ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Prince devil ลุ้นรักร้ายของเจ้าชายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 53


    เสียงครีมนี่ใสกิ้งจนน่าอิจฉา

    ว่างๆไปวางยามันดีมั้ย

    นั่นคือสิ่งที่เพิร์ทกับโชเซคุยกันหลังการแสดงจบลงและฉันลงจากเวทีแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยว่าใครพูดประโยคไหน ฉันจัดการจับทั้งสองคนชนเอาหน้าผากชนกันแล้วนั่งลงข้างๆพลางฟังเสียงโอดโอยอย่างมีความสุข สรุปแล้วพวกเราเป็นเพื่อนกันจริงๆใช่มั้ย

    โหดร้ายที่สุดอะครีม

    “ไหนว่าจะไปล่มงานเขาไง ทำไมอยู่ๆถึงได้ไปช่วยร้องจนกระแสมันบูมอีกล่ะ”

    โชเซถามขึ้นพร้อมกับลูปหน้าผากปอยๆหน้ามุ่ย ถึงอย่างนั้นมันก็ยังน่ารักมากอยู่ดี ทำไมนะ รอบตัวฉันถึงได้มีแต่คนหน้าตาดี ไม่เข้าใจ

    “โกโชยื่นข้อเสนอน่าสนใจ อย่ามาถามว่าอะไรเพราะยังไงฉันก็ไม่บอก”

    ฉันรีบดักทางเมื่อทั้งเพิร์ทและโชเซทำท่าเหมือนกับว่าจะพร้อมใจกันถามขึ้นมาอีกครั้ง รออยู่สักพักทั้งโกโชและพวกนักดนตรีก็ลงมาจากเวที ถึงตอนนี้พวกนักเรียนต่างก็พากันทยอยกลับกันบ้างแล้ว ยกเว้นบางคนที่ยังรอขอถ่ายรูป และผู้ชายผมสีส้มคนนั้นก็หายไปกับฝูงชนพร้อมเสียงกรี๊ด คงไม่ต้องบอกหรอกมั้งว่าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงน่ะ

    โย่ว! รู้มั้ยว่าเมื่อกี้น้องครีมเกือบล่มงานของโกแน่ะ ชักจะดื้อไปหน่อยแล้วล่ะนะ

     มาถึงก็กอดคอฉันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พอเถอะพี่ชาย คนอ่านเค้าคิดว่าเราไม่ใช่พี่น้องกันแถมเลยเถิดไปไหนต่อไหนกันแล้วเนี่ย

    “คนที่บังคับให้เค้กขึ้นไปคือโกโชเองนะ แล้วก็บอกแล้วด้วยว่าไม่ คนที่ดื้อคือโกไม่ใช่เค้ก”

    “ถึงงั้นก็เถอะ ไม่น่าจะเงียบอย่างนั้นนี่นา เสียงร้องของเราก็ออกจะเพราะแท้ๆ”

    โกโชว่าแล้วทำหน้าครุ่นคิด ฉันที่ยืนนิ่งปล่อยให้พี่ชายกอดคออยู่อย่างนั้นจึงทำได้แค่ถอนหายใจเกิดมามีพี่ชายเป็นปัญหาชีวิตแบบนี้ต้องทำใจนะ ไม่รู้เพราะว่าฉันดวงดีเกินไปหรือน้อยเกินไปถึงได้เกิดมามีโกโชเป็นพี่ชาย เพราะตั้งแต่จำความได้โกไม่ยอมห่างฉันเลยจริงๆ จนกระทั่งเมื่อตอนเข้าเรียนที่นี่ตอนปีหนึ่งที่พอจะได้ห่างๆกันไปพักหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้นานเท่าไหร่เพราะโกก็บอกให้ฉันสอบเข้าที่นี่ด้วย พอสอบเข้าได้ดูเหมือนระยะห่างก็จะน้อยลงไปอีก ไม่ใช่ว่าฉันจะรำคาญนะ ฉันเองก็ติดพี่ชายพอๆกับที่โกเป็นโรคติดน้องสาว เพียงแต่บางทีโกชอบทำอะไรที่ฉันไม่ทันคาดคิดอย่างวันนี้ นั่นทำให้ฉันเป็นที่สนใจและฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ยิ่งพี่ชายฉันหน้าตาหล่อร้ายอย่างนี้ ผู้หญิงยิ่งวิ่งระดมเข้าใส่ คนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ฉันได้น่ะต้องได้รับการยอมรับจากฉันคนนี้ก่อนเท่านั้นย่ะ!!

    แล้วแกมานี่ทำไมวะ

    โกโชหันไปถามพี่ภัทรที่ยังยืนทำหน้าตาเหนื่อยใจในพฤติกรรมอันน่าเบื่อของพี่ชายฉัน อย่างที่พี่ภัทรเคยพูดว่าโกโชเป็น Perfect man สำหรับสาวๆทั้งหน้าตาก็หล่อ ชาติตระกูลก็เริ่ด บ้านก็รวย การเรียนก็ดีแถมมีอิทธิพลขนาดนั้น นิสัยเสียมีแค่สองข้อ นั่นคือหวงน้องชนิดโอเวอร์สุดกู่กับปัญญาอ่อนแบบหมดทางรักษา

    มาดูน้องเค้ก

     น้องนายอยู่โน่น อย่ามายุ่งน้องฉัน

    เสียงขู่ฟ่อๆทำเอาพี่ภัทรหัวเราะหึๆ แล้วหันไปทางพี่คีตาที่ยืนคุยอยู่กับเพทายดูสนุกสนาน เดี๋ยวสิ วัตถุประสงค์ที่ฉันมาที่นี่คือการห้ามไม่ให้เพทายทำคะแนนนี่นา!

    “โกโชว่าเพทายเป็นไง”

    “ก็ไม่เลวนักหรอกสำหรับรุ่นน้อง แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีสำหรับน้องเค้ก”

    “เรื่องนั้นมันแน่ ไม่ต้องคิดหรอกว่าเค้กจะไปชอบ แค่ถามเฉยๆ”

    ฉันว่าแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจอีกครั้ง พอถามว่าผู้ชายคนนั้นเป็นไง คนนี้เป็นไง โกโชต้องออกอาการคิดว่าฉันสนใจทุกที ก็บอกไปหลายครั้งแล้วไงล่ะว่าไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้จนเกือบพาลไม่ชอบผู้ชายไปแล้วด้วยเนี่ย!!

    “ไอ้โกโช ไอ้เดวิลไปไหน”

    “หายไปกับคนดูกลุ่มโน้นแล้ว”

    “งั้นเหรอ ว่าจะต่อว่ามันสักหน่อย แต่เอาเถอะมันก็ไม่ได้เล่นผิดอะไรมากนัก”

    พี่โอตะที่เดินมาพร้อมกับพี่เนโกะทักทายเพื่อนๆก่อนที่พี่สาวแสนน่ารักจะวิ่งเข้ากอดฉันเหมือนเช่นเคย สาวน้อยน่ารักเหมือนลูกแมวคนนี้คือแฟนสุดหวงของพี่โอตะล่ะ เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก อย่าได้หลงกลใบหน้าน่ารักนั่นเชียว ถามว่าน่ากลัวตรงไหน ก็ขนาดคนน่ากลัวอย่างพี่โอตะที่ไม่ค่อยจะมีใครเดาใจออกยังกลัวก็นึกเอาเองแล้วกันว่าน่ากลัวขนาดไหน

    ดึกแล้วเนี่ย แกไม่กลับเหรอไอ้ภัทร

    พี่นัทที่เพิ่งตามมาถามพี่ภัทรพลางมองดูนาฬิกาแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ยิ้มหวานดีจัง มองมุมไหนก็น่ารักจนบางครั้งฉันก็แอบบ้าคิดไปคนเดียวว่าพี่เขาคือผู้หญิงหน้าหล่อ แต่จะเป็นไปได้ยังไงล่ะในเมื่อเขาอยู่เป็น      รูมเมทของโกโช ถ้าจะให้ถูกต้องพูดว่าเป็นหนุ่มหน้าหวานดีกว่า

    ไม่ล่ะ จะนอนเนี่ยแหละ ขี้เกียจขับรถ

    “ไอ้บ้าภัทร พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเหรอ”

    “ไม่มี แต่คิดว่าถึงมีฉันจะไปรึไง”

    “พูดมาได้หน้าตาเฉยเลยนะเว้ย!เรื่องโดดเรียนเนี่ย”

    “โหย ไอ้เด็กดี ว่าแต่ฉันตัวเองไม่เคยทำรึยังไง”

    พี่ภัทรหัวเราะร่วนแล้วเหลือบมาขยิบตาให้ฉันที่เพิ่งจัดการจับเพทายทุ่มลงพื้นเพราะแอบเห็นว่าหมอนี่แอบกระแซะพี่คีตา(ที่ก็ยังไม่ยอมรู้สึกตัวเลยสักนิด)

                งั้นคืนนี้ฉันไปนอนห้องแกนะ

    พี่ภัทรว่าพลางเอามือโอบไหล่โกโชอย่างอ้อนๆ และนั่นทำให้ฉันที่ตอนแรกยังให้ความสนใจกับเพทายรีบกลับไปยืนแทรกระหว่างผู้ชายทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ถ้าการที่โกโชจะ Popula ในหมู่ผู้หญิงล่ะก็ฉันเองพอจะรับได้เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่กรณีของพี่สองคนมันจะทำให้กลายเป็นว่าธรรมชาติลงโทษ

    ไม่

    เสียงตอบเรียบๆจากโกโชที่หันมาโอบรอบคอของฉัน(อีกแล้ว)ทำให้เสียงหัวเราะของพี่ภัทรแห้งไปในทันตา นั่นรวมถึงเสียงหัวเราะของพี่นัทที่ดังขึ้นด้วย

    เฮ้ย! อะไรว้า~ อุตส่าห์มาหา ขอนอนคืนเดียวเอง”

    “ไปนอนห้องไอ้ต้าร์ดิ”

    “ทำไมนอนห้องแกไม่ได้”

    “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ จะถามมากเรื่องไปทำไมในเมื่อถามยังไงคำตอบก็เหมือนเดิม”

    โกว่าก่อนจะหันมาสนใจกับฉันที่ตอนนี้ก็ยังอยู่ในอ้อมแขนนี่อยู่ อย่าถามเลยว่าทำไมไม่รู้จักโต เพราะมีคนไม่ยอมให้โตนี่ไง

    “ดึกแล้วเนี่ย เด็กดีไม่นอนดึกนะโกไปส่งแล้วรีบอาบน้ำนอนล่ะ

    โกก็อย่านอนดึกล่ะ

    พี่ชายอุ้มฉันขี่หลังก่อนจะเดินไปตามทางเดินสู่หอพักหญิงโดยไม่สนใจพี่ภัทรที่ยืนโววายกับพี่นัทอยู่ข้างหลัง เป็นเรื่องแปลกที่ไม่ว่าฉันจะถามทีไรโกโชก็ไม่เคยจะให้คำตอบที่ต้องการได้เลยสักที

    “ทำไมห้องโกถึงไม่รับแม่บ้าน”

    “อากาศมันหนาวเนอะ”

    “ทำไมโกถึงไม่ยอมให้ใครเข้าไปล่ะ”

    “วันเกิดปีนี้อยากได้อะไรคะ”

    เวลาถามเรื่องนี้ทีไรเป็นอย่างนี้ตลอดจนเบื่อที่จะถาม(ยอมแพ้เลย) ห้องนอนในหอของพี่ชายฉันคือที่สุดของที่สุดในความอยากรู้ของบรรดาเพื่อนฝูง แม้แต่เพื่อนในกลุ่มเดียวกันยังไม่เคยมีใครได้เข้าไปอย่างมากก็แค่หน้าประตูที่พอจะชะโงกเข้าไปได้เท่านั้น ที่ยิ่งไปกว่าการที่ไม่ยอมให้ใครเข้าห้องแม้กระทั่งครูหอก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปตรวจ โกโชยังเปลี่ยนกุญแจห้องให้เป็นแบบรหัสเซฟและไม่ยอมให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดด้วย ทุกวันจะมีขยะถุงใหญ่วางไว้ที่หน้าห้องพร้อมกับเสื้อผ้าที่พับไว้เตรียมส่งซัก แบบนี้จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงว่ามีอะไรข้างในถึงได้ปิดเป็นความลับกันขนาดนั้น โกโชทำแบบนี้มารู้สึกว่าก็จะตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่เลยล่ะ...

     

    ...บอกทีว่าพี่คีตาเสียสติ หรือไม่ก็เป็นบ้าไปแล้วที่อยู่ๆก็ดันมาพูดพล่ามเกี่ยวกับเพทายให้ฉันฟังอย่างนี้!

    “แล้วก็นะ ถึงจะเจ้าชู้ไปหน่อยแต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบเสน่ห์แบบนี้นี่เนอะ”

    “งั้นมั้ง”

    “สนใจหน่อยน่า เนี่ย แล้วทายนะ นอกจากเรียนเก่ง หน้าตาดี แล้วก็ยังเป็นสุภาพบุรุษอีกต่างหาก”

    “งั้นมั้ง”

    “แล้วก็นะ....”

    แล้วก็นะ บลาๆๆๆๆๆๆ เรื่อยไปไม่หยุด นี่วันอาทิตย์นะ ถ้าจะให้ฉันใช้เวลาทั้งวันฟังเรื่องคุณงามความดีของไอ้วายร้ายหน้าใสคนนี้ล่ะก็ ขอตายคากองหนังสือเรียนยังจะดูมีสาระกว่าเยอะเลย

    “น้องครีม....มานี่ๆ”

    “อะไรอ่ะ ไม่อยากจะฟังแล้วนะ ขืนยังได้ฟังเรื่องความดีของหมอนั่นอีกคำเดียวครีมอ้วกแน่”

    ฉันเดินไปตามเสียงเรียกก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนเตียงนุ่มๆของพี่คีตา พี่สาวคนนี้มีอิมเมจที่ขัดแย้งตัวเองอย่างเหลือเชื่อคือหนึ่ง เชื่อคนง่ายมากในขณะที่ไม่ยอมเชื่อตัวเองเลยแม้แต่น้อย และสองปฏิเสธการเป็นสาวหวาน แต่การห้องนอนดันตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนและมีแต่ตัวคิกขุเต็มห้อง แล้วก็บอกกับตัวเองและคนอื่นว่าตัวเองไม่เปรี้ยวทั้งๆที่เห็นอย่างนี้ก็ซ่าไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าจเปรียบล่ะก็ คงจะเป็น...สตรอว์เบอร์รี่ หวานนิดเปรี้ยวหน่อย นั่นล่ะพี่คีตาล่ะ

    “มีอะไรพูดมาเลยเหอะ ขี้เกียจลุ้น”

    ฉันพูดเมื่อเห็นอาการจะพูดก็ไม่พูด จะไม่พูดก็ทำท่าจะพูด ทำไมต้องอยากให้ฉันเริ่มพูดอะไรก่อนทุกทีที่จะปรึกษาอะไรสักอย่างเลยด้วยนะ

    “คือแบบว่า มีเรื่องขอให้ช่วย”

    “รู้แล้ว ก็พูดมาสิ ฟังอยู่”

    ฉันส่งเสียงบอกรับรู้ก่อนจะล้มตัวลงนอนและคว้าเอาหนังสือที่วางๆอยู่มาอ่าน

    “พี่ซีเรียสนะเนี่ย”

    “คิดว่าเค้กไม่จริงจังเหรอไง มีอะไรก็พูดมา”

    ฉันว่าแล้วเหลือบตามอง พี่คีตาทำท่าลำบากใจแต่ก็ยังไม่ยอมพูดออกมา น่ากลัวว่าเรื่องที่ขอจะทำให้ฉันลงความเห็นว่าตัวเองต้องทำอะไรงี่เง่าอีกแล้วแน่ๆ

                “ว่าไง มีอะไร”

    “ก็บอกแล้วไงว่ามีเรื่องให้ช่วย”

    “แล้วจะไปตรัสรู้ได้ไงว่าช่วยอะไร บอกมาดิ”

    ฉันว่าอย่างเริ่มหงุดหงิด ก็เอาแต่ยึกๆยักๆแบบนี้แล้วจะรู้เรื่องกันมั้ยละเนี่ย~

    “คือว่าพี่มีคนที่ชอบแล้ว...และคนๆนั้นก็เกี่ยวกับเพทายแล้วก็...”

    จู่ๆพี่คีตาก็รัวออกมาเป็นชุด ยอมรับว่าแปลกใจนิดหน่อย แต่ไอ้ที่น่าตกตะลึงก็คือ...เมื่อกี้พี่หลุดคำว่าเพทายออกมางั้นเหรอ?!

     เพทายเหรอ?!!”

    พี่คีตาหลบตาฉันแล้วพยักหน้า ดูจากใบหน้าที่แดงจัดแบบนั้นแล้วคงไม่ต้องพูดอะไรมาก พี่สาวฉันคงหลงคารมของไอ้บ้านั่นเข้าแล้ว

     ก็นะแบบว่า ทายอยากคืนดีกับเค้กเพราะพี่ขอดังนั้นเลยคิดว่าพวกเราน่าจะมีเวลาทำความรู้จักอีกฝ่ายให้ดีกว่านี้เยอะๆ น้องเค้กจะได้เลิกอคติกับทายสักที

    “ขอปฎิเสธ แล้วไม่ต้องถามนะว่าทำไม”

    ทำไมล่ะ แค่ทำความรู้จักกับเพทายเอง...

    อย่าถามเหมือนไม่รู้”

    ฉันตอบพลางเลื่อนตัวลงจากเตียงเตรียมจบการสนทนาอันไร้สาระนี่ เฮอะ!ว่าแล้วไงล่ะว่าต้องมาขอให้ฉันทำอะไรงี่เง่าไร้สาระ หาเวลาทำความรู้จักงั้นเหรอ แค่นี้ก็รู้จักกันดีจนเกินพอแล้วล่ะ!

    “มันเริ่มต้นกันใหม่ได้นะ น้องเค้ก”

    “นั่นมันก็ใช่ในกรณีของคนทั่วไป แต่ต้องไม่ใช่กรณีระหว่างเค้กกับหมอนั่น”

    “ค่อยๆทำความรู้จักกันไปก็ได้นี่นา ถ้าได้ดูจากมุมอื่นๆอย่างใกล้ชิดอาจจะเปลี่ยนความรู้สึกก็ได้นะ”

    “งั้นพี่คีตาก็ควรศึกษาหมอนั่นอย่างละเอียดก่อนจะมาขอให้เค้กทำอะไรอย่างที่ว่า

    ฉันตอบแบบไม่รักษาน้ำใจพลางเดินกลับยังห้องของตัวเอง เฮอะ!ถ้าได้มองมุมใหม่เหรอ เสียใจด้วยที่บังเอิญฉันมองลงลึกไปมากเกินพอแล้วเหอะ

    เถอะนะ คิดว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงเวลาที่พวกเธอเจอกัน บรรยากาศมันมาคุจะตาย

    “ยังตามมาถึงนี่อีกเหรอเนี่ย”

    “เค้กลองเปิดใจ ดูเพทายใหม่อีกทีก็ได้นี่นา”

    “ถามจริงนะ ชอบเขาเหรอ”

    ฉันหยุดพี่คีตาด้วยคำถามนั้นก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ฉันแทบจะเป็นลมเมื่อพี่สาวคนดียิ้มกว้างพยักหน้ารับได้หน้าตาเฉย

    “เขาพูดอะไรใส่หูถึงได้ชอบน่ะฮะ”

    “ก็แหม ความจริงแล้วเพทายเป็นคนดีมากเลยนะ เป็นคนรักเดียวใจเดียว แต่เพราะ...”

    “หยุดสาธยายก่อนที่เค้กจะอ้วก”

    ฉันยกมือห้ามแล้วหันหลังกลับมาสนใจหนังสือที่อ่านค้างทิ้งไว้ น่าเชื่อถือมากเลยนะกับการที่คนอย่างเพทายบอกว่ารักเดียวใจเดียว

    นะเค้กนะ ลองดูใหม่อีกทีแล้วถ้าหากว่ายังไม่ชอบกันอีกล่ะก็ พี่จะไม่ตื้อล่ะ

    ต่อให้ตื้อยังไงคำตอบก็คือไม่ เป็นศัตรูกันมาสองปีคงไม่คิดว่าอะไรๆมันจะง่ายขนาดนั้นใช่มั้ยล่ะ

    “แต่จะรู้ได้ไงว่ามันง่ายรึเปล่า ลองดูเถอะนะ”

    “ขอร้อง อย่าขอให้เค้กทำอะไรในสิ่งที่ไม่อยากทำเลย”

    “พี่แค่อยากให้เค้กลองมองคนอื่นในมุมอื่นเท่านั้นแหละ ไม่คิดว่าน้องสาวพี่จะใจแคบแบบนี้นะ”

    พี่คีตาพูดแล้วทำท่าจะเดินออกไป ใจแคบงั้นเหรอ พี่คีตาพูดว่าฉันใจแคบเพียงเพราะฉันไม่ยอมให้โอกาสเพทาย ไม่ยอมทำความรู้จักกับเขาใหม่งั้นเหรอ เพียงแค่นั้นพี่คีตาถึงได้กล้าว่าฉันใจแคบเชียวเหรอ

    “ก็อาจจะจริงที่ว่าเค้กใจแคบนะพี่คีตา”

    ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย และเพราะสิ่งนั้นมันผิดปกติพี่คีตาถึงได้ทำตาปริบๆเหมือนกับแปลกใจที่เห็นโหมดใหม่ในตัวฉัน

    “แต่เค้กก็ยังไม่แคบพอที่จะไม่เกลียดเขาชนิดเข้าหน้าไม่ติดหลังจากที่เขาทำอะไรทุเรศๆในวันนั้น และต่อให้พี่คีตาไม่ขอ ถ้าเขาพยายามทำให้เค้กรู้สึกว่าที่เขาทำไปวันนั้นคือสิ่งไม่ตั้งใจ บางทีความรู้สึกที่มีให้กับเพทายอาจจะไม่ร้ายแรงแบบนี้”

    “งั้นทำไมไม่ให้โอกาสเขาล่ะ”

    “ก็ให้มาตลอดสองปีที่รู้จักกันนั่นแหละ พี่คีตาเคยเห็นเขาทำตัวดีๆกับเค้กบ้างมั้ยล่ะ นอกจากกวนประสาทให้โมโหและชื่อที่คาวขึ้นทุกวัน”

    “บางทีเขาอาจจะไม่รู้วิธีเข้าหาผู้หญิงก็ได้”

    “ลองคิดดูให้ดีๆนะพี่คีตา คนอย่างนั้นน่ะเหรอจะไม่รู้จักวิธีเข้าหาผู้หญิง ถ้าคิดจะชอบใครสักคนก็หัดทำความรู้จักให้มากกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเขาเป็นสิ”

    พูดจบ ฉันก็เดินออกนอกห้องไปปล่อยให้พี่คีตาอยู่ข้างในอย่างไม่คิดจะสน แน่นอนว่าฉันรู้ตัวว่าตัวเองแรงมากไปหน่อย แต่ถ้าถึงขั้นที่พี่คีตากล้าต่อว่าฉันด้วยเรื่องงี่เง่าอย่างนี้ มันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันที่จะสวนกลับไปแรงๆแบบนั้น การทะเลาะกันครั้งแรกของเราจบไม่สวยเท่าไหร่เลยนะ แต่มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่ฉันจะไม่ยอมลงให้กับพี่ เพทายน่ะไม่ดีพอสำหรับพี่หรอก

    “บางทีเธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่ที่คำพูดคมกริบบาดใจพี่สาวอย่างจังเลยนะสาวน้อย”

    นั่นเป็นคำพูดประโยคเดียวที่หลุดออกมาจากปากของคีตาหลังจากที่สาวน้อยของเธอเดินออกนอกห้องไปแล้ว เธอผิดเองที่ใช้อารมณ์มากไปหน่อยโดยลืมตัวไปว่า สาวน้อยคนนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย และเพราะครีมเค้กไม่รู้อีกทั้งเธอเองก็พูดไม่ได้ การทะเลาะครั้งแรกของเราจึงจบลงด้วยการกระทำงี่เง่าอย่างนี้

     

    “นะๆๆๆๆ”

    เสียงนี้ตามหลอกหลอนฉันอีกแล้ว พี่คีตายังคงเดินตามฉันหลังจากที่ฉันเดินหนีมาเกือบร้อยครั้งในรอบวันก็อุตส่าห์คิดว่าจะคุยกันรู้เรื่องที่ไหนได้หายไปสามสี่วันกลับยิ่งของแรง!ไปได้ตัวกระตุ้นที่ไหนมานะ

    “พูดไม่รู้เรื่องเหรอเนี่ย!!

    “เข้าใจแต่ทำไม่ได้ รู้มั้ยว่าพี่ต้องการเห็นสันติภาพในหมู่เพื่อนฝูงนะ”

    “ก็บอกว่าไม่ไง ไม่ก็คือไม่!

    ฉันยื่นคำขาดหยุดเดินหนีพร้อมกับเผชิญหน้าสักตั้ง มันจะอะไรนักหนากับผู้ชายคนเดียวเนี่ย!

    แค่ทำความรู้จักกันใหม่ พี่ไม่ได้บังคับกำลังขอร้องอยู่นะ มันยากตรงไหนกับการลืมเรื่องในอดีตเนี่ย

    พี่คีตาทำสีหน้าเหมือนหงุดหงิดที่ฉันไม่ยอมทำตามสักที อะไรวะ!!คนที่หงุดหงิดมันควรจะเป็นคน

    ซวยอย่างฉันไม่ใช่คนขอร้องอย่างพี่นะ!!

    ถามมาได้ว่ายากตรงไหน พี่คีตาควรจะเรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนนะว่าสิ่งที่ทำอยู่นี่ไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นการบังคับทางอ้อมและการลืมเรื่องแย่ๆในอดีตก็ยากพอๆกับที่เค้กขอให้พี่คีตาลืมคนที่ชอบไปซะ”

    พูดบ้าๆ ใครจะไปทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นได้

    ก็รู้แล้วนี่ ว่าไร้สาระ เพราะงั้นจบเรื่องเถอะ

    โธ่! ไม่เอาสิ อย่าทำแบบนี้นะ

    พี่คีตาว่าแล้วจับชายเสื้อของฉันเอาไว้ จะบ้ารึไงเนี่ย คนยิ่งรีบๆอยู่นะ!

    “ปล่อยน่า พี่คีตา”

    “เอางี้ๆๆๆ ถ้าช่วยพี่ครั้งนี้พี่จะไม่ตื้ออีกแล้ว”

    “จะให้ช่วยอะไรเล่าว้อยย!!

    “เอานี่ไปให้เพทายให้ที”

    “ก็แล้วทำไมไม่ไปให้เองล่ะ”

    ฉันถามอย่างหงุดหงิดคูณด้วยอารมณ์โมโหพลางหันไปมองของในมือพี่คีตา ดอกกุหลาบแดงเนี่ยนะ-o-^

    “พี่กำลังรีบเพราะอาจารย์เรียก ถ้าไม่คิดจะมองเขาใหม่พี่ก็ขอวานงานนี้เท่านั้นพอ”

    พี่คีตาพูดพลางทำหน้าเหมือนจะงอน ยื่นดอกกุหลาบมาข้างหน้าโดยไม่มองหน้าฉัน ขอร้องเถอะว่าคนกำลังรีบมีเวลาพอมาบ้ากับฉันแบบนี้น่ะเหรอ เป็นคำแก้ตัวที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ

    ทำให้พี่ได้ใช่มั้ย

     มีทางเลือกมั้ย

    ไม่มี

    “งั้นก็อย่าถาม แต่ขอโทษนะ เพราะเค้กเองก็กำลังยุ่ง ไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก”

    “ที่ว่ายุ่งนี่จะไปไหน”

    “นัดเพื่อนไปทำโครงงาน ถ้าไม่ว่าอะไรล่ะก็ ปล่อยมือจากเสื้อเค้กได้แล้ว”

    ฉันว่าแล้วทำท่าจะเดินไป พี่คีตาที่ยืนหน้างออยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งตามมา ทำไมถึงได้พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้นะ

    “ถ้าไปทำโครงงานล่ะก็ต้องผ่านโรงอาหาร ฝากด้วยแล้วกัน บาย”

    และจู่ๆดอกกุหลาบสีแดงสดก็ถูกยัดเข้าใส่มือของฉันพร้อมกันนั้นคนยัดเยียดก็วิ่งหายไปอีกทาง นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!เพทายไปทำอะไรพี่คีตาถึงได้เป็นเอามากขนาดนี้ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ทางเดียวที่ฉันทำได้คือเดินถือดอกกุหลาบสีแดงสดเอาไว้ในมือพลางมองหาเพทายในโรงอาหารที่ตอนนี้คนเยอะบรม อ๊ะ! เจอแล้ว แต่ว่า จะให้เอาเข้าไปให้ยังไงดีล่ะ...เดินเอาเข้าไปให้ตรงๆเลยแล้วกันไม่มีเวลามาคิดมากแล้วนี่

                รุ่นพี่บ้ากาม

    อ้าว ยัยเปี๊ยกมาทำอะไรที่นี่ล่ะ

    ถามมาได้ว่ามาทำไม ที่นี่มันโรงอาหารนะเว้ย!ก็ต้องมากินข้าวสิ แต่ตอนนี้ฉันเอาของมาให้นายต่างหาก

    พี่คีตาฝากนี่มาให้

    ฉันยื่นดอกกุหลาบในมือออกไป เพทายทำหน้าตาสงสัยแต่ก่อนที่ฉันจะได้ปล่อยมือออกจากดอกกุหลาบคนที่อ้างว่าอาจารย์เรียกก็วิ่งออกมาจากมุมเสาและทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดนั่นก็คือ...

    “น้องครีมเค้กให้ดอกกุหลาบทายอ่ะ!!!ดูสิๆ น้องเค้กให้ดอกกุหลาบเพทาย วู้ๆๆๆ!!!

    แบบนี้...

    “หาไหนๆ โห!ดูดิ”

    “หลักฐานคาตาเลย”

    และแล้วจากที่สงบสุขก็กลายเป็นโกลาหล ฉันกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาโดยทันที เพทายที่นิ่งอึ้งไปนิดๆยิ้มกริ่มเอื้อมมือออกมาหมายจะรับดอกกุหลาบโดยที่ปากก็ขยับตามไปด้วย

    “ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ว่าแอบชอบฉัน”

    “....”

    “ถ้าเป็นเธอล่ะก็นะ ฉันยินดีเสมอ”

    วินาทีที่นิ้วของเพทายสัมผัสกับดอกกุหลาบในมือฉัน ความอดทนทั้งหมดก็จางหาย ฉันชักมือกลับเหลือบมองพี่คีตาที่ยืนส่งยิ้มหวานให้ เลื่อนไปที่เพทายที่ดูเหมือนจะสงสัยในการกระทำของฉันและกลับมามองมองดอกไม้แสนสวยในมือก่อนที่จะ...

    ป๊อก!

    หักมันทิ้งโดยไม่สนใจกับหนามที่ทิ่มตำจนเลือดออก...อา....เลือดสีสวยนี่มันฉาบซะจนแดงสาดเลยนะเนี่ย

    “เฮ้ย!!

    “กรี้ด!!ครีม!

    “ยัยเปี๊ยกนี่เธอ...”

    “นี่มันยังแค่เล็กน้อย ไม่ตายหรอก แล้วรู้เอาไว้ซะด้วย เรื่องที่ว่าฉันแอบชอบนายมันปัญญาอ่อนสิ้นดี ถ้าต้องชอบนายล่ะก็ ฆ่าฉันให้ตายยังจะดีกว่าซะอีก”

    ฉันพูดเสียงเรียบ หันไปสบตากับหน้าซีดๆของพี่คีตาที่ทำให้ฉันเสียความรู้สึกแล้ววกกลับไปสบกับสีหน้าพูดไม่ออกของเพทาย...ฉันกำลังท้าทายนาย รู้เอาไว้ซะนะ

    “ดอกกุหลาบนี่”

    ฉันมองสิ่งสวยงามที่หักคามือ โดยที่ก้านสีเขียวสดอาบเลือดสีแดงที่ตัดกันแล้วดูสวยสด แม้ว่าฉันจะเจ็บที่ทำแบบนี้ แต่การที่พี่คีตาทำกับฉันในวันนี้ มันน่าเจ็บใจกว่าร้อยเท่า

    “อยากได้ก็เอาไป แต่จำเอาไว้ว่ามันไม่ได้มาจากฉัน”

    ฉันจับมันยัดใส่มือของเพทายแล้วเดินออกจากโรงอาหารไปโดยไม่แคร์สายตาของใครทั้งนั้น ในเมื่อใครร้ายมาเล่นบ้าๆแบบนี้ หน้าไหนก็อย่าได้สนนั่นล่ะคือสิ่งที่ทำให้ฉันเข้มแข็ง...

     

     ตัวร้อนรึเปล่า กินอะไรมาหรือยัง ทานยาลดไข้เลยดีมั้ย”

    “จำได้ว่าบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าหนามตำ”

    “ก็ใช่ แต่เดี๋ยวแผลอักเสบมีไข้จะทำยังไง พี่ชายเธอเวลาคร่ำครวญแล้วน่าสงสารนะ”

    ไม่ว่าเปล่า เอามือสวยๆมาอังหน้าผากฉันด้วย เอาออกไปนะ ฉันไม่ชอบ!โธ่เอ๊ย! คิดถูกมั้ยเนี่ยที่มาที่นี่ ณ ตอนนี้ฉันอยู่ตึกพยาบาลห้องผู้ป่วยเบื้องต้น ที่จริงก็แค่หนามตำเลือดอาบแผลแค่นี้ให้พี่คีตาทำให้ก็ได้แต่เพราะฉันยังโกรธยัยพี่บ้านั่นอยู่และพวกเพื่อนๆที่รักก็ไม่มีใครทำแผลเป็นสักคนรวมทั้งตัวฉันก็ทำไม่ถนัด ครั้นจะไปให้พวกพี่ชายทั้งหลายแหลทำก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ดังนั้นเลยทำตามคำแนะนำของยัยโชเซว่าด้วยการเดินมาห้องพยาบาลให้สาวสวยอายุใกล้เลขสามคนนี้ทำแผลให้

    ที่ทำให้นี่เห็นแก่พี่ชายหนูสินะ

     บ้า! นั่นมันแค่เหตุผลส่วนหนึ่งหรอก

    เสียงบ่นพึมพำที่ฉันยังอุตส่าห์ได้ยินอีก อาการเธอฟ้องตัวเองมากเกินไปรึเปล่า

    เสร็จแล้วใช่รึเปล่าคะ หนูขอตัวไปเรียนก่อนแล้วกัน ขอบคุณนะคะ

    ไม่เป็นไรแล้วล่ะแต่ระวังอย่าไปทำอะไรให้แผลเปิดนะ แล้วก็ถ้าอักเสบให้รีบมาตรวจดูอีกที นี่พี่ชายเราเขารู้เรื่องหรือยังล่ะ ครูโทรตามให้เอาไหม

    ยังอุตส่าห์มีเบอร์โทรศัพท์อีกนะ ยัยครูพวกนี้นี่-_-+++

    “ไม่ดีกว่าเดี๋ยวมาแล้ววุ่นวาย อีกอย่างก็รู้นะว่า...”

    เสียงตึงตังจากผู้ชายตัวสูงที่วิ่งมาทางนี้หยุดทุกคำพูดของฉันในทันที ให้ตายสิ!เขาคือปัญหาชีวิตขนาดใหญ่ของฉัน ไม่สิ ที่เป็นปัญหาเพราะหน้าตาที่ดีจนเกินไปนั่นต่างหาก ใครกันนะที่โทรศัพท์ไปเรียกตัวมาเนี่ย!!ทันทีที่เห็นว่าใครมาพวกคุณครูห้องพยาบาลต่างพากันเดินเข้าออกห้องนี้กันเป็นว่าเล่น เดี๋ยวๆก็มาเช็คอะไรไม่รู้ เดี๋ยวๆก็ทำเป็นมาเช็ดตัวจนฉันไม่แน่ใจว่าภาพที่โกโชเห็นจะเป็นน้องสาวที่โดนหนามตำหรือคนป่วยพิการระยะสุดท้ายใกล้ตายกันแน่

    “ที่รัก!!โอเคมั้ย!!

    “จะดีกว่านี้ถ้าโกไม่มา”

    “ทำไมใจร้ายจัง นี่อุตส่าห์โดดเรียนมาเลยนะ”

    “อย่าทำหน้าเหมือนลูกหมา ปกติก็โดดอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”

    ฉันพูดดักทางเอาไว้ พี่ชายกลืนน้ำลายอย่างลำบากก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆมาให้แก้เก้อ...เสียงกรีดร้องเบาๆจากพวกที่ยืนแอบมองจากมุมม่าน พยาบาลพวกนี้อะไรกันเนี่ย!!

    “มาทำบ้าอะไรเนี่ย!!ใกล้ตายแล้วจะบอกตอนนี้ยังหายใจเองได้ออกไปให้หมดเลยนะ!!

    ฉันไล่ตะเพิดจนเหล่านางฟ้าในชุดขาวต้องรีบแจ้นออกนอกห้องก่อนที่กระโถนจะลอยไปโดนใส่ใครเข้า ในที่สุดห้องก็สงบสักที กวนใจกันอยู่ได้

    “อา...ไหงร้ายจังแฮะ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”

    “บอกแล้วไงว่าที่มีเรื่องพิพาทกันทุกวันนี้เพราะเสน่ห์อันเหลือล้นของโก”

    ฉันโยนความผิดไปให้พี่ชายอย่างไม่อายเลยสักนิด ก็เพราะมันเป็นเรื่องจริงน่ะสิ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนมาฉันมีเรื่องกับผู้หญิงทุกคนมาแล้วนับไม่ถ้วนเรียกได้ว่าในโรงเรียนนี้ยังไม่มีใครมีเรื่องทะเลาะวิวาทมาเท่าฉันมาก่อน(ที่จริงก็มีทะเลาะกับผู้ชายนะแต่มันมีน้อยกว่าเท่านั้นเอง)

    “มันไม่ใช่เหตุผลเลยนะ ไปโยนของใส่พวกนางพยาบาลได้ยังไง”

    “เค้กรู้ค่ะว่าผิดที่ทำตามใจตัวเอง แต่โกโชลองคิดกลับกันดูนะว่าโกแค่หนามตำ แล้วมีหมอหล่อๆมารุมเอาใจเค้กที่มาเยี่ยม จะทำอย่างเดียวกันมั้ย”

    ฉันว่าแล้วจ้องหน้าพี่ชายที่ยังคงขมวดคิ้วอย่างที่ฉันรู้ว่าเขายังไม่พอใจเท่าไหร่นัก และนั่นก็ทำให้ฉันหงุดหงิด ทั้งหงุดหงิดตัวเอง และหงุดหงิดพี่ชายด้วย

    “วุ่นวายนักลาออกมันซะเลยดีมั้ย”

    ฉันพูดพึมพำกับตัวเองอย่างพยายามนึกปลง ถ้าไอ้พี่ชายนี่ไม่ทรงเสน่ห์ชีวิตฉันคงสงบกว่านี้เพราะให้ตายยังไงฉันก็เลิกหวงมันไม่ได้(พอๆกับที่อีกฝ่ายก็ทำไม่ได้ในแบบเดียวกัน)

    “ออกไม่ได้นะ ไม่งั้นจะออกตาม”

    “โกจะทำงั้นได้ไง จำโรงเรียนตอนประถมไม่ได้เหรอ”

    “ไม่รู้ล่ะ ถ้าน้องเค้กออกโกก็จะออก มีไรปะ”

    โกโชพูดอย่างดื้อดึง บทจะบ้าก็บ้าอย่างกู่ไม่กลับ พี่ชายฉันเป็นประเภทที่พูดคำไหนคำนั้นนะ ลองบอกว่าจะทำใครที่ไหนก็ห้ามไม่ได้หรอก บางที ฉันก็รู้สึกเหมือนเขามีอิทธิพลมืดครอบงำ ไม่ก็ตัวพี่ชายนั่นละที่ไปครอบงำอำนาจมืด==^

    “นึกดูดีๆแล้วกัน เค้กจะปิดไปอีกโรงเรียนก็ได้นะ โกไม่เกี่ยงแต่ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันโกไม่ยอม”

    “มีเหตุผลหน่อยดิ”

    “ไม่รู้ไม่สน ไหนดูแผลดิ๊”

    โกโชว่าพลางชักมือฉันไปโดยไม่สนใจคำค้านและนั่งจ้องมันพร้อมกับลูบๆคลำ สงสัยใช่มั้ยล่ะว่าการลาออกของฉันเกี่ยวอะไรกับการที่โรงเรียนถูกปิด เคยเรียนใช่มั้ยสิ่งที่เรียกว่าปฎิกิริยาลูกโซ่น่ะ มันก็คือการที่เกิดปฎิกิริยากับสิ่งหนึ่งและผลจากการเกิดอาการนั้นส่งผลให้สิ่งอื่นๆเกิดตาม นึกภาพง่ายๆก็เหมือนโดมิโนที่ล้มตัวหนึ่งล้มทั้งแถวน่ะแหละ แต่บังเอิญของฉันมันยิ่งใหญ่กว่านั้นมากเลย ตอนอยู่ชั้นประถม มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันรู้สึกรำคาญมากที่พวกผู้หญิงต่างก็พากันมารุมจีบพี่ชายเพื่อเป็นการตัดปัญหาเลยขอม่าม๊าให้ย้ายไปอยู่คนละโรงเรียนกับโกโชเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปตีกับใครเวลาหวง พูดง่ายๆก็คือ ถ้าไม่เห็นซะเรื่องจะได้จบนั่นล่ะ

    แต่เรื่องมันไม่จบเพราะเมื่อโกโชรู้เข้าก็โวยวายใหญ่ทันทีที่ประกาศก้องว่าจะไม่อยู่โรงเรียนที่ไม่มีฉันแล้วก็ยื่นเรื่องลาออกทันที แต่พอครูใหญ่ไม่ให้ลาออกเพราะแอบเอ็นดูแบบเกินเลยพี่ชายฉัน โกโชก็ทำเรื่องด้วยการไม่ไปเรียนไปตามติดอยู่กับโรงเรียนใหม่ของฉันจนกระทั่งครูใหญ่ต้องให้ลาออก พอเด็กผู้หญิงโรงเรียนนั้นรู้ว่าพี่ชายของฉันย้ายไปเข้าโรงเรียนไหนก็ขอให้พ่อแม่พาไปบ้างทีนี้โรงเรียนที่ประชากรผู้หญิงเยอะกว่าแบบนั้นเมื่อไม่มีผู้หญิงก็ต้องปิดตัวลง อีกทั้งดูเหมือนครูใหญ่จะไม่มีแก่ใจจะบริหารแล้วด้วย ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อกับเรื่องนี้ท่าไหร่หรอก(ไม่คิดไง ว่าตัวเองจะสร้างผลกระทบขนาดนั้น) แต่พอลองย้ายโรงเรียนดูอีกสิบสองที่ปรากฎว่าทุกโรงเรียนเป็นแบบเดียวกันหมดเลย!!

    นับแต่นั้นก็เลยไม่กล้าย้ายโรงเรียนอีกเลยเพราะรู้สึกผิดบาป กลัวพระเจ้าลงโทษอย่างแรง(เพราะที่ทำการทดลองไปนั้นสถานศึกษาก็ปิดตัวลงไปถึงสิบสามแห่งแล้ว)

    “แล้วนี่ไปทำยังไงแผลถึงได้ใหญ่ขนาดเลือดออกเลย”

    “ไม่เป็นไรมากหรอก”

    “พูดงี้ได้ไง รู้มั้ยว่าเวลาเห็นแบบนี้โกรู้สึกแย่”

    “ทำไมต้องรู้สึกอย่างนั้นด้วยล่ะ”

    ฉันถามอย่างสงสัย โกโชส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ก่อนจะทำหน้าเศร้า

    “ก็จะทำให้โกรู้ว่า ตัวเองดูแลน้องไม่ดีน่ะสิ แค่นี้ยังดูน้องไม่ได้น้องต้องเจ็บตัว”

    “เค้กทำตัวเองนะ”

    “นั่นล่ะ ถ้าโกอยู่เราคงไม่ต้องเจ็บ ขอโทษนะ”

    โกโชกอดเอวของฉันที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเอาไว้ก่อนจะซบหน้าลงกับแขนของฉันนั่นทำให้ฉันต้องเอามือโอบพี่ชายเอาไว้ด้วย

    “โกคะ”

    “....”     

    “เค้กรู้นะว่าโกโชห่วงมาก แต่บางครั้งโกก็ต้องปล่อยให้เค้กลองเผชิญอะไรๆเองบ้าง ไม่งั้นเวลาที่โกไม่อยู่เค้กจะทำยังไง”

    “ถึงไม่อยู่โกก็ไม่ยอมปล่อยให้น้องของโกต้องอยู่คนเดียวหรอก”

    “มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่โกจะปกป้องเค้กได้ตลอดเวลา เค้กก็ชอบนะที่จะเป็นเด็กดีของโกอยู่อย่างนี้ แต่ถ้าวันหนึ่งข้างหน้า ไม่ต้องพูดนะว่าเป็นไปไม่ได้ สักวันหนึ่งที่โกสนใจอะไรอย่างอื่นมากกว่า เค้กก็ต้องหัดที่จะดูแลตัวเอง”

    “ถึงจะพูดอย่างนั้นก็อดห่วงไม่ได้นี่นา ก็มีน้องสาวที่รักมากอยู่คนเดียว”

    โกโชพูดเสียงแผ่วทั้งๆที่ยังซบอยู่กับแขนของฉัน ฉันกอดพี่ชายแน่นขึ้น ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็เขาเล่นบอกฉันในทุกๆวันอยู่แล้วนี่

    “เค้กเองก็มีพี่ชายที่รักมากอยู่คนเดียวเหมือนกันค่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×