ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Secret of heart ความลับหัวใจของยัยจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 :ของขวัญวันเกิด

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 57


    หน้าห้างP ย่านความบันเทิง สถานที่รวบรวมความเริงรมย์ทุกรูปแบบเอาไว้อย่างครบถ้วน

    ...ฉันกับเซโร่ยืนรอเทียนหอมมาห้านาทีแล้ว ที่จริงแล้วฉันไม่ได้สนใจการมาของยัยนั่นสักเท่าไหร่หรอก  ดูเหมือนฝ่ายที่ยืนรอจะมีเพียงเซโร่ที่เกิดอาการนั่งไม่ติดซะมากกว่า

    “ถ้ายัยนั่นมา นายก็เห็นเองแหละน่า”

    “เทียนหอมไม่เคยช้านะ”

    “ช้าบ้างก็ดีนี่”

    “แต่ช้าแบบนี้ฉันเป็นห่วงยังไงไม่รู้”

    พอเห็นสีหน้ากังวลปนเป็นห่วงแบบนั้น มันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตงิดๆแฮะ หมั่นไส้

    “เซโร่ มานั่งรอตรงนี้”

    ฉันเรียกพลางก้มมองที่นั่งข้างตัวเป็นเชิงบอกให้เขารู้ว่า ไอ้ตรงนี้น่ะมันตรงไหน

    “ไม่ล่ะ เธอนั่งไปเถอะ”

    “มานั่งนี่...เดี๋ยวนี้” คราวนี้ฉันลากเสียงเย็นๆชัดเจน เซโร่มองมาอย่างลำบากใจแต่ก็ยังเถียงฉันอยู่ดี

    “เดี๋ยวยัยนั่นมาแล้วไม่เห็นฉัน”

    “ตัวนายสูงกว่าเสาไฟฟ้าอย่างนั้น เด่นสะดุดตาอยู่แล้วนี่ จะมานั่งนี่ดีๆหรือต้องให้มาทั้งน้ำตา”

    เซโร่ทำท่าทางอิดออดแต่เมื่อเหลือบมาเห็นสีหน้าเอาจริงของฉันทำให้เขากลับมานั่งอย่างเสียไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังดีที่เขายังฟังฉัน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะเริ่มหงุดหงิดเพราะเขาเอาแต่สนใจยัยนั่นก็เถอะ ขืนสนใจยัยนั่นจนคำพูดฉันไม่มีค่าอะไรเป็นได้เห็นดีกันแน่

    “ขอโทษที่มาช้านะจ๊ะ  >< เซโร่รอนานรึเปล่า อ๊ะ!ริชก็มาด้วยเหรอจ๊ะ สวัสดีจ้ะ”

    เสียงใสๆนำพาสาวสวยผมยาวเหยียดตรงวิ่งตรงมาที่พวกเรา ตากลมโตใสแจ๋วสีน้ำตาลอ่อนดูอ่อนโยนมีแววร้อนใจเล็กน้อย แก้มแดงเพราะการหายใจที่ผิดจังหวะที่ทำให้เรารู้กันว่าเธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะมาให้ทันนัดเรียวปากสีกุหลาบที่เคลือบลิปกลอสสีพีชบางๆเอาไว้พร่ำขอโทษอยู่อย่างนั้น ผิวขาวเนียนอมชมพูในชุดนักเรียนสีขาวทำให้เธอที่มีร่างแบบบางยิ่งดูอ้อนแอ้นเข้าไปอีก บางที การที่เซโร่เป็นห่วงเธอคนนี้นักหนา อาจเป็นเพราะเธอดูผอมบางจนแทบจะปลิวลมไปเลยก็ได้ จริงๆ จะปลิวหายไปไหนเลยก็ได้นะ ไม่ว่ากันหรอก

    “ฉันไปนะ” ฉันเอ่ยปากอย่างรู้งานดี เฮอะ! ไม่ได้อยากจะอยู่นานๆนักหรอก

    “ริชจะไปแล้วเหรอจ๊ะ”

    เสียงหวานใสถามพร้อมรอยยิ้ม แน่สิ ในเมื่อเธอมาแล้ว ฉันเองก็ไม่ใช่จำเป็นที่จะต้องอยู่ตรงนี้ ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่ว่า สาวสวย(กระดากปากจริงๆ) นี่คือเทียนหอม นางฟ้าของเซโร่ที่จอมมารอย่างฉันไม่ปลื้มเลยสักนิด(ถึงจะแอบนึกอยู่ก็เถอะว่าสองคนนี้ดูสมกันยังกับอะไรดี!)

    “อือ ฝากด้วยแล้วกัน...กลับบ้านดีๆล่ะ”

    เซโร่ขยับยิ้มแห้งๆให้ฉัน แต่นั่นไม่ได้สะดุดใจเท่ากับคำว่า กลับบ้านดีๆล่ะ....

    “นี่...นาย”

    ฉันขมวดคิ้วและเมื่อเห็นสีหน้าของเขาที่เริ่มซีดลงเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่วายส่งยิ้มสู้ให้ฉัน  ไอ้บ้านี่กะจะทิ้งให้ฉันกลับคนเดียว...งั้นเหรอ นายกล้าเอาฉันมาทิ้งไว้นี่อย่างนั้นเหรอ!

    “จำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะ เซโร่”

    “เดี๋ยวสิ ริช”

    ฉันหันกลับไปยังเซโร่ที่เดินมาจับข้อมือของฉันเอาไว้ หน้าตาของฉันฉาบไปด้วยรังสีแห่งการฆ่าฟันซะขนาดนี้ นายจะมาพูดอะไรกับฉันไม่ทราบ

     “กลับถึงบ้านแล้วโทรหาด้วยนะ”

    “ทำไม” เกิดสำนึกผิดขึ้นมารึไง

    “ก็...”

    “เป็นห่วงรึไง”

    ฉันถามเสียงห้วนพลางสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา เซโร่ชะงักกับคำถามนั้น สีหน้าเขาจะเป็นยังไงฉันไม่ได้หันไปมองหรอก ฉันควรจะรีบๆไปสักทีจริงๆก่อนที่จะเผลอร้ายกาจใส่เพื่อนตัวเอง

    “อือ...ห่วง”

    “ฮะ?”

    ฉันได้ยินผิดไปใช่มั้ย ไอ้คำเมื่อครู่นี่มันไม่ใช่คำว่า ห่วง หรอกใช่มั้ย

    “ห่วงมาก เพราะงั้นถึงบ้านแล้วรีบโทรมานะ”

    ใบหน้าจริงจังของเขา สะกดให้ฉันไม่สามารถเดินออกไปจากตรงนั้นได้ ถึงจะไม่ได้มองก็เถอะ แต่แค่น้ำเสียงก็ตรึงฉันให้รู้สึกเหมือนถูกสะกดอยู่แค่ตรงนั้นได้แล้ว

    “ โอเคนะ ไปละ”

    เซโร่ส่งยิ้มกว้างก่อนจะเดินกลับไปหาเทียนหอม และฉันเองก็เป็นฝ่ายเดินออกมา มามัวหลงละเมอเพ้อพกอะไรอยู่ได้นะเรา แต่ก็นะ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแค่คำตอบของคำถามนั้น จะทำเอาใจเต้นแรงขนาดนี้

    ร้าน RB Soul

    “วันนี้มาเหมาอะไรอีกล่ะ จอมมารJ

    “ขอที คำทักทายถ้าหาดีกว่านี้ไม่ได้ก็หุบปากไปเลย”

    ฉันพูดเสียงเรียบใส่คนที่ยังยิ้มหน้าบานอยู่ได้แม้ว่าจะเพิ่งโดนฉันด่าไปหยกๆก็เถอะ ให้ตายสิ เจอทีไรเป็นแบบนี้ทุกที เพราะงี้ไงฉันถึงได้อยากเลี่ยงไม่มาที่นี่

    “วันนี้ก็มาคนเดียวอีกแล้วเหรอ เซโร่ไปไหนซะล่ะ”

    “ถามจริงเถอะ โซล แค่อยู่เงียบๆ ทำไม่ได้รึยังไงกัน”

    “ก็เธอมาที่นี่ทั้งที จะให้ฉันมัวเงียบได้ไงเล่า อยากคุยด้วยตั้งเยอะ^^

    ฉันหันไปมองหน้าคนน่ารำคาญก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ชนิดให้รู้ไปเลยว่าฉันจะไม่ทน! โซลยิ้มหวานก่อนจะเดินออกจากหลังเคาท์เตอร์เมื่อโยนงานให้พนักงานเรียบร้อยแล้ว ลงทุนมาเพื่อก่อกวนฉันโดยเฉพาะเลยสินะ

    “ว่าไง ^^

    “อะไร”

    “เซโร่ไปไหน”

    “ไปกับเทียนหอม”

    “อ้อ...”

    โซลทำเสียงรับรู้อย่างเสแสร้งก่อนจะเหลือบตามองปฏิกิริยาของฉัน แต่เสียใจด้วยนะ ฉันไม่มีอะไรที่นายมองหานั่นหรอก

    “เธอนี่ เพื่อนก็ไม่ค่อยจะมี หัดสนใจกันหน่อยได้ม๊ายยย”

    “มันมีอะไรให้น่าสนใจนักรึไง คนอย่างนายน่ะ”

    “โอ๊ะ!! หมัดนี้หนักแฮะ เจ็บจี๊ดเลย><

    “นายแอ๊คติ้งเก่งนะ ทำท่าทางได้แรดมาก”

    คนถูกชมยิ้มกริ่มอย่างไม่สะทกสะท้านในคำประชดของฉันเลยสักนิด ฉันเคยบอกใช่มั้ยว่ามีเพื่อนสนิทอยู่สองคน คนหนึ่งคือเซโร่ และอีกคนก็คือโซล เจ้าของร้านที่ฉันเยียบย่างเข้ามานี่

    เราสามคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่โดยส่วนมากแล้วมักจะมีแต่ฉันกับเซโร่ที่เล่นกันอยู่สองคนมากกว่าเพราะหมอนี่ไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนอย่างเด็กคนอื่นๆ ก็อย่างว่า งานที่ทำอยู่ทำให้เขาต้องขาดเรียนบ่อยๆ โซลเริ่มเปิดแบรนน์ห้องเสื้อของตัวเองตอนอายุ 13 และเมื่อตอนอายุ 16 เขาก็เปิดร้านเครื่องประดับเป็นสาขาย่อยของห้องเสื้อตัวเอง เพราะงานมันรัดตัวแบบนี้ ส่วนมากฉันเลยจะได้เจอเขาแค่ช่วงสอบหรือไม่ก็เทศกาลสำคัญเท่านั้น

     “ตั้งแต่เซโร่มีแฟนเนี่ย ปล่อยให้จอมมารอยู่คนเดียวมาตลอดเลยเนอะ”

    “เห็นฉันเดือดร้อนมั้ยล่ะ”

    “ไม่เดือดร้อนอะไรจริงๆเหรอ”

    “ก็ไม่ได้สำคัญอะไรนะ แค่เพื่อนน่ะ”

    “เธอเคยนับใครสำคัญบ้างป่ะ”

    “ไม่ใช่นายก็แล้วกัน”

     “แล้วเซโร่ก็ไม่ใช่?”

    “ไม่ใช่”

    “แล้วตกลงพวกเธอเป็นอะไรกัน”

    โซลถามยิ้มๆ น้ำเสียงกรุ้มกริ่มที่มาพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นทำให้ฉันนึกเหนื่อยใจที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ ฉันเลือกที่จะเงียบแทนการต่อปากต่อคำ จริงๆก็ไม่น่าจะไปต่อล้อต่อเถียงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันเองก็น่าจะรู้ดีว่าหมอนี่มันกวนประสาทขนาดไหน

    ฉันละความสนใจจากโซลแล้วหันไปเดินดูของสวยงามชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่วางเรียงรายอยู่ตามชั้นวาง เพราะจริงๆ จุดประสงค์เดียวของฉันที่มาที่นี่ก็เพื่อหาของขวัญวันเกิดเท่านั้น ถ้าถามว่าทำไมต้องมาที่นี่ทั้งๆที่มีร้านเครื่องประดับอะไรทำนองนี้อีกมากมาย แต่ก็อย่างว่า ฉันไม่ไว้ใจฝีมือใครเท่าเขาคนนี้

    “เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ ว่าไงล่ะ พวกเธอเป็นอะไรกัน”

    “ก็แค่คนคนหนึ่งในสาระบบของชีวิตฉันเท่านั้นแหละ”

    เสียงวี๊ดว๊ายเบาๆส่งมาจากทั่วทั้งร้าน ในทุกย่างก้าวที่ฉันกับโซลเดินผ่านไป ก็อย่างว่านะ หมอนี่มันหน้าตาดึงดูดผู้หญิง ก็สาวที่ไหนจะไม่ชอบลูกครึ่งเสี้ยวไทย ใบหน้าเรียวสวย ผิวขาวแบบคนยุโรปแต่เนียนใสแบบคนเอเชีย ริมฝีปากบางสีชมพูแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา ตาคู่คมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ รับกับจมูกที่โด่งเป็นสันที่ชี้หน้ามาตั้งแต่หน้าปากซอย เรือนผมสีควันบุหรี่ไฮไลท์สีขาวที่เริ่มมีสีผมเดิมแซมมานิดหน่อยเสริมใบหน้าหล่อเหลาให้ยิ่งดูมีเสน่ห์ รูปร่างสูงโปร่งแถมกล้ามเนื้อสุดฟิตในชุดเสื้อเชิร์ตสีขาว กับกางเกงยีนส์สีดำที่ห้อยเข็มขัดและสร้อยเงินเข้าเซตกับแหวนทรงสวยที่ประดับอยู่บนนิ้วเรียวสวยเหมือนมือของผู้หญิงของเขา หมอนี่มีทุกอย่างที่ผู้หญิงจะต้องปลาบปลื้ม แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ยังคงเดินตามฉันต้อยๆพร้อมกับส่งเสียงยียวนกวนประสาทน่ารำคาญ จริงๆมันก็ดูเป็นอะไรที่น่าตลกนะ ที่ฉันเดินหยิบของขึ้นดู ส่งให้โซล แล้วโซลก็วางมันลงที่เดิม ตามเก็บของให้ฉันซะอย่างนั้น นี่เรากำลังทำอะไรไร้สาระกันอยู่เนี่ย - -“

     “แล้วฉันล่ะ”

    เสียงกระซิบที่ข้างหูไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอะไรนอกไปจากรำคาญ ก็พอหมอนี่ทำแบบนี้ ผู้หญิงในร้านก็พร้อมใจกันกรี๊ดกร๊าดเสียงดังขึ้นมาซะอย่างนั้น  

    “ตอบมาสิ แล้วฉันล่ะ”

    “ไม่ต่างกัน”

    “จริงเหรอ *O*

    “จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะนับนายอยู่ในสาระบบชีวิตฉันสักเท่าไหร่หรอก นายมันน่ารำคาญ”

    โซลทำหน้างอเมื่อได้ยินคำว่าน่ารำคาญ ก่อนจะเลี่ยงไปถามคำถามอื่นเมื่อฉันส่งสายตาอาฆาตไปให้ ทำไมผู้ชายรอบตัวฉันมันถึงได้ขี้งอนกันนักนะ

    “คราวนี้จะซื้ออะไรล่ะ”

    “ของขวัญ”

    “เนื่องในโอกาส?”

    “วันเกิด”

    “ ให้เทียนหอมเหรอ”

    “ฉันเคยมาที่นี่เพื่อหาของให้คนอื่นด้วยรึไง”

    “เซโร่วานมาสินะ”

    “ฉันคงนึกพิสวาสยัยนั่นมากสินะ”

    “ไม่เห็นต้องประชดเลยนี่นา เธอนี่จริงๆเลยน้า”

     เสียงหัวเราะของโซลเจือมาพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ดูแปลกออกไป แต่เพราะฉันรู้ว่ามันหมายถึงอะไร เลยไม่อยากจะสนใจ

    “จะเลือกอะไรดีล่ะ”

    “นายว่าไงล่ะ”

    “เรื่องอะไรมาโยนให้ฉันตัดสินใจเล่า”

    “นายมันมือโปรนี่”

    โซลเดินไปหยิบของหลายอย่างมาวางไว้ตรงหน้าให้ฉันเลือก ท่ามกลางของสวยงามชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ถูกประดิษฐ์อย่างประณีตบรรจง  วัตถุสีเงินเล็กๆกลับสะดุดตาของฉัน มันเป็นสร้อยเงินเส้นบางดีไซต์เรียบง่ายแต่ดูมีเสน่ห์ ตัวสร้อยทำจากเงินวาววับ ส่วนจี้ที่ใช้ประดับเป็นรูปดอกไม้แลดูบอบบาง กลีบบางทั้งห้าทำจากพลอยสีชมพูใสตรงกลางเกสรประดับด้วยเพชรเม็ดน้อย ถ้าหากว่าของของสิ่งนี้ถูกประดับวางไว้บนคอของเธอคนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะยิ่งกว่าคำว่าเหมาะสมแค่ไหน

    “ชอบเหรอ”

    “ก็ดี”

    “เส้นนี้...ฉันทำเองนะ”

    “นายก็ทำมันทุกอย่างไม่ใช่รึไง”

    โซลยิ้มให้กับคำหยิกนั้นก่อนจะส่งสร้อยให้พนักงานไปจัดการแล้วผายมือพาฉันไปที่หลังร้าน ที่นั่นมีโต๊ะทำงานที่ใช้ออกแบบเครื่องประดับและเสื้อผ้าของเขา รวมทั้งเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างที่บอกได้เลยว่าหมอนี่คงไม่ได้กลับบ้านมาอย่างน้อยก็สองอาทิตย์

    “อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ก็งานมันยุ่งนี่นา”

    “ก็ควรจะกลับบ้านตัวเองบ้างนะ ไม่งั้นจะมีบ้านเอาไว้ทำไม”

    “เป็นห่วงฉันรึไง^^

    เอ่อ...ทำไมอยู่ๆนึกอยากถีบคนสักเปรี้ยง

    “นี่ริช ทำไมปล่อยให้ตัวเองให้ตัวว่างอย่างนี้เนี่ย เสียชื่อมีเพื่อนเป็นดีไซเนอร์หมด”

    “ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบเครื่องประดับ”

    “นี่ล่ะเรื่องเซอร์ไพรส์ ฉันมีของจะให้เธอ แต่น แต๊น><!

    โซลยิ้มกว้างก่อนจะก้าวเข้ามาประชิด เขาตัวสูงมากซะจนฉันที่ว่าตัวสูงแล้วยังสูงได้แค่ไหล่ของหมอนี่เท่านั้นเอง โซลมองตาฉันพร้อมยิ้มกริ่ม สีหน้าบ่งบอกว่าชอบใจที่ฉันไม่ได้ขยับตัวหนี นิ้วเรียวของเขาไล้รูปหน้าของฉันอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอามือนั้นลูบหน้าฉันจนต้องหลับตา

    “หลับตา”

    “ทำไมต้องหลับตา”

    “บอกให้ทำก็ทำเถอะน่า”

    “นายคิดอะไรอยู่ถึงได้มาสั่ง...”

    “งั้นขอร้อง...นะคร้าบ~

    คำพูดน่ารักมาพร้อมสายตาเว้าวอน ทำเอาฉันต้องหยุดชะงักเสียงดุๆที่กำลังจะพ่นต่อไปให้ค้างเอาไว้ทั้งๆอย่างนั้น ให้ตายสิ ทำไมพวกผู้ชายชอบอ้อนด้วยวิธีนี้กันนักนะ

    “อย่าคิดว่าที่ฉันยอมทำตามเป็นเพราะนายสั่งแล้วกัน”

    ฉันหลับตาค้างอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะมองอะไรไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะจับมือข้างขวาของฉันเอาไว้แล้ววัตถุบางอย่างก็ถูกนำมาสวมใส่จนฉันสัมผัสถึงความเย็นจากสิ่งนั้น

     “อย่าเพิ่งลืมตานะ”

    “อือ...”

    มีเสียงอะไรดังกริ๊กก่อนที่โซลจะดีดนิ้วเป็นสัญญาณให้ลืมตาได้ ทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่บนข้อมือของตัวเอง ฉันก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างลืมตัว

     “ฮี่ๆๆๆชอบมั้ยล่ะ อันนี้เพื่อเธอเลยนะ ยัยจอมมารJ

    “....”

    กำไลข้อมือเส้นบางทำเป็นรูปเกลียวคลื่นเส้นน้อยประดับจี้รูปเปลือกหอยที่ทำมาจากเปลือกหอยสีฟ้าน้ำทะเลแวววาวและไข่มุก บนจี้รูปเปลือกหอยอันสุดท้ายมีรูเล็กๆคล้ายรูกุญแจประดับเอาไว้ มันดูสวยงามและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน

    “ฉันก็คิดมานานแล้วว่าอยากจะให้อะไรกับเธอสักอย่าง เลยลองทำไอ้นี่ขึ้นมา ชอบไหมล่ะ”

    “ถอดออก”ประโยคของฉันทำเอาหน้ายิ้มๆของเขาเหวอไปในทันที

    “อะไรกันอะ ไม่ชอบเหรอ ฉันตั้งใจมากเลยนะ”

    “ถอดมันออก”

    “สวยออกน่า รับไว้เถอะฉันตั้งใจจะให้จริงๆนะ -*-

    “เอาออก”

    ฉันพูดเสียงเฉียบนั่นทำให้โซลทำหน้าบึ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ยอมถอดให้ฉันอยู่ดี

    “ถ้าไม่ชอบมันนัก ก็หาทางเอาออกเองสิ”

    “ยังไงล่ะ”

    “เรื่องอะไรจะบอกล่ะ:p

    ปลายเสียงสะบัดน้อยๆให้ฉันรู้ว่าเขากำลังงอนอยู่ นายก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ถนัดบทง้อ ยังมีหน้ามางอน เป็นแบบนี้อีกแล้ว นี่ถ้านายไม่ได้กวนประสาทฉันระบบสมองจะไม่ทำงานรึไงฮะ

    “....”

    ฉันมองหน้าเขานิ่งๆ เมื่อเห็นว่ายังคุยกันไม่รู้เรื่องฉันก็เลิกความคิดที่จะคุยกับหมอนี่ดีๆ สร้อยข้อมือแสนสวยที่เขาอุตส่าห์ให้มา...

    ปัก!!

    “เฮ้ย!!

    แขนขวาของฉันกระแทกเข้ากับโต๊ะจนเกิดเสียงดังพร้อมรอยร้าวเล็กๆบนกระจกโต๊ะ โซลที่ร้องเสียงหลงรีบวิ่งเข้ามาห้ามฉันพร้อมกับส่งเสียงฟึดฟัดบอกอาการขัดใจ

    “เธอนี่!รังเกียจของของฉันมากนักรึไง”

    “....”

    “รู้แล้วว่าใจกล้า แต่อย่าทำร้าตัวเองกับเรื่องแค่นี้ได้มั้ย ยัยคนนิสัยไม่ดี!

    ฉันเหลือบตามองคนที่ตีหน้ายักษ์เทศน์ใส่อย่างไม่รู้สึกรู้สา ข้อมือที่ถูกกระจกบาดถูกปฐมพยาบาลโดยคนที่กำลังต่อว่าฉันอยู่ตรงหน้า เขาคงจะรู้ว่าถึงจะบ่นไปฉันก็คงไม่ฟังอยู่ดี เขาเลยหยุดซะอย่างนั้นพร้อมๆกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     “จะช่วยใส่ไว้ไม่ได้เหรอ”

    “....”

    “รังเกียจมากนาดนั้นเลยเหรอ”

    น้ำเสียงนั้นมีแววน้อยใจนิดๆ แววตาที่มองมามีความเสียใจปนตัดพ้อ นั่นทำให้ฉันต้องรีบชักมือกลับออกมาจากมือของเขา

    “....” ฉันขยับดูสร้อยข้อมือเพื่อดูว่าแรงกระแทกเมื่อครู่คงจะไม่ได้ทำให้มันเสียหาย

    “ขอบคุณนะ^^

    “ขอบคุณทำไมไม่ทราบ”

    โซลกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานเอาของที่ฉันพึ่งจะซื้อพร้อมใส่ถุงเรียบร้อยมาส่งให้ เขาเลยชะงักและเงียบไป

    “ฉันกลับก่อนนะ”

    “เดี๋ยว ริช”

    โซลรอจนพนักงานเดินออกไป เขาส่งยิ้มให้ฉันพร้อมๆกับกระซิบถ้อยคำหนึ่งคำที่แม้จะแผ่วเบาแต่ฉันกลับได้ยินมันชัดเจน

    “สุขสันต์วันเกิดนะ”

    โซลอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเข้ามายีผมฉันจนยุ่งฟูแล้วเดินกลับเข้าห้องทำงานไป เขาทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอสิน่า

    “ทั้งๆที่เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ทำไมนายรู้ล่ะโซล”

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ริมฝีปากของฉันมีรอยยิ้มแต้มขึ้นมา สร้อยข้อมือเส้นบางที่ถูกจัดทำมาให้เป็นพิเศษเพื่อเป็น....ของขวัญวันเกิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×