ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Fic Yaoi EXO ' HH CB } รักวุ่นY

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 37
      0
      2 ต.ค. 56

               
     

    CHAPTER 1





                คือ ก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ครับ ปกติเนี้ยผมไม่เคยจะทำหรอกนะ สาบานได้เลย แต่ว่าออมม่าผมเค้าเชื่อเรื่องพวกไสยศาสตร์แบบสุดๆ อันนี้ผมห้ามไม่ได้จริงๆครับ

                คือ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อนที่มีการจัดแคสติ้งซีรีส์เรื่องใหม่น่ะครับ และด้วยความที่ผมอยากแสดงนำมากๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็ตอบตกลงไปหมด คือผมตื่นเต้นมากนะครับ และมันก็เคว้งมาก ถ้าเกิดผมได้เล่นซีรีส์เรื่องนี้ ผมคงดังแน่ๆ และนั้นเป็นความฝันของผมเลยครับ ถ้าผมดังนะ โอ้ยยยย ชีวิตดี

                แต่นั้นแหละครับ

                เพราะความอยากดังของผม รวมถึงมีแม่ดัน แม่ผมเลยไปดั้นด้นไปบนไว้ที่ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ภูเขานัมซานไรซักอย่าง แล้วไงครับ ผมก็ไปแคสงานตามที่ตกลงไว้.....

                และผมก็ติด!! โอ้ยคือผมอยากจะแก้ผ้าวิ่งรอบตัวเอง และนั้นแหละครับ ผมต้องมาแก้บนด้วยการปีนภูเขานัมซาน ใช่ครับ “ปีน” คืออารมณ์แบบว่าปีนเขาหนะ แบบไม่มีรถลาก ไม่มีทางเดินไรเลย  

                ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

                แบคฮยอนอยากตายยยยยยยย

                ไม่ครับ เพื่อความดัง ผมต้องทำได้!!!

    .

    .

    .

     

              กลิ่นธูปบนภูเขานัมซานตลบอบอวลไปหมด ด้วยธูปใหญ่ขนาดมหึมาของแม่ลูกคู่หนึ่ง รวมถึงญาติที่มาแสดงความยินดี คนเป็นแม่ยิ้มหน้าบาน ส่วนคนลูกก็เช่นกัน

                “เสี่ยวลู่ ไหว้แก้บนซะนะจ๊ะ ให้เทพเค้าชื่นชมยินดี”

                “ครับม๊า”

                เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนก้มลงไหว้เทพในศาลเจ้าและปักธูปไซส์เสาธงลงบนกระถาง พวกญาติๆอากงอาม๊าอาเง็กซ้อแป๊ะต่างๆและคนรู้จักต่างพากันชื่นชมเด็กหนุ่มไม่หยุดปาก

                “ดีใจด้วยนะอาลู่ ในที่สุดก็ทำได้ ได้เป็นแชมป์โลกนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ทำได้แล้วเห็นมั้ย”

                “ขอบคุณครับเจ๊ก”

                “แล้วอาลู่เจิง ลู่หานแกได้เข้ามหาลัยต่อที่ไหนล่ะ”

                “แกได้เป็นเด็กทุนของมหาลัยโซลจ้ะ”

              “ฮ้า จริงรึเนี่ย ดีใจด้วยนะจ๊ะ หลานป้า”

                “ขอบคุณครับ”

                เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายแสดงความปิติยินดีกันอย่างถ้วนทั่ว กลิ่นอายแห่งความสุขล่องลอยไปหมด ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่บันดาลให้ผู้คนมีความสุขตลอดมาอย่างภูเขานัมซานที่ผู้คนต่างมากันมาไหว้บนบานศาลกล่าวกันไม่เว้นวัน   แต่ทันใดนั้นแหละ....   

                “เฮ้อ ถึงซะที ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย ออมม่าอ่ะ วันหลังไม่เอาแล้วนะ แล้วคนมากันทำไมเยอะแยะเนี่ยครับ โอ้ย ออมม่าดูคนสิ จะมาถล่มศาลรึไงนะ ควันธูปนี้ก็เยอะซะ อึ๋ยผมไม่ไปได้มั้ย”

                “นี่ตาบยอน อย่ามาเยอะ มาถึงนี่แล้วอุตส่าห์ปีนมาหลายชั่วโมง แกล้งปั้นหน้ายิ้มแย้มผ่านคนพวกนี้ไปซักนิด แล้วก็เข้าไปไหว้ๆ เสร็จแล้วก็กลับ”

                “ออมม่าอะ โอ้ยยยย”

                แบคฮยอน เดินเข้าไปในฝูงชนที่เบียดเสียดกันอยู่ที่ศาลหลังเล็ก แต่ด้วยความมีออร่านักแสดงเต็มเปี่ยมทำให้ผู้คนเริ่มหันมาจับจ้องและ ซุบซิบกันสนั่น คนตัวเล็กจัดผมที่ปรกตกลงมานิดหน่อยจากเหงื่อ แค่นี้อาจุมม่าแถวนั้นก็แทบจะเป็นลมล้มพับ เจ้าตัวยิ้มมุมปากเช็คเรตติ้งตัวเองเสร็จแล้วก็ทำท่าจะเดินเข้าไปในศาลก็ชนเข้ากับคนที่เพิ่งเดินออกมาพอดิบพอดีตรงประตู

                “โอ้ย”

                “โอ้ยยยยย”

                “นี่เดินไม่ดูเลยนะ ผมกำลังจะเดินเข้าไป คุณหัดมองซะบ้างสิ”

                ลู่หานที่ล้มลงเหมือนกันขมวดคิ้วกับคำพูดคำจาของคู่กรณี ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมอง แบคฮยอนก็มองกลับก่อนจะเบ้ปากขึ้นเล็กน้อย แต่พอรู้สึกได้ว่า คนมองที่ตนเยอะมาก และแลดูญาติๆของหนุ่มคนนี้จะสังเกตเห็น ชายหนุ่มเลยต้องวางท่าไว้ก่อน

                “หนุ่มน่ารักคนนั้นจะเป็นอะไรมั้ยนะ”

                “ดูสิ ชนเค้าแล้วยังจะนิ่งอีกไม่ยอมขอโทษอีก”

                “เสี่ยวลู่ เป็นอะไรรึเปล่า”

                “ไม่ครับม๊า แค่ชนกับอะไรก็ไม่รู้”

                แบคฮยอนตวัดสายตามองทันที อะไรก็ไม่รู้เรอะ นี่นักแสดงดาวรุ่งนะครับบบบบบบบ ชายหนุ่มเชิดหน้าเล็กน้อยแล้วก็บ่นพึมพำก่อนเข้าไปในศาล “คนอะไรหน้าตาก็แย่ สิวเครอะเต็มหน้าจนเซลล์ผิวไม่มีที่หายใจแล้วยังทำตัวแบบนี้อีก พวกจนจนก็งี้แหละ สงสัยคงมาบนขออาหารเพราะไม่มีอะไรกินละสิท่า”

                ลู่หานที่พอจะมองสายตาดูแคลนของอีกคนออกก็รีบพาแม่เดินออกไปแล้วก็คิดในใจ “พวกคนรวยแต่ตัว สมองกลับไร้ปัญญา วันๆเอาแต่ทำตัวงุงิไปเรื่อย ปัญญาอ่อนจริงๆ พวกบ้าดาราก็อีก น่าเบื่อจริง”

              ….     

                ทันใดนั้นฝนก็กรูตกมาอย่างบ้าระห่ำ

                เอวัง ฟ้าผ่าอีก......

                แบคฮยอนเซงระเบิดที่ต้องมาติดฝนอยู่ที่นี่กลับกลุ่มชาวจีนที่สงเสียงโวยวายราวกับอยู่ห้องคาราโอเกะอยู่ตลอดเวลา และหนึ่งในนั้นก็มีคู่กรณีตัวแสบอยู่ด้วย

                “ตาหนู..........” แบคฮยอนมองตามเสียงเรียกเป็นยายแก่คนนึงกำลังยิ้มให้ ในใจนี่ช้อคไปแล้ว แต่หน้ายังยิ้มตอบกลับได้ แหม บยอนนี่นักแสดงตัวจริงครับ

                “ดวงตกนะช่วงนี้”

     

              เจริญพวง.......

                ฟึ่บ! แบคฮยอนลืมตาตื่นขึ้น..... ฝันหรือเนี่ย ก็จำได้ว่าไปแก้บน แล้วก็ฝนตกเสร็จแล้วก็กลับบ้าน ก็ไม่มีอะไรนี่หน่า ทำไมรู้สึกเฟลๆครับเนี่ย แต่ยายแก่ในฝันนี่น่ากลัวจริงครับ จะร้อง U____U

              วันนี้ผมมีคิวถ่ายโฆษณาครับ ผู้จัดการส่วนผมอย่างพีอี้ชิงบอกว่าวันนี้จะมีผู้ใหญ่มาดูผมถ่ายด้วย วันนี้ต้องหล่อครับ ผมนี่หล่อจริงๆขนาดแค่ตื่นนอนนะเนี่ยะ โอ้ยผมหลงตัวเองครับ

                ว่าแล้วก็ไปแต่งตัวดีกว่า....

    .

    .

    .

                “มอโซลอยู่ไม่ไกลเลยครับม๊า ผมจะกลับมาบ่อยๆ หอก็อยู่ข้างมอเลย เดินทางสะดวก ผมพูดเกาหลีชัดจะตาย นะครับม๊า ผมจะได้ไปเตรียมตัวด้วย อยู่ที่นี่ก็มีพวกอาซ้อเป็นเพื่อนแล้วไงครับ”

                “ก็ได้เสี่ยวลู่ แต่ไปถึงแล้วโทรบอกม๊าเลยนะ อีกตั้งสองอาทิตย์เปิดเรียนแล้วก็อย่าเที่ยวซนละ มีอะไรก็โทรหาเลยนะ แม่จะคอยถามข่าวคราวจากตาหมินเรื่อยๆ”

                “ครับม๊า”

                ชายหนุ่มยิ้มน่าแป้น เก็บของใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กพร้อมกับกล่องหนังสือที่ใหญ่กว่าบ้านไคจูระดับสิบด้วยความสุข จะได้เรียนในมอโซลแล้ว มหาลัยที่ใฝ่ฝัน ชายหนุ่มดันแว่นหนาๆของตัวเองขึ้นทันใดนั้นก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน

                “ดวงตกนะช่วงนี้” คุณยายคนนึงทักขึ้นหลังจากที่คนกำลังจะออกจากศาลเจ้า พอตนกำลังจะตอบกลับ ม๊าก็เรียกเสียแล้ว พอหันกลับมาอีกทียายแก่ก็หายไป คือช้อคนิดนึงแหละ แต่ก็น่ะ ไร้สาระ ผมอาจจะเมาธูปที่ผมปักเองก็เป็นได้ ผมดวงดีจะตายตอนนี้ เพิ่งกวาดรางวัลนักเรียนดีเด่น แถมพ่วงกับแชมป์คณิตศาสตร์โอลิมปิกอีกด้วย จะดวงตกได้ยังไง

                 จริงมั้ย?

    .

    .

    .

                หลังจากที่ผมไปถ่ายโฆษณาแล้วก็เจอคุณคังอิน บอสใหญ่ค่ายหนัง ที่ดูท่าจะสนใจผมมากๆ อิ_____อิ เค้าบอกว่าเค้าฝากความหวังของซีรีส์เรื่องนี้ไว้ที่ผมเลยครับแหม่ ฟินไปสิ........ เสร็จแล้ว ผมก็ไปกินข้าวยูมีครับ ยูมี คือนักแสดงสาวสวยที่เป็นเพื่อนสนิทผม เธอจะได้รับบทนางเอกในเรื่องที่ผมจะไปแสดงด้วยละ ผมก็งงเล็กน้อยน่ะนะ วันที่ไปแคสติ้ง ผมไม่เห็นเจอเธอเลย แต่ช่างเหอะ ได้เล่นด้วยกันก็ดีจะได้ไม่เคอะเขิน

                “บยอนรู้เปล่าละครเรื่องนี้เธอเล่นเป็นตัวเอกเลยนะ”

                “แน่นอนอยู่แล้ว ยูมี ระดับเนี่ย ไม่เป็นตัวเอกได้ไง”

                “แต่ไอพลอตสลับร่างงุงินี่ก็น้ำเน่าจริงๆนะ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่พวกคนดูก็ชอบ”

                “จริง อะไรน้ำเน่าๆน่ะชอบหมดแหละ สงสัยถึงรสชาติชีวิตมั้ง”

                “ฮ่าๆ จริงด้วย แล้วนี่เธอรู้มั้ยเมื่อเช้าฉันเข้าบริษัท เจอโอเซฮุนด้วยละ”

                “เค้ามาทำไมน่ะ มีโปรเจคละครอีกเรื่องนึงหรอ”

                “ไม่นะ คุณคังบอกว่าเค้าก็เล่นเรื่องนี้ด้วย”

                “เฮ้ย เป็นไปได้ไง เค้าพระเอกระดับท๊อปแล้วนะ ถ้าเค้าเล่นเรื่องนี้แล้ว....”

                “อ้าว นายยังไม่รู้อีกหรอว่าเรื่องนี้มันสลับร่าง ชายหญิงแล้วให้ชายชายมารักกันน่ะ”

                “............เดี๋ยวนะยูมี ฉันงง”

                “ก็หมายความว่า นายเล่นเป็นนายเอกไง ฉันเป็นนางเอก ที่เราต้องสลับร่างกัน แต่ฉันน่ะ รักพระเอก เกทป่ะ”

                “พูดจริงดิ...... เห้ย จริงอ่อวะ”

                “เออดิ คราวนี้เราก็ได้ดังกันหมดแน่ มีโอเซฮุนให้เกาะ”

                “ทำไมไม่ได้เป็นพระเอกอ่ะ โอ้ย”

                “นี่บยอน ฉันรับรองว่าเรื่องนี้นายเกิดล่ะหน่า แต่ก็แปลกเนอะโอเซฮุนยอมมาเล่นบทแบบนี้ด้วย สงสัยได้บัดเจดหนาแน่ๆ”

                “ฮือออออออ T^T

                “นี่นายจะน้อยใจอะไรบยอน ก็ใครใช้ให้นายหน้าหวานแบบนี้ล่ะ คุณคังเค้าคงอยากจะปั้นนายให้เป็นแบบนี้แหละ เชื่อฉันสิ”

                “แล้วจะดังมั้ย สาวๆจะกรี๊ดหรือเปล่า อย่างงี้ก็มีแต่ผู้ชายมาชอบอ่ะดิ ไม่ได้เป็นเกย์นะว้อย”

                “กรี๊ดสิเชื่อฉัน ทั้งชายทั้งหญิงไงดีออก....... อาหารมาแล้ว กินเร็วๆๆ”

    .

    .

    .

                ถึงหอพักที่โซลแล้วครับ ห้องไซส์มินิมากๆเลย แต่ก็อบอุ่นดี ขาวสะอาดผมเตรียมตัวจัดห้องปกติของผมแหละครับ จะว่าไป นี่มันก็ยี่สิบปีแล้วที่ผมเกิดมา เอาจริงๆ ผมย้ายมาจากจีนตอนสิบห้า มาอยู่ที่เกาหลี ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ครอบครัวผมลำบากครับ แต่ทุกคนส่งเสียให้ผมเรียนหนังสือ แล้วผมก็ทำได้ครับ ผมเรียนได้ทุนตลอด ฝึกภาษาเกาหลีแค่ปีเดียว จนอีกสามปี บ้านผมก็มีทุนขึ้นมานิดหน่อยเพราะการขายซาลาเปา ไม่นานลูกพี่ลูกน้องผม ซิ่วหมิน  ก็มาทำงานที่โซลครับ มาเปิดร้านซาลาเปาเล็กๆที่หัวมุมถนนข้างโรงเรียนคยองฮี ส่วนผมก็เอาแต่ตั้งแต่ตั้งตาเรียนอย่างเดียวเลย จนมาติดทุนที่โซลนี่แหละรับเลยตามมาอยู่ที่โซลด้วย แต่ไม่อยากรบกวนพี่หมินเลยครับ เลยมาอยู่หอข้างๆมหาลัย จะว่าไป ชีวิตในเมืองหลวงนี่ผมไม่ชอบเลยครับ ผมเกลียดสังคมคนรวยๆ คนพวกนี้ไม่เคยลิ้มรสความมานะอดทนพยายาม อย่างเช่นพวกลูกคนรวยที่ทำตัวดี๊ด๊าไปวันๆครับ ผมไม่ชอบเลยจริงๆ พวกเขาชอบว่าผม ดำบ้างสิวเครอะบ้างหน้าเหี่ยวบ้าง ไม่อยากจะบอกว่ามันเป็นริ้วรอยแห่งประสบการณ์ชีวิตครับ

                และทันใดนั้นแหละ ขณะที่ผมกำลังเสียบปลั๊กโคมไฟบนโต๊ะ ผมก็รู้สึกจุกที่ลำคอรวมกับความชาด้านที่ฝ่ามือ ผมกำลังถูกไฟดูด สมองผมว่างเปล่าและสิ่งที่ผมได้ยินเป็นอย่างสุดท้ายก็คือ

                “แบคฮยอน!!!!

     

     

     

     

     

    …………………………………………………………………………………………………………

    อุ๊ต๊ะ ทำไงละทีนี้  -,.-

    By : ไนน์เทวพิค

    แท๊คในทวิตจ้า #ฟิครักวุ่นY

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×