คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Sheep & Tiger ลูกแกะและเสือร้าย
“เตี่ยว่าปิดเทอมนี้พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวแล้วแหละ”
“อดเที่ยว?!”
เสียงร้องหลงๆจากพวกเราประท้วงออกมาในทันทีเมื่อเตี่ยประกาศประโยคนั้นออกมา ฉันกำลังจัดกระเป๋าเตรียมไปเที่ยวบาหลีอยู่แล้วนะ!ทำไมกันล่ะ? แน่นอนว่าทุกๆคนต่างก็คิดเช่นเดียวกัน เพราะแต่ละคนที่เสนอหน้าออกมานอกห้องมีเครื่องหมายคำถามแปะหน้าด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม่แต่เฮียพาสผู้เคร่งขรึมเลยก็เหอะ
“ทำไมล่ะครับเตี่ย เรากำลังจัดของใกล้เสร็จแล้วนะ”
“นั่นสิคะ”
“อาม่าโทรศัพท์มา”
เตี่ยบอกพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แต่ประโยคนั้นทำเอาฉันนิ่งแข็งค้างขึ้นมาเลยทีเดียว!อาม่างั้นเหรอ! แม่ของเตี่ยเจ้านางจอมเฮี้ยบเนี่ยนะ!ส่งมาทำม้ายยยย!!!!
“อาม่าโทรมาทำไมครับ”
เฮียพาสตั้งสติได้ก่อนรีบถาม พวกเราที่ตอนแรกอยู่กันคนละห้องรีบเข้ามารวมกันที่ระเบียงทางเดินโดยไม่ได้นัดหมาย แง หนูกลัว T^T
“อาม่าให้ไปเยี่ยมน่ะ”
“โห T^T อย่าบอกนะว่าเตี่ยยอมน่ะ....”
เฮียเพสทะเล้นแกล้งทำหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้จนเตี่ยขำขึ้นมา รู้ๆกันทั้งนั้นว่าพวกเรากลัวอาม่ากันทั้งนั้น...ยกเว้นคนชอบกวนที่เคยลองดีจนเจอฤทธิ์เจ้านางฟ้อนเล็บเข้าให้ทีหนึ่ง
“ก็ต้องไปสิ นั่นแม่เตี่ยนี่”
“แม่เตี่ยก็อาม่าผมนะ”
“เฮียจะสื่ออะไรไม่ทราบ”
ฉันส่ายหน้าอย่างนึกปลงกับคำพูดบ้าๆนั่น จะบ้า!ถ้าพูดแล้วไม่มีความหมายมันจะแสลนพูดออกมาทำไมฟะ
“เพราะงั้น ของที่เตรียมไว้ก็แค่เปลี่ยนซะ พรุ่งนี้เดินทางนะเด็กๆ”
“เตี่ย ไม่ไปเหอะ ขอร้องงง!!”
เสียงของท่านได้ถูกปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว
ทันทีที่ตะวันเบิกฟ้า ฉันก็จัดการยกกระทะกับตะหลิวเข้าไปในห้องนอนที่เจ้าของห้องยังนอนกรนอย่างสบายใจ ก็บอกว่าวันนี้เดินทางแต่เช้า ป่านนี้แล้วยังไม่ยอมตื่นอีก ถ้าตกเครื่องจะทำไงยะ!
“ตื่นเดี๋ยวนี้นะเฮียยยย!!!!!!”
เสียงของฉันถูกส่งไปเป็นทัพหน้าแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้เรียกสติสัมปชัญญะของพี่ชายให้ตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย “เคร้งๆๆๆ!!ตื่นๆๆ!ตื่นโว้ยยย!!!!”
คราวนี้ลองพ่วงตะหลิวกับกระทะเข้าไปด้วย เสียงดังขนาดนี้ต้องระคายบ้างแหละน่า
“พัฟ...มาส่งเสียงอะไรเนี่ย ง่วง”
ใช่ ระคายพอที่จะเรียกให้ตื่นแล้วไอ้เฮียบ้าก็ลงไปนอนต่อ!แล้วจะตื่นมารับอรุณทำกล้วยแขกอะไรเล่า!
“เฮียตื่นเดี่ยวนี้นะ!”
“พัฟ อย่าเรียกเลย ไปกับเฮียดีกว่า”
เสียงเฮียเพนท์ดังมาจากประตูก่อนที่เจ้าของร่างจะเข้ามาโอบฉันไว้เพื่อพาออกนอกห้องไป
“ปล่อยเจ้าเพสไว้แล้วเราไปเที่ยวกันสองคน”
เสียงถอนหายใจออกมาอย่าเสแสร้งเรียกความสนใจจากคนที่ยังนอนได้อย่างดีเมื่อมือใหญ่ของเฮียเพสรีบคว้าข้อมือของฉันเอาไว้ก่อนที่ใบหน้าหล่อร้ายกับทรงผมยุ่งๆจะโผล่ออกมาจากกองหมอน
“ฝันหวานเกินไปน่ะเฮีย ยัยตัวเล็กนี่ต้องไปกับผม”
บอกกี่ครั้งแล้วไม่เคยจะเชื่อเลยว่าฉันไม่ได้ตัวเล็กเว้ย!
“ก็นายไม่ตื่นนี่”
“ถ้ายังไม่ตื่นแล้วผีที่ไหนคุยกับเฮียงี้ล่ะ”
“ตื่นแล้วก็รีบไปล้างหน้าอาบน้ำเร็ว ไม่งั้นโดนทิ้งแน่เลย”
เฮียเพสรีบเด้งตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที ให้ตายสิ! แต่เฮียเพนท์นี่ก็เจ้าเล่ห์ไม่เบาแฮะ แล้วยังมีหน้ามายิ้มแฉล้มทั้งๆที่ใช้ฉันเป็นเครื่องมืออีกนะ สักวันจะโดนดี!
“มาครบกันหรือยัง”
เตี่ยถามเฮียพาสที่ขนของใส่รถตู้โดยมีพี่แจ่วคอยช่วย พี่แจ่วเป็นคนงานในไร่น่ะ
“รอเฮียเพสแปปนึง”
“พูดตลก คนหล่อไม่ปล่อยให้ที่รักรอหรอกครับ”
เสียงนี้มาพร้อมกับคนที่ยื่นยิ้มทะเล้นมาซะชิด ขโมยหอมแก้มฉันไปฟอดใหญ่แล้ววิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพื่อหลบฝ่าเท้าของฉันขึ้นรถไป ไอ้เฮียบ้า!เล่นอะไรอย่างนี้วะ
“ครบแล้วก็ไปกันลูก”
“เอ้า! ขึ้นรถครับทุกคน”
เฮียพาสพูดขึ้นนั่นทำให้พวกเราเฮโลกันขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว เฮียพาสนั่งข้างพี่แจ่วที่เป็นคนขับ เตี่ยนั่งคั่นระหว่างฉันกับเฮียเพสอยู่เบาะหน้า มีเฮียพิฟ เฮียเพนท์แล้วก็เฮียเพฟนั่งอย่างสบายอยู่เบาะหลังคนละเบาะเลย “ทำไมเฮียๆสบายกันจัง”
“ก็แล้วทำไมเฮียเพสไม่ไปนั่งข้างหลังเล่า มานั่งนี่ทำไม”
“ต้องนั่งกับที่รักสิ เรื่องอะไรไปนั่งกับพี่ตัวเอง”
“แง T^T พัฟก็น้องสาวเฮียนะ อย่ามาพูดให้กลัวได้ม้ายย!!!”
เฮียเพสหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นหน้าที่เกือบจะร้องไห้ของฉัน จะบ้ารึไง เป็นพี่น้องกันแล้วยังมาเรียกที่ร้งที่รักอะไรเล่า!เฮียทำฉันหวั่นไหวนะเว้ย!
“เพสอย่าทำให้เตี่ยคิดมากนะลูก”
“ไม่รับปากนะเตี่ย น้องหนูนี่น่ารักเกินไป”
“ไปบ้าที่อื่นไป!”
เฮียพิฟเอื้อมมือมาเขกหัวเฮียเพสจากเบาะหลังพร้อมกับมือของเฮียเพฟกับเฮียเพนท์คนละข้างบีบแก้มขาวๆนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว นั่นทำให้ไอ้เฮียบ้าร้องจ๊ากก่อนจะบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมนั่งเงียบๆ ดี! โดนซะบ้างจะได้เข็ด
...หลังจากนั่งเครื่องบินจากเชียงรายไปกรุงเทพแล้วจากกรุงเทพไปปักกิ่งแล้วยังต้องนั่งรถตู้ของบ้านอาม่าอีกเที่ยวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ก้นฉันด้าน เมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย
“ดีนะ ที่ไม่ต้องมาเยี่ยมบ่อยๆ เมื่อยทั้งตัวเลย”
เฮียเพฟว่าแล้วทุบๆไหล่ตัวเองพลางบิดขี้เกียจ
“พัฟก็เมื่อยอ่า”
ฉันเองก็กำลังบีบๆนวดๆให้ตัวเองอยู่เหมือนกัน
“ถึงแล้วรีบเข้าไปไหวอาม่ากันเร็ว เด็ก”
“ไม่ต้องรีบก็ได้นะเตี่ย เพสกลัวววว!”
เหรอยะ พี่ใครเนี่ย กระแดะได้อีกจนน่าถีบจริงเชียว!
บ้านของอาม่าเป็นบ้านหลังใหญ่บ่งบอกฐานะอันร่ำรวยมหาศาล ถนนเส้นเล็กตัดเชื่อมจากปากประตูไปยังประตูบ้าน ต้องนั่งรถจากหน้าบ้านเข้ามานะไม่งั้นเหนื่อยตาย พื้นที่รอบๆเป็นสวนสวยสีเขียวด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ได้รับการตกแต่งดูแลเป็นอย่างดี ตัวตึกใหญ่มีสะพานเส้นเล็กเชื่อมข้างบ้านปลูกบอนไซต้นโตเอาไว้ระหว่างแนว ตัวตึกใหญ่สองชั้นกินพื้นที่กว้างขวาง เป็นตึกทาสีขาวซีดซึ่งตัดกับหลังคาสีเทาหน้าต่างไม้ทรงแปดเหลี่ยมติดกระจกใสเป็นเงา แต่ถึงจะดูเคร่งขรึมแบบนั้นก็ยังปลูกไม้เลื้อยไว้บนหลังคาจนมันเลื้อยพันรอบบ้าน ชูช่อดอกสีชมพูเล็กทำให้ลดความขรึมเพิ่มความน่าเอ็นดู ยิ่งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างบ้านด้วยอีก ยิ่งเพิ่มความร่มรื่นอีกเป็นเท่าตัว
“คุณหนูมาแล้วเหรอคะ”
“ฟาฟา สวัสดีค่า/คร้าบ”
พวกเรายกมือไหว้ทันทีที่เห็นร่างท้วมกับใบหน้ายิ้มแย้มของฟาฟา แม่บ้านคนสนิทของอาม่า ฟาฟายิ้มเก่งแถมยังใจดีทำอาหารก็อร่อย เพราะอย่างนั้นพวกเราถึงได้รักฟาฟามาก
“คุณเฉินสวัสดีค่า หม่าม้ารออยู่ข้างในรีบเข้าไปดีกว่าค่ะ เฮียๆเจ้ๆก็รออยู่”’
“ฟาฟา ผมโตจนมีลูกเป็นโขยงแบบนี้ยังทำเหมือนผมเป็นเด็กอีกนะครับ”
“คุณไม่ชอบดูแลตัวเองนี่คะ ดูสิ ผอมลงไปอีกแล้ว”
“ช่ายๆ เตี่ยรู้ว่าว่าพี่น้องคนอื่นเขาลงพุงหมดแย้วว!!!”
เฮียเพสล้อเลียนเตี่ยด้วยการเดินแอ่นท้องให้เหมือนมีพุง สร้างเสียงหัวเราะอย่างมากมายให้แก่พวกเราตบท้ายเลยได้รางวัลจากเตี่ยเป็นฝ่ามือมรณะอีกหนึ่งทีเป็นของกำนัล เหอะๆ สมน้ำหน้ามันดีไหม
“อาเฉิน!”
เสียงเรียกด้วยความยินดีดังขึ้นทันทีที่เหยียบย่างเข้าบ้าน อากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศก็ลอยมาปะทะให้ชื่นใจช่วงนี้ถึงจะไม่ร้อนหนักจนถึงขั้นต้องเปิดแอร์ทั่วบ้านแต่ที่นี่ก็ชอบที่จะเปิดให้อากาศเย็นสบายเข้าไว้ดังนั้นที่เห็นว่าไม่ได้เปิดประตูเมื่อกี้จึงรู้ได้เลยว่าเพราะอะไร
“เจ้ใหญ่ สวัสดีครับ”
“ป้าใหญ่สวัสดีคร้าบ~”
เสียงเฮียทั้งห้าคนร้องขึ้นพร้อมกันเหมือนกับว่านัดกันเอาไว้ก่อนจะพร้อมใจกันหันมาโค้งตัวทำความเคารพ แม้แต่เฮียพาสที่ฉันไม่คิดว่าจะทำก็เป็นไปกับเขาด้วย
“ป้าใหญ่สวัสดีค่ะ”
“กรี๊ด!อาพัฟ!!”
ขอเถอะได้โปรด ช่วยเลิกเรียกแบบนี้ได้ไหมคะทุกคน T^T
“มาถึงเมื่อไหร่ลูก”
“เมื่อกี้ค่ะ”
“สบายดีกันใช่ไหมจ้ะ หลานๆคิดถึงจังเลย เนี่ย ไม่เจอกันไม่ถึงปี โตขึ้นเยอะเลย หนุ่มๆนี่หล่อเฟี้ยว”
ป้าใหญ่มองไปที่เฮียๆอย่างปลาบปลื้ม ป้าเขาไม่มีลูกน่ะ เลยเอ็นดูหลานๆจนบางทีก็แทบจะประเคนให้ทุกอย่าง เรียกว่ารักจนหลงเลย แล้วยิ่งป้าใหญ่อยากได้ลูกชายด้วย งานนี้หลานรักแบบเฮียเพสเป็นหน้าบาน
“อาเฉินไปหาหม่าม้ามาหรือยัง”
“ยังครับ ก็พอดีมาเจอพวกเฮียกันก่อน”
“ดีเลย งั้นเดียวไปพร้อมกันเลยนะ”
ลุงฉินที่คุยกับเตี่ยหันมาหัวเราะเมื่อเห็นป้าใหญ่ยังคงเวียนหอมแก้มซ้ายขวาเฮียเพสอย่างหมั่นเขี้ยว ส่วนคนโดนหอมก็ดูเหมือนจะสนุกซะด้วย อาม่ามีลูกทั้งหมดแปดคน แต่ว่าลุงคนอื่นตายตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนนี้ก็เหลือแค่ป้าใหญ่ลูกสาวคนเดียวของอาม่า ลุงฉินลูกชายคนโต ลุงซื่อลูกชายคนที่สามกับเตี่ยที่เป็นลูกชายคนเล็ก ส่วนลุงๆคนอื่นเสียไปแล้ว เหลือครึ่งต่อครึ่งเลย น่าสงสารอาม่าเนอะ เพราะอย่างนั้นอาม่าเลยอุปการะลูกของน้องสาวบุญธรรมกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง
ภายในบ้านของอาม่าตกแต่งสไตล์จีนกึ่งยุโรปทุกตารางบนพื้นปูด้วยพรมสีแดงนุ่มเท้ามีโซฟาสีขาวตั้งอยู่ในมุมที่ดูเก๋ตู้โชว์แสดงให้เห็นถึงสมบัติจำพวกแก้วเจียระไนพาพวกเราเดินลัดห้องโถงสองห้องพร้อมด้วยห้องนั่งเล่นอีกห้องจนกระทั่งเราเดินลัดห้องหนังสือออกมาถึงได้เข้าสู่ห้องพักผ่อนของอาม่า ก็เข้าใจนะว่ารวย แต่นี่อาม่าตั้งใจจะสร้างเขาวงกตไว้ในบ้านเลยรึไง
“หม่าม้าสวัสดีครับ/ค่ะ”
“อาม่าสวัสดีค่า/คร้าบ”
ทันทีที่เดินออกจากห้องโถงไปยังห้องรับรอง พวกเราก็เจอกับอาม่านั่งเป็นเจ้านางอยู่บนเก้าอี้ใหญ่ทำด้วยไม้สักแกะสลักสวย ลักษณะเป็นคนผอมสูง หน้าตาค่อนข้างสาวแม้จะมีว่าความจริงแล้วจะอายุอานามปาเข้าไปเกือบแปดสิบเครื่องหน้าสมส่วนดูสวยสง่าสมกับที่เป็นคุณหนูจากตระกูลผู้ดีท่าทีที่นั่งหลังตรงจนแทบจะเอาไม้บรรทัดวัดได้คงจะบอกนิสัยว่าเข้มงวดแค่ไหนได้ดีเลยเชียวล่ะ เฮียเพนท์กับเฮียเพฟส่งยิ้มสุภาพไปให้อาม่าอย่างเคยเช่นกันกับเฮียคนโตทั้งสองคนที่ก็นิ่งอย่างสุภาพ ยกเว้นเฮียเพสดิ ทำหน้ายิ้มแป้นส่งไปให้อย่างกับว่ามันจะแสดงความจริงใจให้หมดเหงือก พี่ใครวะกวนประสาทที่สุดเลย!
“เจ้าเพสยิ้มอะไร ฟันแทบจะเฉาะออกมาหมดทั้งปาก”
“ยิ้มหวานให้อาม่าครับ แสดงความจริงใจ”
“ไอ้หลานบ้า! มาทีไรก็ป่วนอาม่าทุกที”
“ก็อาม่ายังสวยอยู่ ปกติผมป่วนแต่คนสวยนะ”
ไม่ว่าเปล่ายังทำหน้าจริงจังจนเจ้านางของบ้านถึงกับหลุดขำออกมาเลยทีเดียว บอกแล้ว หน้าอย่างนี้กลัวอะไรเป็นที่ไหน
“เอาเถอะ ถือว่าพูดเข้าหูนะ อาม่าไม่เอาความ โฮะๆ”
ความจริงเจ้านางแกก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก แค่ติดนิสัยเข้มงวดจนเหมือนเจ้านางหลวงเท่านั้นเอง
“อาฟาน ลองไปดูในครัวสิว่ามีอะไรให้เด็กๆกินมั่ง”
ป้าใหญ่รับคำแล้วเดินเลี่ยงไปกับฟาฟาที่เข้ามาเสิร์ฟน้ำ ที่จริงวันนี้อาม่าดูมีความสุขกว่าทุกวัน เพราะปกติแล้วอาม่าจะอยู่บ้านคนเดียว เพราะลุงๆต่างก็ทำงาน ถึงจะมีเฮียๆคนอื่นอยู่ด้วยเขาก็กลัวไม่กล้าเล่นเหมือนเฮียเพส ดังนั้นยิ่งเตี่ยเป็นลูกคนเล็กอาม่ายิ่งเพิ่มคะแนนพิสวาสให้กับพวกฉัน ฮี่ๆ!
“พัฟตัวสูงขึ้นอีกแล้วนะ”
ฉันที่มัวแต่มองนั่นนี่ตกใจแทบตกเก้าอี้ อยู่ๆอาม่าพูดกับหนูทำไมไม่ส่งเสียงเรียกก่อนล่ะคะ!
“ช่วงนี้เรียนศิลปะป้องกันตัวเลยได้ยืดร่างกายมั้งคะ”
“เป็นเด็กผู้หญิงเล่นอะไรแบบนั้นล่ะลูก”
“พัฟต้องป้องกันตัวเองจากเฮียๆนี่คะ”
อาม่าหัวเราะกับประโยคของฉัน มันจริงนะ ไม่ใช่เรื่องตลกสักหน่อย!
“เจ้าเพสชอบแกล้งล่ะสิ”
“อาม่าใส่ร้ายผมอีกละ ผมออกจะเป็นคนดี”
คนแก้ต่างยิ้มกริ่มเรียกเสียงหัวเราะจากคนดุแต่หน้าเจ้าของบ้านให้หัวเราะอย่างครื้นเครง
“เด็กๆเอาของไปไว้ในห้องก่อนไป ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันแล้วเดี๋ยวลงมากินขนม”
“คร้าบ”
ว่าแล้วก็จรลีหนีจากที่นั่นทันทีเลยนะไอ้พวกเฮียๆนี่
ห้องของพวกเราเป็นห้องใหญ่ พอมาถึงนี่ทีไรพวกเราเป็นนอนรวมห้องเดียวกันทุกที เพราะอย่างนั้นอาม่าเลยเตรียมห้องให้เป็นพิเศษ ภายในห้องได้รับการปัดกวาดเช็ดถูเอาไว้ซะเอี่ยมอ่อง แม้กระทั่งห้องน้ำก็ยังเตรียมน้ำเย็นๆไว้ในอ่างเตรียมพร้อมไว้เสร็จสรรพ
“เตรียมของมาครบนะ”
“จะมาแหย่อะไรอีกฮะ ถ้าร้อนนักก็ไปแช่น้ำเลยไป”
ฉันว่าแล้วดันหน้าเฮียเพสออกไปให้ห่าง รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่านับวันระยะห่างมันชักจะหดลงไปเรื่อยๆ คนถูกผลักหันกลับไปนั่งอมยิ้มที่หน้าต่างในขณะที่มองพวกเฮียๆจัดของกันวุ่นวาย
“พรุ่งนี้พัฟออกไปเที่ยวปักกิ่งยามค่ำคืนกับเตี่ยดีกว่า”
“บ้านนอกจริงๆเลยนะ เด็กคนนี้”
“ก๊าซซซ!!พูดงี้อยากมีเรื่องเหรอ”
“ไม่ล่ะ ทะเลาะกับน้องหนูเฮียแพ้ทุกที ชอบทำหน้าน่ารักให้ใจอ่อน ไม่เอาๆ”
“เงียบไปเลย พูดมาก”
ฉันไม่ว่าเปล่ามีโปรแกรมแถมขว้างหมอนไปยังคนปากมากที่หัวเราะคิกคักอย่างสุขใจที่ได้แหย่ฉันเล่น ตัวฉันเองก็ต้องรีบนั่งหันหน้าไปอีกทางเพราะกลัวเฮียจะเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้น ให้เห็นได้ไง ของแบบนี้ให้เห็นง่ายๆก็เสียฟอร์มสิ
“คุณหนูคะ คุณหนูบ้านอื่นเขามากันแล้วนะ”
ฟาฟาเยี่ยมหน้ามาทางประตูพร้อมรอยยิ้มอย่างเอ็นดู วันนี้ได้ข่าวว่าพวกเฮียคนอื่นไปเที่ยวกันมา เพิ่งกลับมาเองเหรอ
“งั้นเลขาอาม่าก็มาแล้วสิครับ ฟาฟา”
“คุณชิงเซียวเหรอคะ มาแล้วค่ะ คุณหนูเพสจะทำอะไร อย่าไปแกล้งอะไรแผลงๆล่ะ”
“ผมออกจะเป็นคนดี ทำไมไม่มีใครเชื่อบ้างเลย”
เฮียเพสบู้ปากอย่างงอนๆน่าหมั่นเขี้ยวจนฉันอดใจไม่ไหวต้องเดินเข้าไปดึงแก้มเล่น
“ลงไปดีกว่านะเฮียนะ”
“อู้แอ้ว อาอีบแอ้มเอาอำไออ๊ะ!อัยอัวเอ็ก” (รู้แล้ว มาบีบแก้มเขาทำไมฮะ! ยัยตัวเล็ก)
“อ้อแอ้ๆ พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง!ไปได้แล้วเร็ว”
“ครับๆ”
ฉันเดินจับมือเฮียเพสลงบันไดมาก่อนปล่อยให้เฮียๆคนอื่นอาบน้ำจัดของกันไปตามเรื่อง มาทีหนึ่งอาม่าให้อยู่เป็นสองสามอาทิตย์เลย ชดเชยที่มาบ่อยๆไม่ได้ไง ช่วยไม่ได้ ใครให้มาอยู่ที่จีนกันเล่า
พอถึงหน้าห้องรับรองเราเคาะประตูสองสามครั้ง ได้ยินเสียงพูดคุยเจี้ยวจ้าวดังมาก่อนเลย
“เข้ามาได้”
“จะ...เจ้าเพส!”
“สวัสดีครับ”
เฮียส่งยิ้มทักทายเจ้าของเสียงแหลมปรี๊ดอย่างคนทะเล้นก่อนจะลากฉันมาข้างหน้าเพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง อะ...ไอ้เฮียบ้า!หาเรื่องอีกแล้วไหมล่ะ
“พัฟฟี่น้อย!มาด้วยเหรอเนี่ย”
“เจ้พูดอะไรอะ!ถ้าที่รักผมไม่มาผมจะมาได้ไง”
เสียงหงุงหงิงจากหน้าที่เกยไหล่ของฉันเรียกริ้วรอยของความหมั่นไส้ให้แผ่ไปรอบหน้าสวยๆของฝ่ายตรงข้าม ขอแนะนำให้รู้จักกับเจ้กวางเจาลูกสาวลุงฉินค่า
“ชอบโมเมเอาเองตลอดเลยนะ น่าสงสารพัฟฟี่น้อยที่มีพี่ชายอย่างนาย”
“เจ้ก็ชอบโมเมหาว่าที่รักผมชื่อพัฟฟี่น้อย ยัยนี่สูงเกินกว่าจะเรียกแบบปัญญาอ่อนนั่นแล้ว”
แล้วไอ้กระรอกตัวไหนวะที่เรียกฉันอยู่ได้ทุกวันว่ายัยตัวเล็กเนี่ย!
“คุณหนูยังไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
เสียงเรียบจากคู่กรณีอีกคนของเฮียดังขึ้นหยุดสงครามน้ำลายระหว่างเจ้กวางเจากับเฮียให้ยุติลงชั่วคราว เฮียเพสยิ้มกริ่มแล้วหันไปยกมือไหว้คุณชิงเซียวเลขาคนสวยของอาม่าที่หน้าตึงฉับพลันที่ได้เจอเฮียของฉัน
“คุณชิงก็เหมือนเดิมเลยนะครับ”
“อะไรที่ว่าเหมือนเดิมคะ”
น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้บ่งบอกว่าเธอยินดี คุณชิงระแวงเฮียฉันจะตาย
“โสดยังไงก็ยังสนิทกะคานอย่างนั้น”
เปรี้ยง!ประโยคนั้นโดนใจเต็มสตรีมเลยทีเดียว หน้าตาคุณชิงนี่แทบจะถลกหนังหัวเฮียมาร้อยพวงมาลัยเล่นอยู่แล้ว
“พอๆ เลิกเล่นสักทีน่าเฮีย”
“โอเคจ้ะที่รัก”
ไม่ว่าเปล่ายังกอดฉันแน่นขึ้นอีกเป็นการเย้ยใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น ถ้าหากว่าฉันไม่เห็นเฮียจ้องบ่อยๆล่ะก็ ฉันอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าเขายืนอยู่ในห้องนี้ด้วย!
“ว่าไงครับ คุณลูกแกะ”
เสียงร้องประท้วงบ่งบอกว่าเขาเองก็มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ทำให้ฉันแทบวีนแตก เรื่องอะไรมาเรียกฉันลูกแกะ
“เรื่องอะไรมาเรียกฉันลูกแกะ!ไอ้เสือบ้า!”
สงครามน้ำลายของฉันกับหมอนั่นคงจะยื้อต่อไปหากว่ามือใหญ่ของเฮียเพสไม่จัดการปิดปากของฉันเอาไว้ซะก่อน จะห้ามทำไมฟะ!
“ไม่อนุญาตให้ที่รักทำตัวน่ารักแบบนี้กับใครนะครับ”
“เฮียปล่อยพัฟเลยนะ พัฟจะไปจกตับมันกิน!”
“น้องหนูไม่ใช่ปอบนะจ้ะ จะได้ไล่จกตับเนี่ย”
แง T^T ฉันพูดว่าจกตับงั้นเหรอ
“พอแล้วทุกคนนั่งลงทานน้ำชาดีกว่า”
อาม่าพูดเสียงเรียบแต่บ่งบอกเป็นนัยๆว่าต้องทำตามพวกเราเลยพากันนั่งเงียบสงบเสงี่ยมจนคนออกคำสั่งต้องกลั้นหัวเราะ เห็นดุๆนี่ก็ชอบแกล้งลูกหลานเหมือนกันนะ
“พวกพี่ๆเรายังไม่ลงมาเหรอพัฟ”
ยังดีนะที่อาม่าไม่เรียกอาพัฟอย่างคนอื่น
“เฮียๆอาบน้ำอยู่ค่ะ เดี๋ยวคงลงมา”
ฉันตอบแล้วยิ้มให้อาม่าอย่างเอาใจ มีลางสังหรณ์แปลกๆด้วยสิ ทำไมอาม่ายิ้มกลับหวา
“งั้นรอให้ครบก่อนแล้วมีเรื่องจะบอก”
เรื่องอะไรหนอถึงต้องรอให้ครบ ฉันมองไปยังบุคคลที่อยู่ในห้อง นอกจากพวกลุงๆกับป้าใหญ่แล้ว ยังมีลูกๆของลุงอีกที่อยู่บ้านนี้ เฮียต้าหมิงกับเฮียคุณหมิงหลานชายคนโตของบ้านพี่ชายฝาแฝดของเจ้กวางเจาลูกลุงฉิน เจ้ไชน่าหลานสาวคนแรกของตระกูลกับเฮียซันฮ่าวลูกของลุงซื่อ และไอ้เสือร้ายนั่น!ลูกของน้องสาวบุญธรรมกับเพื่อนสนิทของอาม่าที่เป็นนักฟิสิกส์ เขาชื่ออะตอม รู้สึกว่าจะคลั่งฟิสิกส์มากเลยทีเดียว! (มันบ้าหลักการ) ดังนั้นนอกจากฉันจะเป็นลูกสาวคนสุดท้องของบ้านแล้วยังเป็นน้องสุดท้องของตระกูลด้วย ไม่ต้องถามถึงความเอาใจใส่นะ ถึงแม้จะขาดแม่ตั้งแต่เด็กฉันก็ได้รับความรักเหลือล้นเลยล่ะ
“อ้าว!ต้า!คุณ!หวัดดี”
เฮียพาสทักทายสหายวัยเดียวกันอย่างสนิทสนมก่อนที่เขาสามคนจะปลีกวิเวกไปนั่งสนทนากันตามประสาพวกผู้ชาย ดูจากบุคลิกแล้วฉันยังสงสัยว่าพวกเฮียมาซี้กันได้ไง
“ไอ้ซัน!ว่าไงๆ สบายดีป่าวะ”
“ก็เรื่อยๆแหละ แกล่ะเพฟ!”
อีกคู่เพื่อนสนิทที่แยกตัวไปปลีกวิเวก รวมๆแล้วที่รุ่นๆเดี๋ยวกันก็มีเฮียพาส เฮียต้า เฮียคุณ นี่เกิดปีเดียวกันแต่ว่าเฮียต้า เฮียคุณเกิดก่อนสองเดือน เฮียพิฟรุ่นเดียวกับเจ้าไชน่า เฮียเพนท์รุ่นเดียวกับเจ้กวางเจา เฮียเพฟกับเฮียซันรุ่นเดียวกัน เฮียเพสกับอะตอมก็รุ่นเดียวกัน ส่วนฉันมันหัวเดียวกระเทียมลีบ แง T^T
“ทานของว่างกันนะคะพวกคุณหนู”
“พัฟฟี่น้อยมากินกับพวกเจ้ดีกว่าขลุกอยู่กับหมอนั่นมากๆเดี๋ยวบ้าตาม”
เจ้กวางเจาแย่งฉันมาจากอ้อมกอดของเฮียเพสจนได้ ทั้งเจ้กวางเจากับเจ้าไชน่าต่างก็อยากมีน้องสาวนั่นทำให้ฉันกลายเป็นตุ๊กตาตัวโปรด เจ้สองคนนั่งคุยกันแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ฉันไม่รู้เรื่องเลย(ไม่ได้อยู่ในสาระบบที่ฉันจะมีข้อมูลเลยสักนิด T^T) ในขณะที่เฮียๆนั่งคุยกันฉันกลับรู้เรื่องหมดทุกอย่าง แหงสิ ก็ฉันมันโตมากับผู้ชายนี่ T^T
“ปีหน้าต้องเข้ามหาลัยแล้ว พัฟตั้งใจจะเข้าคณะไหน มออะไรจ๊ะ”
เสียงหวานๆของเจ้ไชน่าคนสวยถามอย่างเอ็นดู แล้วเอ็นเราจะขาดไหมนะถ้าตอบว่าหนูยังไร้อนาคตอยู่เลย
“คิดไรมาก ที่รักผมก็เข้าคณะเดียวกับผมเนี่ยแหละ”
เสียงของเฮียเพสจากอีกวงหนึ่งส่งมาก่อกวนแต่ โฮ ขอบคุณที่คราวนี้ก่อกวนได้ทันเวลา
“นายไม่ต้องมาลากน้องเข้าไปยุ่งด้วยเลยนะยะ”
“ก็เจ้อยากคุยกันแต่เรื่องที่น้องหนูของผมไม่เข้าใจนี่”
ฮะ...เฮีย!รู้...รู้ด้วยว่าฉันไม่รู้เรื่องที่พวกเจ้เขาพ่นออกมา ย้าก! พี่ใครวะเก่งโคตรเลย!
“รู้ได้ไงว่าน้องไม่รู้เรื่อง”
“ลองถามดูดี๊~”
อะ...อันนี้ไม่ต้องไปยุเขาก็ได้ สายตาของอะตอมส่งมาเหมือนจะเยาะเย้ยเมื่อเห็นว่าฉันทำหน้าตายุ่งยากใจ เชอะ!แล้วไง เรื่องอะไรมาเย้ยฉันกันล่ะ
“เจ้ๆกินนี่ดีกว่า นานๆเจอกันที อย่าไปสนใจเฮียเลย”
“นั่นสิ ไอ้เจ้าเพสปากมอม”
“เจ้กวางก็พอกันเลย”
ยังมีหน้ามาระรานเขาอีกนะ ผู้ชายบ้าอะไรวะ!หมดแล้วซึ่งความชื่นชม
การสนทนายังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งท่านประมุขของบ้านเช็ดปากเป็นอันเสร็จสิ้นเวลารับประทาน ถ้าอยากกินต่อเดี๋ยวไปต่อในครัวแล้วกัน
“มีเรื่องน่ายินดีและเรื่องน่าเศร้าสำหรับใครบางคน หลานๆอยากฟังเรื่องไหนก่อน”
อาม่ายิ้มกริ่มพลางมองมายังฉัน...ไม่ใช่แค่ฉันนะที่รู้สึก เฮียๆทั้งห้าคนเองก็รู้สึกเหมือนกัน ดูสิ สบตากันเลิกลักแถมยังมองมาทางฉันพร้อมกันเลย
“ขอพร้อมกันฮะ”
เฮียเพสที่ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์เล่นเหมือนเคยถามออกไปอย่างที่ไม่รู้ว่ามันจงใจหรือเจตนากวนประสาทอาม่ากันแน่ ฉันล่ะกลุ้ม
“พัฟน้อยจะเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เป็นเวลาสองเดือนเพื่อเตรียมตัวเป็นทายาทของอาม่าไง โฮะๆๆๆๆ”
ความคิดเห็น