คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : I am Puff ฉัน ชื่อ พัฟ
ฉันชื่อพัฟเป็นบุคคลที่เกิดมามีเวรกรรมนับคณา ด้วยตำแหน่งลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน ทำให้นอกจากจะไม่มีใครยอมรับว่าฉันโตพอจะเดินเองได้แล้ว ยังกระทำเสมือนว่าฉันคือเด็กพิการผู้ขาดความรักเฉกเช่นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นอีกด้วย -_-;
“เหนื่อยแล้วเหรอ น่าจะรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์^^”
เสียงกวนประสาทที่ส่งมากระตุ้นต่อมเดือดของฉันยังคงครื้นเครง บ้านฉันมีเชื้อสายของคนจีนอยู่อย่างมาก ค่านิยมในการสร้างลูกหลานให้ออกมาคลานยั้วเยี้ยเลยมากตามไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นการที่ฉันมีพี่ชายห้าคนก็ถือว่าเป็นจำนวนประชากรที่มากที่สุดในตระกูลแล้ว เฮียเพส เป็นพี่ชายคนที่ห้า นิสัยของผู้ชายที่บ้านฉันจะมีข้อหนึ่งที่เหมือนกันคือบ้าดีเดือดและชอบทำอะไรแผลงๆจนบางครั้งฉันซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวถึงกลับต้องกุมหัวบ่อยๆกับไอ้เจ้าพวกนี้ -_-;
“เฮียพาส เฮียพิฟ เฮียเพนท์ เฮียเพฟ อยู่ครบเลยช่วยผมหน่อยดิ ยัยเด็กดื้อนี่ไม่ยอมกินข้าวอ่ะ มัวแต่วาดรูปอยู่ได้”
เฮียเพสเรียกพวกเฮียๆอีกสี่คนที่กำลังนั่งดูบอลกันอยู่อย่างไม่ใส่ใจเลยว่าน้องชายน้องสาวของตัวเองแทบจะตบตีกันกลางบ้านอยู่แล้ว ไอ้เฮียเพสบ้านี่ก็ใส่ร้ายได้อย่างหน้าด้านๆเลยนะ!ฉันไม่กินข้าวอะไรกันตัวเองเป็นคนลากเขามาแท้ๆ
“ไม่ใช่ว่านายไปป่วนน้องเหรอ -_-;”
เฮียพาสพี่ชายคนโตพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วขยับตัวนิดหนึ่งอย่างรำคาญ พี่ชายคนนี้ออกจะขรึมๆตามแบบฉบับพี่คนโตที่ต้องดุเข้าไว้ เตี่ยถึงได้ไว้ใจให้ดูแลน้องๆไง *o*
“อ้าวไอ้เฮีย หาเรื่องผมนี่ ”
คนที่หาเรื่องชาวบ้านมันนายต่างหาก โดนเขาจับไต๋ได้แล้วพาลตลอด
“เงียบเหอะน่า เจ้าเพส ดูบอลไม่รู้เรื่องโว้ย!”
เฮียพิฟพี่ชายคนที่สอง ส่งเสียงประท้วงออกมา ไม่ว่าเปล่ายังแถมลูกถีบมาอีกหนึ่งข้างจนฉันแทบหล่นลงไปกองกับพื้นเพราะเฮียเพสตั้งตัวแทบไม่ทัน แง เอาฉันลงเดี๋ยวนี้!
“เฮียเล่นอะไรเนี่ย เกิดผมล้มน้องไม่เจ็บด้วยเหรอไง”
“นายเป็นคนผิดเว้ย ทีนี้ปล่อยน้องลงซะ”
เฮียเพนท์พี่ชายคนที่สามว่าแล้วล้วงเอาขนมเข้าปาก ไหนว่ารักฉันกันนักนี่จะปล่อยให้ห้อยหัวอีกนานไหมเนี่ย!
“ได้ยินเฮียว่าแล้วไง ปล่อยน้องลงก่อนเลือดจะลงหัวตาย”
“ขอบคุณที่ยังเห็นใจนะเฮีย ซาบซึ้งมากเลย!”
ฉันประชดเฮียเพฟ พี่ชายคนที่สี่ก่อนจะถูกส่งมอบอิสระให้ เล่นอะไรบ้าๆทุกที แถมฉันยังเสียเปรียบเพราะแก้แค้นไม่ได้อีกด้วย เชอะ!
“ทำหน้างอทำไมกันล่ะ น่าจะดีใจนะที่มีคนหล่อไปอุ้มถึงในห้องนอน:P”
พูดได้อย่างไม่มีอายปากตัวเองเลยนะ คนหล่ออะไรกัน!แค่เป็นดาราอย่าคิดว่าตัวเองจะหล่อนะเฟ้ย!
“น่าดีใจมากเลยค่ะ!”
“แน่นอน เพราะงั้นจงภูมิใจซะ”
“จะฝันกลางวันก็ขึ้นไปนอนบนห้องไป”
ฉันว่าแล้วเดินไปนั่งแทรกระหว่างเฮียเพนท์กับเฮียเพฟ พี่ชายแต่ละคนคือตัวแทนของนิสัยผู้ช้าย~ชาย นับตั้งแต่ความขรึมแบบผู้ใหญ่ของเฮียพาส ความดุดิบเถื่อนของเฮียพิฟ ความใจดีของเฮียเพนท์ ความขี้อ้อนและใจร้อนของเฮียเพฟ และสารพัดความเลวของเฮียเพส!
“มองอะไร อยากให้ไปนั่งด้วยอะดิ”
ต้องเพิ่มความหลงตัวเองเข้าไปด้วย แล้วเฮียเพสก็ฆ่าฉันด้วยการเดินเข้ามานั่งแทรกๆทั้งๆที่มันก็แทบจะนั่งทับหัวกันอยู่แล้ว!เพราะวัยที่ห่างกันแค่ปีเดียวทำให้ฉันกับเฮียเพสสนิทกันมากจนเรียกได้ว่าสามารถสลับตัวกันได้เลยทีเดียว ส่วนเฮียคนอื่นๆถึงแม้ว่าจะสนิทกันก็จริง แต่ก็ไม่เท่ากับพี่ชายกวนประสาทคนนี้หรอก
“เสียงดังไปถึงห้องหนังสือเลยลูก เอะอะอะไรกันน่ะ”
เสียงของเตี่ยนำพาร่างสูงที่ยังอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อไม่แปรสภาพเป็นไขมันเพิ่มความหล่อเหลาไม่แก่ตามวัยเข้าไปอีกหนึ่งประการก้าวเข้ามายังห้องนั่งเล่นที่มีพวกเรานั่งทับกันตายอยู่บนโซฟาตัวยาว(ประสาทมั้ย!ที่นั่งอื่นก็มีแต่พร้อมใจกันมาพิศวาสโซฟาตัวเดียว)
“เปล่านะเตี่ย ยัยตัวเล็กนี้ไม่ยอมกินข้าวต่างหาก เอาแต่นั่งวาดรูป”
ได้ทีใส่ไฟใหญ่เลยนะ เตี่ยมองมายังฉันก่อนจะหัวเราะเบาๆ อย่าบอกว่าเตี่ยจะเข้ามานั่งด้วยนะ แค่นี้หนูจะขึ้นไปนั่งบนหัวของเฮียๆอยู่แล้ว!
“อาพัฟก็นะ ชอบวาดรูปเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลย”
แง T^T อย่าเรียกว่าอาพัฟได้มั้ยคะเตี่ย มันฟังดูทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้สิ
“เตี่ยอย่าไปเชื่อ เฮียเพสเคยพูดความจริงซะที่ไหน”
“ยัยตัวเล็ก!คนหล่อไม่มุสาเฟ้ย!”
“นั่นเพราะเฮียไม่หล่อไงถึงได้ชอบมุสา!แล้วพัฟตัวเล็กตรงไหนไม่ทราบ ส่วนสูงขนาดพัฟเป็นผู้ชายได้เลยนะเฮีย”
“ผู้ชายตัวเตี้ยก็มีเว้ย”
หมดปัญญาจะเถียง ขอให้ชนะก็พอใช่ไหม ไอ้เฮียปัญญาอ่อน
“แล้วนั่นนึกอะไรไปนั่งอัดกันบนโซฟา”
โฮ ในที่สุดเตี่ยก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาสักที! อยากรู้เหมือนกันว่าเรามานั่งสุมก้นอะไรกันตรงนี้ ที่นั่งออกถมไปไม่นั่ง
“ลุกออกไปเลย สักคนก็ยังดี”
ฉันว่าแล้วหันไปมองหน้าเตี่ยที่ยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มหน้า อารมณ์ประมาณนึกอยู่ว่าลูกๆตูคงไม่มีใครเต็มใช่ไหมค่ะเตี่ย
“ไอ้เพสลุกๆๆๆ”
เฮียเพฟว่าแล้วยกเท้าดันๆไปยังเฮียเพสที่นั่งหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆฉัน กับน้องกับนุ่งนี่ใช่เท้าเลยเหรอ?
“งั้นทำไมเฮียไม่ลุกอ่า!เรื่องอะไรผมต้องลุก”
“เฮียจะนั่งข้างพัฟ แกแหละลุก”
“ได้ไง ผมก็จะนั่งข้างสุดที่รักเหมือนกัน”
ไม่ว่าเปล่ายังเอาแขนมาวางพาดไหล่ฉันอีกต่างหาก ป่วนฉันคนเดียวคงยังไม่สะใจเลยลากฉันลงมาดูตัวเองป่วนเฮียๆนี่เอง เพิ่งจะเกตล่ะทีนี้
“ดูบอลไม่รู้เรื่องโว้ย!”
ทั้งเฮียพาสเฮียพิฟส่งเสียงขู่ขึ้นมาพร้อมกันจนไอ้สองตัวที่นั่งทะเลาะกัน(ด้วยบาทา...เตะกันไปมาอย่างสนุกสนาน)ไม่ยอมหยุดสะดุ้งโหยง...อย่าว่าแต่คนผิดเลย เวลาสองเฮียนี่ประสานเสียงเมื่อไหร่ฉันก็กลัวเว้ย!
“นั่งๆกันไปแหละ พัฟย้ายเอง”
ว่าแล้ว ฉันก็ลุกเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวข้างๆเตี่ยอย่างนึกเบื่อ ก็ไอ้เฮียสองตัวนั้นยังไม่ยอมหยุดทะเลาะกันเลย เอาแต่เถียงกันอยู่ได้ว่า เฮียแหละๆ แกแหละๆ ปัญญาอ่อนกันหมดก๊กเลย!
“พัฟนี่เป็นที่รักตลอดเลยเนอะ”
“เตี่ยอย่ามาล้อนะ พวกเฮียอะโรคจิต”
“เฮียเขารักก็ดีแล้วไง”
“เกินไป ถ้าแม่ยังอยู่พัฟว่าพวกเฮียก็ยังบ้าแบบนี้แหละ ไม่หายหรอก”
ประโยคนั้นของฉันทำให้สีหน้าของเตี่ยสลดลง มือใหญ่เอื้อมมาลูบหัวฉันเบาๆด้วยความเอ็นดู ฉันรู้ว่าเตี่ยยังรักแม่มากไม่เคยเปลี่ยน นั่นเป็นเหตุผลที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันถึงได้ไม่มีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงเหมือนในนิทาน
“พรุ่งนี้ครบรอบวันตายของแม่ เราไปซื้อของกันเย็นนี้แล้วพรุ่งนี้เตี่ยลางานพาพวกเราไปกันไหม”
ฉันชวนเสียงใสเพื่อให้เตี่ยรู้สึกตัว เตี่ยมักจะชอบคิดถึงความหลังบ่อยๆจนบางครั้งก็หน้าเศร้าออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เอาสิ ลูกๆก็เตรียมตัวกันแล้วกัน”
“คร้าบ/ค่า”
แม่ของฉันตายไปตั้งแต่ฉันยังเด็กๆ เพราะเหตุนี้ละมั้ง เตี่ยเลยรักฉันมากกว่าคนอื่นๆในบรรดาลูกหกคน บ้านนี้มีลูกหัวปีท้ายปีเลยทีเดียว ทั้งฉันและเฮียๆห่างกันแค่ปีเดียวกันทั้งนั้น
“ปิดเทอมแล้วไปเที่ยวไหนกันดีปีนี้”
เฮียพิฟถามขึ้นมาทำลายบรรยากาศอึมครึม ทุกๆปีพอปิดเทอมเราก็เที่ยวกันตลอดจนแทบจะครบทั้งภูเขา ทะเล น้ำตก แล้วปีนี้จะไปไหนกันดีน้อ~
“ปีหน้างดนะ เพราะฉะนั้นอยากไปไหนรีบๆบอกมา”
เฮียพาสพูดเสียงเรียบอีกเช่นเคย แต่เดี๋ยวนะ...ทำไมปีหน้าต้องงดด้วยล่ะ?
“ทำไมอะเฮีย ทำไมปีหน้าต้องงด”
ผู้กล้าถามเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฮียเพส
“พอเปิดเทอมพัฟก็ขึ้นม.หกแล้ว ปีหน้าต้องเตรียมสอบเข้ามหาลัย เฮียจะงดเอาไว้ให้เราไปเที่ยวด้วยกัน”
แง นี่แสดงว่าปีหน้าฉันต้องนอนแกร่วอ่านหนังสืออยู่บ้านเหรอ
“ก็ดีนะ เพราะถ้าพัฟไม่ได้ เพสไปเที่ยวไม่หนุกแน่เลย”
“ปากดี!ก็เห็นเที่ยวทุกคืนน่ะแหละ”
ฉันแขวะพี่ชายก่อนจะนั่งมองพี่ๆอย่างอิจฉา พวกเฮียๆเรียนอยู่มหาลัยกันหมดแล้วยกเว้นเฮียพาสที่ตอนนี้มาช่วยเตี่ยบริหารฟาร์มโคนมและไร่องุ่นอันเป็นกิจการหลักๆของที่บ้าน เพราะนอกจากฟาร์มแล้วที่บ้านฉันยังมีเครือโรงแรมและกิจการอย่างอื่นอีกเยอะแยะจนฉันขี้เกียจจะจำ เฮียพาสจะเป็นคนเงียบๆดูขรึมๆตามแบบฉบับของพี่คนโตเป็นผู้ใหญ่และเป็นคนที่เตี่ยไว้ใจที่สุดเพราะสามารถทำทุกอย่างแทนเตี่ยได้ เป็นคนเดียวที่เฮียเพสไม่ลงรอยด้วยอย่างแรง!เฮียอิจฉาน่ะ เพราะตัวเองอยากเป็นใหญ่ดูบ้าง เอิ๊กส์ๆ! เฮียพิฟเรียนเกษตรปีสุดท้ายแล้วพอจบมาก็จะเข้าไปเลี้ยงวัวแทนเฮียพาส พี่ชายคนโตจะได้โยกย้ายตำแหน่งมั่ง เฮียเพนท์เรียนสถาปัตยกรรมปีสาม จบมาเตี่ยจะเปิดแกลลอรี่ให้ เฮียเพฟเรียนวิศวกรรมปีสองพอจบมาเฮียบอกจะสร้างบ้านให้ฉันด้วย เฮียเพสเป็นเฟรชชี่น้องใหม่คณะนิเทศศาสตร์ และฉันน้องนุชสุดท้อง ผู้ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเข้าคณะอะไร 555+ ฟังดูดีมีอนาคตมากเลย T^T
“ไปกินข้าวกันดีกว่า บอกเขาตั้งโต๊ะแล้ว”
“ก็ดีนะคะ เราไปกินกันก่อน ปล่อยเฮียๆกินทีวี”
ฉันลุกขึ้นควงแขนเตี่ยตั้งท่าจะลุกออกไป แต่ก็นั่นแหละ ช้ากว่าเฮียอยู่ดี บรรดาสุภาพบุรุษของบ้านตรงเข้ามายีผมฉันอย่างเมามันพร้อมกันนั้นก็หัวเราะอย่างสะใจซะเต็มประดา
“ทีวีไม่เห็นอร่อยเลย” (เฮียพาส)
“กินทำไมทีวี ข้าวก็มี” (เฮียพิฟ)
“เฮียอยากกินข้าว ไม่อยากกินทีวี” (เฮียเพนท์)
“เฮียจะกินข้าวกะพัฟ” (เฮียเพฟ)
“กินทีวีไปคนเดียว ยัยตัวเล็ก!” (ไอ้เฮียเพส!)
แง ทำไมพวกเฮียต้องชอบเล่นกับหัวฉันด้วยเนี่ย!
ความคิดเห็น