ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The treatise of war เปิดตำนานศึกมหาสงครามตำราล้างโลก

    ลำดับตอนที่ #4 : [ First ] : Set [ 25% ]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 53


    1

    Set
    [กำหนด]

    "ข่าวใหญ่ครับ!ข่าวใหญ่! จอมโจรปริศนาได้ทำการช่วงชิงสาสน์สำคัญของวิหารโบราณไปแล้ว ข่าวใหญ่ครับ !!"เสียงตะโกนกู่ร้องเรียกหาลูกค้าของเด็กน้อยที่อายุคงไม่เกิน 15 ปี โบกไม้โบกมือชูแผ่นกระดาษสีเทาหม่นที่เราเรียกกันว่า 'หนังสือพิมพ์' ดูเหมือนว่าการประกาศถึง 'ข่าวใหญ่' ที่ว่าจะช่วยให้เป็นจุดสนใจได้พอดู เมื่อเหล่าชนเมืองทั้งสูงต่ำดำขาว มียศศักดิ์และไร้ยศศักดิ์ต่างพุ่งเป้าไปซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้... แหม ก็จะให้ทำเช่นไรได้เล่า ในเมื่อจอมโจรปริศนาที่ว่านั้นก่อคดีพาดหัวไว้น้อยๆเสียที่ไหน บนกระดาษสีเทาหม่นปลิวว่อนเมื่อชาวเมืองต่างอ่านแล้วทิ้ง แต่คงไม่ใช่ทิ้งเฉยๆเท่าไหร่นัก เพราะมันตามไปด้วยคำวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ตกตะลึง ตื่นตกใจ และอีกหลายๆอารมณ์แทรกซ้อนกันไป

    "หืม ?..." เสียงหวานครางแผ่วเบาเมื่อเห็นกระดาษสีหม่นตกลงใต้เท้าของตน ก่อนมือบางจะหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างสงสัย ในขณะที่แขนอีกข้างยังเต็มไปด้วยห่อกระดาษบรรจุขนมปังและวัตถุดิบทำอาหารหลายชนิดล้นมือ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อเห็นภาพเลือนลางที่ถ่ายได้ แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ช่างดูคุ้นตาพิกล โครงหน้าและแววตาแบบนั้น ... มันคล้ายกับเธอเลยไม่ใช่หรอ ?

    สัญชาติญาณเธอเริ่มหวีดร้องถึงความซวยที่กำลังสัมผัสได้ลางๆ ก่อนที่หล่อนจะปล่อยกระดาษทิ้งไปราวกับไม่ใยดี แต่ยังคงความแคลงใจไว้เพียงเล็กน้อย

    "ไม่ใช่หรอกมั้ง..."    ก็หวังว่าแบบนั้นน่ะนะ ...

     

    ณ คฤหาสน์ตระกูล ไอนาทิสซ์

    "นี้มันอะไรกัน !! คาล !"เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้น เมื่อเห็นข่าวพาดหัวจากหนังสือพิมพ์ถึงโจรปริศนา แรกๆก็กะไม่ใส่ใจหรอก แต่นี้เล่นขโมยสาสน์สำคัญไป จะให้ทำเมินได้อย่างไร !!

    "ใจเย็นๆก่อนไซรัส เจ้าไม่ควรสติหลุดในตอนนี้นะ"คาล หรือ คาลเลอร์ เทมเบิร์ก ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีราตรี เอ่ยตักเตือนเพื่อนหนุ่มที่รู้จักกันมาแต่เด็ก ไม่สิ ต้องบอกว่าเตือนเจ้านายอาจจะถูกมากกว่าสินะ ?ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมเหลือบมองสหายสนิทที่มีศักดิ์เหนือกว่า เรือนผมสีแดงเพลิงปล่อยยาวมาถึงกลางหลังปลิวไสวไปตามสายลม นัยน์ตาสีแดงเข้มดุจโลหิตแฝงไปด้วยแววน่าเกรงขามและร้อนใจ ผิวขาวสะอาดริมฝีปากหนาอมชมพูดูน่าหลงไหล หากคนผู้นี้ไม่ใช่สหายสนิทที่เขารู้จักในนาม 'ไซรัส เอลล์ ไอนาทิสซ์' บุตรชายผู้ที่จะได้ขึ้นครองเป็นขุนนางหลวงคนต่อไปแล้วละก็ ...คงไม่แคล้วจำผิดคิดเป็นหญิงที่งดงามเป็นอันดับต้นๆของประเทศเป็นแน่

    "จะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไรเล่า คาล !! ยัยนี้ขโมยของไม่เว้นให้พวกข้าพักหายใจ แล้วดูนี้สิ ! ดู ! ยัยนี้ขโมยอะไรไปอีก สาสน์ศักดิ์สิทธิ์แห่งลูเซียสเชียวนะ จะให้ข้าทนใจเย็นอีกรึไง !!"

     (ขึ้นอ้างอิงนิสนึง ลูเซียส = แสงสว่าง)

    "ข้ารู้น่า ไซรัส แต่ถ้าเจ้ามัวร้อนใจแบบนี้เดี๋ยวพวกขุนนางคนอื่นๆมาเห็นเข้าจะเสียชื่อเอาหรอก"

    คาลเลอร์พยายามเกลี้ยกล่อมสหายตน ดวงตาคมดุจเหยี่ยวเหลือบมองนอกประตูที่เริ่มจะได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ

    "หึ ! เจ้าพวกขุนนางพวกนั้นก็ทำได้แค่นั้นละ นินทาคนอื่นไปทั่ว..." ไซรัสกล่าวอย่างดูแคลน มือหนาคว้าถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปาก

    "แต่ถึงแบบนั้นมันก็มีผลเสียมาถึงนายนะไซรัส..."คาลเลอร์ส่ายหัวระอากับเพื่อนของตนก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างเหนื่อยหน่ายเป็นที่สุด

    ดวงตาสีแดงเข้มของบุรุษนามไซรัสกวาดมองกระดาษหลายสิบแผ่นที่รายงานถึงการขโมยของสำคัญไปหลายชิ้นของจอมโจรปริศนา... ใช่ นั้นก็รวมถึงสาสน์แห่งลูเซียสเช่นกัน แต่ไม่ทันใดดวงตาคมกริบก็สะดุดเข้ากับรูปที่แนบมากับข่าว ภาพบุคคลในชุดผ้าคลุมหนาเตอะ แต่คงเพราะลมเป็นใจทำให้เห็นทรวดทรงภายใต้ผ้าคลุมนั้นเป็นอกเป็นเอวบ่งบอกความเป็นผู้หญิงชัดเจน ดวงตาหรี่เล็กลงเพ่งมองใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด แต่ต่อให้พยายามเท่าใดก็มองเห็นเพียงปอยผมเล็กน้อยที่แซมออกมาไซรัสส่งเสียงแค่นหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ก่อนจะพึมพำกับตนเอง แต่ถึงกระนั้นก็ดังพอที่จะให้คาลเลอร์ที่อยู่ไม่ไกลได้ยิน... คำประกาศที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวจะต้องชนะหล่อนให้ได้เป็นแน่ ...

    "คอยดูเถอะแม่ตัวดี !! ข้านี้ละจะจับเจ้ามาลงทัณให้ดู !!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×