ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มูฟออนเป็นเธอ (yuri)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 : เหตุผลของวันนั้น

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 64


    เช้าของวันที่เหนื่อยมักจะมีเรื่องมากมายเข้ามาให้ได้ปวดหัวตลอด รวมถึงวันนี้ที่เติ้ลได้นอนเพียงแค่สี่โมง แต่วันนี้งานช่างยุ่งจนไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้นั่งคิดมากเรื่องของเมื่อวาน ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ดีกับเขาในตอนนี้

    โดยภายในบริษัทโปรดักชั่นเฮาท์เล็กๆ ที่เติ้ลและเพื่อนๆ อีกสองคนได้ร่วมกันเปิดกำลังไปได้สวยงาม ซึ่งตอนนี้เติ้ลที่กำลังนั่งแก้งานของลูกค้าก็ต้องชะงัก เมื่อมีมือปริศนายื่นแก้วกาแฟมาให้เขา

    “วันนี้ปุ้นเอากาแฟสูตรใหม่มาฝากพี่เติ้ลลองชิมค่ะ” เสียงอันสดใสของเจ้าของมือก็โผล่หน้ามาพร้อมรอยยิ้ม เขาคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ปุ้นเป็นหุ้นส่วนของร้านกาแฟชั้นล่างของตึกที่เติ้ลทำงานอยู่

    “ขอบใจนะปุ้น พี่งานยุ่งจนไม่มีเวลาลงไปหาอะไรกินเลย” เติ้ลที่ยื่นมือไปรับแก้วกาแฟที่อีกฝ่ายตั้งใจเอามาให้พร้อมกับลองชิมกาแฟสูตรใหม่ของบาริสต้าที่กำลังลุ้นคำติชมของลูกค้าวีไอพี

    “เป็นอย่างไงบ้างคะ”

    “พี่ว่าโอเคแล้ว หอมกลิ่นกุหลาบมากเลย พี่ชอบนะแก้วนี้”

    “ว่าแล้ว ว่าพี่เติ้ลต้องชอบแน่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ปุ้นจะเอาไปเสนอพี่ไม้ให้ลองทำโปรโมทที่ร้าน” ปุ้นที่ได้รับคำชมก็เดินลงไปทิ้งตัวที่โซฟารับแขกอย่างสบายใจ ก่อนจะหันมามองคนที่พึ่งชมเขาเมื่อกี้

    “ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่เติ้ลดูสีหน้าไม่ค่อยโอเคเลยคะ”

    “อาจจะเป็นเพราะพี่นอนน้อยหล่ะมั้ง” เติ้ลตอบก่อนจะหันไปสนใจงานที่อยู่ข้างหน้า

    “อย่าหักโหมมากนะคะ ปุ้นไม่อยากไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเหมือนคราวที่แล้ว” ปุ้นที่รู้ดีว่าเติ้ลนั้นหักโหมจนนอนโรงพยาบาลไปแล้วรอบนึง ถึงกับต้องเตือนอีกฝ่าย

    “ไม่มีอีกรอบแน่นอน” เติ้ลที่ตอบก่อนเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ

    “เที่ยงนี้เราไปหาอะไรกินกันไหม” เติ้ลที่ชวนปุ้นที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ ก่อนที่เขาจะส่งงานทางเมลให้ลูกค้าและเตรียมเก็บของ

    “ได้ค่ะ ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ร้านพี่ไม้” ปุ้นที่ยิ้มรับก่อนรีบกระเด้งตัวจากโซฟา

    “เดี๋ยวพี่ไปชวนกอล์ฟกับรินก่อนนะ” ว่าแล้วเติ้ลก็เตรียมเก็บของ

    “ปุ้นนึกว่าเราจะไปกันสองคนซะอีก” ปุ้นยู่หน้าเพราะว่าอีกฝ่ายจะชวนหุ้นส่วนบริษัทไปด้วย

    “นั่นหุ้นส่วนพี่เลยนะ ไม่ชวนเดี๋ยวมันไล่พี่ออกจากบริษัท” เติ้ลจูงมือปุ้นเดินไปที่ห้องข้างๆ เพื่อไปชวนเพื่อนอีกสองคนไปกินข้าว

    “เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน” เติ้ลเข้ามาพร้อมกับคำชวน โดยที่เพื่อนอีกสองคนกำลังนั่งเช็คงานกันอยู่

    “แหม่ จะไปกินข้าวกันทั้งที ต้องพกสาวมาด้วยหรอเนี่ย” กอล์ฟที่หันมาแซว เมื่อเห็นว่าปุ้นเดินตามมาข้างหลัง

    “ปุ้นมาหาพอดีเลยชวนไปด้วยกัน”

    “ฉันติดงานลูกค้า ขอผ่านนะ” รินที่รีบเก็บเอกสารก่อนจะเดินไปแตะบ่าปุ้นแล้วกระซิบ

    “พี่เชียร์เราอยู่ สู้ๆ นะ” ปุ้นที่ยิ้มรับทันทีที่ได้ประโยคนี้ ก่อนจะทำมือส่งซิกให้รินที่กำลังเดินออกจากห้องไป

    “วันนี้เบลทำข้าวมาให้แล้ววะ ขอผ่านด้วยคน” กอล์ฟที่ชูกล่องข้าวที่แฟนทำมาให้เพื่ออวดเพื่อนอย่างเติ้ล

    “เบื่อคนมีเมียดีเว้ย” เติ้ลที่เบะปากมองบน สำหรับการขิงของเพื่อน

    “เอ็งหน่ะ ของดีๆ มีอยู่ข้างๆ แต่โง่เองที่ยังคิดไม่ได้” กอล์ฟที่รู้ดีว่าสาวน้อยที่คอยเดินตามหลังเพื่อนเขาอยู่นั้น คิดอย่างไงกับเจ้าเพื่อนแสนโง่คนนี้ แต่ติดอย่างเดียวที่เพื่อนเขาคนนี้มันมีอดีตที่ยากกว่าใครจะรับมือได้ จนมันมองข้ามสาวน้อยที่อยู่ข้างหลังมันตลอด

    “เอ็งไปกับปุ้นเถอะ ปุ้นพี่ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะ” กอล์ฟที่หันไปมองปุ้นที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไง

    “ได้ค่ะ ปุ้นดูแลดีอยู่แล้วพี่กอล์ฟหายห่วง”

     

    หลังจากที่ใช้เวลาหาที่จอดรถก็ปาไปเกือบบ่าย ทำให้ปุ้นรู้สึกผิดที่เลือกมากินมื้อเที่ยงที่ห้างแทนที่จะเป็นร้านแถวบริษัท

    “ปุ้นขอโทษนะคะที่ชวนพี่เติ้ลมากินซะไกลเลย” ปุ้นที่พูดขึ้นหลังเติ้ลเดินไปเอาบัตรคิวร้านซูซิที่ปุ้นเลือก

    “ไม่เป็นไร พี่อยากหาเรื่องหนีงานด้วย เพราะตอนเช้าพี่มาเคลียร์งานตั้งแต่หกโมง”

    “โอ้โห้ พี่เติ้ลบริษัทเข้างานเก้าโมงนะคะ ขนาดเป็นเจ้าของบริษัทนะเนี่ย”

    “ก็นอนไม่หลับด้วยแหละส่วนนึง”

    “กลับไป เดี๋ยวปุ้นกลับไปชงชาคาร์โมมาให้ดื่มนะคะ แบบว่าเอากลับไปดื่มที่บ้านแล้วนอนหลับสบายเลย”

    “อย่าอภินันทนาการอะไรให้พี่เยอะเลย เดี๋ยวพี่ไม้ติดป้ายห้ามพี่เข้าร้าน”

     

    ระหว่างที่เติ้ลและปุ้นกำลังคุยกันอย่างสนุกสานก็มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เขาทั้งคู่

    “นั้นมันเติ้ลไม่ใช่หรอ มากับใครหน่ะ ทำไมไม่เข้าไปทักทายหล่ะหลิว เห็นเมื่อวานคุยกันแค่แปปเดียวเองหนิ” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิวได้พูดขึ้น

    “หลิวว่าเติ้ลน่าจะไม่สะดวกคุยกับพวกเรานะคะพี่กาย” หลิวมองไปยังคนสองคนที่กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนานก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อคืน

    “ไม่เป็นไรหรอก ไปทักแปปเดียว” ว่าแล้วกายก็เดินตรงเข้าไปทักทายรุ่นน้องที่ไม่ได้พูดคุยกันนาน

     

     

    “ไงเติ้ล” เสียงทักทายจากทางข้างหลังทำให้เติ้ลหันกลับไปมองที่ต้นเสียง

    “อ้าว พี่กาย สวัสดีค่ะ” เติ้ลที่หันไปไหว้รุ่นพี่สมัยเรียน ก่อนต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังมา คนที่เขายังไม่พร้อมจะเจอกับเธอในตอนนี้ แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงกายก็ถามไถ่เติ้ลทันที

    “เมื่อวานพี่ไม่ได้เจอเราเลย กะจะมาชมเรื่องร้องเพลงในงานซะหน่อย ดีที่พี่มากับหลิวพอดีวันนี้” กายที่เดินไปจับมือหลิวให้เดินมาไวๆ ซึ่งการกระทำแบบนี้ก็ทำให้เติ้ลรู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่เกินกว่าคนทั่วไป สายตาที่ว่างเปล่าของเติ้ลในตอนนี้ ทำให้ปุ้นที่ดูเหมือนจะเป็นคนนอกต้องเข้ามาร่วมบทสนทนาที่อึดอัดนี้

    “พี่เติ้ลถึงคิวแล้ว ปุ้นไปรอข้างในนะคะ” ปุ้นที่พูดขึ้น ทำให้เติ้ลได้ดึงสติตัวเองกลับมา ก่อนนะคว้าข้อมือปุ้นที่กำลังจะเดินเข้าร้าน ซึ่งการกระทำนี้ก็อยู่ในสายตาของหลิวทั้งหมด

    “เดี๋ยวก่อนปุ้น เดี๋ยวเข้าไปพร้อมกัน ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว มากินข้าวด้วยกันสักมื้อไหมพี่กาย ไม่ได้เจอกันนาน มีเรื่องต้องอัปเดตแล้วหล่ะ” เติ้ลที่ชักชวนคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งคู่ให้ไปร่วมอาหารมื้อนี้ด้วยกัน โดยที่กายส่งสายตามองหลิว

    “ว่าไงเรา”

    “ได้ค่ะ หลิวอย่างไงก็ได้”

     

     

    ดูเหมือนบรรยากาศโดยรอบมีความอึดอัดมากเมื่อทั้งสี่คนมานั่งที่โต๊ะ เติ้ลที่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นเริ่มจะทำให้บรรยากาศเสียก็ต้องเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้

    “เออ พี่ลืมแนะนำไป นี่พี่กายรุ่นพี่สมัยเรียนมอปลายของพี่ ส่วนคนนี้ต้นหลิว....เพื่อนสมัยเรียนพี่ และนี่ปุ้นน้องที่ทำงานเติ้ลเอง” เติ้ลที่แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกัน ปุ้นที่ยกมือไหว้และยิ้มบางๆ ให้ทั้งคู่

    “ปุ้นทำงานที่เดียวกับเติ้ลหรอเนี่ย” กายที่เริ่มต้นบทสนทนานี้

    “เออ คือจริงๆ แล้วก็ไม่เชิงว่าเป็นน้องที่ทำงานหรอกนะคะ ปุ้นเปิดร้านกาแฟแถวที่ทำงานพี่เติ้ลค่ะ”

    “จริงหรอ สงสัยพี่ต้องไปลองชิมกาแฟร้านเราซะแล้ว”

    “ยินดีค่ะ” ระหว่างที่ปุ้นและกายพูดคุยกัน เติ้ลที่พยายามหลบตาของหลิวที่กำลังจ้องมองมาที่เขา

    “ว่าแต่พี่กายเถอะ เป็นไงมาไงถึงได้มากับหลิวซะได้” เติ้ลได้ยิงถามคำถามที่ติดในใจตั้งแต่เจอเขาทั้งสองคนมาด้วยกัน

    “พอดีว่าพี่กับหลิวมาซื้อของไปเยี่ยมผู้ใหญ่”

    “เหมือนว่าเติ้ลตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าหลิว” เมื่อได้ยินคำตอบจากกายที่ตอบแบบอ้อมๆ ทำให้เติ้ลยิงคำถามไปที่คนที่นั่งเงียบอยู่นานได้ตอบคำถามนี้แทน เพื่อความกระจ่างใจของเติ้ลในตอนนี้

    ถึงแม้คำตอบในตอนนี้มันชัดเจนไปแล้วเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เพราะว่าความที่เติ้ลไม่อยากจะให้อะไรมันคลุมเครือไปมากกว่านี้ ทำให้เขาต้องรีบเอาคำตอบจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา

    “ว่าไง หลิวกะจะไม่ให้เพื่อนรู้อะไรบ้างเลยหรอ” เติ้ลที่ยิ้มบางๆ มองมาที่หลิว ก่อนที่ทุกคำถามจะหยุดด้วยของมาที่เสิร์ฟ

    “งั้นเติ้ลว่าเรากินกันก่อนดีกว่า ให้หลิวได้มีแรงในการเตรียมพร้อมกับคำตอบ”

     

     

    ซึ่งบรรยากาศตอนนี้มีเพียงแค่บทสนทนาของแค่ปุ้นและกายที่กำลังพูดคุยกันเรื่องของคอกาแฟ แต่ว่าเสียงโทรศัพท์ของกายก็ดังขึ้น

    “พี่ขอไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ” กายที่ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ข้างนอกร้าน

    “งั้นปุ้นขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ” ปุ้นรู้ดีว่าทั้งเติ้ลและหลิวมีเรื่องที่จะต้องพุดคุยกันแน่นอน

    “อืม”

     

     

    หลังจากไม่มีบทสนทนาของปุ้นและกาย โต๊ะนี้มีแต่ความเงียบที่แสนจะอึดอัดทันที จนเติ้ลที่เงียบมาสักพักได้เริ่มพูดขึ้นก่อน

    “เราจะเงียบแบบนี้อีกนานไหมหลิว”

    “ปุ้นน่ารักดีนะ” หลิวที่พูดขึ้น ทำให้เติ้ลไม่เข้าใจที่หลิวจะสื่อ

    “หมายความว่าอย่างไง”

    “เราคิดว่าน้องเขาดูเหมาะกับเติ้ลดีนะ” หลิวที่หันมายิ้มบางๆ ให้กับเติ้ลที่ตอนนี้ดูจะอึ้งกับการแปลความหมายที่หลิวได้เอ่ย

    “นั้นซินะ ก็คงไม่ต่างอะไรจากคู่ของหลิวกับพี่กายหรอกนะ ที่ดูเหมาะสมมากกว่าคู่เรากับปุ้นซะอีก” เติ้ลที่เริ่มเข้าใจจุดยืนของตัวเองและสถานะของหลิวกับกาย ทำให้เขาอดที่จะตัดพ้อคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้

    “ทำไมเรายังโง่คิดไม่ได้สักทีวะ”

    “......”

    “ว่าสิ่งที่หลิวเคยบอกว่าผู้หญิงกับผู้หญิงมันเป็นไปด้วยกันไม่ได้ มันหมายความว่าอย่างไง เราพึ่งมาเข้าใจในวันนี้นี่แหละหลิว”

    “......”

    “ถ้าวันนั้นหลิวบอกเราให้เข้าใจมากกว่านี้ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอมาตลอดแปดปีแบบนี้ แปดปีที่หวังว่าสักวันหลิวจะเข้าใจความรักที่เรามีให้และกลับมาเรียนรู้กับเราใหม่ เรามันโง่จริงๆ วะ” เติ้ลที่พูดไปพร้อมสายตาที่ว่างเปล่าปนเจ็บปวด เขาที่กำลังมองหน้าคนที่ก้มหน้าเก็บเสียงสะอึกก่อนที่หลิวจะปาดน้ำตาเงยหน้ามามองคนที่กำลังตัดพ้อตัวเองอยู่ รอยยิ้มที่แสนเจ็บปวดและทรมานมันกลับมาอีกครั้ง

    “แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”

    “เพื่อนอย่างหลิวที่สอนให้เราเรียนรู้และเข้าใจในคำว่ารักและเลิกรา เราจะไม่มีวันลืมเพื่อนอย่างหลิวได้อย่างแน่นอน ฐานะที่เราจะเป็นได้ตอนนี้คงมีแค่คำนี้คำเดียวแล้วหล่ะ คำว่าเพื่อน

    “เราขอโทษนะเติ้ล”

    “จะขอโทษทำไม เมื่อวานเราก็บอกแล้วไงว่าจากนี้เราจะอยู่ในฐานะเพื่อนของหลิว

    ————————————————————————————————————

    ‘ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศสภาพ แต่ความรักขึ้นอยู่กับคนสองคนที่ใจตรงกันและสามารถมอบสิ่งดีๆ ให้กันในการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม’ มุมมองความรักของไรท์เตอร์เอง ซึ่งถามว่ามีไหมความรัก ก็บอกเลยว่าไม่มีอย่างใครเขา 5555555 

    มาพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองความรักหรือความคิดเห็นของนิยายได้ โดยเราขอยึดแท็กนี้สำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ 

    #มูฟออนเป็นเธอ

    หวังว่าจะสนุกกับสิ่งที่เราสร้างสรรค์ เพราะนั่นคือสิ่งที่เราอยากจะสื่อออกมาให้เสพสมด้วยตัวอักษรและความรู้สึก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×