คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4
“ไปเรียนได้แล้วตั้งใจเรียนนะครับ”
“ค่ะ โกโชเองก็รีบกลับไปเรียนได้แล้วนะ แล้วอย่ามาอ้างว่าโดดเรียนมาเยื่ยมน้องล่ะ”
ฉันส่งยิ้มให้พี่ชายตัวเอง แล้วรีบวิ่งออกจากตึกพยาบาลเพื่อไปให้ทันคาบเรียนที่กำลังจะมาถึงสรุปแล้ววันๆฉันมาโรงเรียนทำไมเนี่ย เรียนก็ไม่ได้เรียน ฮู่ว์ๆ!!
“อ้าว! ปฎลี ไหนปาฏิหาริย์บอกว่าลาทั้งวันไง ครูอุตส่าห์เช็คให้นะจ้ะ ว่าลาป่วย”
อยากจะบอกเหลือเกินว่าแค่หนามตำไม่ถึงตาย แต่ถ้าพูดออกไปอย่างนั้นมันไม่สุภาพและอาจจะโดนโกโชเฉ่งเอาทีหลังได้เพราะฉะนั้นไม่ดีกว่า
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบคุณนะคะ”
ฉันว่าพลางเดินไปยังโต๊ะของตัวเองที่มีกระเป๋าวางไว้อยู่ก่อนแล้ว สงสัยลืมไว้ที่โรงอาหารแล้วโชเซเก็บมาให้แน่เลย
“เริ่มเรียนถึงไหนแล้วเนี่ย”
ฉันกระซิบกระซาบกับเพิร์ทที่ขยับเก้าอี้ของฉันให้เมื่อเห็นว่ามือข้างขวาของฉันหุ้มด้วยผ้าพันแผล คุณเพื่อนคนสวยทำหน้าเบื่อๆก่อนจะตอบคำถามที่ฉันคิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด
“We don’t study today because she talk only you’r brother is perfect man!”
เลิกเรียนแล้วดีจัง เสียงออดนี่เป็นเสียงระฆังสวรรค์สำหรับคนเป็นนักเรียนใช่มั้ย ใครขัดค้านลุกขึ้นมาตีกันเดี๋ยวนี้เลย!แต่ถึงจะมีความสุขกับการเลิกเรียนแค่ไหนก็เท่านั้นแหละ ยังไงๆก็ยังอยู่ในโรงเรียนอยู่ดี ฉันกลับไปที่หอพักเพื่อเปลี่ยนจากชุดนักเรียนมาเป็นชุดพละของโรงเรียน อยู่ประจำอย่างนี้ก็ต้องมีอะไรทำแก้เบื่อใช่ไหม ซึ่งส่วนใหญ่พวกนักเรียนอย่างโชเซก็จะไปซ้อมดนตรี ถ้าอย่างเพิร์ทก็ไปเล่นกีฬาพวกเทนนิสหรือว่ายน้ำอะไรอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นนักเรียนแบบฉันต้องทำงานอดิเรกและงานอดิเรกของฉันก็คือการเล่นกีฬาและสิ่งที่โปรดปรานมากในตอนนี้คือ...
ปัง!!
ย่าห์!!!
เอี้ย!!
เสียงตึงตังนั่นคือผลกระทบที่เกิดจากการเตะอย่างรุนแรง มันคือกีฬานามว่าเทควันโดยังไงล่ะ นี่แหละสิ่งที่ช่วยฆ่าเวลาอันเชื่องช้าให้ผ่านพ้นไปอย่างมีประโยชน์ของฉัน
“น้องเค้กมาแล้วเหรอครับ”
“อือ”
นั่นคือคำทักทายของฉันที่ส่งให้กัปตันทีม เขาส่งยิ้มน้อยๆกลับมาแล้วเดินกลับไปดูรุ่นน้องที่ยังคงยืนไม่มั่นคง ที่จริงเรื่องมันก็แล้วไปแล้ว ผ่านมาก็เกือบจะครบปีแล้วด้วยซ้ำ แต่ใจของฉันยังไม่สามารถลบสิ่งนั้นให้ออกจากใจได้เลยสักที...
“วันนี้วอร์มก่อนแล้วกันนะ อาทิตย์หน้ามีสอบเลื่อนสายจะลงไหม”
กัปตันถามพลางส่งเอกสารรายละเอียดมาให้ ฉันรับมันมาไว้ก่อนจะอ่านผ่านๆแล้วพยักหน้าเป็นการตอบรับ เขายิ้มอย่างอ่อนแรงก่อนจะเดินไปหาอาจารย์ที่รับผิดชอบ ทันทีที่เขาเดินผ่านเสียงสั่นๆที่แฝงไปด้วยความสำนึกผิดก็แล่นเข้าสู่ประสาทการได้ยินของฉัน...
‘พี่ขอโทษ’
นั่นสิ...ฉันก็ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ ขอโทษที่ทำตามคำขอไม่ได้เลยสักข้อเดียว...
การซ้อมก่อนสอบเลื่อนสายก็เพลินดี ช่วยไม่ให้ฉันคิดฟุ้งซ่านเหมือนทุกครั้งที่มาที่ห้องชมรมหลังจากอาบน้ำในห้องน้ำชมรมเสร็จแล้ว โกโชก็มารับฉันที่หน้าห้องชมรมเหมือนทุกวัน ที่ต้องรออยู่ที่หน้าห้องเพราะถ้าเข้ามา ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่มีเรื่องเกิดขึ้น...
“วันนี้กินข้าวเสร็จแล้วโกมีซ้อมดนตรี น้องครีมกลับเองได้มั้ย หรือจะให้ไปส่งก่อนรึเปล่า”
โกโชถามขึ้นเมื่อฉันนั่งกินสลัดทูน่าไปได้สักหน่อย วันนี้ที่โต๊ะค่อนข้างเงียบเหงาเพราะพี่ภัทรไม่มาเห็นว่ามีธุระอะไรสักอย่าง พี่คีตากับเพทายก็หายไป แต่ก็นั่นล่ะ ฉันไม่สนใจหรอก
ฉันโบกมือลาโกโชที่ดึงดันจะส่งฉันครึ่งทางที่สามแยกก่อนจะเข้าสู่ตัวหอพัก เมื่อเห็นว่าระยะทางแค่ร้อยเมตรฉันก็สามารถเดินเองได้และร่ายคำสั่งยาวเหยียดแล้ว พี่ชายถึงได้ปล่อยให้ฉันเดินกลับมา วันนี้ก็เหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันเปลี่ยนทิศทางโดยเลือกที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นสามแทนที่จะหยุดที่ชั้นตัวเอง หน้าประตูห้องนอนที่มีเสียงเพลงภาษาอังกฤษดังสนั่น ฉันเคาะอยู่สองสามที
“มาแล้วค่ะ ใครคะ อ้าว!มาแล้วเหรอ”
“เปิดเพลงฟังหรือโชเซมันเล่นคอนเสิร์ต”
ฉันว่าอย่างไร้อารมณ์มากกว่าอยากจะต่อว่าจริงๆ โชเซที่ดูท่าว่าเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จนั่งเช็ดผมอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เท่เกินเด็กผู้หญิง ไม่ต้องแปลกใจที่ชีวิตนี้มันจะหาความสงบสุขไม่เจอ สาวๆออกคลั่งกันทั้งโรงเรียน ถ้าพวกพี่ชายของฉันจบไปเมื่อไหร่ ตำแหน่งไอดอลต้องตกเป็นของมันแน่
“ยังไม่เคลียร์กันอีกเหรอ”
“ไม่สนใจหรอกว่าจะเคลียร์รึเปล่า เรื่องงี่เง่าแบบนี้ไม่อยากสนใจ”
ฉันพูดแค่นั้นทั้งเพิร์ทและโชเซก็ต่างพากันพยักหน้า สายตาที่มองมาไม่ปกติเลยสักคน ยัยเพิร์ทพยายามจะหลบตา ส่วนโชเซก็เอาแต่ทำหน้าตกใจในทุกครั้งที่ฉันหันไปมองนั่นทำให้ฉันรู้ว่ายัยพวกนี้ต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ปิดฉันเอาไว้และนั่นคือสิ่งที่ยั่วให้ฉันหงุดหงิด
“มีอะไร”
ฉันถามเสียงเรียบ และนั่นทำให้เพื่อนรักทั้งสองเกิดปฏิกิริยาส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แบบนี้ใครมันจะไปเชื่อ
“ถามว่ามีอะไร แล้วนั่นอะไรน่ะ ขอดูหน่อย”
ฉันว่าเมื่อเหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษสีน้ำตาลที่ถูกโยนลงถังขยะ ซึ่งนั่นทำให้เพิร์ทรีบวิ่งมาคว้าตัวฉันเอาไว้และพร้อมกันนั้นโชเซก็รีบเก็บแผ่นกระดาษนั้นให้พ้นสายตาของฉัน
“หนังสือพิมพ์โรงเรียนน่ะ มันเขียนไม่รู้เรื่องเลยโยนทิ้ง อย่าอ่านเลย เดี๋ยวหงุดหงิด”
“ก็แค่นั้นทำไมต้องทำท่าเหมือนปิดอะไรฉันอยู่ด้วย”
ฉันว่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ฉันไม่กลับไปนอนห้องนั้นมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว เหตุเพราะไม่อยากวุ่นวายถ้าอยู่ในห้องนั้นที่มีพี่คีตาอยู่ด้วยล่ะก็ บรรยากาศคงมาคุมากกว่าเดิม ตอนนี้เลยหนีมาอยู่กับสองคนนี่ซึ่งก็ขยันทำตัวบ้าบอให้ฉันหัวเราะได้ทุกวัน
‘ข่าวล่ามาแรงเจ้าหญิงแห่งซาโตนิโอ เซนต์ รอฟสกี้ ประกาศรัก หนุ่มตัวร้ายอันดับสองของโรงเรียน อ่านต่อหน้า 12’
ชิ้นส่วนเล็กๆของนิตยสารเล่มเล็กที่เรียกกันว่าหนังสือพิมพ์โรงเรียนที่ถูกซ่อนไว้ในลอคเกอร์ของเพิร์ทสะกิดใจให้ฉันให้หันหลังกลับไปยังห้องนั่งเล่นและคว้าเอาหนังสือพิมพ์โรงเรียนมาจากมือของโชเซ พาดหัวข่าวตัวเบ้อเริ่มที่ถูกตัดไปคงจะเป็นหัวข้อข่าวเมื่อครู่ที่ฉันได้อ่านเพราะในส่วนล่างที่ไม่ถูกตัดมีรูปตอนที่ฉันยื่นดอกกุหลาบให้เพทายเด่นหราสง่างาม ฉันเปิดอ่านหน้าที่ 12 ท่ามกลางสีหน้าเครียดๆของโชเซและเพิร์ทพร้อมเสียงประกอบว่า ตายแน่
‘ต่อจากหน้า 1 เมื่อน้องสาวสุดรักสุดหวงของเจ้าชายอันดับหนึ่งแห่งซาโตนิโอถึงขั้นประกาศรักกลางโรงอาหารกับหนุ่มฮอตที่ได้รับการโหวตว่าเป็นผู้ชายอันตรายหมายเลขสองอย่างเพทาย (อันตรายยังไงแค่ชื่อก็คงพอจะรู้แล้วนะ) โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
‘อยู่ๆครีมเค้กก็เดินเข้าไปหาเพทายค่ะ คุยอะไรกันสักอย่างสองสามคำจากนั้นก็ยื่นดอกกุหลาบแดงเลยล่ะค่ะ ถึงแม้ว่าในกรณีทั่วไปมันจะดูน่าเกลียดมากแต่ถ้าเป็นน้องของพี่โกโชล่ะก็ ขอเชียร์เต็มที่ค่ะ>///<’
นั่นแหละค่ะ คือสิ่งที่พวกเราได้เห็น แต่ทว่าจู่ๆสาวเจ้าคงจะเกิดอาการเขินมากไปหน่อยจนถึงขั้นหัดดอกกุหลาบในมือเลือดเปรอะ!แล้วก็เดินจากไป พวกเราชมรมหนังสือพิมพ์พยายามอย่างยิ่งที่จะขอสัมภาษณ์ทั้งตัวเธอและผู้เกี่ยวข้องแต่ว่าประธานชมรมได้รับการเตือนมาจากชายนิรนามให้เลิกยุ่งดังนั้นข่าวนี้จึงต้องจบลงอย่างคลุมเครือ
แต่ก็นับว่าเจ้าหญิงของเราใจกล้ามากเลยนะคะที่ถึงขั้นแหกกฎเหล็กข้อสำคัญของโรงเรียนอย่างนี้ แบบนี้ผู้อำนวยการจะว่ายังไงนะ และถึงจะถูกบอกรักแล้วหนุ่มน้อยเพทายก็คงจะต้องลำบากใจอยู่สักหน่อย ก็แหมๆ ใครๆก็รู้นี่คะว่าเจ้าหญิงเป็นของต้องห้ามสำหรับชายหนุ่มแค่ไหน น้องสาวคนสำคัญของเจ้าชายอันดับหนึ่งคงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง เพราะนอกจากจะต้องรับมือกับเจ้าชายเองแล้ว บรรดาสภานักเรียนที่เป็นเพื่อนๆกลุ่มเดียวกับเจ้าชายก็คงจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ๆ งานนี้ดูเหมือนเพทายจะต้องรับศึกหนักล่ะค่ะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าล่ะก็จะรีบรายงานให้ทราบในทันที อย่าลืมติดตามฉบับหน้านะคะ’
เนื้อข่าวจบลงแค่นี้ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องไร้สาระที่ฉันไม่คิดจะสนใจ สายตาของฉันหันกลับไปมองเพื่อนทั้งสองคนก่อนจะพูดขึ้นมาเสียงเรียบ
“เป็นอะไรกันไปเนี่ย ทำไมไม่มองหน้าฉันล่ะ”
“ขอโทษนะครีม อย่าฆ่าเพิร์ทเลยนะ”
“เพี้ยนไปแล้วยัยเพิร์ท ทำไมฉันต้องฆ่าเธอด้วย”
ทั้งเพิร์ทและโชเซมองหน้าฉันอย่างแปลกใจ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ โชเซเป็นคนแรกที่ถามขึ้น
“ไม่โกรธเหรอ”
“โกรธอะไร”
“ก็ที่ปิดเรื่องนี้”
ว่าแล้วก็ชี้มือไปที่หนังสือพิมพ์โรงเรียนที่ถูกวางทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่มีใครสนใจ ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ
“โกรธทำไม ถ้าพวกเธอไม่พยายามจะปิดฉัน ฉันก็คงจะไม่เจอหัวข้อข่าวนั่นในลอคเกอร์และไม่รู้เรื่องอะไร ชมรมหนังสือพิมพ์ก็จะยังมีชีวิตต่อไปอีกนาน แต่นี่เพราะฉันรู้แล้ว ดังนั้นต้องขอบใจสิที่หาเหตุให้ฉันปิดชมรมขี้กะโล้นี่ได้สักที!”
ฉันแค่นหัวเราะก่อนในขณะที่เพื่อนทั้งสองคนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากยิ่ง ฉันหันไปมองหน้าโชเซก่อนจะกอดคอของเพื่อนอย่างที่ชอบทำเวลาต้องการที่พึ่ง
“เค้ก? เป็นอะไรรึเปล่า”
“ขอบใจนะที่ยังอยู่ข้างฉัน ยังเป็นเพื่อนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฉันเจ็บปวด”
โชเซวางมือลงบนผมของฉันและลูบมันเบาๆในขณะที่เพิร์ทก็เข้ามากอดฉันเอาไว้อีกที ดูเหมือนยัยเพื่อนคนสวยจะร้องไห้ออกมาด้วยล่ะ
“โชเซจะทิ้งเค้กได้ไง ก็เค้กน่ารักขนาดนี้นี่นา”
“เพิร์ทเองก็ทิ้งครีมไม่ได้หรอก!ก็ครีมยังสวยน้อยกว่าเพิร์ทอยู่เลยนี่”
เพิร์ทพูดเสียงสั่นทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวเลยแม้แต่น้อย นี่คือวิธีการปลอบใจของยัยนี่แต่แค่นี้แหละ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉันซึ้งใจ เพราะฉันรู้ว่าทุกสิ่งที่ยัยพวกนี้ทำคือการปลอบประโลมให้ฉันเข้มแข็ง...
“จะทำยังไงกับพี่คีตาอ่ะ ครีม”
เพิร์ทถามพลางมองหน้าฉันอย่างกังวลใจ คงอยากให้เรื่องงี่เง่านี้มันจบลงเร็วๆสินะ
“นั่นสิ”
โชเซเองก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน เพราะนอกจากจะไม่ยอมปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแล้วยังกอดแน่นกว่าเดิมอีกด้วย
“ไม่ต้องห่วง ยังไงยัยนั่นก็พี่สาวฉัน แค่จะสั่งสอนให้รู้ว่า กำลังเล่นกับใครอยู่ก็เท่านั้นเอง”
“แล้วพี่เพทายล่ะ”
“ฉันไม่คิดจะสนใจคนแบบนั้นตั้งแต่แรกเล้ว”
จบประโยคการสนทนาเมื่อความเงียบเข้าครอบงำฉัน...ท่ามกลางเพื่อนสนิท สมองอันปลอดโปร่งได้สร้างกลไกแห่งการสำเร็จโทษขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์.....
“เป็นอะไร เงียบไปนะ”
“กำลังคิดว่า จะฆ่าตัวตายยังไงดีน่ะสิ”
“เฮ้ย! ชีวิตมีค่าอย่าเล่นบ้าๆนะเว้ย”
“ปัญญาอ่อนไปมั้ย พูดเล่นหรอก”
ฉันว่าพลางยีผมคนตัวสูงกว่าอย่างเพิร์ทให้พองฟูซึ่งเจ้าตัวทำหน้ายุ่งแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากบ่นพึมพำ
“ก็เค้กทำหน้าซะจริงจังนี่”
“รู้น่าว่ารัก”
ฉันว่าพลางสวมกอดเพื่อนสนิทแล้วหัวเราะออกมาให้ยัยเพิร์ทสบายใจ จะว่าฉันเป็นคนโชคดีมากก็ว่าได้ เพราะในบรรดาคนที่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน มีแค่เพิร์ทและโชเซเท่านั้นที่ไม่อยากเป็น และเพราะยัยพวกนี้รักฉันมาก เราถึงได้เป็นเพื่อนกัน ในจำนวนเพื่อนที่น้อยนิดนี่ อย่างน้อยฉันก็มีเพื่อนแท้ที่ฉันมั่นใจได้ว่าจะไม่มีวันหักหลังฉัน...
“ครีมจ๊ะ มีคนมาหาหน้าห้อง”
“ขอบใจนะ”
“จำเราได้มั้ย ”
“จำได้ชื่อซินดี้สินะ เพิร์ทปล่อยครีมก่อน ใครมาหาก็ไม่รู้เนี่ย”
ฉันพูดกับเพิร์ทอย่างไม่สนใจยัยซินดี้อะไรนั่นสักนิด ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้โอกาสพวกเขานะ แต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมาสอนฉันว่า ถ้าลองยัยพวกนี้พูดแบบนี้ทีไรต้องมีเรื่องของโกโชเข้ามาเกี่ยวด้วยทุก
“อาทิตย์หน้าฉันจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้าน ยังไงก็ไปให้ได้นะจ้ะ เชิญพี่โกโชด้วยเลยแล้วกัน”
เห็นมั้ยล่ะ ฉันบอกแล้ว
“ขอบใจนะ ขอบใจมากเลยแล้วจะบอกโกโชให้นะ เพิร์ทปล่อยก่อนๆๆ โชเซเอาเพิร์ทออกไปหน่อย”
ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากโชเซเมื่อนอกจากยัยเพิร์ทจะไม่ยอมปล่อยแล้ว ยังกอดเอวฉันแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก ส่วนโชเซนอกจากมันจะไม่ช่วยยังมีหน้ามาร่วมวงกอดฉันมาราธอนได้หน้าตาเฉย!เฮ้ย! ขอความช่วยเหลือนะเฟ้ยไม่ใช่ให้มาซ้ำเติม!
“งั้นไปก่อนนะจ้ะ ยังไงก็มาให้ได้นะ”
“จ้ะๆ เพิร์ท...โชเซ.... ปล่อยเว้ย! ใครมาหาไม่รู้ไปดูก่อน”
ฉันผลักเพื่อนซี้ที่กำลังพยายามกอดฉันให้แน่นจนหลุดทั้งสองคนแล้วใช้จังหวะนั้นดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ทั้งโชเซและเพิร์ทต่างก็หัวเราะจนน้ำตาเล็ด ตลกตายละ!
“อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าใครมา ไปดูสิ”
“อาจจะเป็นพี่คีตามาขอโทษก็ได้นะ”
“ไม่มีทางหรอก โชเซ นายเพ้อไปแล้วเพื่อน”
“แต่ถ้าเป็นพี่คีตาจริงๆล่ะ”
“หึ!ก็จะเล่นให้สนุกเลยไง ถามได้”
“เบาๆมือหน่อยก็ดี คนนี้น่าทะนุถนอมไม่ใช่เหรอ”
“อย่าห่วง”
ฉันว่าพลางเดินออกนอกห้องเรียน คาบนี้อาจารย์มีประชุมกันทั้งโรงเรียนนั่นทำให้พวกเราว่างอีกแล้ว ครูโรงเรียนนี้นี่ยังไงนะ วันๆเอาแต่ประชุมเดี๋ยวนักเรียนก็เคี้ยวหญ้าแทนข้าวหรอก
“ว่าไง ยัยเปี๊ยก”
ฉันมองคนที่ไม่คิดว่าจะโผล่มา อันที่จริงก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนักหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาจะมาในสภาพที่ดูแย่มากขนาดนี้ ปากแตกบวมช้ำ หางคิ้วที่ยังมีรอยเลือด ชุดนักเรียนที่เคยดูดีตลอดเวลากลับกลายเป็นว่ายับเยินยิ่งกว่าไปฟัดกับหมามาซะอีก...วันนี้คุณชายกลายร่างรึไงนะ หรือหมอนั่นจะมีคู่แฝด
“ก็ไม่ว่ายังไง นายมาทำอะไรที่นี่”
ฉันตอบด้วยเสียงเรียบ เพราะเรื่องในวันนั้นฉันยังเคืองไม่หาย ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของหมอนี่ที่ไม่รู้เรื่องแผนของพี่คีตา แต่ยังไงๆเขาก็เป็นต้นเหตุเพราะดันไปหว่านเสน่ห์ใส่พี่สาวฉันจนเพี้ยนถึงขั้นอยากให้ฉันกับหมอนี่ญาติดีกันและออกอาการบ้าๆอย่างการวางแผนวันนั้น
“พอจะว่างคุยมั้ย”
“ฉันไม่ว่างหรอก ขอตัวนะ”
ฉันตอบแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เพทายกลับจับแขนของฉันเอาไว้แน่น ฉันมองไปที่แขนและหันกลับมามองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง น่าแปลกที่คราวนี้สายตาของเขาก็จริงจังไม่แพ้กัน
“ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละว่าว่างรึเปล่า เพราะฉันรู้ว่าเธอว่าง แต่ถึงไม่ว่าง ฉันก็จะต้องพูดกับเธอ”
“ฉันไม่อยากพูด”
“อ๋อแน่ล่ะว่าเธออยาก เพราะเรื่องนี้มีคีตาเข้ามาเกี่ยวข้องและถ้าเธอไม่อยากให้เพื่อนๆได้ยินก็ตามมาดีๆ”
ฉันจ้องหน้าเพทายนิ่งก่อนจะสะบัดแขนแล้วยิ้มเยาะ
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะเกี่ยวรึเปล่า แต่ถ้าฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่”
“เธอนี่มันดื้อจริงๆสิน่า!ถึงจะไม่อยากทำแบบนี้ก็เถอะ ขอโทษด้วยแล้วกันถ้าจะโทษก็โทษตัวเองซะที่ไม่ยอมมากับฉันดีๆ!”
ฉันยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจกับประโยคที่ว่า โทษตัวเองอะไรนั่น เพทายก็จัดการอุ้มฉันพาดบ่าแล้วเดินออกมา...อุ้ม? มะ...หมอนี่อุ้มฉันพาดบ่า?!! ต่อหน้าเพื่อนในห้อง!!!!
“ปล่อยนะ!บอกให้ปล่อยไงไอ้รุ่นพี่บ้ากาม!!!”
“สติกลับมาแล้วเหรอยัยเปี๊ยก!แต่ขอโทษที่ปล่อยไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยก่อนถึงที่หมายนอกจากฉันจะไม่ได้เคลียร์กับเธอแล้ว ดีไม่ดีเธออาจแผลงฤทธิ์ใส่ฉันก็ได้”
“แล้วคิดว่าถ้าฉันลงไปได้ฉันจะไว้ชีวิตนายรึยังไง!!”
“เอาวะ!ยอมให้ฆ่าเลยถ้าก่อนตายได้เคลียร์กัน”
เพทายพาฉันมายังห้องเรียนว่างๆของปี 3 เขาวางฉันลงที่โต๊ะอาจารย์และทันทีที่เป็นอิสระ ฉันก็ถีบที่หน้าท้องของเขาเต็มแรง
“โอ๊ย!!ผู้หญิงบ้าอะไรวะ ชอบลงไม้ลงมือ”
“นาย...ตายซะ!!”
ฉันกระโดดลงจากโต๊ะและจู่โจม ขั้นแรกฉันเตะเข้าที่ชายโครงก่อนจะสวนที่หน้าของเขาอีกหนึ่งหมัดและก่อนที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เพทายก็ยกมือขึ้นขวาง
“หยุดก่อนๆ คุยกันให้รู้เรื่องก่อนแล้วค่อยต่อย”
“ไม่มีอะไรจะคุยเว้ย!”
ฉันว่าแล้วถีบเข้าที่ท้องจนเขาล้มลงไปกองกับพื้น สภาพที่สะบักสะบอมอยู่แล้วยิ่งเละไปกันใหญ่ เดี๋ยวสิ ทำไมหมอนี่ถึงได้มาหาฉันในสภาพที่จะทำให้ฉันถากถางได้ง่ายๆอย่างนี้ล่ะ
“ทำไมคุณชายอย่างนายถึงได้กล้ามาหาฉันในสภาพนี้”
ฉันหยุดการโจมตีแล้วยืนกอดอกมอง เพทายที่นั่งหอบอยู่เงยหน้าขึ้นก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“นึกว่าจะไม่ถามแล้วซะอีก เห็นต่อยเอาๆ โอ๊ย!!เตะทำไมอะ”
“ถ้าถามก็อย่ามาลีลามาก ตอบๆมา”
ฉันว่าแล้วจ้องเขาด้วยสายตาหงุดหงิด สภาพนี้แล้วยังมีหน้ามายอมให้ฉันชก คิดจะอ่อนข้อให้ฉันรึยังไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะยอมให้ชนะงั้นเหรอ นายจะดูถูกกันมากไปแล้วนะ
“ฉันมีเรื่องมานิดหน่อย”
“ไม่หน่อยละมั้งกับสภาพแบบนี้ ไปโดนอะไรมา”
“โดนรุม แต่ก็อย่างว่าระดับนี้แล้วจะแพ้ให้เสียชื่อได้ไงล่ะ จริงมั้ย โอ๊ย!คราวนี้เตะทำไมอีก?!!”
“โม้อยู่นั่นแหละ ใครมันรุม”
“ชมรมหนังสือพิมพ์”
หลังจากที่ยึกยักสักครู่ เพทายก็ยอมบอกแต่โดยดี ก็ลองไม่ตอบสิ มีหวังได้ตายก่อนที่ฉันจะได้รู้เรื่องแน่ๆ
“ชมรมหนังสือพิมพ์?”
“มันลงข่าวมั่วๆฉันก็เลยไปต่อยมันมา ฮะๆ”
“- _ -;”
“ก็นะ พอดีพวกมันเยอะกว่าเลยได้แผลมาด้วย แต่ว่าฉันชนะนะก็เลยสั่งปิดชมรมไปซะเลย”
“-_-;”
“อย่าบอกพี่ชายเธอน้า~”
“-_-+”
“เดี๋ยวพวกพี่เค้าโกรธเอา เหอะๆ...”
“งี่เง่า”
“หา...”
“ฉันบอกว่านายมันงี่เง่าไงละเว้ย!!”
พลัก!!
ฉันปล่อยหมัดตรงส่งไปยังคนบ้าที่ก็ไม่รู้สถานะของตัวเองเอาซะเลย ข่าวมันออกมาว่าฉันไปบอกรักหมอนี่กลางโรงอาหารแล้วนายวิ่งโร่ไปต่อยตีกับคนเขียนข่าว...เหอะๆ ดีจริงๆ ดีจริงๆเลยสิคราวนี้มันจะได้ลงข่าวให้หนักกว่าเดิม!!!
“อะไรเนี่ย”
“นายมันงี่เง่า!!”
“หา...งงนะเนี่ย”
“ไปหาเรื่องเขาทำไม นั่นมันหน้าที่ฉันใครใช้ให้ไปตัดหน้าวะ แล้วดูสารรูปตัวเองสิ!!ปกติก็ดูไม่ได้อยู่แล้วนี่ยิ่งทุเรศหนักเข้าไปอีกคิดอะไรอยู่กันแน่ฮะ!!”
“ถ้าคิดจะปลอบก็อย่าด่าเดะ”
เพทายว่าพลางทำปากขมุบขมิบแต่แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เจียมสังขารว่าปากแตกนั่นเรียกเลือดให้ไหลออกมา
“ดีใจนะที่เธอยังคุยกับฉัน”
“นี่มันไม่ได้เรียกว่าคุยเว้ย!คนอย่างนาย...คนอย่างนายนี่นะ! ต้องทำยังไงถึงจะเลิกกวนประสาทฉันสักที!!”
ฉันว่าแล้วเตะเขาไปอีกสองทีอย่างโมโห ก็ดูสิ ขนาดโดนเตะแรงๆจนแทบกระอักเลือดแบบนี้ยังมีหน้ามายิ้มให้ฉัน...ยิ้มอย่างนั้นเหรอ นายยิ้มเพื่ออะไรไม่ทราบ หัดเจียมบอดี้ซะบ้างนะไอ้น้อง!
“แล้วแผลที่มือเป็นไง”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะไอ้บ้า!”
ฉันต่อว่าเขาอย่างโมโห และก็เหมือนเคย เขาเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะมากวนประสาทฉันเท่านั้น
“นายจะกวนฉันอีกนานมั้ย หรือต้องตายก่อนถึงจะจำ”
“ก็บอกแล้วไงว่าขอเคลียร์ก่อนและจะยอมให้ซ้อมจนตาย”
“เรื่องไร้สาระอะไรจะพูดก็รีบๆพูด พูดให้หมดลมแล้วรีบไปห้องพยาบาลด้วย”
ฉันว่าแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ยังไม่ล้มไปกับกองที่ระเนระนาด เพทายมองฉันอย่างแปลกใจก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วทำหน้าซีเรียส
“เรื่องคีตา”
“ทำไม พี่คีตาทำไม”
“คีตาบอกว่าเธอไม่กลับห้องมาเป็นอาทิตย์แล้ว”
“แล้วไง ไม่เข้าใจในสิ่งที่นายต้องการจะสื่อ”
“ฉันรู้ว่าเธอโกรธนะ ยัยนั่นก็เสียใจที่ทำแบบนั้น คีตาร้องไห้มาทั้งอาทิตย์เลยนะครีมเค้ก เธอบอกว่ารักยัยนั่นมากไม่ใช่รึไง ทำไมทำให้พี่สาวเสียใจอย่างนั้นล่ะ”
เพทายต่อว่าฉันด้วยหน้าตาคิ้วขมวด และนั่นทำให้ฉันรู้สึกทึ่งนิดหน่อย อย่างน้อยๆหมอนี่ก็ห่วงและแคร์พี่คีตามากพอจะกล้ามาหาเรื่องฉันทั้งที่เรื่องมันยังมาคุอย่างนี้
“นายน่ะ...ชอบพี่คีตามั้ย”
“หา?”
“ถามว่าชอบรึเปล่า”
“คีตาก็เป็นคนดี นิสัยก็ดี หน้าตาก็ดี ใครๆก็ชอบทั้งนั้นแหละ แต่เฮ้ย!นี่มันไม่เกี่ยวกับที่เราคุยกันเลยนะเว้ย!”
“ปากมาก”
ฉันจับใบหน้ายับเยินนั่นให้หันไปมาเพื่อสำรวจความเสียหายอีกทั้งยังเป็นการทำให้เพทายหุบปากลงไปได้พักใหญ่ ระหว่างที่เขากำลังสงสัยว่าฉันทำอะไรฉันก็ก้มลงมองดูรอยเลือดแล้วล้วงเอาปาสเตอร์ออกมา ก็อย่างที่บอกเพราะฉันมีเรื่องบ่อยต้องมีของแบบนี้ติดไว้สักหกเจ็ดอัน
“หน้าตายับแบบนี้ ยิ่งดูยิ่งชวนให้นึกอยากซ้ำเติมนะเนี่ย”
ฉันว่าเรียบๆก่อนจะค่อยๆติดปาสเตอร์ลายกระต่ายสีฟ้าไปตามแผลต่างๆอย่างชำนาญ
“อารมณ์ไหนเนี่ย”
“ช่วยแล้วก็หุบปากซะมั่งเหอะ ก่อนจะไม่มีปากไว้เกี้ยวสาว”
“ฉันไม่ได้เจ้าชู้แล้วนะ”
“ก็ดีแล้วนี่”
“ตั้งแต่เจอกับ...เธอ”
“เหอะๆ”
“ไม่เชื่อเหรอ”
เพทายถามอีกครั้งเมื่อฉันหัวเราะออกมาเบาๆ
“เปล่าหรอกแค่ไม่เข้าใจว่านายจะมาบอกฉันทำไม”
“ไม่เข้าใจจริงๆน่ะเหรอ”
“เออสิวะ”
ฉันสวนกลับไปอย่างลืมตัว เพทายจ้องหน้าฉันนิ่งจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกจนกระทั่งฉันติดปาสเตอร์ครบทุกแผล คนที่พี่สาวคนสำคัญของฉันจะคบด้วยต้องหน้าตาไม่ทุเรศและเพราะหมอนี่มันอวดเก่งไปท้าบู้กับชมรมหนังสือพิมพ์เพราะเรื่องของฉัน ฉันเลยต้องรับผิดชอบ อย่าได้คิดไปไกลถึงขั้นที่ว่าฉันจะเริ่มรู้สึกดีๆกับหมอนี่ ไม่มีทาง
“ฉันอยากเริ่มใหม่จริงๆนะยัยเปี๊ยก เพราะอย่างน้อยๆ...”
“อย่างน้อยอะไร”
“อย่างน้อยๆเธอกับคีตาก็จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน”
เหตุผลของเพทายทำให้ฉันชะงัก ถึงเขาจะชอบกวนประสาท แต่อย่างน้อยเขาก็แคร์พี่คีตาที่สุด แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องไปขัดขวางอีกล่ะ ฉันไม่ได้มีสิทธิ์ขนาดนั้นและถ้าหากว่าสองคนนี้จะไม่ได้คบกัน ต้องไม่ใช่เพราะฉัน
“ยัยเปี๊ยก ฉันขอโทษ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่ฉันชอบกวนประสาท เรื่องที่ฉันทำไว้เมื่อปีที่แล้ว”
“เรื่องแบบนั้น ฉันไม่จำไว้ให้รกสมองหรอก”
“งั้นแสดงว่าเธอหายโกรธฉันแล้วเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ใช่มั้ย”
“อย่าตั้งความหวังไว้สูงอย่างนั้นเลยเพทาย...”
ฉันว่าเสียงเรียบแล้วยิ้มออกมา เพทายทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ
“เพราะฉันถึงแม้ไม่จำ เรื่องบางเรื่องฉันก็ลืมไม่ได้ นายแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดและดูแลคนที่นายชอบให้ดีที่สุด เท่านั้นก็เพียงพอที่ฉันจะพูดกับนายแล้ว”
“ยัยเปี๊ยก...”
“ไอ้รุ่นพี่บ้า!ฉันชื่อครีมเค้กต่างหาก หัดจำไว้บ้างเซ่!”
ฉันว่าแล้วโยนกระดาษปาสเตอร์ใส่หน้าเพทายที่ดูเหมือนจะงงกับฉันที่วันนี้มีหลายโหมดเกินไป
“เย็นมากแล้วกลับหอไปกินยาแก้ปวดด้วย อ้อ!แล้วที่ช่วยก็อย่าได้คิดไปไกล ฉันจะเก็บไว้เยาะเย้ยนายทีหลัง”
ฉันพูดดักเอาไว้เพื่อไม่ให้เพทายคิดว่าฉันกับเขามีอะไรที่เปลี่ยนแปลง แน่ล่ะว่ามันก็ออกจะมีอะไรไม่ปกติสักอย่าง แต่จุดเล็กๆจุดเดียวไม่ได้ทำให้อะไรทั้งหมดเปลี่ยนแปลงได้หรอก จะบ้ารึไง ตีกันมาเป็นปีถ้าจู่ๆฉันเลื่อนขั้นให้เขา ไม่เป็นยอดตุ๊กแกแล้วรึ!!
“ไปนานจังนะ”
“โชเซอย่าหาเรื่อง”
ฉันดักทางเอาไว้ก่อนที่ริมฝีปากบางๆนั่นจะพูดอะไรออกมา โชเซหัวเราะเครียดๆแล้วเดินตามฉันขึ้นบันได แต่เดี๋ยวนะ ถ้าถึงขั้นที่ว่าโชเซมาดักรอถึงหน้าบันไดแสดงว่าข้างในห้องต้องเกิดความวุ่นวายอะไรสักอย่างหรือไม่ก็....
“โชเซ...”
“เออ...”
เพียงสองคำก็เข้าใจในความหมาย ถ้าฉันหลบไปตอนนี้จะทันมั้ยนะ ดูท่าจะไม่ทันซะแล้วเพราะทันทีที่ฉันทำท่าจะหันหลังลงบันไดไปก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาจับไหล่เอาไว้ซะก่อน
“มาทำอะไรที่นี่อ่ะ”
ฉันทำเนียนถามก่อนจะยิ้มหวานสู้หน้านิ่งๆที่น่ากลัวกว่าตอนทำหน้าโมโหซะอีก
“เคยบอกแล้วไงว่าไม่ให้มา เดี๋ยวก็ยุ่งอีก”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง
“ว่าไงคะ โกโชมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“ได้ยินว่าไปกับเพทายมา”
“ใครไปพูดอะไรให้ฟัง ไม่ได้ไปด้วยสักหน่อย”
เพราะที่จริงแล้วมันอุ้มฉันพาดบ่าแล้วเดินไปเลยต่างหาก แบบนั้นคงไม่เรียกว่าไปด้วยกันหรอกเนอะ
“ไหนว่าไม่ชอบมันไง ไหนว่ายังไงก็ญาติดีด้วยไม่ได้ ไม่สนใจ แล้วทำไมไปด้วยกัน”
“แล้วเค้กแสดงออกตรงไหนว่าชอบเพทายเนี่ย!”
“แล้วไปด้วยกันได้ไง”
“ก็เขามาขอคุยด้วยอะ”
“มันพูดอะไรบ้าง”
โกโชมองหน้าฉันด้วยสายตาคาดคั้น เจอไม้นี้เข้าไปไม่กล้าเล่นเลยเหอะ
“ว่าไงน้องครีมเค้ก”
ถ้าลองเรียกชื่อเต็มยศอย่างนี้แสดงว่าโกรธจัด แล้วทำไมฉันถึงไม่พูดๆออกไปนะว่าไปเคลียร์กันมา แต่เดี๋ยวสิ ที่พูดไม่ได้เพราะโกโชยังไม่รู้เรื่องที่หนังสือพิมพ์โรงเรียนลงข่าวนี่ ถ้าขืนรู้ล่ะก็....
“เค้ก...คือว่า...ไม่มีอะไร...”
“อุ๊ย!พี่โกโชมาล่ะ นี่ๆพี่โกโชคะ เห็นข่าวนี่หรือ...ยัง...”
ยัยหน้าม้าหุ่นบางที่เข้ามาไม่ได้ดูบรรยากาศยื่นหนังสือพิมพ์โรงเรียนให้โกโชได้รับรู้ถึงข่าวสารข้างใน และดูเหมือนคนก่อเหตุจะรู้ตัวแล้วว่า หายนะจะมาเยือน
“คือว่า กิฟไปก่อนดีกว่า ลาล่ะค่ะ”
ฉันหันไปมองหน้าเพิร์ทกับโชเซให้ตามไปจัดการเพราะรู้ดีว่าตอนนี้ฉันคงไปไหนไม่ได้ สายตาพี่ชายน่ากลัวมากกว่าจะลองดีหนีไปง่า
“หมายความว่าไง อธิบายมา...เดี๋ยวนี้”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ น้องเค้กไม่ได้เป็นคนให้นะ”
“แต่ในรูปนี่มันน้องเค้กนี่”
“ก็ใช่แต่ดอกไม้นั่นมีคนฝากไปให้เพทายไง”
“ก็ทำไมต้องรับ”
“แง อย่าดุสิ ก็ๆ...คนให้ยัดใส่มือแล้วจะให้ทำไงอ่า”
ฉันว่าแล้วก้มหน้าลงสีตาให้แดงเหมือนกำลังจะร้องไห้ ลองโกโชดุขนาดนี้ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ ยังไงก็ไม่ฟัง ยังไงก็ไม่เลิกคุย ยังไงก็ไม่เลิกดุ
“เฮ้ย!ร้องไห้ทำไมคะ ไม่เอาๆ ไม่ร้อง...”
“ก็โกไม่ฟังอะ ดุๆไม่ฟังอะไรสักอย่างเลยอะ”
“ก็ฟังนี่ไงคะ กำลังฟังอยู่นะ ขอโทษที่ดุนะคะ โอ๋ๆ”
โกโชเปลี่ยนสีหน้าโหดๆกลายเป็นสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาที่ไหลออกมายิ่งทำให้เขาใจอ่อน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบวิธีการพวกนี้เท่าไหร่แต่บางทีเราก็ต้องใช้บ้างนานๆครั้งเพื่อเอาตัวรอด ครั้งนี้เค้กขอโทษแล้วกันนะคะ น้ำตาเทียมนี่ดูเหมือนจะให้น้ำตามากเกินไปแล้วแฮะ ช่างเหอะ
“ก็วันนี้เพทายมาคุยด้วยเรื่องเนี่ย หมอนั่นไปตีกับคนในชมรมหนังสือพิมพ์มาเพราะมันลงข่าวมั่วซั่ว กลัวโกโชรู้แล้วเรื่องมันจะไม่จบ ตอนนี้ชมรมนั้นก็ปิดไปแล้ว หมอนั่นเลยมาบอกข่าว”
“แล้วเมื่อกี้จะวิ่งหนีโกทำไม เห็นอย่างนั้นก็เลยนึกว่ามีเรื่องน่ะสิ”
โกโชว่าแล้วเช็ดน้ำตา(ปลอมๆ)ของฉันอย่างอ่อนโยนแล้วส่งยิ้มให้ ทันทีที่รู้ว่าพี่ชายอ่อนลง ฉันก็เลยถือโอกาสนี้ต่อว่าซะเลย
“ก็โกโชงี่เง่าอ่ะ มาถึงนี่เพราะเรื่องแค่นี้ มันไร้สาระและงี่เง่าเอาโล่รู้บ้างมั้ย!!”
ฉันว่าเมื่อพี่ชายเริ่มทำท่าโอ๋และพยายามจับแก้มของฉัน นั่นทำให้ยัยพวกผู้หญิงบ้าผู้ชายส่งเสียงกรีดร้องออกมาเบาๆ ฉันรู้ว่ามันน่ารักมากเลยเวลาพี่ชายอ้อนแต่ฉันเริ่มจะทนกับสายตาของคนในหอไม่ไหวแล้วนะ จะจ้องให้โกโชท้องเลยรึไง!หรือกิตติศัพท์ของฉันมันยังไม่พอจะทำให้พวกเธอถอยห่าง!!
“งี่เง่าตรงไหน ไอ้ทายไว้ใจไม่ได้ปั้นมันมากับมือทำไมจะไม่รู้”
โกโชว่าทั้งๆที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากแก้มของฉัน รู้ตัวซะบ้างสิว่าตัวพี่ชายน่ะโตกว่าฉันเกือบเท่านึงเลยนะ
“ก็นั่นแหละที่เรียกว่างี่เง่า”
“แล้วมันทำอะไรน้องเค้กป่ะ”
“อยากรู้ไปดูสภาพของคนที่โกถามถึงสิ ฝ่ายโน้นต่างหากมั้งที่ควรจะห่วง”
ฉันว่าแล้วจับแก้มพี่ชายคืน หน้าตาโกตอนนี้น่ารัก น่าหมั่นเขี้ยวเป็นบ้า ใครใช้ให้เกิดมาหน้าตาดีไม่ทราบ
“ก็โล่งใจไป”
“โล่งแล้วก็กลับไปได้ละ”
ฉันบอกพี่ชายพลางชี้ไปยังทางออก โกโชบู้ปากก่อนจะพูดเสียงงอแง...เด็กทำก็ดูดีหรอก แต่ผู้ชายตัวสูงร้อยแปดสิบกว่าๆมาทำนี่...เขาคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กันนะ นี่เคยคำนึงถึงส่วนสูงและหน้าตาก่อนทำรึเปล่าเนี่ย
“ไล่เลยนะคะ น้องสาวสุดที่รัก นี่พอได้ยินข่าวก็รีบมาหา แทนที่จะดีใจกลับรีบไล่เฉยเลย”
“เปล่า...ไม่ใช่อย่างนั้น”
ฉันพูดพลางจับแก้มของพี่ชายให้หันมามองหน้าฉันอย่างทุลักทุเล...ก็อย่างว่าส่วนสูงมันต่างกันต้องทำใจ
“ที่ให้กลับเพราะเค้ก...หวงโกนะ”
“หวงทำไมล่ะ”
“เคยบอกโกแล้วไงว่าไม่ให้มา เนี่ยดูสิมีแต่คนมุง เค้กก็หวงพี่ชายนะ”
“อ่าโห...ทำไมวันนี้พูดจาน่ารักจังเนี่ย”
“ไม่ขำนะ”
“ทำไมล่ะ”
“เค้กจะงอนโกจริงๆด้วย ฮึ!”
ก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ทันทีที่ฉันเดินเข้าห้องโชเซไปเสียงกรี้ดอันมหาศาลก็กระหึ่มขึ้นในทันทีพร้อมๆกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ฉันเองก็ได้แต่ระอา
“น้องเค้กกก!!!ช่วยโกด้วยยย!!!”
ความคิดเห็น