คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : พระคู่หมั้น(รีไรท์)
ตอนที่ 8 พระคู่หมั้น
เวลาบ่ายองค์หญิงรายาทรงตื่นบรรทม และทรงเสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จเจ้า นาดิฟในตอนเย็น ทรงให้ข้าหลวงจัดฉลองพระองค์เครื่องแบบให้ทรง ซึ่งทรงฉลองแต่เพียงเสื้อยืดและสนับเพลาเท่านั้น พระอังสายังคงใช้ผ้าพันแผลพันเอาไว้เมื่อสมเด็จเจ้า นาดิฟ ทรงทอดพระเนตรเห็นก็ทรงตรัสรับสั่งดุ
“ ทำไมถึงดื้อนักนะลูกหญิง ไม่น่าจะรีบกลับมาจากโรงพยาบาลเลย อยู่ใกล้ๆหมออีกสักสองสามวันดีกว่านะลูก ” และทรงตรัสรับสั่งว่า ได้ทรงดุพระชายา ที่พระทัยอ่อนรับพระองค์กลับมา และรับสั่งตรัสว่าทรงตั้งพระทัยว่าเย็นนี้จะเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมด้วยองค์เอง ทรงเป็นห่วงจนบรรทมไม่หลับ องค์หญิงรายาทรงเข้าไปโอบพระราชบิดาไว้ด้วยพระกรข้างขวา ซบพระพักตร์ลงกับพระอุระ
“ ลูกหายแล้วเพคะ เจ็บนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมากหรอกเพคะ อย่าทรงเป็นกังวลเลยนะเพคะ ลูกเป็นห่วงเสด็จพ่อมากกว่า “
“ หญิงรายา... พ่อขอร้องหลายครั้งแล้ว ไม่ให้ออกไปรบกับเขา ก็ไม่เคยเชื่อพ่อเลย ถ้าลูกเป็นอะไรไป ใครจะดูแลบ้านเมือง “ สมเด็จเจ้านาดิฟ ตรัสรับสั่งแล้วทอดพระเนตร มององค์หญิงด้วยสายพระเนตรตำหนิ แต่ก็ทรงโอบกอดพระราชธิดาไว้ ทรงลูบพระเกศาขององค์หญิงเบาๆ
“ เพคะ.......หญิงจะลดความเสี่ยงลงเพคะ เสด็จพ่อไม่ต้องทรงห่วงหญิงนะเพคะ หญิงหายแล้ว หญิงมาพักที่ตำหนักก็สะดวกดี มีพยาบาลคอยดูแล ถ้าขืนให้หญิงทมอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หญิงคงอึดอัดใจแย่เพคะ หญิงเป็นห่วงเด็จพ่อ ไม่ได้เข้าเฝ้าหลายวันแล้วด้วย หม่อมรับสั่งกับหญิงว่า เด็จพ่อทรงมีพระอาการดีขึ้น หญิงก็ยิ่งอยากมาเห็นด้วยตัวเอง หญิงรู้สึกว่าเด็จพ่อ ทรงพระสำราญขึ้นกว่าวันก่อนๆ นะเพคะ หญิงดีใจเพคะ “ องค์หญิงรายาทรงรับสั่งกราบบังคมทูล เงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร พระพักตร์ของพระราชบิดา ทรงแย้มสรวลน้อยๆอย่างทรงประจบ
" หญิง...เมื่อวานนี้ ผู้พันศรัณย์ไปรับหญิงกลับมาด้วยใช่มั้ย ? " เจ้านาดิฟ ทรงมีพระกระแสรับสั่งถามแล้วทอดพระเนตรมองพระพักตร์พระราชธิดา
" เอ่อ...เพคะ "
" ผู้พันบอกลูกหรือเปล่าว่า พ่อกับเขาคุยกันแล้ว ? "
" เปล่าเพคะ....ไม่เห็นบอกว่ามาเข้าเฝ้า เด็จพ่อเลยเพคะ มากราบทูลอะไรหรือเพคะ " ?
" หญิงรายา.....พ่อเชื่อว่าหญิงรู้ดี ว่าพ่อกับเขาคุยกันเรื่องอะไรใช่มั้ยลูก พระเป็นเจ้าทรงลิขิตแล้ว ลูกก็รู้ดีว่าเราไม่อาจจะละเลย หรือหลีกเลี่ยงได้ เพราะเราเป็นผู้รักษากฎ " สมเด็จ เจ้านาดิฟ มีพระราชกระแสรับสั่ง ทรงใช้พระหัตถ์ลูบเส้นพระเกศาของพระราชธิดาเบาๆ
" อืม....เพคะ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เกี่ยวกับเรื่องนี้กับหญิงเลย หญิงก็เลยคิดว่า เขาคงยังไม่ทราบเรื่องนี้เพคะ เอ่อ... แล้วเมื่อเขาทราบแล้ว เขากราบบังคมทูลว่ายังไงเพคะ ? " องค์หญิงกราบบังคมทูลถามเบาๆ ก้มพักตร์ลงน้อยๆ
" เขาตกใจมาก และบอกพ่อว่า เขาไม่ทราบว่าเป็นกฎหมายของเรา และเขาก็เสียใจและบอกว่า เขาไม่คู่ควรกับหญิง แต่ถ้าเป็นกฎหมายของที่นี่ และเขาทำผิดกฎหมายของเรา เขาก็ยอมรับในสิ่งที่เขาทำผิด เขาให้หญิงเป็นผู้ตัดสินใจถ้าหญิงทำใจยอมรับเขาได้ เขาก็ยินดีที่จะแต่งงานกับหญิง เพื่อให้หญิงได้มีโอกาส ได้ปกครองบ้านเมืองต่อไป คำพูดของเขาหลายอย่าง ที่ทำให้พ่อรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีนะ พ่อประทับใจในความเป็นลูกผู้ชายของเขามาก แล้วหญิงล่ะ....คิดยังไง จะตัดสินใจยังไงล่ะลูก " สมเด็จเจ้านาดิฟทรงมีพระราชดำรัสถาม
องค์หญิงรายาทรงนิ่งอึ้ง แล้วเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร มองพระพักตร์ของสมเด็จ นาดิฟ และรับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่เครือสะท้าน
“ เด็จพ่อเพคะ หญิงคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา ที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล แต่หญิงคิดไม่ออกว่าหญิงจะทำยังไงดี ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ ขึ้นกับหญิงด้วย เราเหมือนกับบังคับให้เขา ต้องมาแต่งงานกับเรา ทั้งที่เราก็ไม่ทราบว่าเขาคิดยังไง หญิงรู้สึกละอายเหลือเกินเพคะ หญิงกับเขาเพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ถ้าจะต้องมาแต่งงานกัน มันก็รวดเร็วมาก จนหญิงคิดไม่ทัน คิดไม่ออก เรื่องนี้เราเหมือนจะไปบีบบังคับเขาเกินไป ถ้าเขามีคนที่เขารักอยู่ล่ะเพคะ เราก็เหมือนกับเอากฎหมายของเรา ไปบังคับเขานะเพคะ “ องค์หญิงรับสั่งด้วยพระพักตร์หม่นหมอง น้ำพระเนตรคลอคลอง
" หญิง........มันเป็นสิ่งที่เรา หลีกเลี่ยงไม่ได้นะลูก และพ่อก็ถามเขาแล้วว่า เขามีคนรักอยู่หรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่มีนี่ลูก พ่อก็อึดอัดใจ แต่เราเป็นผู้รักษากฎ จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้ เหล่าทหารข้าราชบริพาร ก็รู้ก็เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าเราละเลยกฎหมายเสียเอง แล้วจะปกครองใครได้ล่ะลูก เราจึงจำเป็นนะ พ่อเข้าใจความรู้สึกของลูกดีนะหญิง และพ่อก็เห็นใจหญิงมาก พ่อก็ไม่เคยคิดว่า จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับลูกของพ่อเลย " ตรัสพลางทอดพระเนตร มองพระพักตร์พระราชธิดา ด้วยสายพระเนตรที่ทรงหม่นหมอง
" หญิงทราบเพคะเสด็จพ่อ ว่าหญิงคงไม่มีทางเลือกอื่น และเราก็ไม่ให้ทางเลือกกับเขาด้วยเพคะ เราเห็นแก่ตัวหรือเปล่าเพคะ ที่เราเหมือนบังคับเขาแบบนี้ เขามาช่วยเรา แต่ก็มาถูกลงโทษในสิ่งที่เขาไม่ทราบว่าผิด หญิงไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้กับเขาหรอกเพคะ หญิงไม่ทราบว่า จะเริ่มต้นพูดกับเขายังไง หญิงอยากให้เขาเป็นคนตัดสินใจมากกว่าเพคะ " ทรงรับสั่งด้วยพระพักตร์ เศร้าสร้อยเป็นกังวล
สมเด็จเจ้า นาดิฟ ทรงถอนพระหฤทัยแล้วตรัสรับสั่งว่า “ เขาบอกกับพ่อว่า เขายินดีที่จะแต่งงานกับหญิง แต่ให้หญิงทำใจให้ยอมรับเขาได้ก่อน เขาคงหมายความว่า ถ้าหญิงเต็มใจเขาก็เต็มใจ คงจะอย่างนั้นน่ะ พ่อถึงได้ประกาศแถลงการณ์ให้เขา เป็นพระคู่หมั้นของหญิง เพื่อกันคนอื่นจะครหา ว่าเราทำผิดแล้วนิ่งเฉย ”
องค์หญิงรายาก้มพระพักตร์ลงน้อยๆ อัสสุชลเอ่อขึ้นคลอคลองพระเนตร “ เสด็จพ่อเพคะ....หญิงไม่เคยคิดว่าหญิงจะต้องอาญาบ้านเมือง ด้วยกฎหมายข้อนี้เลยเพคะ หญิงจะปรับตัวปรับใจ กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน แล้วต้องมาแต่งงานกัน มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หญิงจะทำยังไงเพคะ “
สมเด็จเจ้าหลวง นาดิฟมองพระพักตร์ของพระราชธิดา ด้วยสายพระเนตรที่ทรงเห็นพระหทัย ในพระราชธิดาอย่างเหลือเกิน ทรงถอนพระหฤทัยอย่างหนักหน่วง และทรงตัดสินพระหทัย ที่จะมีพระกระแสกับพระราชธิดา
" หญิง.....หญิงเป็นขัตติยนารีนะลูก อะไรที่จะเกิดขึ้นกับเรา เราก็คงต้องยอมรับ ด้วยความอดทนอดกลั้น เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี ของข้าราชบริพารที่รู้เรื่องนี้นะลูก หรือมีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ลูกออกจากเมืองนี้ไป แล้วอภิเษกกับเจ้าอิงภู แล้วกลับมาที่นี่ ในฐานะชายาของเจ้าผู้ครองนคร แคว้นไพลินยา และจัดการรวมแคว้นไพลินยา กับเรา เป็นเมืองเดียวกัน และปกครองบ้านเมืองร่วมกัน เป็นทางออกทางเดียวเท่านั้น ที่พ่อพอจะมองเห็นว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุดของหญิง " องค์เจ้าหลวงทรงมีพระราชดำริ
" ไม่เพคะ....หญิงจะไม่เลี่ยงกฎหมาย ของบ้านเมืองเพื่อตนเองหรอกเพคะ เหล่าทหารและข้าราชบริพารจะมองว่าหญิงไม่มีจริยธรรม ในการที่เป็นถึงองค์รัชทายาท และเป็นผู้ที่ต้องดำรงรักษากฎ แต่แล้วก็เลี่ยงกฎนั้นเสียเอง มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้หญิงละอาย เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นเพคะ แล้วสักวันเจ้าพี่ภู ก็อาจจะดูหมิ่นน้ำใจหญิงได้ด้วยเพคะ "
" พ่อภูมิใจในตัวลูกมากนะหญิงรายา ที่ลูกมีความคิดและมีเลือดขัตติยาเต็มตัว สมแล้วที่ลูกจะเป็นผู้ครองสวาติติสืบต่อไป " องค์เจ้าหลวงนาดิฟ ตรัสรับสั่งชื่นชม พร้อมกับทรงลูบพระเกศาของพระราชธิดาเบาๆ สีพระพักตร์ทรงพระสำราญขึ้น
องค์หญิงรายาเสด็จดำเนินกลับ พร้อมกับพยาบาล และพระพี่เลี้ยง อีกทั้งข้าหลวงที่โดยเสด็จ พร้อมด้วยหมวดราเมน และทหารองครักษ์ถวายความอารักขา ทรงมีรับสั่งกับข้าหลวงปารอง ให้นำนางพยาบาล พระพี่เลี้ยงนางข้าหลวงที่โดยเสด็จกลับไปรอที่พระตำหนัก และพระองค์ท่านจะขึ้นไปที่ตึกบัญชาการ พระพี่เลี้ยงปารองทูลแย้งให้กลับไปทรงพักผ่อน ก็ทรงรับสั่งตัดบทว่า จะรีบกลับแล้วพระดำเนินขึ้นตึกบัญชาการ พระพี่เลี้ยง ข้าหลวงและพยาบาลจำต้องกลับไปที่พระตำหนัก
เมื่อนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ก็รื้อเอกสารบนโต๊ะ ขึ้นมาตรวจงานทันที " หมวดราเมน.... หมวดราชัยนำเอกสารอะไรมาส่งที่เราต้องตรวจมั้ย ? "
" ไม่มีงานอะไรเลยครับผม งานของท่านผู้การบางเรื่อง ผู้พัน ศรัณย์ก็จัดการทุกอย่าง เรียบร้อยแล้วครับผม จะมีเรื่องบัญชีของหมวดราชัยเท่านั้น ที่ยังไม่ได้ส่งมาจากกองบัญชีกลางครับผม ตอนเช้าท่านผู้พันก็ลงไปฝึก ทหารแทนผู้การด้วยครับผม “
เธอฟังรายงานแล้วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ย “ หมวด.....อืม.....ผู้พันศรัณย์อยู่ที่ไหนหรือ “
“ ท่านนำกำลังสมทบ ไปร่วมกับหน่วยลาดตะเวนที่เก้า ที่ขอกำลังสนับสนุนมาครับ เนื่องจากมีการปะทะกับทหารป่า และกำลังไม่พอที่ตำบลป่าเห่วครับผม " หมวดราเมนรายงาน
" อะไรนะหมวด มีการปะทะกัน แล้วทำไมไม่มีใครรายงานฉันเลย " ผู้การสาวทำสีหน้าเครียดขึ้ง กับหมวดราเมน
" ผู้พันไม่ให้รายงานครับผม ท่านเกรงว่าผู้การจะเป็นกังวล เพราะเห็นว่าผู้การยังมีอาการบาดเจ็บ และคงต้องพักผ่อนมากๆครับผม " หมวดราเมนยืนตรงกล่าวรายงาน
สีหน้าของผู้การสาวเคร่งเครียดขึ้นทันที และสั่งให้เขาเรียกพลวิทยุมาหา หมวดราเมน รีบเดินไปเรียกพลวิทยุเข้ามาทันที พลวิทยุเดินเข้ามาชิดเท้า ทำความเคารพ และรีบรายงานสถานการณ์ ที่ตำบลป่าเห่วทันที
“ สถานการณ์ตอนห้าโมงเย็น ได้รับวิทยุรายงานว่าตึงเครียดมากครับ กำลังของผู้พันที่เดินทางไปสบทบกับหน่วยลาดตะเวนที่เก้า ไล่ล่าทหารของนายพล ราเปรียงไปจนถึงชายแดน แต่ถูกทหารป่าอีกจำนวนหนึ่ง เข้าโอบล้อม ทหารป่ามีกำลังมากกว่า ทางเราเลยเรียกกำลังหน่วยที่แปด เข้าไปสนับสนุนอีกหน่วยหนึ่งครับ ตอนนี้ยังไม่มีรายงานครับผม “ พลวิทยุรายงาน
ผู้การสาวสั่งการทันที “ พยายามติดต่อทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้รายงานสถานการณ์กลับมา โดยด่วนฉันจะรอ “
" ครับผม " พลวิทยุรับคำแล้วทำความเคารพ รีบเดินออกไปจากห้องนั้นทันที
ผู้การสาวหันกลับมากล่าว เหมือนจะต่อว่ากับหมวดราเมน “ ทำไมหมวดไม่รายงานให้ฉันทราบ ฉันยังไม่ตายสักหน่อย “ หมวดราเมน ซึ่งยืนค้อมตัวลงจนตัวลีบ เมื่อโดนดุและรีบตอบเบาๆ
“ ผู้พันท่านสั่งแล้วสั่งอีกครับผม และห้ามเด็ดขาดไม่ให้ผมบอกกับผู้การ ท่านอยากให้ผู้การพักผ่อนมากๆท่านเป็นห่วงผู้การมากครับผม สั่งให้ผมคอยอารักขาผู้การ และพยายามอย่าให้ผู้การรู้เรื่องนี้ โดยเด็ดขาดครับผม “ หมวดราเมนกล่าวอธิบาย
" ยุ่งจริง ฉันไม่ได้อยู่ในขั้นโคม่านะ จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรน่ะ " ผู้การสาวบ่นพึมพำ
สักครู่ใหญ่ต่อมา พลทหารวิทยุ เดินเข้ามาชิดเท้าแล้วกล่าวรายงาน “ ผู้การครับ....ตอนนี้กองกำลังของเราเป็นฝ่ายได้ชัยชนะครับผม กำลังจะเดินทางกลับครับผม มีทหารบาดเจ็บสี่นาย ตายหนึ่งนายครับผม “
" ใครบาดเจ็บบ้าง แล้วตอนนี้ใกล้จะถึงหรือยัง ? "
" เป็นทหารชั้นประทวนทั้งนั้นเลยครับที่บาดเจ็บ และตายหนึ่งด้วยครับผม อีกประมาณสองชั่วโมงกว่าคงถึงครับผม " พลวิทยุรายงานอย่างละเอียด ผู้การรับคำแล้วอนุญาตให้ออกไป
หมวดราชัยเคาะประตูห้องทำงาน ของเธอสองสามครั้ง เสียงเธออนุญาตเขาจึงเดินเข้าไป หมวดราเมนซึ่งอยู่ในห้องทำงานด้วยกับเธอ หันมามองหน้าผู้บัญชาการนิดหนึ่ง หมวดราชัยเอ่ยขึ้น
“ หมวดราเมน....ออกไปคอยข้างนอกสักครู่นะ ผมมีเรื่องจะคุยกับผู้การเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ “
หมวดราเมนมองหน้าผู้การสาวอีกครั้ง ผู้การเอ่ยขึ้น “ มีอะไรก็พูดมาเถอะราชัย ไม่มีความลับอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ “
“ ผมมีเรื่องที่จะพูดกับคุณนะรายา สำคัญมากด้วย และก็อยากจะพูดกับคุณเพียงเฉพาะเท่านั้น “
“ อืม....ก็ได้....หมวดราเมนคอยฉัน อยู่ที่หน้าห้องก็แล้วกันนะ “ ซึ่งทำให้หมวดราเมนจำต้องออกมา นั่งคอยที่หน้าห้อง เขาไม่ปิดประตูให้สนิทและแย้มไว้น้อยๆ
หมวดราเมนได้ยินเสียง ของผู้การสาวเอ่ยขึ้น “ มีอะไรกับหญิงก็พูดมา เราจะคุยกันเหมือนเพื่อนอีกสักครั้งนะราชัย และขอให้เป็นครั้งสุดท้ายด้วย ที่เราจะพูดกันเรื่องส่วนตัวที่นี่ “
“ เมื่อกลางวันผมไปเยี่ยมคุณ ที่โรงพยาบาล หมอเลนินบอกว่าคุณดื้อ ที่จะกลับและจำต้องอนุญาต คุณหายดีแล้วเหรอ ที่ออกมาทำงานอย่างนี้ เห็นหมอบอกว่าคุณยังไม่ค่อยดีนัก เมื่อเย็นผมไปขอเยี่ยมคุณ ที่พระตำหนักแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต ให้เข้าไปที่ตำหนัก ทหารมาบอกว่าคุณไม่อยู่ ปารองกีดกันผมใช่มั้ย “
“ หญิงไม่อยู่จริงๆ อย่าไปโทษปารองเลย หญิงไปเข้าเฝ้าเสด็จ และก็เพิ่งจะกลับมาและขึ้นมาดูงานที่นี่ “
“ รายา....ผมเป็นห่วงคุณมากนะ เห็นคุณบาดเจ็บอย่างนี้ ผมไม่สบายใจเลย และยังเรื่องแถลงการณ์หมั้นอีกล่ะ ผมรับไม่ได้นะรายา ผมรักคุณมากนะ ผมอยากให้คุณกลับไปอยู่ที่อังกฤษ และผมจะไปด้วย เราไปแต่งงานกันที่อังกฤษนะรายา เราจะอยู่ด้วยกันที่โน่น ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนสามัญชนคนทั่วไป อย่างที่คุณเคยฝัน อย่างที่คุณเคยบอกผม เราเคยวาดฝันด้วยกันแบบนั้น ไม่ใช่เหรอ คุณฝันว่าต้องการเป็นแค่สามัญชน และตอนนี้มันก็กำลังเป็นความจริงแล้วไงล่ะ “ หมวดราชัยเปิดใจกล่าวออกมา ด้วยสีหน้าที่วิงวอน
“ ราชัย.....จะให้หญิงทิ้งบ้านเมืองไป ในยามที่กำลังเกิดวิกฤติ ขึ้นอย่างนี้น่ะเหรอ ให้หญิงทำตามความฝัน โดยที่ไม่ห่วงบ้านเมือง และคิดถึงแต่ตัวเอง นั่นมันเป็นฝันเป็นความคิด ในเมื่อครั้งที่เรายังเด็กนะ แต่ตอนนี้ความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและราษฎร มันมากมายเกินกว่า ที่หญิงจะเห็นแก่ตัวได้อีก ความฝันมันยุติไปนานแล้วค่ะราชัย และคุณเองก็เหมือนกัน ที่จะต้องอยู่กับความจริง ตอนนี้....คุณมีคนของคุณ ที่จะต้องรับผิดชอบนะคะ และหญิงเองก็อยู่ในฐานะที่ต้องแบกภาระ ทั้งหมดของบ้านเมือง ทุกวันนี้หญิงไม่ได้คิดถึงตัวเองอีกเลย “
“ รายา.....คุณพูดอย่างนี้หมายความว่า คุณยินดีที่จะอภิเษกกับผู้พันศรัณย์เหรอ “
“ หญิงยินดีที่จะทำตามกฎค่ะราชัย เพราะหญิงเป็นเลือดขัตติยา สิ่งใดที่ผิดก็ต้องยอมรับโทษทัณฑ์ เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างของประชาชน และข้าราชบริพารสืบต่อไป “
“ คุณชอบนายทหารคนนั้นใช่มั้ย “
“ ราชัย....เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับความรู้สึก ของหญิงหรอกนะคะ แต่มันเป็นสิ่งที่หญิง หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น “
“ รายาคุณก็รู้มาตลอดเวลา ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ให้ผมตายแทนคุณก็ยังได้ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ คุณจะไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลยก็ตาม แต่ผมก็ยังรัก ยังภักดีต่อคุณ เหมือนเมื่อที่เราอยู่ที่อังกฤษด้วยกัน ผมไม่เคยลืมช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น สักวันเดียว “
“ ลืมมันไปเถอะค่ะ วันวานมันผ่านพ้นไปแล้ว และก็ไม่มีวันย้อนกลับมาอีก เราต่างคนต่างก็มีภาระหน้าที่ กันไปคนละอย่าง เรามาทำเพื่อชาติบ้านเมือง ของเราเถอะค่ะ และอย่าพูดเรื่องความหลังอีก ให้มันเป็นแค่ความทรงจำดีๆก็พอ “ เสียงของเธอแผ่วเศร้าลง
เขามองหน้าเธออย่างรู้สึกร้าวราน เสียงที่เปล่งออกมาเครือสะท้าน ด้วยแรงแห่งอารมณ์ “ รายาผมลืมไม่ได้หรอก รักครั้งแรกของผมคือคุณ และผมก็เป็นรักครั้งแรก ของคุณไม่ใช่เหรอรายา “
“ กรุณากลับไปเสียเถอะราชัย กลับไป...และอย่าพูดเรื่องนี้อีก ฉันลืมมันไปแล้ว กลับไปเถอะราชัย..... ขอให้วันนี้ครั้งนี้ จงเป็นครั้งสุดท้ายของเรา เถอะนะคะที่จะพูดถึงมันอีก กรุณากลับไปเถอะค่ะ หญิงอยากอยู่คนเดียว “ เสียงของเธอสั่นเครือไม่แพ้เขา และไม่กล้าที่จะสบตาเขา ด้วยเกรงว่าเขาจะรู้ถึงอารมณ์ ของเธอในขณะนี้
“ รายา....คุณจำไว้นะว่าผมรักคุณมาก และจะทำทุกอย่าง ที่จะได้คุณมาเป็นของผม ผมทนเห็นคุณเป็นของใครไม่ได้หรอก “
เธอกดกริ่งเรียกหมวดราเมน ที่ก็ถลันเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง “ หมวดส่งหมวดราชัยด้วย “ เธอออกคำสั่ง ทำให้หมวดราเมน ต้องมองหน้าหมวดราชัย เหมือนจะขอร้องอยู่ในที สายตาที่หมวดราชัยมองหน้าเธอนั้น แสดงออกถึงความรักความอาลัยอาวรณ์ ตัดพ้อต่อว่า แต่เขาก็จำต้องหันหลัง เดินกลับออกมา
นายพลสาวยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เปิดเอกสารบนโต๊ะทำงานดู เธอใช้มือขวาจับแผลที่ไหล่ซ้ายเบาๆ อย่างรู้สึกเจ็บขึ้นมาอีก นิ่วหน้าน้อยๆ มองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาว่า เพิ่งหนึ่งทุ่มเศษเท่านั้น เธอยังคงนั่งเขียนเอกสารบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงาน จนรู้สึกตัวว่าปวดศีรษะ และหลับตาลงอย่างต้องการ ที่จะข่มความเจ็บปวดนั้น เธอควานหายาในลิ้นชักโต๊ะทำงาน และนึกได้ว่ายาอยู่ที่ตำหนัก แต่ก็ฝืนอ่านเอกสารในแฟ้มบนโต๊ะ แต่สมองของเธอกลับอึงอลถึงคำพูดของหมวดราชัย ความหลังครั้งก่อน ผ่านเข้ามาในสมองอีกครั้ง
เธอยังจำภาพที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษ ราชัยมาดักรอเธออยู่ที่หลังตึกเรียน “ รายา.....เราต้องออกทางด้านหลังตึกนี่นะ จ่าราเมนรออยู่ที่หน้าตึกน่ะรายา “
“ หญิงกลัวน่ะราชัย เราจะไปไหนกันจ๊ะ “
“ ก็หญิงบอกว่า อยากไปเที่ยวปาร์คไม่ใช่เหรอ ผมก็จะพาหญิงไปเที่ยวไง เราไปเดินเล่นไปดูอะไรๆ ที่แปลกๆใหม่กันดีกว่านะ ที่นั่นน่าเที่ยว มีผู้คนมาเดินเที่ยว มานั่งเล่นพักผ่อนกันเยอะแยะน่าสนุก ที่นั่นมีไอศกรีมขายด้วยนะ “
“ หญิงอยากไปจ๊ะ แต่หญิงกลัวปารองกับจ่าราเมนน่ะ เดี๋ยวสองคนก็จะตามหาหญิงน่ะสิ ถ้าหญิงหายตัวไปอย่างนี้น่ะ “ เธอแย้งด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ ไปเถอะหญิง จะไปสนใจสองคนนี่ทำไม ความจริงเขาเป็นข้าราชบริพาร ของหญิงเขาต้องฟังคำสั่งหญิงถึงจะถูก “
“ ไม่ได้หรอกจ๊ะราชัย เสด็จพ่อบอกให้หญิงฟัง และเชื่อพระพี่เลี้ยงนะ “
“ งั้นเราไปแค่แป๊บเดียวก็ได้ ก็หญิงอยากไปผมก็อยากพาหญิงไป จะได้ไปเห็นอะไรที่เพลิดเพลินบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่ในพระราชฐานเท่านั้น ผมสงสารหญิงนะ ที่ไม่ได้ออกไปไหนเหมือนกับคนอื่นๆเลย “
“ ไปก็ไปจ๊ะ วันนี้อากาศดีจังเลยนะมีแดดด้วย “ เธอยังจำได้ว่าตัดสินใจ ออกเดินไปกับเขาอย่างนึกสนุก
ทั้งสองเดินเคียงคู่กันในปาร์ค หนุ่มน้อยราชัยหน้าตาหล่อเหลา เขามีเรือนร่างสูงขาวใบหน้าคมสัน รอยยิ้มของเขาสดใสเสมอ เขาชี้ชวนให้เธอชมดอกไม้ และนกที่บินโฉบลงมาในทะเลสาบ เขาซื้อไอศกรีมโคนมาถวายแล้วเย้า “ แด่องค์หญิงผู้เลอโฉมของราชัย ราชัยจะเป็นราชองครักษ์ รับใช้ฝ่าบาทไปตลอดชีวิต “ เขาคุกเข่าและส่งไอศกรีมถวาย
เธอจำได้ว่าเธอหัวเราะขำ ท่าทางของเขา และรับไอศกรีมจากเขา และยังถามเขาว่า “ เจ้าจะรับใช้เราไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จริงเหรอ “
“ จริงพะยะค่ะ หม่อมฉันถวายชีวิต ถวายหัวใจไว้ใต้เบื้องพระยุคลบาท หม่อมฉันเพียงรอคำตอบ จากพระองค์พะยะค่ะ “
“ รอคำตอบอะไรเหรอ “ เธอย้อนถามและทำสีหน้าฉงน
“ รอว่าเมื่อไหร่ฝ่าบาท จะรับสั่งคำว่ารัก กับหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ “
เธอจำได้ว่าเธอนิ่งเงียบลงทันที เขายังคงยืนยิ้ม ส่งสายตาอ้อนวอน “ ราชัย.....ด้วยราชประเพณี เราสองคนไม่อาจจะรักกันได้หรอกนะ ฉันมีคู่หมายอยู่แล้วเธอก็รู้นี่ ฉันไม่อาจจะขัดพระหทัย เสด็จพ่อได้หรอก เราจะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น “
สายตาของราชัยสลดวูบลงทันที “ องค์หญิงอย่ารับสั่งอย่างนั้น อย่าทรงทำร้ายหัวใจของหม่อมฉันเลย “
“ ราชัย....ถึงเธอจะถามฉันสักกี่หน ฉันก็ต้องบอกเธอแบบนี้จ๊ะ เรากลับกันเถอะนะ “ เธอจำได้ว่าเธอเองนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ได้พูดตัดรอนเขาเช่นกัน และเถียงตัวเองอยู่ในใจว่า ความรู้สึกของตัวเองขณะนี้ ไม่ใช่ความรู้สึกของคำว่ารัก เธอยังจำได้ว่า เธอเห็นแววตาของเขา ที่รื้นขึ้นและแดงกล่ำเหมือนจะสะเทือนใจ และพาเธอเดินกลับมาเงียบๆโดยไม่กล่าวอะไรอีก
สี่ทุ่มเศษที่กองกำลังกลับมาถึงพระนคร เมื่อนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ผู้พัน ศรัณย์กลับมาที่ตึกกองบัญชาการ เขาเห็นหมวดราเมน ยังคงนั่งอยู่หน้าห้องผู้บัญชาการ เขาจึงเอ่ยทัก
" อ้าว...หมวด.....มาเข้าเวรอยู่หน้าห้องหรือไง ทำไมไม่ไปพักผ่อนบ้าง ผู้การก็ไม่อยู่ให้ทหารเวรเฝ้าก็ได้นี่ " เขาถามยิ้มๆ
หมวดราเมนชิดเท้าทำความเคารพ รีบรายงานกับเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ ที่ไหนได้ล่ะครับผู้พัน ท่านอยู่ครับท่านทำงานอยู่ในห้องครับผม และก็โกธรผมด้วยที่ไม่รายงาน เรื่องการปะทะกันให้ท่านทราบ ผมก็เลยไม่กล้าเข้าไปครับผม “
เขาทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง ” ผู้การน่ะหรือมาทำงาน “
หมวดราเมนรีบพยักหน้า “ ใช่.....ครับผม “
เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากันน้อยๆ เอ่ยขึ้นเหมือนจะปรารภ “ มาทำอะไร.....ยังไม่หายป่วยเลยดื้อจัง ตะกี้นี้ผมเจอหมอที่โรงพยาบาล หมอยังบอกกับผมว่า มาเยี่ยมไข้เมื่อตอนเย็นก็ไม่เจอ ไปเข้าเฝ้าเสด็จ หมอยังกำชับให้ดูแลท่านให้ดี เพราะท่านเสียเลือดมาก และต้องให้ท่านพักผ่อนมากๆด้วย ” ผู้พันกล่าวกับหมวดราเมน พลางถอนหายใจ ส่ายหน้าน้อยๆ
ผู้พันศรัณย์เคาะประตูห้องทำงาน สองสามครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบ เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไปทันที เขาเห็นผู้การสาวฟุบอยู่กับโต๊ะ ผู้พันศรัณย์รีบเดินตรงไปที่เธอทันที " รายา.....รายาครับ " เขาเรียกผู้การสาว ซึ่งยังคงนิ่งเงียบจนผู้พันศรัณย์ใจหาย เขาตัดสินใจเขย่าตัวเธอเบาๆ และรู้ทันทีว่าผู้การสาวมีอาการไข้ขึ้นสูง ด้วยตัวของเธอร้อนจัดมาก เขารีบตะโกนเรียก " ผู้หมวด ผู้หมวด " และกดกริ่งบนโต๊ะทำงานด้วย หมวดราเมนรีบวิ่งเข้ามาทันที “ ผู้หมวด...ผู้การของคุณไข้ขึ้นสูงมากเหลือเกิน ตัวร้อนจัดมาก และดูเหมือนจะหมดสติลงแล้วด้วย ผมจะอุ้มท่านไปที่พระตำหนัก ช่วยพาผมไปที แล้วสั่งให้ใครไปรับหมอมาด่วนด้วย " ผู้พันศรัณย์ออกคำสั่งทันที
หมวดราเมน รีบเดินออกไปเรียกพลทหาร ให้ขับรถไปรับหมอมาที่ตำหนักหน้า แล้วรีบเข้ามานำผู้พัน ซึ่งอุ้มผู้การสาวไว้ในวงแขนพาไปที่รถ หมวดราเมนขับอ้อมตึก บัญชาการเพียงแค่อึดใจเดียว ก็ถึงหน้าประตูทางเข้าพระตำหนัก ทหารองครักษ์รีบเปิดประตูให้ทันที ที่เห็นผู้การพับอยู่กับไหล่ของผู้พัน ศรัณย์ เมื่อถึงพระตำหนัก เขารีบอุ้มเธอลงจากรถเข้าไปในพระตำหนัก เขาเรียกพยาบาลและข้าหลวง วางเธอลงบนเก้าอี้นอน ตัวยาวหนานุ่มภายในห้องพระสำราญ แล้วหันมาถามพระพี่เลี้ยงปารอง
" พระพี่เลี้ยงปารอง องค์หญิงเสวยเย็นหรือยัง ? "
" ยังเพคะ.....ท่านไม่ทรงเสด็จลงมาจากตึก หม่อมฉันก็ไม่กล้าขึ้นไปตามเพคะ กลัวจะทรงกริ้วก็ยังบ่นกับคุณพยาบาลว่าจะทำยังไงกันดีเพคะ " พระพี่เลี้ยงทูลตอบ
พยาบาลสาวทั้งสองคนรีบใช้ ผ้าชุบน้ำมาเช็ดพระพักต ร์และพระวรกายถวายให้ทันที ผู้พันเดินออกมาคอยหมอที่หน้าพระตำหนักอย่างร้อนใจ สักครู่ใหญ่ทหารพาหมอ มาถึงหน้าพระตำหนัก เขาปราดเข้าไปหาหมอทันที
“ หมอครับรีบหน่อยครับ ฝ่าบาททรงประชวรไข้ขึ้นสูงมาก ทรงฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในกองบัญชาการไม่รู้สึกองค์เลย นี่ถ้าคืนนี้ผมไม่กลับมา คงไม่มีใครเข้าไปดูแน่ ทรงกริ้วหมวดราเมนที่ไม่ทูลบอกเรื่องมีการปะทะ หมวดเลยไม่กล้าเข้าไป ก็เลยทรงประทับอยู่เพียงลำพัง “ ผู้พันบ่นพร้อมทั้งเดินเคียงคู่ ไปกับหมอขึ้นไปบนตำหนัก
" พระองค์หญิงทรงดื้อมาก และก็ไม่มีใครไปสั่งท่านได้ด้วย ถ้าอภิเษกกับผู้พันแล้ว ก็คงจะมีคนคอยปรามท่านได้บ้างนะครับ " หมอกล่าวกับเขายิ้มๆ
" หมอรู้เรื่องนี้ด้วยหรือครับ? " ผู้พันขมวดคิ้วถามอย่างนึกสงสัย
" เขารู้กันหมดทั้งเมืองแล้วมั้งครับผู้พัน ว่าผู้พันในขณะนี้ เป็นพระคู่หมั้นและอย่างเป็นทางการ แล้วด้วย ก็มีประกาศแถลงการณ์ ออกมาจากสำนักพระราชวัง แล้วนี่ครับว่า องค์หญิงกำลังจะทรงอภิเษกสมรสกับพระคู่หมั้นคือ พันเอก ศรัณย์ แห่งกองทัพบกไทย ไม่ใช่รู้กันแค่วงในนะครับ ชาวบ้านก็รู้ แต่รู้ในทำนองว่า ผู้พันกับองค์หญิงทรงเคยพบกันมาก่อน ตั้งแต่องค์หญิงเสด็จไปเมืองไทย เรื่องที่หมู่บ้านจองข่าคืนนั้น รู้กันเพียงแค่วงในเท่านั้น ผู้พันรู้ตัวมั้ยว่า คุณเป็นผู้ชายที่โชคดี ที่สุดในโลกเลยตอนนี้น่ะ " หมอเลนินกล่าว แล้วหันมามองหน้าเขายิ้มๆ
" หมอคิดว่าผมน่ะหรือโชคดี ผมยังไม่รู้ว่าองค์หญิง จะทรงคิดยังไงกับผมเลย และผมเองก็ยังมึนยังสับสน และก็ยังไม่กล้า ที่จะทูลถามเรื่องนี้กับท่านด้วย " เขาตอบหมอด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ความคิดเห็น