ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Secret of heart ความลับหัวใจของยัยจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : ไม่ใช่อิจฉา

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 57


    “ใกล้วันเกิดเธอแล้ว จะให้อะไรดีนะ”

    เสียงของเซโร่ถามขึ้นทันทีที่เขานั่งลงข้างๆ ส่วนฉันก็ได้แต่ทำเป็นไม่ใส่ใจอย่างเคย

    “ว่าไง?”

    “ถามฉันทำไม -_-

    “ก็เธอเป็นผู้หญิง^^

    “อ้อ เคยรู้ด้วยเหรอ-_-;

    ฉันประชดกลับนิดๆ ให้ตายสิ ถ้าหมอนี่รู้ตัวซะบ้างว่าฉันเป็นผู้หญิงอะไรๆมันคงง่ายกว่านี้เยอะ

    “ถึงเธอจะแมนกว่าผู้ชายจริงๆแต่เธอเป็นพวกเชี่ยวชาญเรื่องสาวงามนี่นา เพราะงั้นพลีส*O*

    “ปัญญาอ่อน -_-

    แล้วความสนใจของฉันก็หันกลับมาอยู่ที่กล่องข้าวในมือ พักเที่ยงแบบนี้แทนที่จะได้นั่งกินข้าวสงบๆ อุตส่าห์หาที่ลับซ่อนตัวจากความวุ่นวายได้แล้วแท้ๆ ทำไมยังต้องถูกหมอนี่ตามมาวุ่นวายด้วยเนี่ย    -^-

    “เออ จำไว้เลยนะ ขอความช่วยเหลือแค่นี้ก็ไม่มีให้ ชิ!

    “คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไร”

    “เชอะ!

    “นี่เซโร่ นายคิดว่านายมีสิทธิ์มางอนฉันงั้นเหรอ แล้วไอ้ท่าทางแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่ผู้หญิงแอ๊บแบ้วเค้าทำกันนะ - -^

    เหลือจะเชื่อ หมอนี่กล้ามาทำปากจู๋หน้าง้ำงอใส่ฉัน แน่ะ!มีทำแก้มป่องด้วย จะมากไปละ

    “เชอะเชอะ!

    “นายคิดว่า ที่นายได้ลัลล้าแบบนี้มาสามเดือนเพราะใครกัน?”

    ฉันพูดเรียบๆด้วยความที่หมั่นไส้ไอ้คนใกล้ตัวอย่างแรง เดี๋ยวนี้หัดมาทำงอน  ทำตัวน่ารักแบบนี้ เดี๋ยวแม่จู่โจมแล้วอย่ามาสำนึกทีหลังนะว่าไม่ควรทำน่ะ!

    “ทวงบุญคุณรึไง”

    คนที่ชะงักการทำหน้าตางอนๆอย่างน่ารักเมื่อครู่หันมาถามฉันเสียงเขียวอย่างหวาดระแวง

    “ไม่ได้ทวง”

    “แล้วพูดถึงมันทำไมไม่ทราบ”

    “ก็แค่อยากจะเตือนให้รู้เอาไว้...ฉันให้มันกับนายได้ ทำไมฉันจะริบมันคืนไม่ได้”

    ฉันส่งรอยยิ้มที่มีเหรอเพื่อนที่คบกันมานานขนาดนี้จะดูไม่ออกว่าฉันพูดจริงทำจริง ให้ตายสิ...ชอบใบหน้าตอนที่หมอนี่เครียดชะมัด!! หึหึหึหึ

    “ยัยจอมมาร!

    “ขอบคุณที่ยังจำได้ว่าฉันเป็นใคร”

    “เฮ้!ไม่ต้องมายิ้มเยาะฉันเลยนะ...ไม่ถึงทีฉันถือไพ่เหนือกว่าบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ”

    ท้ายเสียงเขาคงตั้งใจจะพูดกับตัวเองมากกว่า...แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังได้ยินอยู่ดี แล้วอยู่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เซโร่รีบตะครุบแขนของฉันเอาไว้พร้อมกับถามอย่างตื่นเต้น

    “วันนี้เย็นว่างมั้ยริช”

    “ก็แล้วแต่ว่านายจะให้ช่วยทำอะไร”

    “ไอ้นี่นิ่-_-;

    J

    ฉันส่งยิ้มกวนประสาทไปให้ก่อนจะปิดกล่องข้าวแล้วโยนลงถังขยะ(ทั้งๆที่นั่งมันอยู่อย่างนั้นล่ะ) รอบข้างเงียบสงบเพราะทุกคนไปร่วมด้วยช่วยกันสร้างความวุ่นวายที่โรงอาหาร ส่วนฉันที่แอบหนีมานั่งสบายอารมณ์ที่ดาดฟ้าตึกพยาบาลกลับต้องมาเจอไอ้เพี้ยนนี่เพ้อแล้วเพ้ออีก เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ยังสงบกว่าที่โรงอาหารแล้วกัน แถมยังปฏิเสธไม่ได้ซะด้วยสิว่าอยากให้มา อ่า....แย่จริงๆ

    “พาไปเลือกซื้อของให้เทียนหอมหน่อยสิ”

    “ไม่ว่างว่ะ”

    ฉันตอบกลับได้อย่างง่าย ไม่มีความจำเป็นต้องคิดมากเลยสักนิดเดียว ยัยนั่นไม่ได้สำคัญถึงขั้นเข้ามาอยู่ในสาระบบของฉัน และ....ทำไมฉันจะต้องช่วยหมอนี่ในเรื่องผู้หญิงด้วยล่ะ...ก็ในเมื่อ....

    “ช่วยคิดก่อนก็ได้นะ ริช -_-;

    “แฟนนาย นายก็ไปตามหงุงหงิงกันเอาเองสิ”

    “อย่าตัดเยื่อใยฉันแบบนั้นสิ T^T เราเป็นเพื่อนกันนะ”

    ฉันเหลือบมองคนที่ทำหน้าออดอ้อนอย่างกับลูกหมา ก่อนจะนึกอย่างปลงๆและสงสัยในตัวเองมากๆว่าฉันมาแอบชอบคนแบบนี้ได้ยังไง ใช่ เราเป็นเพื่อนกันและฉันยังอยากเป็นอยู่แม้จะรู้ว่าความรู้สึกในตอนนี้มันไม่ใช่แล้วก็ตาม

    “นายน่ะ ทำไมชอบคิดเอาเองฝ่ายเดียวเลยนะ ว่าถ้าแค่ขอ ฉันจะต้องช่วยนายเสมอ”

    “ก็เธอเป็นเพื่อนร้ากกกกกกก>< คนสำคัญของฉันนี่นา”

    “กล้าพูดนะ  เวลานายอยู่กับยัยนั่นเคยเห็นหัวคนที่นายเรียกว่าเพื่อนคนนี้บ้างไหม?”

    คนถูกถามชะงักไปพักใหญ่ในขณะที่ฉันก็มองไปทางอื่นเลี่ยงการปะทะทางสายตา ฉันแค่พูดความจริงนะ ไม่ได้จะประชดอะไรหรอกน่ะอย่าเข้าใจผิด แค่พูดให้เขารู้สึกตัว ยอกย้อนให้เขาเข้าใจในเหตุผลสักที ความจริงที่ไม่ว่ายังไงเซโร่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เวลาเขาอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่ฉัน ตำแหน่งคนสำคัญก็ถูกเปลี่ยนตาม ซึ่ง...ถ้าจะว่ากันตามจริง ก็เป็นสิ่งที่ฉันกำหนดและเลือกมันเอง

    “พูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ”

    “....”

    “น้อยใจเหรอ ริช”

    น้ำเสียงของเขาตอนนี้ มันฟังดูอ่อนโยนมากซะจนฉันอดคิดไม่ได้ว่าบางที ในความห่วงใยที่มีมันอาจจะซ่อนอะไรเอาไว้...แต่ก็แค่นั้นแหละฉันหยุดความคิดของตัวเองในทันที

    “บางที...”

    “....”

    “อาจจะมากกว่าน้อยใจ”

    ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ความรู้สึกของฉันในตอนนี้ มันชินชาซะเกินกว่าจะมานั่งหวั่นไหวไปกับความรู้สึกโง่ๆแบบนั้นอีกแล้ว

    “แล้วทำยังไงถึงจะหายน้อยใจล่ะJ

    รอยยิ้มอ่อนโยน สัมผัสที่แสนแผ่วเบาของมือเขาที่วางลงบนศีรษะของฉัน ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านส่งมาให้พร้อมคำถาม...คำถามที่ฉันเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันตอบออกไปไม่ได้ ฉันพูดออกไปไม่ได้...ไม่ใช่คำตอบที่จริงจังแบบที่หมอนี่อยากได้ยิน

    “เลิกกับแฟนนายซะสิ”

    O_o!

    “ จะทำให้ฉันได้ไหมล่ะ”

    “ริช...”

    “ถ้าไม่มีปัญญาทำได้ก็อย่ามาถามวิธีง้อ”

    ฉันปัดมือเจ้าคนนั่งทำตาโตเพราะคาดไม่ถึงกับคำตอบที่อุตส่าห์ตั้งใจฟังซะดิบดี แม้ว่าฉันจะพยายามอย่างมากแค่ไหนที่จะพูดโดยที่ยังคงรักษาน้ำเสียงนิ่งเรียบเอาไว้แต่ปลายเสียงก็ยังสั่นน้อยๆอยู่ดี ช่างเถอะ คนโง่แบบนี้ไม่มีทางได้รู้หรอกว่าฉันคิดอะไรอยู่กันแน่

    “อ่า....เอาจริงป่ะเนี่ย”

    พอหันไปมองหน้าเขา ความรู้สึกผิดก็วิ่งเข้าใส่ฉันซะเต็มหน่วยเลย อย่าทำหน้าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกแบบนั้นสิ เซโร่ มันยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้ว่า ฉันเป็นรองผู้หญิงคนนั้น

    “เฮ้ย!น้อยใจอะไรขนาดนั้น แค่ฉันละเลยถึงขั้นจะให้เลิกกับแฟนเลยเหรอ ยัยจอมมารอย่างเธอกำลังอิจฉาล่ะสิ รู้นะ รู้น้า~

    “เงียบไปเลยไป”

    ฉันหยุดความรู้สึกผิดในทันทีที่ประโยคนั้นออกมาจากปากบางๆของเซโร่ ทำไมนะ ฟ้าถึงได้ลิขิตให้ฉันไปตกหลุมรักผู้ชายบ้าๆแบบนี้ด้วย  -^-

    “อิจฉาก็บอกน่า~>w<

    “....”

     “อิจฉาๆ คนขี้อิจฉา”

    “ไม่ใช่อิจฉา”

    ...เพราะถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถยืนแทนที่นางฟ้าของนายได้ ฉันก็ยังมีสิทธิ์รักนายอยู่ดี แล้วฉันจะอิจฉาไปทำไม

    “ทำปากเก่ง ก็บอกแล้วไง ให้หาแฟนสักคน จะได้ไม่ต้องอิจฉา”

    “ถ้าคนอย่างฉันจะหาแฟนทั้งที ก็คงต้องหาให้ดีกว่าอยู่คนเดียว แต่บังเอิญฉันมันพวกชอบอยู่คนเดียวซะด้วยสินะ”

    “ระวังเห้อออ!! ต่อมอิจฉากำเริบละจะอยากมีใครสักคนให้สวีตเหมือนฉัน><

    “ เฮอะ!ชีวิตฉันยังมีสาระมากกว่านั้นเยอะ”

    “เธอนี่ไม่มีเสน่ห์ของผู้หญิงเลยนะ ริช พูดมาแต่ละทีนี่ทำเอาฉันลืมเพศเธอไปเลยว่ะ”

    ฉันตวัดหางตามองไอ้บ้าที่กำลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังกับคำพูดของตัวเองเมื่อครู่นี้ คงสะใจล่ะสิที่ได้โจมตีฉันทางคำพูด หึหึ นายมันวอนหาเรื่อง

    “งั้นก็ระวังยัยเทียนหอมอะไรนั่นให้ดี ถ้าเสน่ห์อย่างผู้หญิงฉันไม่มีล่ะก็ บางทีฉันกับนายอาจจะกลายเป็นศัตรูกันเพราะผู้หญิงคนนี้ก็เป็นได้”

    “เฮ้ย!จริงจังป่ะเนี่ย”

    “ก็ไม่รู้สินะ”

    “ไม่ทำจริงใช่ป่ะ”

    J

    “เลิกยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นเลยนะ ริชแบรนน์><

    คิดดูสิว่า ฉันจะชอบผู้ชายทั้งที ดันเป็นไอ้คนปัญญาอ่อนนี่ สมเพชตัวเองชะมัด - -“

    ชื่อเล่นเต็มๆของฉันคือริชแบรนน์ (ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะอยากรู้กันหรือเปล่า แต่มันเป็นธรรมเนียมน่าเบื่อที่เราต้องแนะนำตัวให้ผู้อ่านได้รู้น่ะ) ผู้คนในโรงเรียนเรียกฉันว่าจอมมารแห่ง Sent. Sonata ข้ามเรื่องพวกนี้ไปเถอะ -^-

    ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน หนึ่งในนั้นคือเซโร่ ถูกแล้ว คนที่อยู่ข้างๆฉันในเวลานี้นี่ล่ะ เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ของพวกเราเองก็เป็นเพื่อนสนิทกันเช่นกัน และเพราะนิสัยฉันไม่เหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆสักเท่าไหร่ (ก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติมากนักหรอก ฉันแค่คลั่งกีฬามากกว่าการแต่งตัว แต่สาบานได้ว่าฉันยังคงเป็นผู้หญิงแบบเต็มร้อย ข้อพิสูจน์คือการที่ฉันรู้จักแอบรักเพื่อนสนิทของตัวเองนี่ไงล่ะ) ทำให้เราสามารถแชร์สิ่งต่างๆได้อย่างสนิทใจโดยไม่ต้องรู้สึกอายว่าอีกฝ่ายจะหัวเราะเยาะกับคำพูดของตัวเอง จริงๆก็ออกจะเหลือเชื่อนะที่ฉันจะรู้สึกอะไรแบบนี้กับใคร แต่ในเมื่อมันรู้สึกไปแล้วและฉันไม่สามารถห้ามใจของตัวเองได้ ก็เลยได้แต่ตัดสินใจที่จะหาทางเลือกให้กับตัวเองเพื่อหาทางออกจากปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต (นี่ฉันคิดไกลไปมั้ย?)

    คำถามคือ ทำไมฉันไม่ใช้ความสัมพันธ์ของเพื่อนสมัยเด็ก สารภาพรักและคบกับหมอนี่ไปเลยน่ะเหรอ? คำตอบง่ายมาก เพราะฉันไม่ต้องการคบกับหมอนี่ไงล่ะ

     “ริช”

    “อะไรอีกล่ะ”

    “เย็นนี้น่ะ ไปกับฉันเถอะนะ พลีสสส *O*

    “ยังไม่เลิกบ้าอีกรึไงวะ”

    ฉันเหลือบมองคนข้างๆแล้วเผลอถอนหายใจ ถ้าคุณเป็นฉันตอนนี้จะทำยังไงดีนะ เด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยรุ่นเต็มที่กำลังจ้องหน้าคุณตาแป๋วอย่างอ้อนวอน ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเข้มที่ดูจะโตกว่าผู้ชายทั่วไปนิดหน่อยพอรวมกับขนตายาวๆนั่นเพิ่มความหวานและแววตาออดอ้อนที่ฉันลงความเห็นกับตัวเองในใจว่าทำให้เขาดูเหมือนลูกหมา จมูกโด่งสวยเหมือนกับไปศัลยกรรมมา แทบจะทิ่มหน้าเมื่อเขาเข้ามาใกล้ปากบางๆยังคงเพ้อกับคำว่าพลีส ทุกอย่างที่เขามีเข้ากับโครงหน้าเข้มๆและผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นแขนเสื้อ และฉันก็อดไม่ได้จริงๆที่จะมองหุ่นนักกีฬาสูงโปร่งและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ในเสื้อเชิร์ตสีดำนั่นของเขา บอกได้เลยเถอะว่า หมอนี่มันเกิดมาเพื่อหล่อจริงๆ จ้องหน้านานๆแล้วแอบใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้ ทำไงได้ ในเมื่อสำหรับฉันในตอนนี้หมอนี่มันไม่ใช่เพื่อนแล้วนี่นา และฉันเองก็เป็นแค่ผู้หญิงนะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูน

    “นะ ริช น้า *O*

    “ขอเหตุผลดีๆที่นายจำเป็นจะต้องให้ฉันไปด้วยสักหน่อยได้มั้ย”

    “ก็เพราะเธอเลือกของเก่ง รู้ใจผู้หญิง เธอแมน เธอสปอร์ต เธอใจดี เธอกรุงเทพ เอ๊ย! เธอมันเทพ><

    “คำตอบของนายน่าช่วยเหลือมากเลยนะ เซโร่ ช่วยให้ได้นอนตายอย่างสงบตรงนี้”

    “จะ...ใจเย็นๆ คามมมดาววว คามดาวว ^^;;

    เซโร่ยกมือขึ้นห้ามฉันที่เตรียมจะหวดหน้าแข้งใส่อย่างรีบร้อน ก่อนจะมาบีบนวดอย่างเอาอกเอาใจ

    “ไปกับฉันเถอะน้า ริชน้า ฉันไม่มีเพื่อนไปด้วยอะ”

    “นายไปก็เอาเทียนหอมไปด้วยอยู่ดี”

    “เพราะงั้นถึงต้องให้เธอไปด้วยไง เทียนหอมน่ะแฟน ไม่ใช่เพื่อนน้า”

    “จะเอาฉันไปทำแป๊ะก๊วยรึไง! ตอนพวกนายอยู่ด้วยกันจะมีฉันไว้บันทึกภาพความหวานรึไงไม่ทราบ”

    ฉันค้านก่อนจะปัดมือของเซโร่ที่เริ่มเข้ามาเกาะกุมมือของฉันเป็นการอ้อนอย่างน่ารำคาญ

    “เพราะตอนที่ฉันพาเทียนหอมไปดูหนัง เธอจะได้ไปซื้อของให้ฉันยังไงล่ะ J

    “ฮะ?”

    “นะ ริช นะ”

    ดูจากสีหน้าของฉันแล้วหมอนี่ยังกล้าอ้อน เหลือจะเชื่อเลย คิดจะพาแฟนไปเที่ยวแล้วมาขอให้ฉันไปเลือกซื้อของให้กับคนที่ฉันเรียกได้เต็มปากแต่ไม่เรียกว่าศัตรูน่ะเหรอ ขอน้อยไปม้าง~(ประชดหรอก)

    แต่ว่า...ฉันรู้จักตัวเองดีพอ ฉันไม่กล้าปฏิเสธสิ่งที่หมอนี่ขอให้ช่วยในเรื่องนี้หรอก ต่อให้ไม่ได้ใส่ใจจะอยากทำก็ตาม

    “อยากให้ช่วยก็ติดสินบนมา”

    “งั้นส่งจุ๊บๆให้นะ มา จุ๊บ~>w<

    “ของปัญญาอ่อนแบบนั้นไม่เอา-_-” ขืนรับเอาไว้ ไม่รู้ว่าใครจะแย่กันแน่

    “อะไรกันวะ ของปัญญาอ่อนที่เธอว่า มีผู้หญิงนับร้อยที่อยากได้นะเว้ย L

    “เออ ยกเว้นเพื่อนที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ของนายแล้วกัน”

    ฉันแบะปากให้คนหลงตัวเอง เออ ไอ้หล่อ ใช่สิ เขาพูดไม่ผิดหรอก ผู้หญิงที่มาหลงหมอนี่น่ะ มีเยอะอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ!!

    “แล้วจะเอาอะไรล่ะ”

    เซโร่ถามอย่างจนมุม ความจริงแล้วฉันเองก็ไม่ได้อยากได้อะไรจากนายหรอกนะ  แต่ไหนๆโอกาสมันก็มีมาแล้ว จะไม่ใช้ก็เสียประโยชน์ไปซะเปล่าๆ

    “การบ้านทั้งหมดของวันนี้ ไปทำมาให้ด้วย”

    “ฮะ?”

    “ได้ยินแล้วนี่”

    “จะบ้ารึไง!วันนี้มันมีการบ้านตั้งเกือบร้อยข้อนะ แล้วอีกอย่าง ระดับเธอถ้าทำเองแป๊บเดียวก็เสร็จนี่นา มาใช้ฉันให้เสียเวลาทำไม”

    “เพราะฉันต้องเสียเวลาอันมีค่าของฉันไปกับเรื่องไร้สาระของนาย เผื่อนายจะไม่รู้นะเซโร่ การที่ต้องทำอะไรที่เห็นว่าไร้สาระมันเหนื่อยใจมากทีเดียว”

    ฉันแสร้งถอนหายใจแล้วส่ายหน้าช้าๆอย่างกวนประสาทคนข้างๆให้ทำหน้ามึนตึงอย่างคนที่เริ่มรู้สึกผิดและกำลังคิดมาก ฉันชอบใบหน้านี้จริงๆนะ J

    “และอีกอย่าง ฉันก็ขี้เกียจด้วย”

    “โห!! ครับคุณ! เหตุผลหลักคือขี้เกียจ แล้วทำมาพูดยาวเหยียดให้ผมรู้สึกผิด”

    “มันก็คุ้มกันแล้วไม่ใช่เหรอ รอยยิ้มของยัยนั่น กับการบ้านของฉันที่จะต้องไปวางบนโต๊ะครูอย่างสวยงามวันพรุ่งนี้”

    “....”

    “ว่าไงล่ะ ฉันไม่ได้จะว่างมานั่งฟังคำตอบนายทั้งวันนะ”

    “เธอมันจอมมารชัดๆ L

    “ก็แค่นั้น”

    เซโร่บ่นพึมพำคนเดียวอย่างใส่อารมณ์กับกำแพง(คงไม่กล้าทำใส่ฉัน) แต่นั่นน่ะไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากฉันได้เท่ากับใบหน้ายิ้มแย้มที่เขากำลังทำไปพลาง ร้องถามฉันไปพลางว่าจะซื้ออะไรให้เธอคนนั้นดี ใบหน้าแบบนั้นทำเอาฉันเริ่มรู้สึกไม่ดีซะแล้ว อาการกำเริบทุกทีที่ได้ยินว่านายแคร์คนอื่น เป็นแบบนี้ไม่ดีเลยแฮะ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ก็ฉัน....ตัดสินใจแล้วนี่นา

    “เป็นอะไรไป หรือความอิจฉามันจุกอกจนต้องเงียบกริบ”

    “ก็บอกแล้วไงว่า...”

    “โอเคครับ!ผมจะเงียบแล้ว”

    เซโร่ทำท่ารูดซิปปากก่อนจะส่งยิ้มให้ฉัน โบกมือลา แล้ววิ่งลงบันไดไปด้วยท่าทางทะเล้นๆ แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะบอกนายมันไม่ใช่คำที่นายคิดว่าฉันจะสั่งให้เงียบหรอกนะ เซโร่

    “ก็บอกแล้วไงว่า...ไม่ใช่อิจฉา...แค่รักนายก็เท่านั้นเอง”

    แค่นั้นเองจริงๆ ถึงได้มานั่งเจ็บปวดอยู่แบบนี้ไง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×