ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Prince devil ลุ้นรักร้ายของเจ้าชายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 53


    ฉันรู้สึกตั้งแต่เข้างานแล้วน้า~ แต่ทำไมถึงไม่เคยเชื่อลางสังหรณ์ตัวเองเลยสักครั้ง

    “น้องครีม...เป็นอะไรไป”

    “เปล่าหรอก...เพียงแค่สงสัย”

    “ตัวเล็กแค่นี้หัดสงสัยให้มากจริงนะเรา”

    ฉันมองหน้าคนตัวสูงข้างๆตัวแล้วถอนหายใจ...พี่ใครวะซื่อบื้อเอาโล่ นี่โกไม่สังเกตเลยรึยังไง เพื่อนๆโกเขาเชียร์ให้เราเข้าบ้านผีสิงอย่างเอาเป็นเอาตายเลยนะ! แถมคนที่เชียร์ยังเป็นพี่โอตะคนนั้น คบกันมาจนถึงวันนี้ยังไม่รู้จักพิษสงของโจ๊กเกอร์ซาโตนิโออีกรึไง!!

                “เดี๋ยวเลี้ยวข้างหน้านี่ต้องแยกกันแล้วนะ”

    “อือ”

    ฉันตอบแล้วมองทางที่สลัวอย่างหลอนจับจิต มันเป็นความคิดของฉันเองแหละที่กำหนดให้ปีนี้เราทำบ้านผีสิงทดสอบความกล้า แต่ไม่ได้คิดว่าพวกพี่โอตะจะบ้ามาเล่นนี่นา แถมคนมาชวนยังคะยั้นคะยอพิกล ต้องมีอะไรสักอย่างสิน่า...ฉันสังหรณ์ใจไม่เคยผิด

    “แยกแล้วนะ”

    “แล้วไปเจอกันที่ห้องงานเลี้ยงนะ”

    “อือ”

    ฉันตอบโกโชก่อนจะเดินไปตามทางที่เขียนว่า Lady ส่วนโกโชไปยังทางตรงข้าม แผนงานเป็นไงก็ไม่แน่ใจแฮะ ดูเหมือนว่าจะเจออะไรข้างหน้านี่แหละ ตอนเขาประชุมไม่น่าโดดเลยให้ตาย ชุดเจ้าหญิงบ้าบอนี่ก็เกะกะชะมัด

    ไงครับ ยัยตัวเล็ก

    หือ

    ฉันเหลียวหลังกลับไปดู แล้วก็พบกับความว่างเปล่า...ยังไงซะมันก็คือเพื่อนในห้องแหละวะ ช่างเถอะคิดอะไรมาก

    “ขอไปด้วยคนได้ไหม”

    “อือๆ...มาดิ”

    ฉันพูดทั้งๆที่ยังไม่เห็นใครสักคน เล่นเก่งจริงนะ เดี๋ยวเหอะ จะหลอกกลับให้ร้องไห้เลย

    “ดับไฟให้หน่อยนะ”

    เสียงนั้นดังขึ้นอีกนิดและเหมือนจะอยู่ใกล้กับตัวฉันยังไงยังงั้น ฉันมองไปรอบๆก่อนจะพบกับโคมไฟสีแดงอันใหญ่ที่สว่างพอๆกับสปอร์ตไลท์...ถึงว่า ทำไมทางเดินตรงนี้ถึงได้เห็นชัดกว่าที่อื่น

    “จะปิดยังไงล่ะนั่น”

    “คุณแค่โยนอะไรขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ”

    คนในห้องเรามีใครบ้างนะ ที่พูดซะสุภาพขนาดนี้ ฉันตัดสินใจขว้างก้อนหินขนาดเหมาะมือขึ้นไปอย่างลวกๆ...แต่แหม...อะไรมันจะขนาดนั้นนะ

    เพล้ง!!

    เสียงวัตถุที่เปราะบางแตกกระจายพร้อมๆกับความมืดที่โรยตัว ฉันยืนนิ่งเพื่อรอดูว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร...มองไปทางไหนก็มืดจนน่ารำคาญหงุดหงิดแล้วนะเว้ย

    “ไปกันได้แล้วล่ะครับ”

    ฉันหันขวับกลับไปดูข้างๆอย่างลืมตัว เด็กรุ่นเดียวกับฉันหน้าซีดขาวยืนยิ้มอย่างหลอนๆอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...รู้แต่หมอนี่ไม่ได้อยู่ในห้องฉันแน่ๆ ไปขอให้ห้องอื่นช่วยได้ด้วยเหรอ

    “สวัสดี”

    “ครับ...”

    “นายเป็นใครเนี่ย”

    “ผมชื่อปรีชาครับ”

    ปรีชา? ไม่คุ้นเลยอ่ะ แต่ช่าง ป่านนี้โกโชรออยู่ที่จุดนัดพบแล้วมั้งนั่น รีบๆเดินไปก็ดี อย่างน้อยๆมีคนเดินไปเป็นเพื่อนก็พออุ่นใจเนอะ

    “ไปกัน”

    ฉันว่าแล้วเดินนำมาโดยมีนายปรีชาหน้าซีดเดินตามมาติดๆ รู้สึกไปเองรึเปล่านะ ที่หมอนี่เดินซะชิดเลย

    “คุณเป็นใครครับ?”

    “ปฎลี...ครีมเค้ก ปี 4

    “ชื่อน่ารัก...ตัวคุณก็น่ารัก”

    ฉันฟังคำนี้จนเอียนแล้ว...

    “นายอยู่ห้องอะไรล่ะ”

    เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ปรีชาหน้าซีดรู้สึกประหม่าฉันเลยชวนคุยพร้อมๆกับถามสิ่งที่สงสัย...หน้าตามันไม่ชวนให้คุ้นเลยจริงๆนะ

    “คุณสนใจผมด้วยเหรอ”

    เสียงเย็นๆถามพร้อมกับการชะโงกหน้าเข้ามาใกล้...วอนหาที่ตายแล้วมั้ยเนี่ย

    “เอาหน้าออกไปไอ้น้อง”

    ฉันใช้มือข้างหนึ่งดันหน้าของปรีชาจนออกไปสามคืบ...แต่...ทำไมตัวเย็นงี้ฟะ

    “มือคุณอุ่นจัง”

    “หน้านายน่ะแหละ...เย็นยังกะน้ำแข็ง”

    ฉันว่าแล้วเอามือเช็ดกับผ้าเช็ดหน้าที่พกเป็นประจำ ปรีชาหัวเราะเบาๆก่อนจะเอียงคอมองฉันอย่างชั่งใจ...หน้าตาหมอนี่...ถ้าเทียบกับพวกโกล่ะก็ห่างไกลมากเลย แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นในห้อง...จัดอยู่ในอันดับหนุ่มฮอตได้เลยนะ...ทำไมไม่เคยเห็นหว่า

    “คุณมองอะไรเหรอครับ”

    “อยากรู้เท่านั้นเอง...หน้าตานายออกจะดี...ทำไมฉันไม่รู้จัก”

    “ปกติคุณสนใจคนหน้าตาดีด้วยเหรอครับ”

    ปรีชาถามเสียงเย็นชวนขนลุกแบบแปลกๆแต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอะไรนอกซะจากรำคาญหมอนี่จัง...นายเลิกทำตัวเหมือนเทปยานๆได้ป่ะ

    “ไม่สนหรอก แต่คนหล่อมักจะมีผู้หญิงตาม และในโรงเรียนที่มีนักเรียนแค่แปดร้อย ถ้าผู้หญิงพูดถึงนายต่อให้ไม่สนใจฉันก็ต้องได้ยิน”

    ปรีชาหัวเราะแล้วมองหน้าฉันยิ้มๆ...นั่นทำให้ฉันรีบก้าวเดินให้เร็วขึ้น หมอนี่ชักแปลกๆแล้วนะ ยิ้มอะไรแบบนั้นก็ไม่รู้

    “ผมชอบคุณจัง”

    “หา?”

    “ชอบคุณจนอยากพาไปด้วยแต่ว่า...เสียดาย”

    “พูดอะไรไม่เข้าใจ”

    ฉันว่าพอดีกับที่เดินมาถึงหน้าประตู...ปรีชาหยุดแต่ยังคงยิ้มเย็นแม้ว่านัยน์ตาจะเศร้าไปก็เถอะ...

    “เป็นไรไป...ไม่เข้าไปเหรอ”

    “คุณไปเถอะครับ...ผม...ต้องลาแล้ว”

    “อ้าว...ไปไหนอ่ะ”

    “ผมชอบคุณจัง”

    นายตอบไม่ตรงคำถามงี้ฉันยัวะนะเว้ยเฮ้ย!

    “นายมาจากห้องไหน”

    ฉันถามคำถามแรกที่ถามค้างไว้แต่ว่าไม่ได้รับคำตอบ...

    “ห้องเดียวกับคุณครับ”

    “แล้วนายหลงทางรึไงถึงได้เดินตามฉันมาอย่างนี้”

    ห้องฉันนี่เข้าใจหาสถานที่เนอะ...ทำจนคนหลงเลย

    “เปล่าครับ...เพียงแต่ ไม่มีใครเห็นผมมานาน...พอคุณเห็นผมเลยดีใจ”

    “พูดจาไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะ”

    “ลาก่อนครับ”

    ว่าแล้ว...ปรีชาก็หายไป...จางหายไปเหมือนฝุ่นควันส่วนฉันก็เดินเข้าไปในห้องโถงตามกำหนดที่พวกคนในห้องวางเอาไว้...

     น้องเค้ก?

    เสียงทุ้มๆที่ฟังแล้วเหมือนจะคุ้นเคยเรียกความสนใจของฉันให้ละจากปรีชาไปมองยังจุดใกล้ประตู เจ้าของเส้นผมสีส้มในชุดเจ้าชายส่งยิ้มแปลกๆมาให้ฉัน ทันทีที่ได้เห็น ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มรวนอีกแล้ว

    “คิดว่าใครล่ะคะ...แล้วโกโชล่ะ”

    ฉันว่าแล้วเขยิบออกห่างจากเขา พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สบตาเพราะรู้ว่าพี่เดวิลอันตรายแค่ไหน ปรีชาๆๆจะหายไปไหนแล้วนะ...

    “เฮ้ย!

    “มีอะไรครับน้องเค้ก?”

    เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้ปรีชาหายไป...อยู่ๆก็หายไปเลย...ปะ...ปรีชา...มันหายไปเลยไม่ใช่เหรอ!!!?

    มีอะไรรึเปล่าครับ?

    รู้จักคนชื่อปรีชามั้ยคะ

    ฉันถามบ้าอะไรออกไปเนี่ย...ปรีชารู้จักมั้ย? ใครที่ไหนจะตอบได้วะ

    ปะ...ปรีชาไหน

    “รู้จักเหรอคะ?”

    สีหน้าของพี่เดวิลเวลานี้น่าขันซะจนถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วตอนนี้มีคนมาบอกว่าหมอนี่เป็นเสือผู้หญิงแล้วล่ะก็ฉันไม่มีทางจะเชื่อเด็ดขาด

    “เราไปกันดีกว่ามั้ย เดี๋ยวไอ้โกโชคลั่งจะยุ่ง”

    พี่เดวิลที่ตอนนี้หน้าเริ่มซีดส่งยิ้มเครียดๆมาให้ฉันก่อนจะผายมือออกไปยังประตูสู่ทางเดินขึ้นดาดฟ้า ฉันลังเลอยู่นิดหน่อยแต่ถ้าจะงอแงไม่ไปก็จะยิ่งช้าและอาจจะได้ไปคนเดียว บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันอยากมีเพื่อนร่วมเดินทางสักคนเหมือนกันนะ

    “ไปกันค่ะ”

    พี่เดวิลให้ฉันเดินเข้าไปก่อนและคอยตามมาข้างหลัง คอยช่วยเวลาที่ฉันเกือบสะดุดชายกระโปรงล้มพอช่วยเสร็จแล้วก็จะกลับไปยืนยิ้มให้ห่างๆ จะเพราะกลัวโกโชว่าหรือเพราะเขาช่างเอาใจผู้หญิงอย่างนี้อยู่แล้วก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าฉันหงุดหงิดอีกแล้ว

    “สรุปแล้วรู้จักปรีชามั้ยคะ”

    “เราไม่คุยเรื่องนี้กันตอนนี้ ไว้พรุ่งนี้พี่จะเล่าให้ฟัง”

    ฉันหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อซ่อนอาการที่กำเริบอีกครั้ง ร่างกายที่ร้อนผ่าวและอัตรการเต้นที่ไม่มั่นคงเริ่มทำให้ฉันปั่นป่วนและแปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดเล็กๆเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร

    “น้องครีมทำไมเหมือนไม่ชอบพี่เลยอะ”

    “ก็ไม่ชอบจริงๆน่ะแหละ”

    พอพี่เดวิลพูดตรงๆมา นิสัยฉันก็เลยพูดตรงๆกลับไปเหมือนกัน แง ก็ตอนนี้มันเบลอจะให้ทำยังไงล่ะ

    “ทำไมล่ะครับ”

    “ไม่รู้สิ เวลาเจอกันทีไร ครีมเพี้ยนทุกที”

    ฉันว่าแล้วพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หันไปสบตาคู่คมนั้นให้ตัวเองรู้สึกร้อนเข้าไปอีก พี่เดวิลหัวเราะออกมาแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะรุกตั้งคำถามกับฉันเหมือนคนอื่น

    “น้องครีมไม่เพี้ยนสักหน่อยนี่ครับ”

    “เพี้ยนสิ บางทีก็เหม่อลอย แล้วก็...ชอบเห็นผมสีส้มกับตาสีฟ้าอมเทานี่บ่อยๆด้วย”

    ฉันบอกเล่าอาการของตัวเองออกไป ถึงแม้ว่าจะไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลกับชีวิตของฉัน แต่ก็ยังดีกว่ามาให้อึดอัดอยู่อย่างนี้

    “น้องครีมรู้สึกแบบนี้เมื่อไหร่”

    “วันที่เจอกันครั้งแรก”

    “เคยเป็นแบบนี้กับใครรึเปล่าครับ”

    ฉันหันไปมองหน้าคนถามแล้วก็ต้องแปลกใจ แววตาที่แสนยินดีนั่นมันอะไร หมายความว่ายังไงกันนะ

    “ไม่เคยค่ะ พี่เดวิลรู้เหรอคะว่าครีมเป็นอะไร”

    เขาไม่ตอบแต่กลับหัวเราะแล้วเดินเข้ามาใกล้ ฉันขยับถอยห่างอีกนิดเพราะอัตราการเต้นของหัวใจมันเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่เข้าใจจริงๆว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่

    “น้องครีมจะเชื่อมั้ย ว่าพี่ก็เป็นอย่างเดียวกันเลย”

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

    “นานแล้วครับ...ถ้านับจริงๆก็หกปีได้แล้วมั้ง”

    ฉันมองหน้าพี่เดวิลอย่างแปลกใจ นี่เขาไม่คิดหงุดหงิดบ้างเลยรึไง

    “ไม่อึดอัดเหรอคะ”

    “อึดอัดมากครับ”

    “แล้วทนได้ยังไง”

    “ก็มันต้องทนนี่นา”

    “แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ พี่เดวิลบอกได้มั้ย ครีมอยากหายซะที หงุดหงิดตัวเองแบบนี้ไม่ชอบเลย”

    ฉัยว่าแล้วบู้แก้มป่องอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเพียงแค่หัวเราะแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงอย่างเคย

    “พี่รู้ว่าน้องครีมเป็นอะไร คิดว่านะ ถ้ามันเป็นไปตามที่พี่คิดล่ะก็ พี่ไม่อยากให้หายเลยล่ะ”

    “ทำไมล่ะคะ”

    ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูดเลยสักนิด ทั้งๆที่ฉันอึดอัดขนาดนี้ ทำไมเขาถึงได้ไม่อยากให้ฉันหายกันนะ

    “พี่เป็นอาการแบบเดียวกับน้องครีมเพราะว่า...”

    ฉันรอลุ้นตั้งใจจะฟังคำที่เขาพูด ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกมา เหมือนกับว่าฉันแทบจะหยุดหายใจไปซะเฉยตรงนั้น...

    “พี่ชอบน้องครีมครับ”

    ฉันนิ่ง อึ้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกดีใจขึ้นมาซะอย่างนั้น พี่เดวิลอมยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ น่าแปลกทั้งๆที่หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ฉันกลับไม่ถอยหนีเลยแม้แต่ก้าวเดียว

    “ถ้าพี่คิดถูกก็แปลว่าน้องครีมชอบพี่ จริงมั้ยครับ”

    O_o

    “น้องครีม? ว่าไงครับ”

    “ไม่รู้สิ จะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ”

    “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ”

    ฉันนิ่งคิดหาเหตุลก่อนจะถอนหายใจแล้วตอบตามตรงกับสิ่งที่คิดอยู่ในใจ

    “พี่เดวิลเจ้าชู้นี่คะ พวกเพื่อนๆในห้องของครีมก็ร้องไห้กันไปเป็นแถว ครีมไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ ถามจริงนะคะ ทำไมถึงได้มีแฟนหลายๆคนพร้อมกัน”

     “น้องครีมเคยแอบชอบใครไหมครับ”

    คำถามของพี่เดวิลสะกิดแผลเล็กๆในใจของฉันให้เปิดออก...แผลที่คิดว่าเย็บปิดตายไปแล้วกลับเปิดออกง่ายๆเพียงแค่คำถามเดียว

    “เคยค่ะ”

    “แล้วเคยคิดจะบอกเขาไหม”

    คราวนี้ปากแผลเปิดออกอย่างเต็มที่ เศษเสี้ยวที่เล็ดลอดออกมาจากความทรงจำเหมือนภาพวิดิโอฉายซ้ำๆให้ฉันตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง

    “อืม...”

    “งั้นน้องครีมก็คงจะเข้าใจความรู้สึกนี้...รู้ใช่ไหมครับว่า การที่ใครสักคนจะบอกชอบคนที่เราแอบชอบอยู่มันยากแค่ไหน”

    “รู้ค่ะ”

    “ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวหรือมีอุปสรรคยากๆแล้ว ยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจพาลจะท้อ...รู้ใช่ไหมครับ”

    ฉันพยักหน้า รู้สิ ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะในเมื่อคนคนนั้นที่ยังคงอยู่ในใจของฉันมาตลอดก็เป็นทั้งคนใกล้ตัว...อุปสรรคที่ยากยิ่งคือเขาไม่เคยรักฉัน

    “พี่เองก็มีคนที่แอบชอบ...แต่บอกไม่ได้”

    ประโยคนั้นทำให้ฉันรู้สึกแย่ในทันที ยิ่งพี่เดวิลส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน ฉันยิ่งรู้สึกแย่ แล้วทำไมถึงได้มาบอกว่าชอบฉันล่ะ หรือแค่พูดแหย่ไปตามประสาคนเจ้าชู้ แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วยว่าทำไมต้องไปรู้สึกแย่ตามคำพูดของเขาด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ

    “เขาไม่เคยรู้หรอกว่าพี่ชอบ...ดูท่าอาจจะเกลียดพี่มากเลยก็ได้”

    “มีคนเกลียดพี่เดวิลด้วยเหรอคะ พี่เป็นถึงเจ้าชายเชียวนะ”

    “น้องครีมยังไม่ชอบพี่เลยนี่นา”

    “ไม่เหมือนกันนะ ของครีมมันกรณียกเว้น”

    “คนที่พี่ชอบก็ดูท่าจะเป็นข้อยกเว้นเหมือนกัน”

    “ถ้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว งั้นทำไมถึงยังเจ้าชู้ไม่เลิกล่ะคะ”

    พี่เดวิลเงียบแล้วพูดเสียงเศร้าที่ดูเหมือนจะแฝงความนัยอะไรสักอย่างที่ฉันตีความไม่ออก ฉันไม่ชอบเลย

    “เพราะพี่รู้ว่ามันยากแค่ไหนกว่าที่เราจะกล้าพูดว่าเราชอบใครสักคน...เพราะเข้าใจความรู้สึกนั้นเลยทำร้ายน้ำใจของคนที่มาบอกชอบด้วยการปฎิเสธไม่ได้”

    “แต่ถ้าแบบนั้น...พี่ก็จะกลายเป็นคนเจ้าชู้น่ะสิคะ”

    “ตอนนี้ก็เป็นไม่ใช่เหรอ”

    เสียงหัวเราะแปร่งๆส่งมาให้ฉันตามด้วยการยีผมเล่น

    “แล้วพี่ได้อะไรจากการคบคนหลายๆคนล่ะคะ”

    “พี่เรียนรู้การเอาใจผู้หญิงทุกรูปแบบไงคะ”

    “เพื่ออะไรคะ”

    ไม่เข้าใจแฮะ เหตุผลนี้ พี่เดวิลส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ฉันเองฟังแล้วยังต้องบอกเลยว่าดูจริงจังที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ฉัน...กำลังรู้สึก...อิจฉางั้นเหรอ?

    “เพื่อเอาใจเขาคนเดียวยังไงล่ะ”

    “งั้นทำไมพี่เดวิลถึงได้มาหลอกว่าชอบครีมล่ะคะ”

    ฉันถามด้วยน้ำเสียงต่อว่า พูดเล่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ เพราะอัตราการเต้นของหัวใจที่ไม่คงที่ทำให้ฉันเจ็บปวดทุกทีที่ได้ยินเรื่องของคนอื่น

    “น้องครีมยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ”

    “ไม่เข้าใจอะไรคะ”

    “คนคนนั้นของพี่เดวิลก็คือน้องสาวของไอ้โกโชที่ชื่อครีมเค้กไงคะ”

    ฉันนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง ในขณะที่หัวใจก็เต้นแรงอย่างฉุดไม่อยู่ไปด้วยเช่นกัน พี่เดวิลยิ้มหวานมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉันและต้องขอบคุณที่ความสูงของเราต่างกันมากฉันถึงได้มีข้ออ้างในการหลบสายตาจากเขา

    “น้องครีมเค้กจะว่ายังไง”

    “ว่าอะไรคะ”

    “ก็เรื่องอาการป่วยของน้องครีม กับข้อวินิตฉัยของพี่ไงคะ”

    “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

    “งั้นถ้าตอนนี้หัวใจน้องครีมเต้นแรง แสดงว่าพี่คิดถูกนะ”

    พี่เดวิลว่าแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ใช่ เขาพูดถูก หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นจริงๆ

    “ว่าไงคะ”

    “หัวใจเต้นแรงค่ะ”

    “แล้วถ้าพี่เดวิลจะบอกว่าอยากคบน้องครีม อยากดูแลน้องครีม สาวน้อยน่ารักมากๆคนนี้จะว่ายังไงคะ”

    ฉันเงียบลง รู้สึกหายใจติดขัดเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่เดวิลคือผู้ชายในแบบที่ฉันไม่อยากจะเข้าใกล้มาทั้งชีวิตแล้วนี่อยู่ๆฉันก็ดันไปชอบเขาเนี่ยนะ ยิ่งกว่านั้นเขากำลังขอฉันคบอีกต่างหาก จะให้ฉันตัดสินใจยังไงล่ะ ในเมื่อทุกอย่างมันดูวุ่นวายไปใหญ่แล้วตอนนี้

    “ครีมไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถ้าคบกันเดี๋ยวเสียใจขึ้นมาจะแย่”

    “ไม่หรอกครับ พี่สัญญา”

    ฉันยิ้มแห้งๆออกมานิดหน่อยก่อนจะมองหน้าคนตัวสูงอย่างเศร้าใจ

    “ครีมเลิกเชื่อในสัญญาตั้งแต่วันที่ตัวเองทำตามสัญญาไม่ได้แล้วล่ะ”

    พี่เดวิลทำหน้าเข้าใจและดูเหมือนจะไม่คาดคั้นอะไรอีก แต่ฉันสิ ทำไมถึงได้อยากให้เขารบเร้าอีกทีนะ

    “ก็ตามใจน้องครีมนะครับ ไม่ว่ายังไงพี่ก็จะรอ”

    “ขอถามหน่อยนะคะ ถ้าคบกันขึ้นมาจริงๆ แล้วโกโชล่ะ”

    จะเพราะอะไรก็ไม่รู้แต่ฉันก็ดึงเขาเอาไว้และพูดประโยคนี้ออกไป พี่เดวิลหันกลับมามองก่อนจะยิ้มปลอบใจและดึงฉันไปกอดเอาไว้ สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยแต่ชวนให้ปลอดภัยทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะซบไปกับแผงอกกว้าง

    “ต่อให้ไอ้โกโชฆ่าทิ้งตรงนี้ พี่ก็ยอมแล้วล่ะ”

    “งั้นจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ”

    “พี่ไม่แคร์นะว่าเราจะได้คบกันแบบเปิดเผยรึเปล่า แค่ให้พี่ได้ดูแลน้องครีมก็พอ”

    ฉันก้มหน้านิ่ง ในใจคิดอย่างสับสน ถ้าฉันตกลง ก็เหมือนหักหลังพี่ชาย...ฉันดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของพี่เดวิล ส่งยิ้มให้นิดหนึ่งแล้วพูดในสิ่งที่คิดออกมา

    “ขอยังไม่ให้คำตอบตอนนี้ ขอให้แน่ใจก่อนได้มั้ยคะ”

    “พี่จะรอวันที่น้องครีมพูดว่าชอบพี่นะครับ”

    “แต่มันนานนะคะ”

    “นานก็จะรอครับ ขอแค่ระหว่างที่รออย่าใจร้ายกับพี่ให้มากนักก็พอ”

    แล้วพี่เดวิลก็ยีผมฉันเล่นอย่างเอ็นดู เราสองคนเดินไปที่ดาดฟ้าพร้อมกันโดยที่หลังจากนั้นเราก็คุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกได้คือ ฉันได้บรรเทาอาการลงแล้ว...

    กลับกลายเป็นว่าเรามาถึงดาดฟ้าเร็วกว่าที่คิด โกโชยืนคอยอยู่แล้วพร้อมกับบรรดาผีสาว(เพื่อนในห้องน่ะแหละ)ที่กลายร่างเป็นปลิงคอยเกาะพี่ชายฉันอย่างที่ไม่ได้สนใจเลยว่าสายตาฉันในตอนนี้กำลังบรรเลงเพลงสวดส่งวิญญาให้พวกหล่อนไปสู่สุขคติ

    “น้องเค้กครับ...พี่ว่า”

    “พี่เดวิลไม่ต้องพูด”

    “เอ่อ....น้องเค้ก คือ...ใจเย็นๆนะ”

    “โกโชเงียบไปเลย”

    “เอ่อ...ครีมจ้ะ คือว่า”

    “สำหรับพวกเธอล่ะก็....ตายลูกเดียว”

                ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของบรรดาผู้หญิงที่พยายามช่วงชิงพี่ชายของฉันสลับกับเสียงร้องห้ามและใบหน้าอันหล่อเหล่าของโกโชและพี่เดวิล...ฉันกลายร่างเป็นปีศาจอีกแล้วล่ะทุกคน

     

     “จะไปไหนยัยตัวแสบ”

    “ตอนนี้อยู่ในช่วงงอน ไม่คุยเข้าใจไหม!?”

    ฉันหันหลังกลับไปบอกพี่ชายก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินให้เร็วขึ้น เฮอะ!พูดมาได้ว่าตัวเองไม่ผิด ก็ถ้าไม่เล่นด้วยยัยพวกนั้นมันจะมารุมรึไงกันเล่า!

    “ว่าไงยัยตัวเล็ก”

    “ไม่ว่าไงไอ้คนตัวสูง!

    “อะโห มาแบบนี้แสดงว่าอารม์ไม่ดี”

    “รู้แล้วก็ดี อย่ามากวนประสาทนะ รีบไปไกลๆไป๊”

    ฉันว่าแล้วเบี่ยงตัวหลบเพทาย เดินนำลิ่วๆไปอย่างไม่มีจุดหมาย เพราะฉันอะละวาดตบตีกับยัยผู้หญิงข้างบนดาดฟ้า โกโชถึงกับดุฉัน!ในเมื่อโกเลือกปกป้องยัยพวกนั้น ฉันจะไปแคร์โกทำไม

    “น้องเค้กกลับมาคุยกันก่อน”

    “ไปไหนก็ไป ไม่ต้องมายุ่ง!

    “เดี๋ยวก็หลงหรอก งานนี้คนมาเยอะนะ”

    “เยอะก็ช่าง ยังไงๆมันก็ยังอยู่ในโรงเรียนเว้ย!ไอ้พี่ชายบ้า! ไปไหนก็ไปเลยนะ ไม่ต้องมายุ่งเลย!

    ฉันตะโกนใส่โกโชในขณะที่สองเท้าก็เดินแกมวิ่งไปด้วย คนมางานประจำปีนี้เยอะจริงๆอย่างที่โกว่า แต่ช่าง! ตอนนี้ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองฉันหรืออะไรยังไง ฉันหงุดหงิด!เรื่องอะไรตัวเองทำได้แต่คนอื่นทำไม่ได้! สำหรับเขาการที่ผู้หญิงวิ่งตามหน้าตามหลังโกโชมองว่ามันเป็นแค่กระแสนิยมแค่นั้น เขาบอกไม่ให้ฉันไปสนใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องฉันแล้วล่ะก็ แค่ผู้ชายคนไหนกล้ามองหรือทำให้เขารู้ว่ากำลังคิดอะไร คนคนนั้นจะไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่นี่จนกว่าพี่ชายฉันจะมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันแล้ว และกรณีนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลยสักครั้งเดียว!ฉันอยากถามพี่ชายเหลือเกินว่าฉันกับเขาต่างกันตรงไหน ทำไมเขาเป็นห่วงและหวงฉันได้ แต่ฉันกลับไม่มีสิทธ์ได้ทำแบบนี้!

    “น่าโมโหจริงๆเลย ทำไมถึงได้เป็นที่น่าหงุดหงิดขนาดนี้นะ!

    “เธอเองก็ไม่ต่างกันมากนักหรอกยัยเปี๊ยก คนอะไรตัวก็เล็กนิดเดียวแต่ดันเดินเร็วเป็นบ้า!

    ฉันหันหลังกลับไปมอง ผู้ชายตัวสูงที่ใส่ชุดยูกาตะธรรมดาแต่ทว่าก็มีเสน่ห์ในแบบที่ผู้หญิงทั่วไปจะต้องหลง เพทายยืนหอบๆอยู่ตรงหน้าฉัน หยุดพักสักครู่แล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ

    “พี่โกโชไปทำอะไรให้อีกล่ะเนี่ย”

    “อย่ายุ่ง”

    ฉันเตือนเสียงต่ำ คนกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่ามาชวนหงุดหงิดด้วยการกวนประสาท

    “งั้นฉันนั่งเงียบๆรอเวลาก็ได้”

    เพทายว่าแล้วเอนหลังพิงฐานน้ำพุ ฉันไม่เข้าใจว่าจะรอเวลาอะไร เวลาประหารที่ฉันจะลงมือรึไง

    “นายรอเวลาอะไรไม่ทราบ”

    “ลองมองไปรอบๆสิ ที่นี่ที่ไหน”

    ฉันดันบ้าตามคำพูดนั้นมองไปรอบๆจริงๆซะด้วย บริเวณกว้างคล้ายลานประกอบพิธีปลูกหญ้าสนามสีเขียวที่แม้ตอนนี้ความมืดของยามค่ำคืนจะบดบังเหลือเพียงแสงจากโคมไฟสีส้มแบบญี่ปุ่นพอมองเห็นได้ลางๆเท่านั้น ดอกกุหลาบที่หลับใหลสีแดงสดตัดกับดอกอะไรสักอย่างสีขาวที่แย้มบานยามค่ำคืน เก้าอี้นั่งทำจากเหล็กดัดโค้งสีทองและฐานน้ำพุที่กำลังพวยพุ่งออกมาอย่างสวยงามประดับเป็นเจ็ดสีจากแสงไฟที่สาดส่องทันทีที่นึกได้ หัวใจของฉันราวกับดิ่งวูบลงไป เหมือนกับวันนั้น เมื่อปีที่แล้ว...

    “ลานน้ำพุ ทำไม...”

    “กี่โมงแล้วตอนนี้”

    เพทายถามอย่างไม่ใส่ใจกับน้ำเสียงของฉัน นายเองก็ใส่นาฬิกา จะถามฉันทำไม

    “ห้าทุ่มครึ่งพอดี ทำไม หรือพอเที่ยงคืนแล้วนายจะกลายร่างเป็นหนูรึไง”

    เพทายหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดประชดของฉัน เขามองมาอย่างจริงจัง สายตาเป็นประกายนั่นมันอะไรไม่ทราบ

    “พอจะนึกอะไรออกบ้างไหม”

    “จะให้นึกอะไรล่ะ”

    “ฉันนัดเธอวันนี้”

    “นายนัดฉันเมื่อไหร่ไม่ทราบ”

    ฉันเถียงเสียงแข็ง เพทายไม่ว่าอะไรนอกจากหัวเราะออกมาน้อยๆแล้วปล่อยให้ฉันทบทวนความคิด...ใช่แล้ว คงจะเป็นวันนั้นที่ฉันกำลังรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาพูดถึงอะไรสักอย่างเกี่ยวกับลานน้ำพุและเวลาห้าทุ่มครึ่ง คงจะหมายถึงนัดที่ว่าล่ะมั้ง

    “แล้วมีอะไร”

    เพราะขี้เกียจจะนึกถึงให้หงุดหงิด ฉันเลยเป็นฝ่ายให้เพทายเฉลยเลยดีกว่ามานั่งนึกเอาเอง

    “เธอหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วฟังฉันนะ”

    “ฉันกำลังฟัง”

    ฉันว่า โดยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เขารู้ว่าเสียงของฉันกำลังสั่น ที่นี่ เวลานี้ เหมือนกันกับฉากนี้ ฉันคุ้นเคยมากจนแทบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขากำลังทำให้ฉันนึกถึงเธอคนนั้น...

    “ฉันชอบเธอ”

    หนึ่งประโยคที่หลุดออกมาทำให้ฉันนิ่งค้างอย่างงงัน สิ่งที่ฉันได้ยินนั่นมันอะไร

    “ฉันรู้ว่าเธอเองก็คงจะตกใจ ค่อยๆคิดก็ได้ฉันไม่เร่งรัดเอาคำตอบหรอกนะ”

    “คำตอบอะไร”

    ฉันถามกลับไปอย่างเลื่อนลอย...เหมือนกันไม่มีผิดเลย กับคำนี้ ประโยคนี้ ผิดก็แต่คนที่อยู่ตรงหน้าฉันเป็นเพทายไม่ใช่...

    “เวลาคนบอกชอบก็แปลว่าขอคบไงเล่า”

    “ขอปฏิเสธ”

    ฉันได้ยินเสียงของตัวเองพูดออกไปอย่างนั้น มองเห็นใบหน้าของเพทายที่มีความเสียใจอาบไปกว่าครึ่งหน้า

    “ทำไมกันล่ะ”

    “นายก็รู้ จะเป็นไปได้ยังไงที่นายกับฉันจะ...”

    “ก็แล้วทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้!

    เพทายขัดคำพูดของฉันขึ้นมา ใบหน้าของเขาแสดงความเสียใจแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพยายามที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอตะโกนใส่ฉันไปมากกว่านี้

    “ฉัน...ฉันขอโทษ”

    “ไม่จำเป็นเลยสักนิด เพราะยังไงๆฉันก็ให้คำตอบกับนายได้เหมือนเดิม”

    “ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงได้ไม่ยอมให้โอกาสกับฉัน”

    “ไม่ใช่แค่นายหรอกที่ไม่เคยได้รับโอกาส...”

    เพราะแม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่เคยให้โอกาสตัวเองเลย...

    “ทำไมเธอถึงไม่ลืมเรื่องวันนั้นแล้วเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ทำไมต้องไปสนคนที่ตายไปแล้ว...”

    “หยุดนะ!อย่าพูด!

    ฉันเผลอตะคอกออกมาอย่างลืมตัว แต่เพทายดูเหมือนจะไม่ตกใจเท่าไหร่ เขาก้าวเข้ามาประชิดและรวบตัวฉันเข้าไปกอดเอาไว้ ฉันพยายามผลักเขาออก แต่มันไม่มีแรงเลยแม้แต่จะยกแขนขึ้นมา

    “เธอขังตัวเองไว้ทำไม ทำไมไม่ออกมาจากอดีตสักทีล่ะ”

    “....”

    “เธอแสดงออกว่าร่าเริงทั้งๆที่ก็ยังเจ็บปวดกับการสูญเสียครั้งนั้น ฉันเองก็เสียใจนะ”

    “ขอร้อง...อย่าพูดถึงอีกเลย...”

    ฉันรับรู้ว่าเปลือกตาปิดลงพร้อมๆกับความรู้สึกจมดิ่งและทันทีที่ความมืดเข้าปกคลุมฉันก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×