คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 :ของขวัญวันเกิด
หน้าห้างP ย่านความบันเทิง สถานที่รวบรวมความเริงรมย์ทุกรูปแบบเอาไว้อย่างครบถ้วน
...ฉันกับเซโร่ยืนรอเทียนหอมมาห้านาทีแล้ว ที่จริงแล้วฉันไม่ได้สนใจการมาของยัยนั่นสักเท่าไหร่หรอก ดูเหมือนฝ่ายที่ยืนรอจะมีเพียงเซโร่ที่เกิดอาการนั่งไม่ติดซะมากกว่า
“ถ้ายัยนั่นมา นายก็เห็นเองแหละน่า”
“เทียนหอมไม่เคยช้านะ”
“ช้าบ้างก็ดีนี่”
“แต่ช้าแบบนี้ฉันเป็นห่วงยังไงไม่รู้”
พอเห็นสีหน้ากังวลปนเป็นห่วงแบบนั้น มันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตงิดๆแฮะ หมั่นไส้
“เซโร่ มานั่งรอตรงนี้”
ฉันเรียกพลางก้มมองที่นั่งข้างตัวเป็นเชิงบอกให้เขารู้ว่า ไอ้ตรงนี้น่ะมันตรงไหน
“ไม่ล่ะ เธอนั่งไปเถอะ”
“มานั่งนี่...เดี๋ยวนี้” คราวนี้ฉันลากเสียงเย็นๆชัดเจน เซโร่มองมาอย่างลำบากใจแต่ก็ยังเถียงฉันอยู่ดี
“เดี๋ยวยัยนั่นมาแล้วไม่เห็นฉัน”
“ตัวนายสูงกว่าเสาไฟฟ้าอย่างนั้น เด่นสะดุดตาอยู่แล้วนี่ จะมานั่งนี่ดีๆหรือต้องให้มาทั้งน้ำตา”
เซโร่ทำท่าทางอิดออดแต่เมื่อเหลือบมาเห็นสีหน้าเอาจริงของฉันทำให้เขากลับมานั่งอย่างเสียไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังดีที่เขายังฟังฉัน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะเริ่มหงุดหงิดเพราะเขาเอาแต่สนใจยัยนั่นก็เถอะ ขืนสนใจยัยนั่นจนคำพูดฉันไม่มีค่าอะไรเป็นได้เห็นดีกันแน่
“ขอโทษที่มาช้านะจ๊ะ >< เซโร่รอนานรึเปล่า อ๊ะ!ริชก็มาด้วยเหรอจ๊ะ สวัสดีจ้ะ”
เสียงใสๆนำพาสาวสวยผมยาวเหยียดตรงวิ่งตรงมาที่พวกเรา ตากลมโตใสแจ๋วสีน้ำตาลอ่อนดูอ่อนโยนมีแววร้อนใจเล็กน้อย แก้มแดงเพราะการหายใจที่ผิดจังหวะที่ทำให้เรารู้กันว่าเธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะมาให้ทันนัดเรียวปากสีกุหลาบที่เคลือบลิปกลอสสีพีชบางๆเอาไว้พร่ำขอโทษอยู่อย่างนั้น ผิวขาวเนียนอมชมพูในชุดนักเรียนสีขาวทำให้เธอที่มีร่างแบบบางยิ่งดูอ้อนแอ้นเข้าไปอีก บางที การที่เซโร่เป็นห่วงเธอคนนี้นักหนา อาจเป็นเพราะเธอดูผอมบางจนแทบจะปลิวลมไปเลยก็ได้ จริงๆ จะปลิวหายไปไหนเลยก็ได้นะ ไม่ว่ากันหรอก
“ฉันไปนะ” ฉันเอ่ยปากอย่างรู้งานดี เฮอะ! ไม่ได้อยากจะอยู่นานๆนักหรอก
“ริชจะไปแล้วเหรอจ๊ะ”
เสียงหวานใสถามพร้อมรอยยิ้ม แน่สิ ในเมื่อเธอมาแล้ว ฉันเองก็ไม่ใช่จำเป็นที่จะต้องอยู่ตรงนี้ ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่ว่า สาวสวย(กระดากปากจริงๆ) นี่คือเทียนหอม นางฟ้าของเซโร่ที่จอมมารอย่างฉันไม่ปลื้มเลยสักนิด(ถึงจะแอบนึกอยู่ก็เถอะว่าสองคนนี้ดูสมกันยังกับอะไรดี!)
“อือ ฝากด้วยแล้วกัน...กลับบ้านดีๆล่ะ”
เซโร่ขยับยิ้มแห้งๆให้ฉัน แต่นั่นไม่ได้สะดุดใจเท่ากับคำว่า กลับบ้านดีๆล่ะ....
“นี่...นาย”
ฉันขมวดคิ้วและเมื่อเห็นสีหน้าของเขาที่เริ่มซีดลงเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่วายส่งยิ้มสู้ให้ฉัน ไอ้บ้านี่กะจะทิ้งให้ฉันกลับคนเดียว...งั้นเหรอ นายกล้าเอาฉันมาทิ้งไว้นี่อย่างนั้นเหรอ!
“จำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะ เซโร่”
“เดี๋ยวสิ ริช”
ฉันหันกลับไปยังเซโร่ที่เดินมาจับข้อมือของฉันเอาไว้ หน้าตาของฉันฉาบไปด้วยรังสีแห่งการฆ่าฟันซะขนาดนี้ นายจะมาพูดอะไรกับฉันไม่ทราบ
“กลับถึงบ้านแล้วโทรหาด้วยนะ”
“ทำไม” เกิดสำนึกผิดขึ้นมารึไง
“ก็...”
“เป็นห่วงรึไง”
ฉันถามเสียงห้วนพลางสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา เซโร่ชะงักกับคำถามนั้น สีหน้าเขาจะเป็นยังไงฉันไม่ได้หันไปมองหรอก ฉันควรจะรีบๆไปสักทีจริงๆก่อนที่จะเผลอร้ายกาจใส่เพื่อนตัวเอง
“อือ...ห่วง”
“ฮะ?”
ฉันได้ยินผิดไปใช่มั้ย ไอ้คำเมื่อครู่นี่มันไม่ใช่คำว่า ‘ ห่วง ’ หรอกใช่มั้ย
“ห่วงมาก เพราะงั้นถึงบ้านแล้วรีบโทรมานะ”
ใบหน้าจริงจังของเขา สะกดให้ฉันไม่สามารถเดินออกไปจากตรงนั้นได้ ถึงจะไม่ได้มองก็เถอะ แต่แค่น้ำเสียงก็ตรึงฉันให้รู้สึกเหมือนถูกสะกดอยู่แค่ตรงนั้นได้แล้ว
“ โอเคนะ ไปละ”
เซโร่ส่งยิ้มกว้างก่อนจะเดินกลับไปหาเทียนหอม และฉันเองก็เป็นฝ่ายเดินออกมา มามัวหลงละเมอเพ้อพกอะไรอยู่ได้นะเรา แต่ก็นะ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแค่คำตอบของคำถามนั้น จะทำเอาใจเต้นแรงขนาดนี้
ร้าน RB Soul
“วันนี้มาเหมาอะไรอีกล่ะ จอมมารJ”
“ขอที คำทักทายถ้าหาดีกว่านี้ไม่ได้ก็หุบปากไปเลย”
ฉันพูดเสียงเรียบใส่คนที่ยังยิ้มหน้าบานอยู่ได้แม้ว่าจะเพิ่งโดนฉันด่าไปหยกๆก็เถอะ ให้ตายสิ เจอทีไรเป็นแบบนี้ทุกที เพราะงี้ไงฉันถึงได้อยากเลี่ยงไม่มาที่นี่
“วันนี้ก็มาคนเดียวอีกแล้วเหรอ เซโร่ไปไหนซะล่ะ”
“ถามจริงเถอะ โซล แค่อยู่เงียบๆ ทำไม่ได้รึยังไงกัน”
“ก็เธอมาที่นี่ทั้งที จะให้ฉันมัวเงียบได้ไงเล่า อยากคุยด้วยตั้งเยอะ^^”
ฉันหันไปมองหน้าคนน่ารำคาญก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ชนิดให้รู้ไปเลยว่าฉันจะไม่ทน! โซลยิ้มหวานก่อนจะเดินออกจากหลังเคาท์เตอร์เมื่อโยนงานให้พนักงานเรียบร้อยแล้ว ลงทุนมาเพื่อก่อกวนฉันโดยเฉพาะเลยสินะ
“ว่าไง ^^”
“อะไร”
“เซโร่ไปไหน”
“ไปกับเทียนหอม”
“อ้อ...”
โซลทำเสียงรับรู้อย่างเสแสร้งก่อนจะเหลือบตามองปฏิกิริยาของฉัน แต่เสียใจด้วยนะ ฉันไม่มีอะไรที่นายมองหานั่นหรอก
“เธอนี่ เพื่อนก็ไม่ค่อยจะมี หัดสนใจกันหน่อยได้ม๊ายยย”
“มันมีอะไรให้น่าสนใจนักรึไง คนอย่างนายน่ะ”
“โอ๊ะ!! หมัดนี้หนักแฮะ เจ็บจี๊ดเลย><”
“นายแอ๊คติ้งเก่งนะ ทำท่าทางได้แรดมาก”
คนถูกชมยิ้มกริ่มอย่างไม่สะทกสะท้านในคำประชดของฉันเลยสักนิด ฉันเคยบอกใช่มั้ยว่ามีเพื่อนสนิทอยู่สองคน คนหนึ่งคือเซโร่ และอีกคนก็คือโซล เจ้าของร้านที่ฉันเยียบย่างเข้ามานี่
เราสามคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่โดยส่วนมากแล้วมักจะมีแต่ฉันกับเซโร่ที่เล่นกันอยู่สองคนมากกว่าเพราะหมอนี่ไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนอย่างเด็กคนอื่นๆ ก็อย่างว่า งานที่ทำอยู่ทำให้เขาต้องขาดเรียนบ่อยๆ โซลเริ่มเปิดแบรนน์ห้องเสื้อของตัวเองตอนอายุ 13 และเมื่อตอนอายุ 16 เขาก็เปิดร้านเครื่องประดับเป็นสาขาย่อยของห้องเสื้อตัวเอง เพราะงานมันรัดตัวแบบนี้ ส่วนมากฉันเลยจะได้เจอเขาแค่ช่วงสอบหรือไม่ก็เทศกาลสำคัญเท่านั้น
“ตั้งแต่เซโร่มีแฟนเนี่ย ปล่อยให้จอมมารอยู่คนเดียวมาตลอดเลยเนอะ”
“เห็นฉันเดือดร้อนมั้ยล่ะ”
“ไม่เดือดร้อนอะไรจริงๆเหรอ”
“ก็ไม่ได้สำคัญอะไรนะ แค่เพื่อนน่ะ”
“เธอเคยนับใครสำคัญบ้างป่ะ”
“ไม่ใช่นายก็แล้วกัน”
“แล้วเซโร่ก็ไม่ใช่?”
“ไม่ใช่”
“แล้วตกลงพวกเธอเป็นอะไรกัน”
โซลถามยิ้มๆ น้ำเสียงกรุ้มกริ่มที่มาพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นทำให้ฉันนึกเหนื่อยใจที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ ฉันเลือกที่จะเงียบแทนการต่อปากต่อคำ จริงๆก็ไม่น่าจะไปต่อล้อต่อเถียงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันเองก็น่าจะรู้ดีว่าหมอนี่มันกวนประสาทขนาดไหน
ฉันละความสนใจจากโซลแล้วหันไปเดินดูของสวยงามชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่วางเรียงรายอยู่ตามชั้นวาง เพราะจริงๆ จุดประสงค์เดียวของฉันที่มาที่นี่ก็เพื่อหาของขวัญวันเกิดเท่านั้น ถ้าถามว่าทำไมต้องมาที่นี่ทั้งๆที่มีร้านเครื่องประดับอะไรทำนองนี้อีกมากมาย แต่ก็อย่างว่า ฉันไม่ไว้ใจฝีมือใครเท่าเขาคนนี้
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ ว่าไงล่ะ พวกเธอเป็นอะไรกัน”
“ก็แค่คนคนหนึ่งในสาระบบของชีวิตฉันเท่านั้นแหละ”
เสียงวี๊ดว๊ายเบาๆส่งมาจากทั่วทั้งร้าน ในทุกย่างก้าวที่ฉันกับโซลเดินผ่านไป ก็อย่างว่านะ หมอนี่มันหน้าตาดึงดูดผู้หญิง ก็สาวที่ไหนจะไม่ชอบลูกครึ่งเสี้ยวไทย ใบหน้าเรียวสวย ผิวขาวแบบคนยุโรปแต่เนียนใสแบบคนเอเชีย ริมฝีปากบางสีชมพูแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา ตาคู่คมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ รับกับจมูกที่โด่งเป็นสันที่ชี้หน้ามาตั้งแต่หน้าปากซอย เรือนผมสีควันบุหรี่ไฮไลท์สีขาวที่เริ่มมีสีผมเดิมแซมมานิดหน่อยเสริมใบหน้าหล่อเหลาให้ยิ่งดูมีเสน่ห์ รูปร่างสูงโปร่งแถมกล้ามเนื้อสุดฟิตในชุดเสื้อเชิร์ตสีขาว กับกางเกงยีนส์สีดำที่ห้อยเข็มขัดและสร้อยเงินเข้าเซตกับแหวนทรงสวยที่ประดับอยู่บนนิ้วเรียวสวยเหมือนมือของผู้หญิงของเขา หมอนี่มีทุกอย่างที่ผู้หญิงจะต้องปลาบปลื้ม แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ยังคงเดินตามฉันต้อยๆพร้อมกับส่งเสียงยียวนกวนประสาทน่ารำคาญ จริงๆมันก็ดูเป็นอะไรที่น่าตลกนะ ที่ฉันเดินหยิบของขึ้นดู ส่งให้โซล แล้วโซลก็วางมันลงที่เดิม ตามเก็บของให้ฉันซะอย่างนั้น นี่เรากำลังทำอะไรไร้สาระกันอยู่เนี่ย - -“
“แล้วฉันล่ะ”
เสียงกระซิบที่ข้างหูไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอะไรนอกไปจากรำคาญ ก็พอหมอนี่ทำแบบนี้ ผู้หญิงในร้านก็พร้อมใจกันกรี๊ดกร๊าดเสียงดังขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ตอบมาสิ แล้วฉันล่ะ”
“ไม่ต่างกัน”
“จริงเหรอ *O*”
“จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะนับนายอยู่ในสาระบบชีวิตฉันสักเท่าไหร่หรอก นายมันน่ารำคาญ”
โซลทำหน้างอเมื่อได้ยินคำว่าน่ารำคาญ ก่อนจะเลี่ยงไปถามคำถามอื่นเมื่อฉันส่งสายตาอาฆาตไปให้ ทำไมผู้ชายรอบตัวฉันมันถึงได้ขี้งอนกันนักนะ
“คราวนี้จะซื้ออะไรล่ะ”
“ของขวัญ”
“เนื่องในโอกาส?”
“วันเกิด”
“ ให้เทียนหอมเหรอ”
“ฉันเคยมาที่นี่เพื่อหาของให้คนอื่นด้วยรึไง”
“เซโร่วานมาสินะ”
“ฉันคงนึกพิสวาสยัยนั่นมากสินะ”
“ไม่เห็นต้องประชดเลยนี่นา เธอนี่จริงๆเลยน้า”
เสียงหัวเราะของโซลเจือมาพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ดูแปลกออกไป แต่เพราะฉันรู้ว่ามันหมายถึงอะไร เลยไม่อยากจะสนใจ
“จะเลือกอะไรดีล่ะ”
“นายว่าไงล่ะ”
“เรื่องอะไรมาโยนให้ฉันตัดสินใจเล่า”
“นายมันมือโปรนี่”
โซลเดินไปหยิบของหลายอย่างมาวางไว้ตรงหน้าให้ฉันเลือก ท่ามกลางของสวยงามชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ถูกประดิษฐ์อย่างประณีตบรรจง วัตถุสีเงินเล็กๆกลับสะดุดตาของฉัน มันเป็นสร้อยเงินเส้นบางดีไซต์เรียบง่ายแต่ดูมีเสน่ห์ ตัวสร้อยทำจากเงินวาววับ ส่วนจี้ที่ใช้ประดับเป็นรูปดอกไม้แลดูบอบบาง กลีบบางทั้งห้าทำจากพลอยสีชมพูใสตรงกลางเกสรประดับด้วยเพชรเม็ดน้อย ถ้าหากว่าของของสิ่งนี้ถูกประดับวางไว้บนคอของเธอคนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะยิ่งกว่าคำว่าเหมาะสมแค่ไหน
“ชอบเหรอ”
“ก็ดี”
“เส้นนี้...ฉันทำเองนะ”
“นายก็ทำมันทุกอย่างไม่ใช่รึไง”
โซลยิ้มให้กับคำหยิกนั้นก่อนจะส่งสร้อยให้พนักงานไปจัดการแล้วผายมือพาฉันไปที่หลังร้าน ที่นั่นมีโต๊ะทำงานที่ใช้ออกแบบเครื่องประดับและเสื้อผ้าของเขา รวมทั้งเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างที่บอกได้เลยว่าหมอนี่คงไม่ได้กลับบ้านมาอย่างน้อยก็สองอาทิตย์
“อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ก็งานมันยุ่งนี่นา”
“ก็ควรจะกลับบ้านตัวเองบ้างนะ ไม่งั้นจะมีบ้านเอาไว้ทำไม”
“เป็นห่วงฉันรึไง^^”
เอ่อ...ทำไมอยู่ๆนึกอยากถีบคนสักเปรี้ยง
“นี่ริช ทำไมปล่อยให้ตัวเองให้ตัวว่างอย่างนี้เนี่ย เสียชื่อมีเพื่อนเป็นดีไซเนอร์หมด”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบเครื่องประดับ”
“นี่ล่ะเรื่องเซอร์ไพรส์ ฉันมีของจะให้เธอ แต่น แต๊น><!”
โซลยิ้มกว้างก่อนจะก้าวเข้ามาประชิด เขาตัวสูงมากซะจนฉันที่ว่าตัวสูงแล้วยังสูงได้แค่ไหล่ของหมอนี่เท่านั้นเอง โซลมองตาฉันพร้อมยิ้มกริ่ม สีหน้าบ่งบอกว่าชอบใจที่ฉันไม่ได้ขยับตัวหนี นิ้วเรียวของเขาไล้รูปหน้าของฉันอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอามือนั้นลูบหน้าฉันจนต้องหลับตา
“หลับตา”
“ทำไมต้องหลับตา”
“บอกให้ทำก็ทำเถอะน่า”
“นายคิดอะไรอยู่ถึงได้มาสั่ง...”
“งั้นขอร้อง...นะคร้าบ~”
คำพูดน่ารักมาพร้อมสายตาเว้าวอน ทำเอาฉันต้องหยุดชะงักเสียงดุๆที่กำลังจะพ่นต่อไปให้ค้างเอาไว้ทั้งๆอย่างนั้น ให้ตายสิ ทำไมพวกผู้ชายชอบอ้อนด้วยวิธีนี้กันนักนะ
“อย่าคิดว่าที่ฉันยอมทำตามเป็นเพราะนายสั่งแล้วกัน”
ฉันหลับตาค้างอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะมองอะไรไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะจับมือข้างขวาของฉันเอาไว้แล้ววัตถุบางอย่างก็ถูกนำมาสวมใส่จนฉันสัมผัสถึงความเย็นจากสิ่งนั้น
“อย่าเพิ่งลืมตานะ”
“อือ...”
มีเสียงอะไรดังกริ๊กก่อนที่โซลจะดีดนิ้วเป็นสัญญาณให้ลืมตาได้ ทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่บนข้อมือของตัวเอง ฉันก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างลืมตัว
“ฮี่ๆๆๆชอบมั้ยล่ะ อันนี้เพื่อเธอเลยนะ ยัยจอมมารJ”
“....”
กำไลข้อมือเส้นบางทำเป็นรูปเกลียวคลื่นเส้นน้อยประดับจี้รูปเปลือกหอยที่ทำมาจากเปลือกหอยสีฟ้าน้ำทะเลแวววาวและไข่มุก บนจี้รูปเปลือกหอยอันสุดท้ายมีรูเล็กๆคล้ายรูกุญแจประดับเอาไว้ มันดูสวยงามและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน
“ฉันก็คิดมานานแล้วว่าอยากจะให้อะไรกับเธอสักอย่าง เลยลองทำไอ้นี่ขึ้นมา ชอบไหมล่ะ”
“ถอดออก”ประโยคของฉันทำเอาหน้ายิ้มๆของเขาเหวอไปในทันที
“อะไรกันอะ ไม่ชอบเหรอ ฉันตั้งใจมากเลยนะ”
“ถอดมันออก”
“สวยออกน่า รับไว้เถอะฉันตั้งใจจะให้จริงๆนะ -*-”
“เอาออก”
ฉันพูดเสียงเฉียบนั่นทำให้โซลทำหน้าบึ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ยอมถอดให้ฉันอยู่ดี
“ถ้าไม่ชอบมันนัก ก็หาทางเอาออกเองสิ”
“ยังไงล่ะ”
“เรื่องอะไรจะบอกล่ะ:p”
ปลายเสียงสะบัดน้อยๆให้ฉันรู้ว่าเขากำลังงอนอยู่ นายก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ถนัดบทง้อ ยังมีหน้ามางอน เป็นแบบนี้อีกแล้ว นี่ถ้านายไม่ได้กวนประสาทฉันระบบสมองจะไม่ทำงานรึไงฮะ
“....”
ฉันมองหน้าเขานิ่งๆ เมื่อเห็นว่ายังคุยกันไม่รู้เรื่องฉันก็เลิกความคิดที่จะคุยกับหมอนี่ดีๆ สร้อยข้อมือแสนสวยที่เขาอุตส่าห์ให้มา...
ปัก!!
“เฮ้ย!!”
แขนขวาของฉันกระแทกเข้ากับโต๊ะจนเกิดเสียงดังพร้อมรอยร้าวเล็กๆบนกระจกโต๊ะ โซลที่ร้องเสียงหลงรีบวิ่งเข้ามาห้ามฉันพร้อมกับส่งเสียงฟึดฟัดบอกอาการขัดใจ
“เธอนี่!รังเกียจของของฉันมากนักรึไง”
“....”
“รู้แล้วว่าใจกล้า แต่อย่าทำร้าตัวเองกับเรื่องแค่นี้ได้มั้ย ยัยคนนิสัยไม่ดี!”
ฉันเหลือบตามองคนที่ตีหน้ายักษ์เทศน์ใส่อย่างไม่รู้สึกรู้สา ข้อมือที่ถูกกระจกบาดถูกปฐมพยาบาลโดยคนที่กำลังต่อว่าฉันอยู่ตรงหน้า เขาคงจะรู้ว่าถึงจะบ่นไปฉันก็คงไม่ฟังอยู่ดี เขาเลยหยุดซะอย่างนั้นพร้อมๆกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“จะช่วยใส่ไว้ไม่ได้เหรอ”
“....”
“รังเกียจมากนาดนั้นเลยเหรอ”
น้ำเสียงนั้นมีแววน้อยใจนิดๆ แววตาที่มองมามีความเสียใจปนตัดพ้อ นั่นทำให้ฉันต้องรีบชักมือกลับออกมาจากมือของเขา
“....” ฉันขยับดูสร้อยข้อมือเพื่อดูว่าแรงกระแทกเมื่อครู่คงจะไม่ได้ทำให้มันเสียหาย
“ขอบคุณนะ^^”
“ขอบคุณทำไมไม่ทราบ”
โซลกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานเอาของที่ฉันพึ่งจะซื้อพร้อมใส่ถุงเรียบร้อยมาส่งให้ เขาเลยชะงักและเงียบไป
“ฉันกลับก่อนนะ”
“เดี๋ยว ริช”
โซลรอจนพนักงานเดินออกไป เขาส่งยิ้มให้ฉันพร้อมๆกับกระซิบถ้อยคำหนึ่งคำที่แม้จะแผ่วเบาแต่ฉันกลับได้ยินมันชัดเจน
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
โซลอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเข้ามายีผมฉันจนยุ่งฟูแล้วเดินกลับเข้าห้องทำงานไป เขาทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอสิน่า
“ทั้งๆที่เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ทำไมนายรู้ล่ะโซล”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ริมฝีปากของฉันมีรอยยิ้มแต้มขึ้นมา สร้อยข้อมือเส้นบางที่ถูกจัดทำมาให้เป็นพิเศษเพื่อเป็น....ของขวัญวันเกิด
ความคิดเห็น