนี้เหมือนสติเติ้ลไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ปุ้นที่ตอนนี้สงสารคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าแบบสงสารจับใจ ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเจอกับอะไรมา แต่เขาก็ไม่อยากให้คนที่อยู่ข้างหน้าเขาต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ปุ้นที่จะไม่ทนให้เติ้ลตกอยู่ในสภาพแบบนี้เขาดึงตัวเติ้ลมากอด พร้อมกับลูบเบาๆ ไปที่หลังของคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเบาๆ

    “ปุ้นไม่รู้หรอกนะว่าพี่ไปเจออะไรมา แล้วปุ้นก็จะไม่ถามพี่ด้วย แต่ถ้าพี่เติ้ลทุกข์ใจ ไม่สบายใจอะไร พี่เติ้ลก็ร้องไห้ออกมาได้เลยนะคะ พี่เติ้ลไม่ต้องแกล้งว่าเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาก็ได้  คนทุกคนมีความอ่อนแอ พี่อ่อนแอบ้างก็ได้นะปุ้นจะอยู่ข้างๆ พี่ตรงนี้นี่แหละ พี่ร้องไห้ออกมาเลย จนกว่าพี่จะสบายใจ” เติ้ลที่ตอนนี้แบกรับความรู้สึกที่มีอยู่อย่างมากมาย ก็ปล่อยหยดน้ำตาให้ไหลอาบสองแก้ม แล้วสบไปที่ไหล่เล็กๆ ของปุ้น

    เขาในตอนนี้อ่อนแอจนแทบจะยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าวันเวลาจะกัดกร่อนหัวใจของเขาไปทุกวัน แต่ในเมื่อวันที่เขารับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปรียบเสมือนกับเหตุผลของการจากลา ยิ่งทำให้เขาคิดสมเพชตัวเองที่ยังรักคนที่เขาไม่รัก ยังหวังโดยที่ไม่มีหวัง การหลอกตัวเองมันทำให้เขาทรมานอยู่แบบนี้ซินะ

    ปล่อยน้ำตาให้ชำระล้างความเจ็บปวด เสียงสะอึกที่ดังกว่าครั้งไหนๆ พร้อมกับหัวใจที่ยับเยินแบบไม่มีชิ้นดี

    ‘ทำไมความทรมานนี้ถึงยังไม่มีที่สิ้นสุด ทำไมการรักใครสักคนถึงต้องมีแต่ความเจ็บปวดแบบไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้’

     

    หลังจากที่เจอเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายไป ปุ้นก็ทำการลางานช่วงบ่ายทันที ถึงแม้จะแลกมาด้วยเสียงบ่นของพี่ชายอย่างไม้ก็ตาม แต่เพราะว่าปุ้นไม่สามารถปล่อยให้คนที่หลับอยู่เบาะข้างๆ ต้องอยู่คนเดียวในเวลานี้ได้แน่ ปุ้นที่กำลังถอยรถเข้าที่จอด ก็มามองมายังคนที่ร้องไห้จนหลับไป ปุ้นทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพคนที่เขาแทบไม่นอนแถมยังร้องไห้จนหลับ มันทำให้ปุ้นไม่อยากปล่อยให้คนที่เจอเหตุการณ์ร้ายอย่างเติ้ลต้องเผชิญความเดียวดายคนเดียว

    ‘ทำไมเราไม่รู้จักกันให้เร็วกว่านี้พี่เติ้ล อย่างน้อยปุ้นน่าจะมีประโยชน์มากกว่าปลอบพี่นะ’

     

    “พี่เติ้ลตื่นได้แล้วค่ะ ถึงคอนโดแล้ว” ปุ้นที่ปลุกคนที่กำลังอยู่ในนิทราให้ตื่นขึ้นมาจากฝัน

    “ที่นี่ไม่ใช่คอนโดพี่นิปุ้น” เติ้ลที่มองไปบริเวณรอบๆ ก็ต้องถามพลขับทันที

    “ที่นี่คอนโดปุ้นเอง ก็ปุ้นไม่รู้คอนโดพี่เติ้ลนิ เห็นพี่เติ้ลหลับอยู่ ปุ้นก็ไม่อยากกวนตอนพี่หลับ”

    “งั้นเดี๋ยวพี่ขับกลับเอง ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อนพี่”

    “ไม่ค่ะ ปุ้นจะไม่ยอมให้พี่เติ้ลต้องอยู่คนเดียวในวันนี้เด็ดขาด ปุ้นขอเวลาไปเก็บของก่อนพี่เติ้ลขึ้นไปพักที่ห้องปุ้นก่อนก็ได้ เพราะว่าอย่างไงคืนนี้ปุ้นจะไปอยู่เป็นเพื่อนพี่เติ้ล” ปุ้นที่รีบชิงกุญแจรถมาใส่กระเป๋า ก่อนจะทำหน้าเข้มขรึมใส่คนที่กระอักกระอ่วนข้างๆ

    “แต่ว่า”

    “ไม่มีแต่ค่ะ”

     

    สุดท้ายปุ้นที่ลากเติ้ลขึ้นมานั่งเล่นบนห้อง กว่าเติ้ลจะยอมขึ้นมาก็เล่นซะปุ้นเหนื่อยแทบแย่ เพราะว่าการที่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีกลับก็เลยลากให้ขึ้นมาอยู่บนห้องด้วย

    “ห้องอาจจะดูรกๆ หน่อยนะคะ เพราะว่าปุ้นพึ่งทดสอบเมล็ดกาแฟ” ปุ้นที่รีบเข้าไปเก็บเครื่องบดกาแฟและอุปกรณ์ French Press ไปไว้ที่ครัว เติ้ลก็รีบเข้ามาช่วยแต่ปุ้นรีบยกมือห้ามก็จะไล่ให้ไปนั่งที่โซฟา

    “พี่เติ้ลไปเปิดทีวีดูที่โซฟาเลยค่ะ ตรงนี้ปุ้นเก็บเอง แค่นี้ปุ้นก็แอบอายพี่เติ้ลจะแย่แล้วที่ห้องรก

    “ก็ไม่รกนะ รกน้อยกว่าห้องพี่ซะอีก”

    “ไม่ๆๆๆ อย่างไงก็ไม่ได้ค่ะพี่เติ้ลไปนั่งที่โซฟาเลย” ปุ้นที่รีบจูงเติ้ลลอกมาจากครัว ก็จะดันให้ไปนั่งที่โซฟา

    “พี่เติ้ลนั่งตรงนี้เลยค่ะ ถ้าพี่จะหลับต่อก็ได้นะคะ ปุ้นขอเวลาแปปนึง” ปุ้นบอกก่อนจะรีบไปจัดการภารกิจตัวเองให้เสร็จ ด้านเติ้ลที่มองไปรอบห้องก็ไปสะดุดตาที่กรอบรูปของเจ้าของห้องที่ยิ้มสดใสพร้อมกับเหรียญทองที่คล้องคออย่างภาคภูมิ

    ‘ถ้าเราร่าเริงได้ครึ่งนึงของปุ้นก็คงดีซินะ’ เติ้ลที่คิดย้อนดูตัวเองในตอนนี้ แทบจะไม่เหลือรอยยิ้มบนใบหน้าเขาแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะจมกับความเศร้า เขาก็ได้เหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสี่โมงเย็น เขานึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกกับหุ้นส่วนบริษัทอย่างกอล์ฟกับรินเลยว่าเขาจะไม่เข้าบริษัท ก่อนนะหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความบอกเพื่อนทั้งสอง

    “จริงๆ พี่กลับเองก็ได้นะปุ้น พี่เกรงใจเราหน่ะ” เติ้ลที่หันไปมองยังคนที่สะพายเป้ออกมาจากห้องนอน

    “ไม่ได้ค่ะ ปุ้นไม่อยากจะให้พี่เติ้ลอยู่คนเดียวในเวลานี้จริงๆ นะคะ คิดซะว่าวันนี้ปุ้นไปเป็นคนทำกับข้าวให้พี่เติ้ลก็ได้”

    “แต่ว่าพี่”

    “ไม่มีคำว่าแต่ค่ะ”

    “ไม่ใช่ คือห้องพี่ไม่มีวัตถุดิบอะไรจะให้เราไปทำกับข้าวให้นะซิ ต้องแวะซุปเปอร์มาเก็ตแล้วนะ” เติ้ลที่รู้ดีว่าห้ามคนที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้ อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการที่จะจมอยู่กับความเศร้าคนเดียว เขารับรู้ได้ถึงความหวังดีของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

    “ปุ้นก็นึกว่าพี่เติ้ลจะแต่เรื่องเกรงใจซะอีก” ปุ้นที่ถอดหายใจเมื่อได้ยินคำตอบของเติ้ล

    “จริงซิ ปุ้นมีชาคาโมมาย แปปนะคะ” ปุ้นพูดจบก็วิ่งหายไปที่ครัวอีกรอบก่อนจะหยิบถุงชาใส่กระเป๋าเป้

    “ไปค่ะ พี่เติ้ลคิดเมนูเลยนะคะว่าวันนี้จะกินอะไรเป็นมื้อเย็น”​ เติ้ลที่มองไปยังคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่ตอนนี้ เขาอยากจะขอบคุณปุ้นที่อยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้ ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดนี้ ดูท่าว่าจะไม่หายได้ทันทีแต่ก็ยังดีที่เขาไม่ต้องอยู่คนเดียวเหมือนก่อน

    จู่ๆ ประโยคของกอล์ฟที่บอกว่า ‘เอ็งหน่ะ ของดีๆ มีอยู่ข้างๆแต่โง่เองที่ยังคิดไม่ได้’ หรือจริงๆ แล้ว เขาควรเริ่มที่จะ move on เป็นเส้นตรงได้แล้ว ความพยายามจะลืมกับความพยายามที่จะรักอะไรมันจะสำเร็จก่อนกัน

     

    หลังจากที่เติ้ลพาปุ้นเลือกซื้อของทำกับข้าวมื้อเย็น เติ้ลและปุ้นก็ขนของเข้าลิฟต์ไปยังชั้นที่ตนเองอยู่ เติ้ลที่เดินเข้าไปใส่รหัสห้องก่อนจะเปิดประตูให้ปุ้นเดินเข้าไป

    “พี่เติ้ลแต่งห้องสวยจัง ปุ้นอยากได้ห้องโทนแบบนี้ แต่ปุ้นไม่เคยจะแต่งห้องได้แบบนี้เลย” ปุ้นที่วางของไว้ที่โต๊ะนั่งเล่น ก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบห้องของเติ้ลที่ตกแต่งโทนสีขาวเขียว แถมมีต้นไม้ตกแต่งเป็นส่วนใหญ่

    “อันนี้พี่จัดห้องใหม่ไปเมื่อต้นปี เลยอาจจะดูดีนิดนึง เดี๋ยวพี่เขาของใส่ตู้เย็นไว้ก่อนนะ ปุ้นนั่งพักก่อนก็ได้ ซื้อของมาเหนื่อยๆ” เติ้ลที่ยกของเข้าไปที่เคาน์เตอร์ครัว ก่อนจะเริ่มเอาของใส่ในตู้เย็นที่มีแค่น้ำเปล่า อาหารแช่แข็งบางส่วน มันทำให้รู้ว่าเจ้าของห้องแทบจะไม่ทำอาหารเลย เพราะว่าความที่เขาเป็นมนุษย์ที่กินอาหารที่สะดวกต่อการทำงานเข้าว่า ทำให้เขาแทบไม่ได้แตะห้องครัวเลยก็ว่าได้ ปุ้นที่เดินตามเข้ามาในครัวก็เริ่มสำรวจห้องครัวที่ดูสบายเอี่ยมกว่าโซนไหนๆ 

    “นี่พี่เติ้ลแทบจะไม่ได้ใช้ห้องครัวเลยหรอค่ะเนี่ย” 

    “จะเรียกอย่างงั้นก็ว่าได้ ส่วนใหญ่ก็มีครัวไว้เวฟข้าวเท่านั้น”

    “เดี๋ยววันนี้โชว์ฝีมือปลายจวักเอง” ปุ้นที่เริ่มจะหยิบวัตถุดิบออกมาจากถุงช็อปปิ้ง 

    “มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” เมื่อปุ้นอาสาที่จะทำกับข้าวให้ เติ้ลก็ต้องรับบทเป็นลูกมือถึงแม้ว่าจะทำเป็นแค่เพียงเจียวไข่ก็ตาม

    “งั้นพี่เติ้ลล้างกระเพาแล้วก็เด็ดให้ปุ้นเลยค่ะ เดี๋ยววันนี้ปุ้นทำผัดกระเพากับต้มจืดนะคะ” 

    “เรานี่เก่งจริงๆ เลยนะ” 

    “ฮ่าๆๆๆ พี่เติ้ลก็ปุ้นเรียนจบด้านนี้มา ไม่ให้เก่งด้านนี้แล้วจะให้ปุ้นเก่งด้านไหนค่ะ ว่าแต่พี่เติ้ลอึดอัดหรือเปล่าค่ะที่ปุ้นมาที่ห้องแบบนี้” ปุ้นเลือกที่จะถามเติ้ลไปตรงเพราะใช่ว่าเขาจะไม่เกรงใจเจ้าของห้องนะ แต่เพราะว่าที่ผ่านมาเติ้ลเข้มแข็งขนาดไหนกับเหตุการณ์ที่เจอ เขาทั้งเป็นห่วงและสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างของเติ้ล 

    “พี่เกรงใจมากกว่าอึดอัด เรื่องเมื่อบ่ายซะมากกว่าที่ทำให้พี่อึดอัด ถ้าตอนบ่ายไม่ได้ปุ้น พี่คงสภาพแย่กว่านี้มาก ขอบคุณนะปุ้น” เติ้ลที่หันยิ้มให้คนที่กำลังก้มหน้าปอกกระเทียม ด้านของปุ้นนั้นบอกได้เลยว่าคำขอบคุณที่ได้ฟังครั้งนี้ มันทำให้เขาใจเต้นแรงกว่าปกติ 

    “พี่จะรู้ตัวไหมว่าพี่กำลังในปุ้นเคยตัว” ปุ้นที่พึมพำคนเดียวพร้อมกับแก้มที่เริ่มแดงขึ้น 

    “เมื่อกี้ปุ้นว่าอะไรนะ” เติ้ลที่ฟังไม่ได้ความถึงกับถามปุ้นอีกครั้ง

    “ปุ้นแค่ถามว่าทำไมห้องครัวพี่เติ้ลร้อนจังเท่านั้นเองค่ะ”

    “เดี๋ยวพี่ไปหาพัดลมให้นะ” เติ้ลที่ฟังเสียงปุ้นบ่นว่าร้อนก็รีบออกไปหาพัดลมทันที ปุ้นที่เอามือมาแนบแก้มที่ร้อนๆ รู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่อากาศที่ร้อน แต่เป็นเขาเองที่กำลังรุ่นร้อนเพราะความรัก

    ————————————————————————————————————

    ‘คนที่เข้มแข็งภายนอก อ่อนแอภายใน มักจะอ่อนไหวกับคนที่เทคแคร์’ เชื่อไรท์ดิ ไรท์ก็แพ้เหมือนกัน แอ่แฮ่!!!! 5555555

    มาพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองความรักหรือความคิดเห็นของนิยายได้ โดยเราขอยึดแท็กนี้สำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ #มูฟออนเป็นเธอ 

    หวังว่าจะสนุกกับสิ่งที่เราสร้างสรรค์ เพราะนั่นคือสิ่งที่เราอยากจะสื่อออกมาให้เสพสมด้วยตัวอักษรและความรู้สึก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×