ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรางรัก ลวงใจ (ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สมาร์ทบุ๊ค)

    ลำดับตอนที่ #13 : ผู้หญิงจากเมืองไทย งานอภิเษก(รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.08K
      2
      14 ก.พ. 52

    ตอนที่ 13  งานอภิเษกสมรส

          ผู้การสาวนิ่งอึ้งทันที แล้วกล่าวกับเขาว่า ดูเหมือนเขาจะเรียนรู้อะไรๆ  เกี่ยวกับที่นี่ได้เร็วดีเหลือเกิน  ซึ่งทำให้ผู้พันศรัณย์  ต้องหันหน้ามามองเธอนิดหนึ่ง และบอกกับเธอว่า เขาคงต้องเรียนรู้อย่างจริงจังสักที  ไม่งั้นคงจะตามเจ้าหญิงจอมดื้อไม่ทัน  และเขากำลังจะมีภรรยา  ที่เป็นทั้งนักปกครอง นักรบ นักการทูต  นักพัฒนา  เขาคงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง  ที่จะต้องเรียนรู้ในสิ่งที่  ภรรยายอดอัจฉริยะ คิดโน่น ทำนี่อยู่ตลอดเวลา  และถ้าแต่งงานแล้ว  เขาจะให้เธอเป็นแม่บ้าน  อยู่กับบ้านเฉยๆคงจะดี  เขากล่าวด้วยน้ำเสียง  ที่ฟังคล้ายจะประชด  ปนหยอกเย้าน้อยๆในตอนท้าย
         “ ฉันเชื่อว่า คุณเป็นคนที่มีเหตุผลค่ะ และคุณก็เข้าใจใน ภารกิจของฉันดีทุกอย่าง  ฉันเชื่อว่าคุณก็คงไม่ใช้วิธีเผด็จการกับฉัน จริงมั้ยคะ “ เสียงของเธอทอดอ่อนลง
         “ ใครบอกว่าผมเข้าใจ  ถ้าคุณยังดื้อ ผมก็อาจจะต้องใช้วิธี เผด็จการก็ได้  เพราะไม่มีใครห้ามคุณได้ แต่เมื่อเราแต่งงานกันแล้ว  ผมก็ต้องให้คุณลดบทบาท  ในภาคสนามลงบ้าง  ใครจะมองได้ว่าผมปล่อยให้คุณออกไปเสี่ยงชีวิต  เพราะผมไม่ได้รักคุณ ห่วงคุณ  และถ้าคุณเกิดพลาดขึ้นมาอีกครั้ง  จะทำยังไง คุณรู้มั้ยผมทรมานใจมากแค่ไหน  เวลาที่เห็นคุณเจ็บ รายา....ถ้าคุณรักใครสักคน  คุณก็คงจะเข้าใจความรู้สึก ของผมที่มีต่อคุณ “
         ผู้การสาวนั่งเงียบเพราะจนด้วยเหตุผล ที่เขากล่าวออกมา  " ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกก็ได้ ถ้าไม่จำเป็นดีมั้ยคะ "  ?
         " รายา.......ผมรู้ว่า ผมไล่ยังไงคุณก็ไม่จนแต้ม  คุณฉลาดที่จะพูดเหมือนจะรับปาก แต่คุณก็ไม่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่สักวันหนึ่งผมจะทำให้คุณ ต้องรับปากผมให้ได้ ว่าจะไม่ออกมาเสี่ยงอีก "  เขายังคงตัดพ้อ
         ผู้การสาวนิ่งเงียบอีกครั้ง ที่เขารู้ทันคำพูดของเธอ ผู้พันหนุ่มจอดรถ ที่ริมแม่น้ำก่อนที่จะเข้าตัวเมือง  เขาลงไปยืนข้างรถ  แล้วเดินอ้อมมาที่เธอ ยื่นมือส่งให้ ผู้การสาวจำต้องยื่นมือให้เขา  และก้าวลงจากรถ เขาจูงมือเธอเดินไปที่ริมแม่น้ำ ที่สวยสงบสายนั้น  ลมเย็นๆจากแม่น้ำพัด แผ่วพลิ้วมาเบาๆ  ทำให้เธอและเขารู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง  เธอเห็นเขาทอดสายตา มองสายน้ำตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่มีความสุข 
         จนเธอต้องเอ่ยถาม  " คุณชอบที่นี่จริงๆหรือคะผู้พัน  เมืองที่เงียบเหงา ล้าหลัง ไม่มีแสง สี เสียง ไม่มีเทคโนโลยี่อะไร ที่ทำให้คนที่อยู่สะดวกสบาย เหมือนเมืองไทย  คุณจะอยู่ที่นี่ เป็นคนของเมืองนี้ ได้จริงหรือคะ " 
        " มีคุณอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็ทำให้ผมมีความสุข  ผมรักคุณนะ รายา ความรักมันจู่โจมหัวใจผม จนผมตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน ผมเพิ่งจะรู้ว่าความรัก ทำให้คนมีความสุขมากมายแค่ไหน "  เขากล่าวเบาๆหันมายืนตรงหน้าเธอจับมือเธอไว้ทั้งสองข้าง  
         เธอสบตาเขาสะเทิ้นอายน้อยๆ  " ผู้พันคะ.....หญิงขอบคุณคุณมากค่ะ ที่คุณเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ เป็นคนของที่นี่อย่างเต็มใจ  "  
        " ผมจะเป็นคนของที่นี่ เป็นคนของคุณนะ รายา.....ผมให้คุณแล้วทุกอย่าง ทั้งชีวิตและวิญญาณของผม "  ผู้พันหนุ่มกล่าวแล้วยกมือ ทั้งสองของเธอขึ้น ประจงจุมพิตลงบนมือเธอเบาๆ  ผู้การสาวแก้มแดงปลั่งอย่างขวยเขิน
        " หญิงจะถือว่าคำพูดของคุณวันนี้ คือคำสัญญานะคะ "  ผู้การสาวกล่าว แล้วสบตากับเขา
        " ครับ......คือคำสัญญาของทหารไทย " 

         บริษัทอีตันได้รับสัมปทาน  ในการทำค้นหาแร่รัตนชาติ ได้เดินทางเข้ามายังสวาติติ และทำการสร้างแค้มป์ที่นอกเมือง ขณะที่ผู้การสาวซึ่งทำงาน  อยู่ในห้องทำงานกับพระคู่หมั้น  หมวดราเมนยังคงยืนรอรับเอกสารอยู่ใกล้ๆ เธอจึงเอ่ยถาม
         “ หมวดราเมน....บริษัทอีตันสร้างแค้มป์ไปถึงไหนแล้ว “ 
         " ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วครับ  เห็นมีตู้คอนเทรนเนอร์ติดตั้ง เป็นที่พักของพวกวิศวกร แล้วก็พวกหัวหน้าคนงาน แล้วก็เป็นที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้  และก็กำลังสร้างบ้านพัก คนงานด้วยครับผม “
        " ก็เร็วดีนี่นะ เพิ่งมาได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น   อืม...งั้นหมวดเตรียมรถให้สักคัน ฉันจะไปเยี่ยมพวกเขาสักหน่อย  "  ผู้การกล่าวกับผู้หมวดราเมน  แล้วเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ตรงหน้ามองหน้าผู้พัน
        " ไปกับหญิงนะคะ  "  เธอเชิญชวนเขาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
        " ไปสิครับผมจะขับรถให้เอง "
         ทั้งสองขับรถมาถึงแค้มป์ ของนายช่างฝรั่ง ที่กำลังตระเตรียมสร้างแค้มป์กันโกลาหล คนงานที่กำลังก่อสร้างบ้านพัก ก็ทำการก่อสร้างกันไป  บ้างก็กำลังขนเครื่อ งมือเครื่องใช้จากรถบรรทุก ลงมาเก็บในตู้คอนเทรนเนอร์  ผู้พันรับผู้การสาวลงมาจากรถ ทั้งสองเดินคู่กันไปที่แค้มป์  ที่คาดว่าคงเป็นที่พักของหน่วยคุมงาน  นายช่างฝรั่งเดินลงมา จากตู้คอนเทรนเนอร์ เมื่อทราบว่าองค์หญิงรายาเสด็จมา
         " ถวายบังคม......เจ้าหญิงนายพล และผู้พันคู่หมั้นกระหม่อม "  เขาเดินเข้ามาพร้อมกับทำความเคารพ  ด้วยการโค้งให้อย่างนอบน้อม  ทั้งสองรับการทำความเคารพ
        " เป็นยังไงบ้างคะ มีอะไรขาดเหลือหรือเปล่า "
        " เรียบร้อยดีพระเจ้าค่ะ  ตอนนี้ก็กำลังจัดที่พัก และจัดเก็บข้าวของเครื่องมือ เครื่องใช้เท่านั้นพระเจ้าค่ะ  " 
         หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียว กับองค์หญิงรายา แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาวเล็กคับติ้ว  คอเสื้อคว้านลงมาจนเห็นเนินเนื้อ กางเกงยีนส์ฟิตรัดรูป  เข็มขัดหนังเส้นโตคาดไว้ต่ำๆที่สะโพก ผมหยิกสลวยเป็นลอน ใบหน้าสวยคมเฉี่ยว เดินลงมาจากตู้คอนเทรนเนอร์อีกตู้หนึ่ง  ซึ่งถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้ว เมื่อหญิงสาวนางนั้น เห็นองค์หญิงและผู้พัน เธอก็วิ่งปรี่เข้ามาทันที และก่อนที่ใครจะตั้งตัวได้ทัน  เธอก็ใช้สองแขนโอบกอดรอบคอ  และซบหน้าลงบนอกของผู้พันหนุ่มทันที
         " ศรัณย์........ศรัณย์คะ  นิดดีใจจังค่ะที่ได้พบคุณ  นิดคิดถึงคุณมากค่ะ รู้ว่าคุณมาปฏิบัติภารกิจที่เมืองนี้ นิดก็เลยสมัครมา ทำงานกับบริษัทนี้ค่ะ นิดอยากพบคุณค่ะ คุณทำไมไม่ติดต่อบอกนิดเลยคะ  คิดถึงนิดมั้ยคะ นิดคิดถึงคุณมากเหลือเกินค่ะ  ?  " หญิงสาวผู้นั้นออดอ้อนฉอเลาะ ซบหน้าสวยลงกับอกเขา  มิสเตอร์ วินสัน มองอย่างไม่เข้าใจ ในสถานการณ์นัก
         ผู้พันหนุ่มตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าจะพบนิตยาที่นี่ ในสภาวะเช่นนี้  เขาหันหน้ามามองหน้า ผู้การสาวนิดหนึ่ง แต่เขาก็คงเห็นสีหน้า ที่ปรับอารมณ์ได้ราบเรียบของเธอ  เธอปรายตามองหน้า เขานิดหนึ่งเช่นกัน  นายทหารหนุ่มรีบปลดแขน ของหญิงสาวออกจากคอทันที 
         " คุณนิตยา......นี่องค์หญิงรายาคู่หมั้นของผม  เรากำลังจะแต่งงานกัน  "  เขารีบแนะนำ
       หญิงสาวผู้นั้นยืนนิ่งขึงไปชั่วครู่ เหมือนกับตกตะลึงในคำพูดของเขา เมื่อตั้งสติได้ก็เอ่ยขึ้น ด้วยเสียงเครือๆ ต่อว่าต่อขานเขาทันที
         " ศรัณย์คะ.....ทำไมคุณทำกับนิดอย่างนี้คะ นิดเฝ้ารอคุณ คิดถึงคุณ นิดเห็นหนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวว่ามีนายทหารที่มาราชการที่นี่ กำลังจะแต่งงานกับเจ้าหญิงนครนี้ แต่นิดไม่ได้อ่านรายละเอียด  และก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคุณ อะไรกันคะมายังไม่ถึงเดือน จะรวดเร็วจนถึงกับแต่งงานเลยหรือคะ  เราสองคนเสียอีกที่รักกันมาตั้งนาน  นิดไม่คิดว่าคุณจะลืมนิด ได้อย่างนี้นะคะ ศรัณย์  "  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผู้พันหนุ่ม ด้วยสายตาที่เอ่อคลอด้วยน้ำตา ก่อนที่ร่วงพรูลงอาบแก้ม
         " นิตยา....ผมกำลังจะแต่งงาน คุณกรุณาอย่าพูดอย่างนี้เลย  เราสองคนก็แค่คนรู้จักกัน เท่านั้นไม่ใช่เหรอ  ผมแน่ใจว่า ผมยังไม่ได้บอกรักคุณ และผมไม่ต้องการให้คนอื่น  เข้าใจในความสัมพันธ์ของเราผิดๆ คุณจะเสียหายด้วยนะนิตยา "  เขากล่าวแล้วมองหน้าเธออย่างรู้สึกโกธร  แล้วหันมาที่ผู้การสาวจับมือเธอไว้ เขารู้สึกว่ามือของเธอเย็นเฉียบ
    นิตยาตั้งสติได้ในเวลาอันรวดเร็ว เธอปรายตามองผู้การสาว ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และเริ่มเอ่ยถ้อยคำที่ไม่น่าฟังขึ้นทันที  “ ศรัณย์คะ....นิตอุตส่าห์ตามคุณมาถึงที่นี่  คุณไม่เห็นใจนิตบ้างหรือคะ  แล้วคุณจะต้องมาอยู่เมืองอะไรที่หลังเขา จะหาความเจริญสักนิด ก็ไม่มีอย่างนี้น่ะหรือคะ “
         “ คุณกรุณาระวังคำพูดด้วยนะนิตยา ผมคิดว่าคุณไม่ควร จะพูดอย่างนี้  และจำไว้นะ....ว่าผมเต็มใจ และยินดีที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไป “ 
    ผู้พันศรัณย์หันไปกล่าวกับ  มิสเตอร์ วิลสัน  ที่กำลังยืนงงไม่เข้าใจในภาษาไทย ที่เขาพูดกับนิตยานัก  "  นายช่าง....พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงาน ของผมกับองค์หญิง ผมขอเชิญคุณด้วยนะครับ  เก้าโมงเช้าเราจะมีพิธีที่โบสถ์ครับ และผมกับองค์หญิง คงต้องขอตัวก่อนนะครับ เราสองคนยังมีงานหลายอย่างรออยู่ "  ผู้พันหนุ่มกล่าวจบ  ทำท่าจะพาเธอกลับไปที่รถ  ผู้การสาวหันมากล่าวกับนายช่างฝรั่ง
         " มิสเตอร์ วินสันคะ  เราคงต้องขอตัวกลับก่อน  เอ่อ....คุณนิตยาคะ ดิฉันขอเชิญคุณไปงาน แต่งงานของเราด้วยนะคะ  "  นายพลสาวกล่าวออกมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อาบไปด้วยความสุข เธอหันมายิ้มกับเขาน้อยๆ สายตาที่มองหน้าเขานั้น  เจิดจ้า เปล่งประกายอาบสุข  
         พันเอกศรัณย์แปลกใจกับคำกล่าว  และท่าทางอินเลฟที่เธอมีต่อเขา  แต่ก็ยิ้มรับคำพูดของเธอ  เขาโอบเอวเธอไว้  ก้มลงจุมพิตเธอที่แก้มเบาๆ  แล้วกระซิบแผ่ว อย่างประโลมใจที่ข้างหู " รายาผมรักคุณนะ "  แล้วจูงมือเธอเดินมาที่รถ จับเอวเธอคล้ายจะอุ้มขึ้นรถ  แล้วเดินกลับมาที่นั่งที่นั่งคนขับ ขับออกมาจากตรงนั้น  เขาหันมามองหน้าเธอ และเห็นแต่เพียงสีหน้า ที่เรียบเฉยเย็นชาเท่านั้น  เขาลอบถอนหายใจนิดหนึ่ง และสบถในใจ ทำไมนะ....ถึงได้ซวยบัดซบขนาดนี้ 
         " รายา.....ผมเสียใจนะ  ที่ทำให้คุณไม่สบายใจ กับเรื่องนิตยา “
         “ แต่ฉันดีใจค่ะ ที่ได้รู้อะไรบ้าง ดีกว่าที่จะไม่รู้อะไรเลย “ เธอตอบเสียงเรียบๆเย็นชา
         “ผมรู้นะ  ว่าเมื่อกี้คุณแกล้งหวาน กับผมต่อหน้าคนอื่น  " 
         " ก็คงอย่างที่คุณคิด  เพราะฉันไม่ได้เป็นเจ้าหญิง ที่แสนซื่อบริสุทธิ์  เหมือนในนิยายหรอกค่ะ ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดา ที่ต้องรักษาหน้าตัวเอง ต่อหน้าคนอื่น “
         ผู้พันศรัณย์มองสีหน้า ของนายพลสาวที่เรียบตึง เขารู้ว่าเธอโกธรเขามากมายนัก “ ผมขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมไม่ได้มีอะไรกับนิตยานะครับ  เพียงแค่คนรู้จักกันก็เท่านั้น “
         “ คุณไม่ได้ผิดอะไรนี่คะ  ไม่เห็นจะต้องขอโทษเลย ฉันเป็นผู้ร้องขอให้คุณแต่งงานกับฉัน  ฉันจะหวังอะไรให้มากกว่านี้กันคะ แค่นี้ก็เป็นความกรุณา อย่างใหญ่หลวงนักสำหรับฉัน  และทุกคนในสวาติติ นี่แล้วค่ะ  "  เสียงของผู้การสาวกล่าวเรียบๆ ด้วยถ้อยคำที่ประชดประชัน
         เขารู้สึกยุ่งยากใจขึ้นมาทันที และพยายามอธิบาย  " รายา.... อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ   ผมเต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณ เพราะผมรักคุณ ผมไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นนะครับ  เราเพียงแต่รู้จักกัน และเขาก็มาหาผมบ่อยๆ  เวลาที่ผมหยุดมาพักที่บ้าน ผมก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเขา และหลีกเลี่ยงที่จะต้องพบ กับเขาเสมอๆ  คุณพ่อ คุณแม่ท่านทราบดี  ว่าผมไม่ได้รักนิตยา  ผมไม่เคยบอกรักใครเลย  ถึงแม้ผมจะมีผู้หญิงที่คบกันก็ตาม " 
        " ฉันเชื่อแล้วค่ะ ว่าคุณไม่มีใครแอบแฝง ซ่อนเร้นอยู่เลยแม้แต่น้อย " เธอประชดในคำพูดของเขาในวันก่อน   
        " พรุ่งนี้เราก็จะแต่งงานกันแล้วนะรายา อย่าเอาเรื่องไร้สาระมาคิดเลยนะ มันจะทำให้เราสองคนไม่มีความสุขนะครับ  ขอให้คุณรู้ไว้ว่า ผมเป็นของคุณคนเดียว  " เขาทำเสียงอ้อน
         เธอหันมามองหน้าเขานิดหนึ่ง   " ฉันคงไม่กล้าคิดแบบนั้นหรอกค่ะ " 
         ผู้พันหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น  เขารู้ว่าผู้การรายาและเขา  คงต้องมีปัญหากันต่อไปแน่  เธอไม่ยอมเชื่อเขา  เพราะการที่นิตยาแสดงออกนั้น  ทำให้ผู้การสาวโกธรเขานัก  แต่เธอก็สามารถเก็บความรู้สึก โกธรไว้ได้อย่างแนบเนียน  เมื่ออยู่ต่อหน้านิตยา  และเขาก็กริ่งเกรงความใจถึง ของนิตยานัก  เมื่อเขากลับมาที่พักและบอกเรื่องนี้กับจ่าหวัง  เพื่อให้จ่าหวังเตรียมทหาร ของเขาบางส่วน  คอยดูนิตยาไว้ เพื่อกันไม่ให้เธอมีโอกาสเข้ามาวุ่นวาย ในพิธีแต่งงานในวันพรุ่งนี้
     
         ท่านซองปาเสนาบดีเฒ่า เพิ่งกลับถึงบ้าน หลังจากที่กลับมาจากเยี่ยมลูกชาย  เสนาบดีเฒ่า มีสีหน้าบูดบึ้งอารมณ์ไม่ดีนัก  แม่เฒ่าราลีมองหน้าสามี ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อท่านซองปานั่งลง ก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่โกธรขึ้ง
         “ องค์หญิงรายา.....ทำกับเจ้าราชัยครั้งนี้หนักมากนะ  ทรงลงโทษราชัย  ถึงกับกักบริเวณ ไม่เห็นแก่หน้าเราเลย “
         “ ใจเย็นๆสิคะท่าน  อีกไม่กี่วันก็ออกแล้วนี่คะ  แค่ถูกกักบริเวณเท่านั้น ไม่ได้ถูกจองจำสักหน่อย “
         “ เราจะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไปแล้วละ  อาจจะต้องเข้ากราบบังคมทูลเสด็จ “
         “ อย่าให้เสด็จทรงร้อน พระหทัยเลยค่ะ ยิ่งทรงพระประชวรอยู่ด้วย “
         “ ฉันนิ่งเฉยอย่างเธอไม่ได้หรอกนะแม่ราลี  ฉันอุตส่าห์ให้ลูกไปอยู่ใกล้ชิด  แต่ทรงทำเหมือนลูกเราเป็นแค่ทหารปลายแถวเท่านั้น  ไม่ทรงนึกถึงความหลัง ครั้งก่อนเลยสักนิด  “
        “ ลูกเราใกล้ชิดองค์หญิง มาตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ แต่ไม่ทำตัวให้องค์หญิง ทรงโปรดเลยนะคะ  เมื่อฉันพบพระองค์เมื่อคราวก่อน  ก็ทรงรับสั่งว่า มีผู้หญิงไปทูลฟ้องพระองค์ คงเป็นแม่พวกบ้านเล็ก บ้านน้อยน่ะค่ะท่าน พระองค์หญิงยังทรงปรารภกับฉันว่า  ราชัยมีหลายบ้าน ถึงทำให้มีปัญหาระหว่างเมียๆ แล้วลูกเราทำอย่างนี้  องค์หญิงจะทรงโปรดลูกเราได้ยังไง พระปรารภในครั้งนั้น ทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย “
         “ แม่ราลี .....จะโทษลูกได้ยังไง  ก่อนที่ยังไม่มีไอ้ผู้พันเข้ามาข้องเกี่ยว  ก็ทรงมีองค์ชายอิงภู คอยขัดขวางอยู่อีกองค์ เจ้าราชัยจะทำอะไรได้ล่ะ  แล้วเรื่องเจ้าราชัยน่ะ  เรื่องผู้หญิงก็เป็นเรื่องธรรมดา ของผู้ชายนี่เธอ  คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ในเมืองนี้  ก็มีบ้านเล็กบ้านน้อยกันทั้งนั้น  “  เสนาบดีซองปาแก้ตัวแทนให้ลูกชาย
         “ ก็ลูกเราคิดจะเด็ดดอกฟ้า ก็ต้องทำตัวให้ดีกว่านี้สิคะ พระองค์หญิงน่ะความจริงแล้ว ก็ยังมีพระเมตตากับราชัยเสมอนะคะ ในพระหทัยก็อาจจะทรงโปรดราชัยอยู่ก็ได้  ลูกเรากับองค์หญิงน่ะ  ต่างก็มีความสัมพันธ์ทางใจต่อกันมาตั้งแต่เด็กๆ  ฉันเตือนลูกเรื่องผู้หญิงพวกนั้นแล้ว  แต่ก็ดื้อรั้นไม่เคยเชื่อฟังเลยสักนิด  เพราะท่านน่ะแหละ ที่ให้ท้ายลูกในทางที่ผิดแล้วในที่สุด  องค์หญิงก็ทรงต้องตกเป็นของคนอื่น  แล้วมันจะมาตีโพยตีพายเสียใจภายหลัง  จะได้อะไรขึ้นล่ะคะ  “
         “ เจ้าราชัยน่ะ  มันหลงรักองค์หญิงจะเป็นจะตาย  ตั้งแต่เรียนอยู่ที่อังกฤษด้วยกัน  แต่พอถูกกีดกันเข้าจริงๆ องค์หญิงก็ทรงตัดพระทัยจากลูกของเรา  มันถึงได้เสียอกเสียใจ  มีคนโน้นคนนี้ไปทั่วน่ะ “
         “ ก็ท่านให้ท้ายลูกอย่างนี้  ลูกถึงได้ดื้อไปทุกเรื่อง ถ้าลูกเราไม่มีเรื่องผู้หญิง  ตั้งแต่อยู่เมืองนอก องค์หญิงก็อาจจะทรงโปรดราชัย ตลอดไปก็ได้นะคะ ความรักน่ะมันเกิดแล้ว มันก็ใช่จะดับลงง่ายๆเสียที่ไหนล่ะคะ   แต่ราชัยก็ประชดประชัน มีผู้หญิงอื่นมากมายหลายคน  ผู้หญิงที่ไหนเขาจะทนได้  องค์หญิงน่ะทรงพระปรีชาออกอย่างนั้น “
        “ ตกลงแม่ราลี จะไม่คิดเข้าข้างลูกเลยหรือไง  นี่องค์หญิงก็จะทรงอภิเษก กับคนอื่นไปแล้ว  เจ้าหมอนั่นมาจากไหนมาถึง ก็หยิบชิ้นปลามัน  มันน่าโมโหมั้ยล่ะ เราก็หวังว่า  ถ้าเจ้าราชัยมันหาโอกาส รวบรัดองค์หญิงได้  มันก็จะได้เป็นพระสวามี  ได้ครองราชย์บัลลังค์ร่วมกับองค์หญิง  พ่อแม่ก็จะได้สบาย แต่นี่มันพลิกผันไปขนาดนี้  หนำซ้ำยังต้องโทษโดนขังอีก หรือจะเป็นแผนการขององค์หญิง  ที่จับเจ้าราชัยขัง  เพราะเกรงว่ามันจะขัดขวางการอภิเษกกัน  ฉันอยากรู้จริงๆ “ เสนาบดีซองปาพูดด้วยหน้าตาถมึงทึง บ่งบอกถึงอารมณ์
         “ โถท่าน.....ฉันเป็นแม่ฉันก็รักลูก  แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง  ราชัยน่ะรักองค์หญิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็จริง  แต่ก็มีคนอื่นให้ท่านรู้ให้ท่านเห็น  ท่านก็คงทรงรับไม่ได้น่ะสิคะท่าน “
         “ ฉันไม่พอใจมากเลยนะคราวนี้  ยังไงฉันก็จะต้องทำอะไรสักอย่าง  จะให้ฉันนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอกเจ็บใจนัก “
         “ ฉันขอร้องเถอะค่ะท่าน  ในเมื่อทุกอย่างเป็นลิขิตของพระเจ้า  เราคงจะฝืนอะไรไม่ได้หรอกค่ะ “
         “ เชิญเธอเชื่อเรื่อง ลิขิตสวรรค์ไปเหอะแม่ราลี  ฉันต้องหาทางช่วยลูก ให้สมหวังให้ได้  อะไรจะเกิดขึ้นฉันก็ยอมทั้งนั้น ฉันจะยอมให้คนเมืองอื่น  มาชุบมือเปิบรวบไปทั้งองค์หญิง และตำแหน่งพระสวามี รวมทั้งราชบัลลังสวาติติไม่ได้  ทั้งที่ตำแหน่งนี้สมควรจะเป็นของเจ้าราชัย  “ หญิงชรามองหน้าผู้เป็นสามี  อย่างไม่สบายใจนัก  เพราะรู้ว่าท่านซองปา รักลูกชายคนเดียวคนนี้มากแค่ไหน 

          งานอภิเษกจัดขึ้นเป็นการภายในก็จริง  แต่ก็อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ  นายทหารหนุ่มของสวาติติ แต่งเครื่องแบบเต็มยศ  ตั้งแถวยืนสองฟากระหว่างทางเดินเข้าโบสถ์ พร้อมกับกระบี่ในมือ ที่ยื่นมาประสานกันไว้  เป็นซุ้มให้คู่อภิเษก ได้เดินรอดซุ้มกระบี่ ก่อนที่จะเข้าโบสถ์
          เจ้าหญิงรายาสวาติติ ทรงฉลองพระองค์ชุดเจ้าสาว ที่พระญาติฝ่ายพระราชมารดา ตัดถวายจากประเทศอังกฤษ  ทรงงามสง่าในฉลองพระองค์ชุดอภิเษก  ด้วยผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์ ปักด้วยคริสตัลทั้งชุด มีชายยาวลากไปบนพื้น  ที่ปูด้วยพรมสีแดงสด  เด็กหญิงเล็กๆหกคน  ยกชายผ้านั้นเดินตามตลอดทาง ลาดพระบาท  เด็กหญิงเล็กๆอีกจำนวนหนึ่ง นั่งอยู่สองข้างทางลาดพระบาท โปรยกลีบกุหลาบเป็นระยะ  เมื่อทรงดำเนินผ่าน  เจ้าหญิงรายาทรงสวมเทียร่า บนพระเศียร  มีผ้าสีขาวบางๆคลุมพระพักตร์ไว้  ทรงถือช่อดอกไม้ไว้ในพระหัตถ์   ส่วนพันเอก ศรัณย์ในเครื่องแบบนายทหารบกไทยสีขาว ประดับยศอย่างสง่างาม  เขายกพระหัตถ์องค์หญิงพาดำเนินช้าๆรอดซุ้มกระบี่  ช่างภาพจากทั่วทุกมุมโลกกลุ่มใหญ่ กดชัตเตอร์ภาพพระราชพิธี อภิเษกนั้นไม่หยุดมือ  
         เมื่อเข้ามาในโบสถ์สมเด็จเจ้า นาดิฟ  ทรงจับพระหัตถ์พระราชธิดาไว้  และค่อยๆเสด็จพระราชดำเนินนำไปที่หน้าแท่นพิธี ที่ประดับตกแต่งด้วย ดอกกุหลาบสีขาวอย่างงดงาม  พระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าเสนาบดี นั่งตามตำแหน่งของตนเอง บนเก้าอี๊ในโบสถ์  บาทหลวงยืนคอยประกอบพิธี  อยู่เบื้องหน้ารูปปั้นองค์พระคริสต์   บิดาของพันเอกศรัณย์  ในเครื่องแบบนายพลเอกแห่งกองทัพบกไทย  เดินพาลูกชายไปพร้อมกันกับสมเด็จเจ้านาดิฟ  เสียงเพลงที่บรรเลงเพลงแต่งงาน  ทำให้บรรยากาศในโบถส์ เหมือนดั่งมีมนต์ขลัง อบอวลไปด้วยความสุขสม เมื่อพร้อมแล้วบาทหลวง  เริ่มทำพิธี โดยกล่าวขึ้น
         “ วันนี้องค์สมเด็จเจ้านาดิฟ  ตลอดทั้งบุคคลในราชสกุล พระญาติพระวงศ์ เสนาบดีเหล่าอำมาตย์และทุกท่านผู้มีเกียรติที่อยู่ ณ.ที่นี้  ได้ทรงมาร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีอภิเษกสมรส  ขององค์หญิง รายาองค์รัชทายาทแห่งราชอาณาจักร สวาติติ กับพันเอกศรัณย์ วุฒิชัยต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า ขอให้พระองค์ทรงเป็นสักขีพยาน  และทรงอวยพรให้คู่บ่าวสาว  ในวันนี้ด้วย และจะขอเริ่มพิธีณ.บัดนี้
         " พระองค์หญิง รายาพระองค์จะทรงรัก ทรงดูแลและทรงห่วงใย จะทรงร่วมทุกข์ร่วมสุข กับพันเอก ศรัณย์ วุฒิชัยตลอดไปหรือไม่ ?  " 
         " ค่ะ  "  ทรงรับสั่งรับคำเพียงสั้นๆ
         " พันเอกศรัณย์คุณจะรัก ทะนุถนอม ดูแล ห่วงใยและร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับพระองค์หญิง รายา ตลอดไปหรือไม่  ?  " 
         " ครับ ผมจะรักทะนุถนอม ดูแลห่วงใย และร่วมทุกข์ร่วมสุข กับองค์หญิงรายาตลอดจนตลอดชีวิตจะหาไม่ "
         " องค์หญิงรายา พระองค์จะทรงรับพันเอก ศรัณย์  วุฒิชัย เป็นพระสวามีหรือไม่ ? "
         " รับค่ะ "
         " พันเอก ศรัณย์ วุฒิชัย คุณจะรับเจ้าหญิงรายา เป็นภรรยาหรือไม่  ?  " 
         " รับครับ "
         บาทหลวงเงยหน้ามองสักขีพยาน  ที่เข้ามาร่วมงานอยู่ในโบสถ์ แล้วกล่าว “ มีผู้ใดจะคัดค้าน  การอภิเษกครั้งนี้หรือไม่ “ คำกล่าวของบาทหลวง ทำให้ทุกคนในที่นั่นนิ่งเงียบ ครู่หนึ่งบาทหลวงจึงเอ่ยขึ้น
         " เจ้าบ่าวสวมพระธำมรงค์ ถวายให้เจ้าหญิงได้ "  บาทหลวงกล่าว
          ท่านนายพลการุณวงศ์  บิดาของผู้พันศรัณย์ส่งพระธำมรงค์ให้ลูกชาย  สวมถวายเจ้าหญิง ซึ่งทรงยื่นพระหัตถ์ส่งประทานให้เขา เขาสวมพระธำมรงค์ ถวายในนิ้วนางข้างซ้าย  ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น สบพระเนตรกับเขา สมเด็จเจ้านาดิฟทรง ประทานพระธำมรงค์แก่พระราชธิดา องค์หญิงรายาทรงสวมพระธำมรงค์ ประทานให้ผู้พันศรัณย์  ทั้งสองหนุ่มสาวต่างสวมแหวนให้กัน
         "  จุมพิตเจ้าสาวได้  " บาทหลวงกล่าว 
          ผู้พันศรัณย์เปิดผ้าคลุมพระพักตร์ขึ้นช้าๆ ทั้งสองสบตากันนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง  เขาค่อยๆประคองพระพักตร์ขององค์หญิงและค่อยๆบรรจง  ประทับริมฝีปากจุมพิตลงบนพระโอษฐ์ ขององค์หญิงรายา  ทุกคนในที่นั้นยิ้มอย่างปิติ มองภาพนั้นอย่างมีความสุข  นักข่าวต่างกดชัตเตอร์ และขอร้องให้ทรงจุมพิตกันอีกครั้ง เพื่อบันทึกภาพ  พันเอกศรัณย์จุมพิตพระโอษฐ์  องค์หญิงตามคำขอร้องอีกครั้ง สีพระพักตร์ขององค์หญิงรายาแดงกล่ำ  เมื่อทั้งสองสบตากัน สายตาที่ทั้งสอง บอกความในใจต่อกัน นักข่าวจับภาพการสบตากันนั้น ไว้เพื่อพาดหัวข่าว
         บาทหลวงกล่าวขึ้นอีกครั้ง  " ในนามพระผู้เป็นเจ้าขอประกาศให้  ท่านทั้งสองเป็น สามี ภรรยากัน ณ.บัดนี้  "  บาทหลวงกล่าวจบ ผู้พันศรัณย์โอบพระวรกาย ขององค์หญิงเข้ามากอดไว้ในวงแขน  แล้วจุมพิตพระองค์อีกครั้งแล้วกระซิบที่ข้างแก้ม 
         ทั้งคู่คล้องแขนกันและดำเนินช้าๆกลับออกมา  องค์หญิงรายาทรงถือช่อดอกไม้ช่อสวยไว้ในพระหัตถ์  และเมื่อดำเนินกลับออกมาที่หน้าโบสถ์  กลีบดอกไม้มากมายที่ทุกคนถือไว้ต่างโปรยปรายเข้าใส่คู่บ่าวสาว ทำให้บรรยากาศสดชื่นงดงามโรแมนติค  บรรดาหญิงสาวที่มาร่วมงานพระราชพิธี ต่างยืนออกันอยู่หน้าโบสถ์  องค์หญิงทรงโยนช่อดอกไม้ในพระหัตถ์ออกไปในกลุ่มหญิงสาวที่ยืนรออยู่  องค์หญิงเตรานีทรงรับช่อดอกไม้นั้นไว้ได้  
           เจ้าหญิงองค์น้องทรงดีพระทัย  ดำเนินเข้ามาทรงสวมกอดพระเชษฐภคินี  แล้วรับสั่งกับผู้พันศรัณย์ พระเชษฎภรรดา
          " เต....ฝากดูแลพี่หญิงด้วยนะเพคะเจ้าพี่ ศรัณย์ " 
          " ด้วยชีวิตของเกล้าหม่อมฉัน พระเจ้าค่ะ "  เขาตอบเจ้าหญิงองค์น้องเพียงสั้นๆค้อมศีรษะถวาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×