คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 : แค่เส้นบางๆระหว่างเรา
ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายเล่มโปรดอยู่แน่ๆ เท่าที่จำได้ แล้วก็จำได้ว่า อยู่ดีๆก็มีเสียงเรียกให้ลงไปจากห้อง เสียงของม่าม๊าเรียกฉันให้ไปที่หน้าประตูและพอรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูบานนี้ซะแล้ว
“นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่”
“นั่นล่ะคือเรื่องเซฮร์ไพรส์ ^^ เพราะเราจะมาแต่งตัวเพื่อไปงานวันเกิดกัน”
“....”
“ตื่นเต้นอะดิ”
“สงสัยฉันจะฝันอยู่...”
“ไม่ฝันหรอกยัยตัวแสบ เรามีเวลาไม่มากนะ มานี่เร็ว”
โซลลากฉันให้เข้าไปในร้านก่อนจะผ่านโซนเสื้อผ้าเข้าไปยังห้องทำงานที่อยู่หลังร้าน ฉันยังไม่ค่อยเกตเท่าไหร่ แต่พอจะเดาได้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
“เซโร่ใช้นายมาล่ะสิ”
“จะปิดเธอสักเรื่องได้มั้ยนะ”
“ฉันว่าฉันพูดชัดเจนนะ ว่าฉันไม่ไป”
“ฉันก็บังคับเธอไม่ได้หรอกนะ แต่ว่า ฉันถูกขอร้องมา เธอก็น่าจะรู้นี่นา ว่าเวลาเซโร่ทำหน้าเหมือนลูกหมาแล้วมันขัดใจไม่ลง”
รู้ดีเลยเชียวล่ะ -*-
“นายเปลี่ยนใจฉันไม่ได้หรอก โซล แล้วนั่นจะทำอะไร”
“เชื่อใจฉันมั้ย”
อยู่ๆโซลก็มานั่งลงตรงหน้าหลังจากจับฉันนั่งลงบันเก้าอี้ตัวโต สายตาที่จ้องมามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น และไม่รู้ทำไม สายตานั่นถึงได้ทำให้ฉันเกิดวูบไหวขึ้นในใจ
“เชื่อใจฉันมั้ย ริช”
“นายจะทำอะไร”
“ขอแค่เชื่อใจฉัน...ได้มั้ย”
ฉันจ้องหน้าของเขาราวกับไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ เอาล่ะ...ฉันกำลังจะแพ้อีกแล้ว
“ขืนนายทำอะไรประหลาดๆ ฉันเอานายตายแน่”
“อู๊><! อยากตายเพราะเธอชะมัด กิกิกิ”
โซลว่าแล้วดึงมือฉันให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะรุนหลังให้เข้าไปยังห้องลองชุด ท่ามกลางความมืด โซลส่งถุงเสื้อผ้าอะไรสักอย่างมาให้พร้อมกับคำสั่งให้เปลี่ยน จริงๆก็ไม่อยากจะทำอะไรแบบนี้นักหรอกนะ แต่ไอ้คำว่า เชื่อใจฉันมั้ยที่มันดังก้องอยู่นี่สิ จะให้ฉันทำยังไง ท่ามกลางเสียงสบถด่าของตัวเองฉันกำลังใส่ชุดเวรนี่ตามคำสั่ง ฉันไม่อยากโต้แย้งเพราะยิ่งโต้แย้ง หมอนี่ก็ยิ่งกวนประสาท และฉันยังอยากมีเพื่อนอยู่แม้ว่าจริงๆแล้วหมอนี่มันจะกวนประสาทซะจนน่าจับลูกโม่กรอกปากก็ตาม
“เสร็จแล้ว”
ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องลองชุด โซลที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องก็จัดการรุนหลังฉันให้ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมโดยที่ฉันยังไม่ทันได้เห็นเลยว่าชุดที่ตัวเองใส่อยู่มันเป็นชุดอะไร(ก็ข้างในมันมืดนี่นา)
“นายจะทำอะไรอีกละเนี่ย”
“จะสวยทั้งที พี่ขอจัดเต็มหน่อยสิน้อง”
ฉันย่นจมูกใส่โซลแต่ก็ยอมนั่งลงให้เขาละเลงใบหน้าเล่นอย่างว่าง่าย
“ถ้านายแกล้งอะไรฉันล่ะก็ ไม่ตายดีแน่”
“เธอนี่สมเป็นลูกสาวคุณน้านะ ขู่ตายวันละหลายหนจริงๆ”
ใบหน้าที่เคยเรียบใสเพราะไร้การตกแต่ง วินาทีนี้กำลังถูกแต่งแต้มสีสันโดยมืออาชีพ สัมผัสนุ่มนวลที่แก้ม เปลือกตาโดยขนแปรงอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมหวานของเครื่องสำอางที่เคลือบริมฝีปากรวมไปถึงกลิ่นหอมฟุ้งที่โซลฉีดมาที่หลังใบหูอย่างแผ่วเบา ชวนให้รู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล เขาหยุดมืออยู่พักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปจัดการกับผมที่รวบตึงของฉัน เขาปล่อยมันให้ยาวสยายก่อนจะฉีดอะไรสักอย่างและเริ่มละเลงเส้นผมของฉันอย่างเมามัน
“สวยแล้วล่ะ”
เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ฉันลืมตาตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน กระจกบานใหญ่ที่ถูกเลื่อนมาวางไว้ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉายภาพสะท้อนของใครคนหนึ่งที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่านั่นใช่ฉันรึเปล่า
...สิ่งที่สะท้อนกลับมา คือใบหน้ารูปไข่ของเด็กสาว แก้มสีชมพูกับเรียวปากสีกุหลาบแดงสดแลดูฉ่ำหวานด้วยกลอสเงางาม เปลือกตาทาสีเงินเป็นประกายทาบทับด้วยสีชมพูหวานตกแต่งเป็นรูปดวงดาวเล็กๆสีทองที่ปลายหางตา เส้นผมเป็นลอนยาวถูกยีให้ฟูคาดด้วยผ้าคาดลายลูกไม้สีดำ เดรสสุดพลิ้วทำเป็นสองชั้นอย่างเก๋ ชั้นนอกเป็นสายเดี่ยวสีดำทำด้วยผ้าตาข่ายคล้องคอประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ ส่วนชั้นในเป็นเสื้อเปลือยไหล่แขนตุ๊กตาสั้น ตรงแขนเป็นสำดำ ส่วนช่วงตัวทำด้วยผ้าคอตตอนสีแดง ตรงเอวจั๊ม ทั้งชุดตกแต่งด้วยเพชรเม็ดเล็กๆและไข่มุกสลับกันกับผ้าลูกไม้เป็นลวดลายเถากุหลาบ ถุงมือลายตาข่ายสีดำยาวถึงครึ่งค่อนแขนถูกปิดโดยแขนเสื้อ ชายกระโปรงส่วนที่ติดกับเสื้อชั้นในทรงบอลลูนดูฟูฟ่อง แต่ทว่าด้วยความยาวของมันเลยเข่าขึ้นมาเกือบคืบแล้วปกปิดด้วยชายกระโปรงส่วนที่ติดกับผ้าส่วนนอกทำจากผ้าใยแก้วบางเบาสีดำเพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้อย่างลงตัว โอ้ซาตาน!จอมมารอย่างฉันในวันนี้ ทำไมถึงได้ดูฮอตแบบนี้นะ
“ทีนี้ก็สวมรองเท้านี่”
รองเท้าผ้าใบถูกถอดออกอย่างรวดเร็วแทนที่ด้วยส้นสูงสีดำประดับพลอยเม็ดเล็กที่ล้อแสงไฟนีออนวูบวาบอย่างน่าหลงใหล โซลยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเดินอ้อมมาอยู่ข้างหลังฉัน เมื่อส่องกระจกพร้อมกันฉันถึงได้เห็นว่า รูปร่างสูงที่เหมาะแก่การเป็นนายแบบซะเหลือเกินอยู่ในชุดเสื้อเชิร์ตสีขาวรีดเนี้ยบ กางเกงยีนส์ขายาวที่มีรอยขาดแบบศิลปินรองเท้าผ้าใบสีดำเพ้นท์ลายสวยๆกับเครื่องประดับสีเงินสองสามชิ้นกลับสามารถขับให้ความดูดีของหมอนี่ฮอตทะลุพิกัดของสเกลได้อย่างง่ายดาย
“ชักไม่อยากให้ไปซะแล้วสิ”
ว่าพลางเกยคางไว้บนไหล่ฉัน ก่อนจะใช้สองมือหยิกแก้มฉันอย่างมันเขี้ยว - -+ นี่ชักจะมากเกินไปแล้วนะ
“ตกลงนายจะบอกฉันได้รึยังว่านายทำไปทำไม แล้วจะพาฉันไปไหน”
“ไปงานวันเกิดเทียนหอมไง”
“ทำไมฉันต้องไปในเมื่อฉันบอกแล้วว่าไม่ไป”
“ฉันก็คงพูดเปลี่ยนใจเธอไม่ได้หรอกนะ แต่ว่า...”
ฉันหยุดฟังอย่างไม่รู้ตัว...ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมถึงต้องฟัง แต่มันไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจได้
“เราอยากให้เธอไปจริงๆนะ...ทั้งฉัน ทั้งเซโร่”
“....”
“ฉันรู้ว่าบังคับเธอไม่ได้”
“....”
“แค่อยากขอร้อง...”
“....”
“ งานนี้เพื่อให้ได้เจอเธอ...ฉันยอมโดดงานเลยนะ”
“นายจะพล่ามอีกนานมั้ย ถ้าฉันเกิดเปลี่ยนใจ อย่ามา...”
“Let’s go!”
ไม่รู้ว่าฉันกลายเป็นคนใจดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...รู้แต่ไม่ชอบใจเลยก็แล้วกันL
...กว่าเราจะมาถึงงาน ก็เป็นไปอย่างที่ฉันคำนวณไว้ เซโร่ไม่ยอมเข้าไปในงานเพราะรอฉันอยู่จริงๆด้วย อย่าคิดไปไกลล่ะ รอลุ้นว่าฉันจะมารึเปล่าต่างหากล่ะ
“มาแล้วเหรอวะ ไอ้โซล ทำไมชะ...ช้า...จัง..วะ...หวัดดีจ้า ^^ ริชชี่”
“เคยตายรึเปล่า ไอ้เพื่อนรัก”
“ไม่เคยคร้าบบบ ขอโทษๆๆๆ><”
เซโร่วิ่งหลบกำปั้นฉันไปอยู่หลังโซลได้อย่างฉิวเฉียด ฉันข่มความหงุดหงิดเอาไว้เพราะถึงแม้ตัวเองจะโมโหไปก็ใช่ว่าจะฆ่าหมอนี่ได้ ริชชี่ เหอะ!เรียกมาได้ปัญญาอ่อนชะมัด แล้วดูยังมีหน้ามาจ้องหน้าอีก
“มองทำไม - -+”
“วันนี้...จอมมารสวยมาก*O*”
“จอมมารไม่ชอบคนโกหก”
ฉันใส่สันมือลงกลางกระหม่อมของเซโร่ แล้วก้าวเดินฉับๆเข้าไปในงานโดยทิ้งสองเพื่อนสนิทเอาไว้ข้างนอก ก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงมาที่นี่ นี่มันบ้าชัดๆที่หลงฟังคำพูดหมอนั่น
“ว้าว!สวยจังเลยจ้ะ ริช*O*”
“สุขสันต์วันเกิด”
ฉันส่งกล่องของขวัญที่โซลเป็นคนไปหามาให้กับเทียนหอม เธอยิ้มหวานขอบคุณ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นๆถึงได้เรียกยัยนี่ว่านางฟ้า ยิ้มหวานแสนหวานที่ขยันแจกนั้น มันชวนให้นึกถึงนางฟ้าแสนดีที่สวยบริสุทธิ์ซะเหลือเกิน ยิ่งในวันนี้เธอยิ่งดูสมเป็นนางฟ้ามากกว่าทุกๆวัน เส้นผมตรงยาวสวยถูกคาดด้วยผ้าลูกไม้สีขาว ชุดเดรสยาวแขนตุ๊กตาสีเดียวกันขลิบลูกไม้ที่ชายกระโปรงพลิ้วไหว การแต่งหน้าอ่อนๆเน้นโทนสีชมพูดูเนียนใสเป็นธรรมชาติ เครื่องประดับชิ้นเดียวที่อยู่บนร่างกายคือสร้อยเงินเส้นเล็กที่เข้ากันดีเหลือเกินกับเธอ เมื่อยืนเทียบกันแล้ว มันชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า จอมมารกับนางฟ้าแตกต่างกันแค่ไหน
“เข้าไปข้างในเถอะนะจ้ะ เพื่อนๆเราที่โรงเรียนมากันเยอะเลย ฉันพาไปนะ^^”
“ไม่ล่ะขอบใจ ไม่รบกวนเธอดีกว่า”
ฉันเดินเลี่ยงเข้าไปในสวนที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน ให้เดาร้อยครั้งขอตอบเป็นล้านเลยว่า รูปแบบงานนี้โซลเป็นคนออกแบบงาน...แน่นอน และคนที่มาข้อร้องก็ต้องเป็นเซโร่ด้วยเช่นกัน ช่อลูกโป่งและโคมไฟหลากสีถูกนำมาประดับตกแต่งรอบๆด้วยการจัดที่แปลกตา เสียงดนตรีคลอเบาๆตามสายที่เปล่งออกมาจากลำโพงที่แอบซ่อนเอาไว้ตามพุ่มไม้ ช่อดอกไม้ที่ใช้ประดับส่งกลิ่นหอมหวานอบอวลไปทั่ว ธารน้ำไหลส่งเสียงผ่อนคลายบรรยากาศยามค่ำคืน เทียนเล่มน้อยใหญ่ในโหลแก้วถูกวางเอาไว้โดยรอบนับร้อยนับพันขวด สาวใช้ร่างบางเดินถือถาดสารพัดเครื่องดื่มและอาหารคอยบริการอยู่โดยรอบ
“โอะโอ! ทำไมมีสาวสวยมาอยู่ตรงนี้คนเดียวละเนี่ย”
เมื่อฉันหันไปตามเสียง ผู้ชายตัวสูงในชุดเสื้อเชิร์ตสีดำสนิทกับเส้นผมสีบรอนซ์ทองไฮน์ไลท์อ่อนที่แลดูเหมือนสีของทรายโผล่ออกมาจากซุ้มดอกไม้สีหวานพลางยิ้มกริ่ม ใบหน้าที่ดูเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าภายใต้หน้ากากหล่อเหลือร้ายนั่นต้องมีดีกรีความเจ้าชู้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วคนอย่างหมอนี่มีธุระอะไรกับฉันไม่ทราบ
“เฮ้ๆ อย่ามองผมอย่างนั้นสิคนสวยผมไม่ใช่ผู้ชายไม่ดีน้า”
หมอนั่นยักคิ้วน้อยๆพร้อมหลิ่วตาให้ฉัน ทั้งอากัปกิริยา ทั้งการเจรจาที่ดูคุ้นเคยกับผู้หญิงเป็นอย่างดี ดูยังไงก็เสือผู้หญิงชัดๆ แล้วแบบนี้เนี่ยนะ จะมาบอกว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายไม่ดี L
“นาย มีธุระอะไร”
“โอ๊ะโอ ใจเย็นๆครับ ผมแค่ทักทาย”
“ไม่จำเป็น”
“คนอะไรขนาดดุยังสวยชิบเป๋ง><!!”
ไอ้บ้านี่ทำท่ากระดี๊กระด๊าเสียยกใหญ่ นั่นยิ่งจุดต่อมโมโหของฉันให้ขยายขึ้น...
“คนสวยมากับผมแป๊บหนึ่งนะ”
อยู่ๆโดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็ฉุดมือฉันลากเข้าไปในงาน และเพราะฉันคงจะยังงงๆอยู่ถึงได้ยอมโดนลากมาแบบนี้
“คุณชื่ออะไรน่ะ”
“....”
“ ผมชื่อซีซาร์นะ^^”
ที่กลางงานมีโต๊ะใหญ่พร้อมกลุ่มคนนั่งล้อมโต๊ะกำลังส่งเสียงคุยกันอย่างสนุกสนานแต่พอเห็นหน้าฉันความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วทั้งโต๊ะ ก็ไม่แปลกใจหรอกนะที่เป็นแบบนี้
“เฮ้ย!เป็นไรกันเนี่ย เงียบทำไม”
“.....”
“นี่ฉันพาคนสวยมาแนะนำให้รู้จัก >< พึ่งเจอกันตะกี้เอง”
“ไม่มีใครไม่รู้จักเขาหรอกค่ะ”
สาวสวยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นเพียงคนเดียวที่ส่งเสียงนั้นออกมา ฉันปรายตามองเธออย่างไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด...แต่...บางทีเธออาจจะเป็น...
“นั่นน้องสาวของผมชื่อคลีโอ”
สายตาเย็นชาที่ส่งมาทำให้รู้ได้ทันทีว่ามันต้องการสื่อให้ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกของเจ้าของ ใบหน้าสวย ดวงตาสวยเฉียบที่บรรจงแต่งแต้มด้วยโทนสีแดงตัดกับดอกกุหลาบสีดำยิ่งเพิ่มความเย้ายวน สายตาเจ้าเสน่ห์มีแววของความไม่พอใจอย่างเด่นชัด ฉันเองก็เคยได้ยินมาว่ามีสาวสวยเพิ่งจะเข้ามาเรียนที่โรงเรียน ไม่ต้องสงสัยว่ายัยนี่อาจจะเป็นเธอคนนั้น และดูท่าสายตาเย็นชาที่ส่งมานั่นมันจะมาพร้อมกับเรื่องสนุก ผู้หญิง...ลองได้ส่งสายตาแบบนั้นให้กับผู้หญิงด้วยกันแล้วล่ะก็...
“สวัสดี จอมมาร”
เสียงเย็นชาเอ่ยเน้นย้ำคำว่าจอมมารอย่างชัดถ้อยชัดคำ ตั้งใจจะประกาศศึกรึไงยัยนี่ -_-+
“สวัสดี ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน”
ฉันผละออกมาทั้งๆอย่างนั้นแต่ก่อนจะได้ไปไหน มือใหญ่ของใครสักคนกลับจับเอาไว้แน่นหนา ซีซาร์ที่กำลังยิ้มกริ่มมองมาด้วยสายตาวาววับ ดูเขาไม่สะทกสะท้านกับสายตาของฉันเลยสักนิด และสายตาจากร่างบางในชุดสีแดงนั่นทำให้ฉันรู้สึกสนุก ความรู้สึกทั้งหมดกำลังฟ้องออกมาทางดวงตาแสนคม ฟ้องอย่างหมดจดเลยว่าแม่นี่กำลังหึง น่าขำที่ไอ้บ้าซีซาร์นี่กลับไม่รู้สึกตัว ผู้ชายโง่เหมือนกันหมดเลยรึไงนะ
“คุณกำลังจะหนีผมไปไหน”
“ปล่อย”
ฉันพูดเสียงเรียบ คนที่ฉันสนใจไม่ใช่ไอ้หมอนี่หรอกนะ แต่เป็นสาวน้อยชุดแดงนั่นต่างหากล่ะ เพราะงั้นในเมื่อฉันส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปให้ แล้วเขาไม่ยอมรู้สึกสักที ฉันเลยพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการจับกุมของเขา แต่ดูท่าว่าเขาคงจะยังไม่ยอมราวีง่ายๆ และฉันก็ไม่เสี่ยงเอาแรงผู้หญิงไปสู้กับแรงผู้ชายหรอก ฉันรู้ข้อจำกัดดี -^-
“นายต้องการอะไร”
“ผมก็แค่อยากรู้จักสาวสวยให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง”
“ปล่อย”
“โอเค >< ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป”
ซีซาร์ยกมือขึ้นทำท่ายอมจำนนแต่ไม่วายทำหน้าตายิ้มกริ่มส่งมาให้ หมอนี่...มันชวนให้คิดถึงไอ้คนกระล่อน...
“อยู่นี่เอง”
มือใหญ่ของใครอีกคนจับข้อมือของฉันพร้อมกับกันนั้นก็ดึงตัวฉันไปกักเอาไว้ในอ้อมกอด สัมผัสที่อบอุ่นชวนให้หัวใจของฉันรู้สึกแปลกๆขึ้นมาอีกแล้ว
“โซล...”
“ตามหาตั้งนาน หนีมาอยู่นี่เอง”
“รู้จักกันเหรอ”ซีซาร์มองมาที่เราพร้อมกับทำหน้าสงสัย
“...”
“ขอโทษนะเพื่อน ฉันต้องการตัวยัยนี่น่ะ ไปนะ”
โซลยักคิ้วกวนๆส่งไปให้ซีซาร์ก่อนจะยียวนด้วยการโบกมือลาพร้อมหลิ่วตาให้กับสาวๆที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วอุ้มฉันเดินออกไป...ฟังไม่ผิดหรอก หมอนี่กล้าอุ้มฉันพาดบ่าเดินออกมา
“ว่าไง จอมมาร”
“นาย หายหัวไปไหนมาL”
ฉันถามทันทีที่เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ โซลกระโดดหลบหน้าแข้งฉันได้อย่างฉิวเฉียดยังกับว่ารู้ตัวก่อนหน้าว่าจะโดนเตะ
“ใจเย็นสิ ฉันอุตส่าห์ไปช่วยเธอออกมาจากไอ้หมอนั่นนะ”
“ใครขอร้องนายไม่ทราบ”
“ฉันเสนอหน้าเองแหละ พูดไปแล้วก็เขินนะ^^”
โซลว่าพลางทำท่าบิดเขินไปมา ถ้าไม่ใช่ว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ใครมาบอกฉันว่าหมอนี่เป็นตุ๊ด ฉันเชื่อเลย ดูท่าทางแบบนั้นสิ แรดยังกับอะไรดี
“เธอโอเครึเปล่า”
“....”
“ขอทีได้มั้ย เวลาฉันพูดกับเธอเนี่ย อย่ามาเงียบใส่ฉันได้รึเปล่า”
“นายมันน่ารำคาญนะ รู้ตัวมั้ย”
“ในที่สุดเธอก็ยอมพูดกับฉันล่ะ โฮะๆ พี่ละปลื้มมากน้องจ๋า><”
โซลหยิกแก้มฉันไปมาอย่างไม่รู้สำนึกเลยสักนิด จนกระทั่งฝ่ามือของฉันฟาดใส่กลางกระหม่อมเขานั่นแหละถึงได้หยุดเล่นสักที
“เธอนี่ กับเพื่อนไม่เห็นต้องรุนแรงเลยก็ได้นะ เก็บแรงไว้บ้างเหอะแม่คุณ”
“ก็เพราะกับเพื่อนน่ะสิ นายถึงแค่เจ็บไม่ใช่ตายหรือพิการ”
เสียงขู่ของฉันเรียกรอยยิ้มน้อยๆของโซล เขานั่งลงริมธารน้ำก่อนจะฉุดมือฉันให้นั่งลงด้วย เชื่อเลยว่าถ้าไม่ใช่หมอนี่ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้หรอก และที่น่าหงุดหงิดก็คือ ฉันสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่ฆ่าเพื่อนตัวเอง - -
“เธอชอบบรรยากาศแบบนี้มั้ยริช”
โซลชี้ไปที่ท้องฟ้า คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด และบริเวณนี้ท้องฟ้าก็เปิดเต็มที่ นั่นทำให้เราสามารถมองเห็นหมู่ดาวนับล้านที่ทอแสงอยู่บนทองฟ้าได้ราวกับภาพฝัน
“นี่นายจะทำอะไรน่ะโซล”
“ขอฉันพักหน่อยสิ ไม่ได้นอนมาสองคืนแล้วเนี่ย”
ฉันมองหัวหนักๆของโซลที่วางพิงอยู่ที่ไหล่ ตอนแรกก็กะจะผลักทิ้งไปให้พ้นๆ แต่พอเห็นสีหน้าอิดโรยของเขาแล้วก็ทำไม่ลง วันนี้จะใจดียอมให้สักครั้ง ตอบแทนที่แต่งตัวให้ฉันสวยก็แล้วกัน
“เหนื่อยจัง” เสียงถอนหายใจมาพร้อมกับน้ำเสียงอ่อนเพลีย แล้วฉันก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“งานยุ่งนักหรือไง ทำไมไม่ได้นอนตั้งสองคืน”
“จริงๆมันก็ไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้นหรอก แต่เพราะฉันอยากมางานนี้มากกกกก...” แม้จะนอนพิงอยู่อย่างนี้ก็ยังไม่วายทำเสียงทะเล้นอีก “เลยต้องเร่งทำงานให้เสร็จก่อนกำหนด ถึงจะมีเวลามาที่นี่ได้”
“พึ่งรู้ว่านายชอบออกงานแบบนี้นะโซล”
“ ไม่ได้ชอบออกงาน แต่...” อยู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมา พร้อมกระซิบเสียงเบาราวกับจงใจจะกวนประสาท “ฉันอยากเจอเธอ”
“ถ้าจะเพ้อก็นอนไป!”
ฉันผลักหน้าไอ้บ้านี่ไปกองกับพื้น โซลบ่นอะไรพึมพำอยู่คนเดียวพลางคลำหัวป้อยๆ สมน้ำหน้า อุตส่าห์ให้พักดีๆดันมากวนประสาท
“นี่นาย...!!”
“เอาน่า ฉันขอนอน คราวนี้ขอแค่นอนไม่กวนใจล่ะ”
ฉันละคำพูดที่จะต่อว่าเอาไว้แล้วปล่อยให้เขานอนหนุนตักอยู่อย่างนั้น เสียงเพลงแว่วมาจากงานข้างในกล่อมบรรยากาศให้ชวนผ่อนคลาย อากาศที่เย็นลงทำให้ฉันเริ่มรู้สึกหนาวก่อนที่แจ็คเกตยีนส์แขนยาวจะถูกสวมทับลงมา
“ใส่ไว้ เดี๋ยวเป็นหวัด และถ้าจะให้ดี เปลี่ยนจากคำอวดดีที่กำลังจะพูดใส่ฉันเป็นแค่คำขอบคุณ นะ^^”
“นอนดีๆ แล้วเงียบไปเลย”
โซลผิวปากหวือแต่ก็ยอมนอนหนุนตักฉันอยู่เงียบๆ ดาวเต็มท้องฟ้า มีกลิ่นหญ้ากลิ่นดินเคล้ากลิ่นสดชื่นของสายน้ำใสที่ไหลผ่านแว่วเสียงน้ำปะปนกับเสียงดนตรี รอบข้างมีเปลวไฟดวงน้อยในโหลแก้ว...นานแล้วที่ฉันไม่ได้ผ่อนคลายตัวเองแบบนี้ จริงๆก็คงมีโอกาสได้สัมผัสอะไรแบบนี้ในทุกๆวันเพียงแต่ฉันไม่เคยสนใจ ไม่เคยมองไปรอบๆ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ โดนไอ้บ้านี่ลากมาแล้วล่ะก็....
“กำลังคิดอะไรอยู่ฮึ จอมมาร”
“ไหนบอกจะนอน หอนขึ้นมาทำไม”
“นานๆฉันจะได้มีเวลาอยู่กับเธอนะ อยากคุยด้วยจะตาย จะมามัวนอนได้อยู่ได้ไง”
“มีเรื่องอะไรให้คุยนักหนา”
“เฮ้ เพื่อนสนิทฉันก็มีแค่เธอกับเซโร่นะ ไอ้เซโร่เนี่ย ยังไงมันก็แวะไปหาฉันบ่อยๆอยู่แล้ว มีแต่เธอเนี่ยสิ ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่เคยจะไปหากัน ช่วงสอบก็ทำเสร็จเร็วกลับบ้านก่อนฉันอีก แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาคุยกันเล่า”
“...”
“ฉันไม่ได้อยากทิ้งเพื่อนไปไหนนะ อยากคุยอยากเล่นกับเธอแล้วก็ไอ้เซโร่เหมือนเดิม”
“รู้แล้วน่า อย่ามาทำซึ้งชวนขนลุก”
“ฮ่าๆ เวลาเธอขะ...อุ๊บ!! โอเคๆ แค่กๆ ไม่ทุบนะจ้ะ ไม่เอา เรามาคุยกันดีๆ”
ฉันหยุดมือที่กำลังทุบลงกลางอกคนปากดี คิดๆดูแล้ว ที่หมอนี่ยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลามาหาเพื่อนหาฝูงบ่อยๆก็ดี ไม่งั้นหมอนี่อาจจะโดนกรอกลูกตะกั่วใส่ปากวันละหลายสิบลูกแล้วก็ได้
“เธอเนี่ยน้า ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ชอบลงไม้ลงมือแล้วเมื่อไหร่จะมีใครเค้ากล้ามาจีบล่ะ”
“ใครสน”
“จริงๆฉันก็ไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาจีบเธอ ไม่มีก็ยิ่งดี”
เอาล่ะ อีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันไม่ค่อยอยากจะมาเจอหมอนี่เลยก็คือ ไอ้บ้านี่ชอบเล่นอะไรเพี้ยนๆ ทั้งทะลึ่ง ทะเล้น บ้าบอแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรหรอกนะแต่ว่า....ฉันไม่อยากทำให้อะไรๆมันเปลี่ยน ฉันถึงได้ขีดเส้นชัดเจนเพราะแค่ฉันแอบชอบเพื่อนตัวเองมันก็ยุ่งยากมากพอแล้ว
“เธอรู้ป่ะ จริงๆเธอเนี่ยก็สวยมากนะ ถ้าไม่ดุชิบเป๋งอย่างนี้”
“หยุดทำหน้าแป้นแล้น ฉันกำลังฟังดีๆ”
“ฮ่าๆ แต่ฉันว่าเธอทำหน้าดุแบบนี้ยิ่งสวย รู้ตัวป่ะ”
“....”
พลัก!
แล้วคนปากดีก็เงียบสงบลงได้สักที
“โว้!เธอนี่ ร่างกายฉันมันไม่ใช่กระสอบทรายนะเว้ย!! จะได้รุนแรงใส่ตลอด ทีกะไอ้เซโร่...”
“ถ้าหมอนั่นทำแบบนายก็โดนเหมือนกันอยู่ดี อย่ามาหาเรื่องฉัน”
“โดนดักอีกละ วู้! เซ็ง!!”
ฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ท่าทางเหมือนเด็กโดนขัดใจแบบนั้นไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด และแม้ว่าเขาจะชอบกวนประสาทฉันแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็นคนเดียวที่ให้ฉันเผลอยิ้มได้เสมอ และในวันที่ฉันเหนื่อยกับความรู้สึกที่ต้องคอยกำกับเอาไว้ไม่ให้เตลิดแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเขากลับทำให้ฉันรู้สึกสนุกและหายเหนื่อยได้ แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
บางทีเส้นบางๆที่ฉันขีดเอาไว้ระหว่างเรา มันอาจจะบางเกินไป...
“เธอรู้มั้ย ฉันแอบรู้สึกล่ะว่า...เธอขีดเส้นกั้นฉันให้ออกห่างจากเธอ”
“...!”
“แล้วเธอรู้รึเปล่า ว่าบางทีฉันก็แอบสงสัยว่าเธออาจจะรู้อะไรดีๆเกี่ยวกับฉัน”
“อะไรดีๆที่ว่านั่นน่ะอะไรไม่ทราบ”
“ใครจะไปรู้ใจจอมมาร หึหึ เธอไปรู้อะไรมาฉันจะไปรู้ได้ไง”
คำตอบกวนประสาทแบบนั้น ยิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ใครจัดคิวการพูดของหมอนี่นะ ได้จังหวะดีเหลือเกิน!
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่รู้แน่ๆJ”
“อะไร”
“ฉันกำลังพยายามข้ามเส้นนั้นล่ะ^^”
คำตอบนั้น...ก็ไม่ใช่ว่าจะนึกไม่ถึงหรอกนะว่าเขาจะตอบมาแบบไหน แต่ที่มันน่าประหลาดใจก็คือ...แค่หมอนี่พูดแบบนั้น ฉันกลับบังคับให้ตัวเองหยุดยิ้มที่มุมปากไม่อยู่ แม้ว่าจะเป็นแค่จุดเล็กๆแต่ถ้าโซลเห็น มีเหรอที่หมอนี่จะไม่สังเกต นิสัยชอบจุ้นประจำแบบนี้ มีหวังหาเรื่องกวนประสาทฉันอีกแน่ๆ
แต่นายพูดออกมาอย่างกับรู้เลยว่า ตอนนี้ เส้นที่ฉันขีดเอาไว้กำลังโดนละเลย....
“เธอเขินกับคำโกหกฉันใช่ม้า><! ฮ่าๆๆๆ เธอเป็นจอมมารจริงป่ะวะ ไหงช่วงนี้น๊อตหลวมให้หลอกได้ง่ายจังหว่า”
ฉันปรายตามองไอ้คนชะตาขาดที่อยู่บนตักก่อนจะยิ้มกริ่มในใจ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ไม่มีวันที่ไอ้บ้านี่จะได้ก้าวข้ามเส้นบางๆที่ว่านั่นมาได้หรอก!!
“เธอเงียบแบบนี้ฉัน...!!!!”
เท้าเปลือยเปล่าของฉันสัมผัสกับแผ่นหลังของคนบนตักที่กลิ้งโค่โล่ลงน้ำไปพร้อมกับเสียงหลงๆที่เผลอร้องออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงน้ำสาดกระเซ็นขึ้นมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโวยวายของไอ้คนโดนถีบ ฉันก้าวตามลงไปในน้ำแล้วฟาดมือลงกลางกระหม่อมของหมอนั่นแล้วถีบยอดอกที่กำลังจะตั้งตัวลุกขึ้นอีกสเตปสนองความสะใจ
“โอ๊ย!!>< นี่กะจะเล่นฉันตายคาน้ำเลยใช่มั้ย”
“ปากดีแบบนี้ไม่ตายง่ายๆหรอก”
ผู้หญิงเรานี่ เวลาไม่พอใจอะไรมือไว้ทันใจดีจริงๆ...ถึงจะเปียกนิดหน่อยก็คุ้ม ความสนุกแบบนี้ต่อให้ต้องเปียกกว่านี้ก็ยังคุ้มที่จะทำ ฉันก้าวขึ้นจากน้ำหลังจากที่ถีบโซลอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ แต่ก่อนที่จะฝ่าเท้าจะได้สัมผัสกับผืนดิน มือหนึ่งก็กลับดึงฉันเอาไว้ก่อนที่จะตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่งและก่อนจะได้ทันตั้งตัว เขากลับล็อคฉันเอาไว้ซะแน่นราวกับกลัวว่าฉันจะตะปบมือใส่หากเขาล็อคฉันไว้แน่นไม่พอ
“เธอมันจอมมารตัวแสบ!”
“นายคิดจะทำอะไร”
“ไม่ทำหรอกเดี๋ยวเธอตามมาแก้แค้นอีก ฉันขี้เกียจตั้งรับ เธอนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ ถีบมาได้ ถีบลงน้ำเลยนะเว้ย! เธอมันเหี้ยมโหด”
“...”
“เออ จะเงียบก็เงียบไปเลย มานี่เลย คราวนี้หยุดประการสงคราม นั่งกันดีๆแล้วอย่ามาถีบฉันอีกนะ”
“นายมันวอนหาเรื่องเองนะ”
“เออๆ ฉันมันปากหมาเอง ขอบคุณเพื่อนรักที่ไม่กรอกลูกโม่ใส่คร้าบบบบบ”
โซลทำท่าทางไหว้ประชดแล้วลากฉันให้มานั่งข้างๆ เขาปูผ้า(ที่ก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน)ให้ฉันนั่งกันเปียก(ทั้งที่ก็เปียกไปแล้ว)แล้วผลักฉันให้ลงไปนั่ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังต้นไม้พักใหญ่แล้วกลับออกมาในสภาพที่ดูแห้งกว่าเมื่อครู่นิดหน่อย
“ดูดิ เปียกหมด จะต่อยก็ต่อยทำไมต้องถีบตกน้ำด้วยเนี่ย”
“...ไปทำไรหลังต้นไม้มาน่ะ”
“ถอดเสื้อออกบิดน้ำทิ้ง ที่ทำตรงนี้ไม่ได้เพราะฉันกลัวเธอใจอ่อนกับบอดี้สุดเพอร์เฟคของฉัน”
“....”
“หยุดความคิดที่จะถีบฉันไปเลยยัยจอมมาร มา นั่งคุยกันดีๆ ตะกี้มีเรื่องอะไรฉันล่ะสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้ไปอยู่กลางวงผู้คนแบบนั้น”
พอโซลพูดแบบนั้น ทำเอาหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่โต๊ะนั่นและ มันชวนให้คิดไปถึงใครอีกคน...ที่น่าสนใจ...ใครคนนั้นที่ทำให้ฉันอยากจะรู้ซะเหลือเกินว่า ภายใต้ใบหน้าชวนหลงใหลมีความร้ายกาจอะไรซ่อนไว้กันแน่...จะร้ายกว่าฉันได้มั้ยนะ
พอคิดแบบนั้น....รอยยิ้มมันก็กระตุกขึ้นที่มุมปากอย่างเคยตัว
ความคิดเห็น