คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : สัญญาเกี่ยวก้อย
“ขอบคุณคร้าบ~ ว่าแล้วว่าเชื่อมือเธอได้แน่ๆ”
ผู้ชายที่ตัวโตยังกับตึกกำลังกระโดดตบมืออย่างดีใจ พร้อมทำตาลุกวาวเมื่อตอนที่ฉันส่งห่อของสีชมพูหวานผูกริบบิ้นพร้อมเสร็จ น้ำเสียงเริงร่ามาพร้อมกับสีหน้ายินดีที่ได้ยิน ทำให้ฉันรู้สึกทั้งดีใจที่ทำให้หมอนี่ยิ้มได้และรู้สึกหงุดหงิดเพราะรอยยิ้มที่ฉันกำลังได้รับมันมีไว้สำหรับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่ก็แค่นึกหงุดหงิดเท่านั้นแหละ
“มันคืออะไรเหรอ”
“สร้อยคอ”
“มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมมั้ย”
“ยังจะเอาอะไรอีก แค่นี้ไม่พอรึไง”
“เอาน่า ถือเป็นเซอร์วิสให้ฉันหน่อยสิ การบ้านเธอมันก็หนักเอาการนะ”
เซโร่ยิ้มแฉ่งอย่างทะเล้น ก่อนจะพลางมองห่อของในมืออย่างปลื้มใจ
“ทริคมันอยู่ที่ดอกกุหลาบสีชมพูตามจำนวนอายุของยัยนั่นจากนั้นให้กล่องเปล่าก่อน เสร็จแล้วค่อยใส่ให้ทีหลัง พูดประโยคซึ้งๆบอกรักตอนเที่ยงคืน”
“ทำไมรู้ดีจังฮะเรื่องพวกนี้น่ะ”
“ถามจากโซลน่ะสิ จะไปรู้มาจากไหนล่ะ”
“ไปร้านมันมาเหรอ”
“อืม”พูดได้เพียงแค่นั้น เราสองคนก็ได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไร
“โซล ไม่มาโรงเรียนนานแล้วเหมือนกันนะ”
“งานเยอะน่ะ นี่ก็ไม่กลับบ้านมาสองอาทิตย์แล้ว”
“นั่นสิน้า ไอ้บ้านั่นน่ะ ทำเป็นอยู่สองอย่าง งานกับงาน ฮ่าๆ”
“โซลบ่นถามหาอยู่ ว่างๆก็แวะไปหาบ้างแล้วกัน”
“อืม...ก็ว่าจะพาเทียนหอมไปซื้อของร้านมันอยู่นะ”
“....”
“นี่ ที่เอาแต่เงียบแบบนี้ คงไม่ใช่โกรธที่ฉันเอาพูดแต่เรื่องของเทียนหอมหรอกใช่มั้ย”
“ก็ไม่นี่ ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”
“ก็...เดี๋ยวนะ...”
สายตาของเซโร่มองมายังกำไลที่ข้อมือของฉันพร้อมส่งสายตาเป็นเชิงคำถามมาให้
“โซลให้มา”
“ของขวัญเหรอ? ทำไมอยู่ๆหมอนั่นถึง....”
เซโร่ชะงักเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะเงียบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันว่าฉันพอจะเดาได้นะว่าเขานึกได้แล้วว่าเมื่อวานเป็นวันอะไร และคงจะรู้แล้วด้วยว่าตัวเองลืมถึงได้ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“อาทิตย์หน้า เราก็จะสอบกลางภาค เสร็จแล้ว อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็คงต้องแยกย้ายไปเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องเรียนแล้วเนอะ”
“....”
“เร็วจนน่าใจหายเลย อีกไม่นานพวกเราก็ต้องแยกจากกันไปแล้วสินะ”
ฉันเหลือบมองเซโร่อย่างไม่ได้ตั้งใจ นัยน์ตาแสนเศร้าทอดมองมาที่ฉันอย่างที่ทำให้ใจรู้สึกวูบไหว บางที...อาจเป็นความอ่อนโยนแบบนี้ ที่สามารถพัดผ่านเข้ามาสู่หัวใจที่ปิดตายของฉันจนเผลอเกิดความผูกพันที่มากกว่าคำว่าเพื่อน
“เธอจะคิดถึงฉันไหม?”
“นาย...”
“ว่าไง?”
รอยยิ้มที่ผุดขึ้นที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ทำให้ฉันอดแปลกใจไม่ได้ว่าเซโร่น่ะเหรอทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ หมอนี่มีอาการแบบนี้กับเขาด้วยรึไง
“จอมมาร...ยังไงก็เป็นจอมมารอยู่วันยังค่ำ ไม่มีหัวใจเหลือไว้ให้ใครผูกพันหรอก เซโร่”
ฉันหยุดทุกถ้อยคำที่เขาเตรียมจะพูด พร้อมๆกับหยุดทุกความรู้สึกที่ฉันกำลังจะเกิด ถ้าไม่อยากให้ตัวเองเจ็บ ก็อย่าเอาไปฝากไว้กับใคร อย่าปล่อยให้ใจล่องลอยไปกับความรู้สึกแบบนั้น
“ถึงเธอจะพูดแบบนั้น ฉันก็ยังอยากจะเป็นคนที่เธอคิดถึง...สักวินาทีหนึ่งก็ยังดี”
ก็ไม่ได้อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่...โอเค...ตอนนี้มันชักไม่เวิร์กค่ะ หัวใจเริ่มเต้นจนผิดปกติแถมยัง...ควบคุมไม่ได้อีกด้วย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไอ้ถ้อยประโยคเมื่อครู่จะมีผลกับตัวฉันมากมายขนาดนี้ เวลาที่ผู้หญิงแอบชอบใครสักคนนี่ มันสะกดความรู้สึกได้ยากขนาดนี้เลยเหรอไง และมันยิ่งสะกดยากเข้าไปอีกเมื่อสบสายตาคู่นั้นที่ทำให้ฉันเผลอคิดไปว่า บางที เซโร่เองก็อาจจะคิดเหมือนกัน...แต่มันก็คงเป็นแค่ความฝัน เพราะฉันรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางที่เซโร่จะเลิกรักเทียนหอม...ไม่มีทางที่เขาจะเห็นฉันในสถานะอื่น...หรือต่อให้เขาเลือกฉัน ฉันก็ไม่เอาเด็ดขาด
“ริช...”
ก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นช่วยชีวิตและทำลายความเงียบของพวกเรา ก่อนที่เซโร่จะวิ่งออกไปหน้าระรื่น ก็คงไม่พ้นเทียนหอมโทรมาตามอีกแหงๆ ฉันหลับตานั่งพิงกำแพงอย่างหมดแรง ใจดวงน้อยก็ยังไม่ยอมหยุดสั่นเลยสักนิด แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่า...ถึงเขาจะรักฉัน...ถึงเซโร่จะมองฉันเป็นผู้หญิงขึ้นมา...ฉันเองคงเสียดายเวลาที่เราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้เป็นที่สุด...
และฉันอยากให้เราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้...ตลอดไป
“บอกตัวเองไว้นะ ริชแบรนน์...ถ้าไม่อยากผิดหวังก็อย่าตั้งความหวังให้ตัวเองอีก”
...เลิกเรียน...
“เฮ้!ริช เดี๋ยวสิ”
ฉันหยุดเดินก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก เซโร่ที่เดินควงคู่มากับยัยเทียนหอมยิ้มระรื่นในขณะที่เด็กนักเรียนคนอื่นพากันก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าฉันเลยแม้แต่คนเดียว...ไม่ต้องแปลกใจหรอกมันเป็นเรื่องธรรมดา
“มีอะไร”
“วันนี้วันเกิดฉันน่ะจ้ะ”
เทียนหอมเป็นฝ่ายตอบคำถามพร้อมกับยิ้มหวานส่งมาให้ฉัน เรื่องนั้นถึงไม่บอกฉันก็รู้ สร้อยคอแสนสวยเข้ากันกับรอยยิ้มหวานๆนั่นอย่างที่ฉันคาดเอาไว้ไม่มีผิด แต่ว่าพอเห็นใบหน้าที่สวยใสดูไร้เดียงสาแบบนี้แล้วก็ให้นึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้วสิ ไม่มีอะไรหรอก เห็นท่าทางเอื่อยเฉื่อยใสซื่อแบบนี้แล้วมันดูน่ารำคาญน่ะ
“ไปงานเลี้ยงบ้านเทียนหอมกันนะ”
“ขอปฏิเสธ ฉันไม่ชอบออกงานสังคม”
“เฮ้ยๆ ใช้เวลาคิดสักนิดก็ได้มั้งเพื่อน”
“นะจ้ะ นะริชน้า ไปเถอะนะจ้ะ”
เสียงหวานออดอ้อนก่อนที่ปลายเสียงจะสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ จริงๆยัยนี่ก็ยังกลัวฉันอยู่นั่นแหละ แต่เพื่อไม่ให้เซโร่เป็นห่วงก็เลยทำเป็นไม่กลัวต่อหน้าฉัน เธอก็เหมือนคนอื่นๆที่กลัวในสิ่งที่คิดไปเอง
“ฉันไม่อยากไปให้งานมันเงียบเป็นป่าช้าหรอกนะ..”
“ฉันขอนะ”
เสียงขอร้องของเซโร่อีกแล้ว...ให้ตายสิ นี่คิดว่าพอตัวเองพูดพร้อมกับทำหน้าหมาน้อยแบบนี้แล้วฉันจะต้องไปใช่มั้ย จะต้องยอมใช่มั้ย?
“ไปเถอะ เทียนหอมอยากให้เธอไปจริงๆ”
“ถ้าฉันพูดว่าไม่ นั่นคือฉันตัดสินใจแล้ว”
“เถอะน่า ริช ไปเถอะนะ ถ้าเธอไม่ไปงานนี้ ฉันคงไม่สนุกแน่ๆ”
“นายก็มีเทียนหอมแล้วนี่”
“เพื่อนกับแฟนไม่เหมือนกันนะ ริช “
ฉันรู้ว่าสถานะมันต่างกัน และเพราะฉันรู้แบบนั้น ฉันถึงได้เลือกที่จะทำแบบนี้ ฉันรู้ดีถึงสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่...แม้ว่ามันอาจจะยากไปสักหน่อยก็เถอะ
“ฉันตัดสินใจไปแล้วว่าฉันจะไม่ไป จบนะ”
ฉันเลือกที่จะเดินจากมาและปล่อยให้เซโร่พูดปลอบใจเทียนหอมอยู่อย่างนั้น...ความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆกำลังแล่นไปทั่วหัวใจ แต่ไม่เป็นไร...แค่นี้ไม่ได้ทำให้ฉันเจ็บอะไรมากมายนักหรอก...
“ริช!รอเดี๋ยว”
เซโร่ที่วิ่งตามมาหยุดฉันเอาไว้พร้อมสีหน้าเหนื่อยหอบฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะวิ่งตามมาทำไมให้ตัวเองเหนื่อยเปล่า ในเมื่อถ้าฉันบอกว่าไม่ ยังไงก็คือไม่
“มีอะไรเซโร่”
“เธอไม่ได้โกรธอะไรฉันหรอกใช่มั้ย”
“เปล่านี่”
“งั้นสัญญามาก่อน ว่าเธอจะไม่โกรธฉัน”
เซโร่ยื่นนิ้วก้อยมาให้พร้อมยักคิ้วกวนๆ รอยยิ้มทะเล้นประดับที่ใบหน้าเหมือนอย่างเคย ใบหน้าที่ชวนให้ใจฉันสั่น...ใบหน้าเดิมที่เคยทำให้อะไรๆมันเปลี่ยนไปในวันนั้น
“ทำอะไรเป็นเด็กๆน่า บอกว่าไม่โกรธก็ไม่โกรธสิ”
“ไม่เอาสิ!สัญญาเกี่ยวก้อย ไม่งั้นไม่เชื่อ><”
ท่าทางน่ารักๆนั่นมันอะไร ผู้ชายรอบตัวฉันนี่มันอะไรกัน คนหนึ่งก็แรด อีกคนก็ชอบแอ๊บแบ้ว ที่ทำอยู่นี่เพื่อให้ฉันยอมใจอ่อนใช่มั้ยเนี่ย -^-
“เอ้า!พอใจรึยัง” ฉันยื่นนิ้วเข้าไปเกี่ยวก้อยกับนิ้วของเขา เซโร่ทำตาโตก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“พูดด้วย พูดเลย สัญญาอะไร”
“เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป”
“ฮะ?!! ไม่ใช่ที่ตกลงกันไว้นี่”
“ต่อให้ฉันจะโกรธนายยังไง ก็ยังจะเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ สัญญาแบบนี้ ไม่ดีตรงไหน”
“เจ้าเล่ห์นักนะ” เซโร่ย่นจมูกพลางบ่นพึมพำแต่ก็ยิ้มกว้างล็อคนิ้วเกี่ยวก้อยไว้กับฉันและเขย่าสัญญาแบบเดียวกับที่เราเคยทำเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ
“สัญญาเกี่ยวก้อยกันแล้วน้า เป็นเพื่อนกันตลอดไป ใครผิดสัญญาต้องกลืนเข็มพันเล่ม^^”
ฉันผิดสัญญาตั้งแต่ก่อนสัญญาแล้วล่ะเซโร่....
ความคิดเห็น