คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วิจารณ์นิยาย-The first kiss. คือเราสองคน
ABCD Commet โดย มาจะกล่าวบทไป...
เรื่อง :: The first kiss. คือเราสองคน
ผู้แต่ง :: New species yaoi
ก่อนอื่นมาแนะนำตัวกันก่อน ชื่อมุกนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่วิจารณ์อย่างเป็นทางการเรื่องแรก ไม่ว่าจะเป็นข้อติ-ชมก็อยากให้นำไปปรับใช้ค่ะ ทุกจุดวิจารณ์ให้อย่างจริงใจไม่มีอคติ หรือเข้าข้างใดๆ ผิดคือผิด ถูกคือถูก อาจจะแรงไปบ้างก็ขออภัยนะคะ ขอให้เปิดใจรับฟังและนำไปปรับใช้ รับรองว่าได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยจ้า~
(ถ้าพบคำผิดขอให้อ่านข้ามๆ มันไปเถอะค่ะ มุกอาจจะไม่ได้อ่านทวนหลายรอบนัก ขออภัยในความไม่รอบคอบ)
- ชื่อเรื่อง (8/10)
จริงๆ แล้วชื่อเรื่องไม่ได้ขัดกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่หักคะแนนเล็กน้อย ชื่อเรื่องภาษาไทย กับภาษาอังกฤษเพราะมันขัดกันไปนิด ไม่ค่อยเข้ากัน เท่าไหร่
- ตัวละคร (10/20)
ตรงนี้ขอหักคะแนนเยอะหน่อยนะคะ สำหรับการเปิดเรื่องตัวละครก็เยอะพรึ่บพรั่บแล้ว แต่ยังไม่มีการนำเสนอให้แต่ละตัวละครเตะตาคนอ่านเลยค่ะ ช่วงตอนแรกๆ มุกขอสารภาพเลยว่าใครเป็นใครก็ไม่รู้ โอเค มีพ่อ มีแม่ของทั้งสองฝ่ายที่แต่งงานกัน ฝ่ายพ่อมีลูกติด 3 คน ฝ่ายแม่เองก็มีลูกติดอีก 1 คน นอกจากนี้ยังไม่เหล่าเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งคนงานในบ้านอีก บลา บลา บลา
แต่หลายๆ คนดูเหมือนจะพูดคล้ายๆ กันไปหมด ไม่มีการบรรยายอย่างเด่นชัดว่าตรงนี้ใครพูด แล้วตรงนั้นใครตอบ (ตรงนี้จะขอพูดในส่วนของเนื้อเรื่องนะคะ)
สรุปคือตัวละครยังจืดชืดค่ะ แม้จะมีเอกลัษณ์เฉพาะตัว แต่ดูเหมือนบรรยายบ้างเป็นบางคราวว่านิสัยแบบนั้น แบบนี้ แต่คน 2 คนที่คุยกัน คนหนึ่งนิสัยหนึ่ง อีกคนก็นิสัยอีกแบบไปเลย แต่การพูดกลับไม่แตกต่างกันนัก อย่างเช่นพี่ชายคนโตผู้เคร่งขรึม เอาเข้าจริงพูดเป็นต่อยหอยเลยทีเดียว แถมยังขี้กวน ความเผด็จการโอเคค่ะ แต่ดูจะติดกวนไปนิด แบบนี้กลายเป็นนิสัยของตาคนรองไปแล้วนะ การมีตัวละครมากๆ อยากให้ระวังจุดนี้เป็นพิเศษค่ะ บุคลิกแต่ละแบบของตัวละครจะเป็นจุดดึงดูดคนอ่านได้ดีเลยทีเดียว
- เนื้อเรื่อง (20/30)
ส่วนของเนื้อเรื่องไม่มีอะไรให้หักคะแนนมากนักค่ะ พล็อตเรื่องค่อนข้างจะเป็นพล็อตลาด แต่ก็นำเสนอได้โอเคทีเดียว เพียงแต่จะหักคะแนนเยอะหน่อยตรงที่บางครั้งก็บรรยายเอื่อยเฉื่อยเกินไป ในขณะที่บางครั้งกลับรวบรัดเกินไปซะอย่างนั้น ทำให้บางประโยคดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนจะพยายามให้ภาษาออกมาสวยจนแปลก เช่น
ผมเอ๋ยถามพ่อเลี้ยงผม ลุงพงศษ์นักธุรกิจพันล้าน มือดีอันดับต้นๆของเมืองไทย
ที่มีธุรกิจ ทั้งในและนอกประเทศ แต่ด้วยเหตุใดมิทราบถึงได้มาตกหลุมรักแม่ผมที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร
เล็กๆแห่งหนึ่ง ย่านแหล่งท่องเที่ยวทางเชียงใหม่
*สีแดง-คำผิด
*สีชมพู-คำที่ไม่แน่ใจว่าผู้เขียนต้องการเขียนว่าอย่างไรกันแน่
จากตรงนี้ไม่ต้องบอกว่าคุณพ่อเลี้ยงมีธุรกิจใน-นอกประเทศหรือเปล่า เพราะเหตุการณ์ต่อจากนี้จะพูดถึงธุรกิจของคุณพ่อเลี้ยงว่าเป็นอย่างไร หรือถ้าจะพูดถึงธุรกิจก็ควรจะมีมากกว่านี้ เหมือนแค่เกริ่นนิดหน่อยก็หายไปแล้ว อ้าว! แอบค้าง
และจุดสำคัญ “เหตุใดมิทราบถึงได้มา” แน่นอนว่ามันอาจจะแปลกนิดหน่อยหากคุณแม่จะตกหลุมรักใครสักคน แต่เหมือนว่าประโยคนี้จะแฝงความประหลาดใจ อิจฉา ประมาณว่า 2 คนนี้ไม่น่าจะตกหลุมรักกันทำนองนี้ค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ และอาชีพของคุณแม่ก็ไม่ต้องบอกหรอกค่ะว่าอยู่ที่จังหวัดไหน จบแค่ร้านอาหารเล็กๆ เป็นอันรู้เรื่องค่ะ
เมื่อพูดถึงความไม่เป็นธรรมชาติของประโยคแล้ว มาพูดถึงอาการพิเศษของตัวละครที่หยั่งรู้อนาคตกันดีกว่าค่ะ เช่น
ผมเพ่งมองเจ้าของใบหน้าขาวใส ริมฝีปากหนาได้รูป คิ้วเข้ม จมูกโด่ง นัยย์ตาดุ รูปร่างสูงใหญ่
บุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉย แม้ยามที่ผมยกมือไหว้ เขาเพียงแค่พยักหน้ารับ
*สีฟ้าคราม-ประโยคที่ผิดธรรมชาติ
อ่านประโยคนี้แล้วแปลกไหมคะ? ยังไม่รู้เลยว่าเขาอายุเท่าไหร่ แต่รู้แล้วว่าบุคลิกเขาเกินอายุ โอเค ตัวละครอาจจะรู้มาก่อนว่าชายคนนี้อายุเท่าไหร่ แต่อย่าลืมนะคะว่าคนอ่านเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยแล้วเข้ามาอ่านนิยายของเรา ทุกตัวอักษรของเราเป็นทางที่จะนำพาเขาไป เขาจะค่อยๆ เรียนรู้ และจดจำเส้นทางตามที่เราบอก ตรงนี้บอกว่าเกินอายุ แล้วเกินยังไง เขาดูเหมือนอายุเท่าไหร่ แล้วจริงๆ แล้วเขาอายุเท่าไหร่ คำถามมากมายจะประเดประดังเข้ามาในหัวทันที ตรงนี้ถ้าบอกแต่แรกเลยว่า
“เขาดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุทั้งที่จริงๆ แล้วเขาอายุแค่ 21”
ต่อไปเป็นการใช้คำซ้ำที่มากจนเกินไปทำให้เหมือนประโยคคล้ายกับเดจาวู
พร้อมเดินไปนั่งลงที่โซฟากลางบ้านที่คุณลุงพงศษ์นั่งอยู่
ลองเปลี่ยนเป็น
พร้อมเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่คุณลุงนั่งอยู่
คำภาษาไทยมีมากมายค่ะ ความหมายเหมือนกัน แต่คำต่างกัน ทั้ง “ที่” และ “บน” เป็นคำระบุตำแหน่งทั้ง 2 คำ แต่เมื่อเลือก “บน” มาใช่เพิ่มทำให้คำดูหลากหลาย และสวยงามขึ้นค่ะ
การเว้นวรรค รวมไปถึงการขึ้นบรรทัดใหม่ยังไม่ถูกต้องนะคะ การเว้นวรรค เว้นเป็นเคาะสเปคบาร์เพียงครั้งเดียวเท่านั้นพอค่ะ ส่วนการเว้นวรรค หากอยากจะเว้น 1 ครั้งทุกๆ การขึ้นบรรทัดใหม่สามารถทำได้ค่ะ เพียงแต่เว้น 1 บรรทัดสำหรับบรรทัดใหม่ และเว้น 2-3 บรรทัดสำหรับย่อหน้าใหม่
อะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้......แค่สบตากับผู้ชายนัยย์ตาดุคนนี้
“หวัดดีฮะ ผมอานนท์” ผมเอ๋ยทักทายทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา
อ่ะโห!!! อะไรจะเว้นเยอะขนาดนี้? ทั้งๆ ที่เป็นย่อหน้าเดียวกัน แต่เว้นจนดูเหมือนขึ้นย่อหน้าใหม่ เปลี่ยนเหตุการณ์ไปแล้วซะอย่างนั้น แบบนี้จะทำให้สับสนนะคะว่า อ้าว! ยังคุยกันอยู่ แต่ทำไมเว้นเยอะจัง ลองดูแบบนี้นะคะ
อะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้......แค่สบตากับผู้ชายนัยย์ตาดุคนนี้
“หวัดดีฮะ ผมอานนท์” ผมเอ๋ยทักทายทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา
กลัวร่างสูงตรงหน้าเห็นใบหน้าที่แดงก่ำ มันน่าอายจะตาย
เว้นแบบนี้ผู้อ่านจะเข้าใจได้เลยว่า เว้นประมาณนี้คือยังเป็นเหตุการณ์เดิมนะ ที่เว้นเพื่อให้รู้ว่าอยู่คนละบรรทัดเท่านั้น
และอีกอย่างที่ควรใช้ในการเขียนนิยายคือ “หลัก 3” เพื่อความสวยงามที่ไม่ทำให้ดูรกจนเกินไปควรใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เพียงแค่ 3 เท่านั้นค่ะ ไม่ควรเกินจากนี้
อึ้ง..................กิมกี่
"อ้ากกกกกกกกก ไอ้นนท์อยากตาย" ผมตะโกนสุดเสียงหลังที่ได้ยิน
อึ้ง... กิมกี่
"อ้ากกก ไอ้นนท์อยากตาย" ผมตะโกนสุดเสียงหลังที่ได้ยิน
แบบล่างดูโอเคกว่าใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะลากเสียงยาวขนาดไหน การที่มากเกินไปจะทำให้ดูรกได้ค่ะ
และเรื่องสุดท้ายคือการเล่าเรื่องของตัวละคร การใช้สรรนามบุรุษที่ 1 คือตัวผู้เล่า เล่าเรื่องตัวเองข้อดีคือเราจะบรรยายได้ง่ายว่าตัวละครนั้นรู้สึกอย่างไร แต่ข้อเสียคือไม่สามารถบอกได้ว่าตัวละครอื่นๆ รู้สึกอย่างไร เพราะไม่ใครมีญาณวิเศษหยั่งรู้ความคิดคนอื่นได้ การแก้ปัญหาของนักเขียนหลายๆ คนก็คือเปลี่ยนตัวผู้เล่า
แต่... การเปลี่ยนบ่อยจนเกินไปอาจทำให้ผู้อ่านสับสนได้ หากไม่ระบุให้แน่ชัด และที่สำคัญวกกลับมาเรื่องเดิมค่ะ บุคลิกของตัวละครจะสะท้อนให้เห็นว่าขณะที่เล่าอยู่ความคิดเขาจะต้องไม่เหมือนกับตัวละครเดิมที่เคยเป็นผู้เล่ามาแล้ว
ขอให้ระวังจุดนี้ดีๆ ค่ะ การเปลี่ยนตัวละครบ่อยเกินไป หรือนิสัยที่เหมือนเกินไปจะให้ให้สับสน
- การใช้ภาษา (24/30)
สำหรับคำผิด ขอบอกว่าเยอะพอสมควร และหลายๆ คำเป็นคำที่ผิดคำเดิมซ้ำๆ อีกด้วยสรุปคำผิดตอนที่ 1-2 ค่ะ (ขอสรุปแค่ 2 บทเท่านั้น เดียวจะเยอะเกินไป)
นัยย์-นัยน์
เอ๋ย-เอ่ย
*ลุงพงศษ์-ลุงพงษ์หรือลุงพงศ์ (แบบนี้น่าจะดีกว่านะคะ)
ขี้เก้ก-ขี้เก๊ก
ภวังน์-ภวังค์
เพล์บอย-เพลย์บอย
โอยกอด-โอบกอด
นิ-นี่
บรรได-บันได
ได่ก่า-ได้ก่า?
ยืนบื้อทำไร-ยืนบื้อทำอะไร?
พรุ้งนี้-พรุ่งนี้
โทรศัพท์-โทรศัพท์
ถามผมไหมอ่ะ-ถามผมทำไมอ่ะ
เห้อะ-เฮอะ
ปุ้บปั้บ-ปุ๊บปั๊บ
ไมชี้-ไม่ชี้
พี่ชอบน่ะ-พี่ชอบนะ
หน่อยคร้าบเถอะ-หน่อยเถอะครับ?
อาจจะมีเยอะกว่านี้ลองตรวจสอบดูอีกรอบนะคะ ขอแนะนำให้พกพจนานุกรมไว้ค่ะ เจอคำไหนที่ไม่แน่ใจจะได้เปิดดูได้
(ขอชี้แจงนิดนึงนะคะที่มุกบอกว่าให้มองข้ามคำผิดของมุกเพราะเป็นบทความวิจารณ์ค่ะ ส่วนนิยายควรมีคำผิดให้น้อยที่สุด หรือไม่มีเลยยิ่งดีค่ะ)
- มารยาทของนักเขียน (9.5/10)
ตัวนักเขียนเองสุภาพแน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่ที่ขอหักคะแนนนิดหนึ่งนั้นเป็นมุกอยากให้นักเขียนพูดคุยทักทายนักเขียนให้มากหน่อยค่ะ
- สรุปคะแนน : 71.5 เกรด B
- คำแนะนำ : สรุปนะคะจุดที่ควรปรับปรุงคือ
1. หลัก 3
2. การเว้นวรรค
3. การขึ้นย่อหน้าใหม่
4. ประโยคไม่เป็นธรรมชาติ
5. ความมีมิติเป็นธรรมชาติตรงบุคลิกตัวละคร
6. คำผิด
7. คำซ้ำเยอะเกินไป
8. การสลับตัวละครบรรยายบ่อยเกินไป
9. รวบรัด หรือปล่อยให้ประโยคยืดยาวเกินจำเป็น
อาจจะดูเหมือนมีส่วนที่ต้องแก้ไขเยอะ แต่เชื่อมุกเถอะค่ะว่ามันเป็นประโยชน์มากๆ ในการปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้น ยังไงก็สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็น