ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรางรัก ลวงใจ (ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สมาร์ทบุ๊ค)

    ลำดับตอนที่ #8 : พระคู่หมั้น(รีไรท์)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      5
      10 ก.พ. 52

               ตอนที่ 8 พระคู่หมั้น
              เวลาบ่ายองค์หญิงรายาทรงตื่นบรรทม  และทรงเสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จเจ้า นาดิฟในตอนเย็น ทรงให้ข้าหลวงจัดฉลองพระองค์เครื่องแบบให้ทรง ซึ่งทรงฉลองแต่เพียงเสื้อยืดและสนับเพลาเท่านั้น พระอังสายังคงใช้ผ้าพันแผลพันเอาไว้เมื่อสมเด็จเจ้า นาดิฟ  ทรงทอดพระเนตรเห็นก็ทรงตรัสรับสั่งดุ
             “ ทำไมถึงดื้อนักนะลูกหญิง  ไม่น่าจะรีบกลับมาจากโรงพยาบาลเลย  อยู่ใกล้ๆหมออีกสักสองสามวันดีกว่านะลูก ” และทรงตรัสรับสั่งว่า ได้ทรงดุพระชายา  ที่พระทัยอ่อนรับพระองค์กลับมา  และรับสั่งตรัสว่าทรงตั้งพระทัยว่าเย็นนี้จะเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมด้วยองค์เอง  ทรงเป็นห่วงจนบรรทมไม่หลับ องค์หญิงรายาทรงเข้าไปโอบพระราชบิดาไว้ด้วยพระกรข้างขวา  ซบพระพักตร์ลงกับพระอุระ
    “ ลูกหายแล้วเพคะ เจ็บนิดหน่อยเท่านั้น  ไม่เป็นอะไรมากหรอกเพคะ  อย่าทรงเป็นกังวลเลยนะเพคะ ลูกเป็นห่วงเสด็จพ่อมากกว่า  “
    “ หญิงรายา... พ่อขอร้องหลายครั้งแล้ว  ไม่ให้ออกไปรบกับเขา ก็ไม่เคยเชื่อพ่อเลย ถ้าลูกเป็นอะไรไป  ใครจะดูแลบ้านเมือง  “ สมเด็จเจ้านาดิฟ  ตรัสรับสั่งแล้วทอดพระเนตร  มององค์หญิงด้วยสายพระเนตรตำหนิ  แต่ก็ทรงโอบกอดพระราชธิดาไว้ ทรงลูบพระเกศาขององค์หญิงเบาๆ
           “ เพคะ.......หญิงจะลดความเสี่ยงลงเพคะ  เสด็จพ่อไม่ต้องทรงห่วงหญิงนะเพคะ  หญิงหายแล้ว หญิงมาพักที่ตำหนักก็สะดวกดี  มีพยาบาลคอยดูแล  ถ้าขืนให้หญิงทมอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล  หญิงคงอึดอัดใจแย่เพคะ  หญิงเป็นห่วงเด็จพ่อ ไม่ได้เข้าเฝ้าหลายวันแล้วด้วย  หม่อมรับสั่งกับหญิงว่า  เด็จพ่อทรงมีพระอาการดีขึ้น หญิงก็ยิ่งอยากมาเห็นด้วยตัวเอง  หญิงรู้สึกว่าเด็จพ่อ  ทรงพระสำราญขึ้นกว่าวันก่อนๆ นะเพคะ หญิงดีใจเพคะ “ องค์หญิงรายาทรงรับสั่งกราบบังคมทูล เงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร  พระพักตร์ของพระราชบิดา ทรงแย้มสรวลน้อยๆอย่างทรงประจบ
           "  หญิง...เมื่อวานนี้  ผู้พันศรัณย์ไปรับหญิงกลับมาด้วยใช่มั้ย ?  " เจ้านาดิฟ ทรงมีพระกระแสรับสั่งถามแล้วทอดพระเนตรมองพระพักตร์พระราชธิดา
           "  เอ่อ...เพคะ " 
           "  ผู้พันบอกลูกหรือเปล่าว่า พ่อกับเขาคุยกันแล้ว  ?  " 
           "  เปล่าเพคะ....ไม่เห็นบอกว่ามาเข้าเฝ้า  เด็จพ่อเลยเพคะ มากราบทูลอะไรหรือเพคะ  "  ? 
           "  หญิงรายา.....พ่อเชื่อว่าหญิงรู้ดี  ว่าพ่อกับเขาคุยกันเรื่องอะไรใช่มั้ยลูก พระเป็นเจ้าทรงลิขิตแล้ว  ลูกก็รู้ดีว่าเราไม่อาจจะละเลย  หรือหลีกเลี่ยงได้  เพราะเราเป็นผู้รักษากฎ  " สมเด็จ เจ้านาดิฟ มีพระราชกระแสรับสั่ง ทรงใช้พระหัตถ์ลูบเส้นพระเกศาของพระราชธิดาเบาๆ 
           " อืม....เพคะ  แต่เขาไม่ได้พูดอะไร  เกี่ยวกับเรื่องนี้กับหญิงเลย  หญิงก็เลยคิดว่า  เขาคงยังไม่ทราบเรื่องนี้เพคะ  เอ่อ... แล้วเมื่อเขาทราบแล้ว เขากราบบังคมทูลว่ายังไงเพคะ ?  " องค์หญิงกราบบังคมทูลถามเบาๆ ก้มพักตร์ลงน้อยๆ
           " เขาตกใจมาก  และบอกพ่อว่า เขาไม่ทราบว่าเป็นกฎหมายของเรา และเขาก็เสียใจและบอกว่า เขาไม่คู่ควรกับหญิง  แต่ถ้าเป็นกฎหมายของที่นี่ และเขาทำผิดกฎหมายของเรา  เขาก็ยอมรับในสิ่งที่เขาทำผิด  เขาให้หญิงเป็นผู้ตัดสินใจถ้าหญิงทำใจยอมรับเขาได้  เขาก็ยินดีที่จะแต่งงานกับหญิง  เพื่อให้หญิงได้มีโอกาส  ได้ปกครองบ้านเมืองต่อไป  คำพูดของเขาหลายอย่าง ที่ทำให้พ่อรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีนะ  พ่อประทับใจในความเป็นลูกผู้ชายของเขามาก  แล้วหญิงล่ะ....คิดยังไง จะตัดสินใจยังไงล่ะลูก  "  สมเด็จเจ้านาดิฟทรงมีพระราชดำรัสถาม
           องค์หญิงรายาทรงนิ่งอึ้ง  แล้วเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร  มองพระพักตร์ของสมเด็จ นาดิฟ  และรับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่เครือสะท้าน
          “ เด็จพ่อเพคะ  หญิงคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา  ที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล  แต่หญิงคิดไม่ออกว่าหญิงจะทำยังไงดี  ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้  ขึ้นกับหญิงด้วย  เราเหมือนกับบังคับให้เขา  ต้องมาแต่งงานกับเรา  ทั้งที่เราก็ไม่ทราบว่าเขาคิดยังไง หญิงรู้สึกละอายเหลือเกินเพคะ หญิงกับเขาเพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเท่านั้น  ถ้าจะต้องมาแต่งงานกัน  มันก็รวดเร็วมาก จนหญิงคิดไม่ทัน คิดไม่ออก  เรื่องนี้เราเหมือนจะไปบีบบังคับเขาเกินไป  ถ้าเขามีคนที่เขารักอยู่ล่ะเพคะ  เราก็เหมือนกับเอากฎหมายของเรา  ไปบังคับเขานะเพคะ  “  องค์หญิงรับสั่งด้วยพระพักตร์หม่นหมอง น้ำพระเนตรคลอคลอง 
           "  หญิง........มันเป็นสิ่งที่เรา  หลีกเลี่ยงไม่ได้นะลูก  และพ่อก็ถามเขาแล้วว่า เขามีคนรักอยู่หรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่มีนี่ลูก พ่อก็อึดอัดใจ  แต่เราเป็นผู้รักษากฎ จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้  เหล่าทหารข้าราชบริพาร  ก็รู้ก็เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น  ถ้าเราละเลยกฎหมายเสียเอง   แล้วจะปกครองใครได้ล่ะลูก เราจึงจำเป็นนะ  พ่อเข้าใจความรู้สึกของลูกดีนะหญิง  และพ่อก็เห็นใจหญิงมาก พ่อก็ไม่เคยคิดว่า  จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับลูกของพ่อเลย  "  ตรัสพลางทอดพระเนตร  มองพระพักตร์พระราชธิดา  ด้วยสายพระเนตรที่ทรงหม่นหมอง
           "  หญิงทราบเพคะเสด็จพ่อ   ว่าหญิงคงไม่มีทางเลือกอื่น   และเราก็ไม่ให้ทางเลือกกับเขาด้วยเพคะ  เราเห็นแก่ตัวหรือเปล่าเพคะ ที่เราเหมือนบังคับเขาแบบนี้  เขามาช่วยเรา  แต่ก็มาถูกลงโทษในสิ่งที่เขาไม่ทราบว่าผิด  หญิงไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้กับเขาหรอกเพคะ หญิงไม่ทราบว่า  จะเริ่มต้นพูดกับเขายังไง หญิงอยากให้เขาเป็นคนตัดสินใจมากกว่าเพคะ "  ทรงรับสั่งด้วยพระพักตร์  เศร้าสร้อยเป็นกังวล 
    สมเด็จเจ้า นาดิฟ ทรงถอนพระหฤทัยแล้วตรัสรับสั่งว่า  “ เขาบอกกับพ่อว่า  เขายินดีที่จะแต่งงานกับหญิง  แต่ให้หญิงทำใจให้ยอมรับเขาได้ก่อน  เขาคงหมายความว่า  ถ้าหญิงเต็มใจเขาก็เต็มใจ  คงจะอย่างนั้นน่ะ  พ่อถึงได้ประกาศแถลงการณ์ให้เขา  เป็นพระคู่หมั้นของหญิง เพื่อกันคนอื่นจะครหา  ว่าเราทำผิดแล้วนิ่งเฉย  ” 
           องค์หญิงรายาก้มพระพักตร์ลงน้อยๆ  อัสสุชลเอ่อขึ้นคลอคลองพระเนตร  “ เสด็จพ่อเพคะ....หญิงไม่เคยคิดว่าหญิงจะต้องอาญาบ้านเมือง  ด้วยกฎหมายข้อนี้เลยเพคะ  หญิงจะปรับตัวปรับใจ  กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน  แล้วต้องมาแต่งงานกัน มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  หญิงจะทำยังไงเพคะ “
          สมเด็จเจ้าหลวง นาดิฟมองพระพักตร์ของพระราชธิดา ด้วยสายพระเนตรที่ทรงเห็นพระหทัย  ในพระราชธิดาอย่างเหลือเกิน  ทรงถอนพระหฤทัยอย่างหนักหน่วง   และทรงตัดสินพระหทัย  ที่จะมีพระกระแสกับพระราชธิดา
          "  หญิง.....หญิงเป็นขัตติยนารีนะลูก อะไรที่จะเกิดขึ้นกับเรา  เราก็คงต้องยอมรับ  ด้วยความอดทนอดกลั้น  เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี  ของข้าราชบริพารที่รู้เรื่องนี้นะลูก  หรือมีอีกอย่างหนึ่งก็คือ  ลูกออกจากเมืองนี้ไป  แล้วอภิเษกกับเจ้าอิงภู แล้วกลับมาที่นี่  ในฐานะชายาของเจ้าผู้ครองนคร  แคว้นไพลินยา และจัดการรวมแคว้นไพลินยา  กับเรา เป็นเมืองเดียวกัน  และปกครองบ้านเมืองร่วมกัน  เป็นทางออกทางเดียวเท่านั้น  ที่พ่อพอจะมองเห็นว่า  เป็นทางออกที่ดีที่สุดของหญิง " องค์เจ้าหลวงทรงมีพระราชดำริ
          "  ไม่เพคะ....หญิงจะไม่เลี่ยงกฎหมาย  ของบ้านเมืองเพื่อตนเองหรอกเพคะ  เหล่าทหารและข้าราชบริพารจะมองว่าหญิงไม่มีจริยธรรม  ในการที่เป็นถึงองค์รัชทายาท   และเป็นผู้ที่ต้องดำรงรักษากฎ  แต่แล้วก็เลี่ยงกฎนั้นเสียเอง มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้หญิงละอาย  เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นเพคะ  แล้วสักวันเจ้าพี่ภู  ก็อาจจะดูหมิ่นน้ำใจหญิงได้ด้วยเพคะ  " 
          "  พ่อภูมิใจในตัวลูกมากนะหญิงรายา  ที่ลูกมีความคิดและมีเลือดขัตติยาเต็มตัว  สมแล้วที่ลูกจะเป็นผู้ครองสวาติติสืบต่อไป  "  องค์เจ้าหลวงนาดิฟ ตรัสรับสั่งชื่นชม พร้อมกับทรงลูบพระเกศาของพระราชธิดาเบาๆ สีพระพักตร์ทรงพระสำราญขึ้น 
     

           องค์หญิงรายาเสด็จดำเนินกลับ  พร้อมกับพยาบาล และพระพี่เลี้ยง  อีกทั้งข้าหลวงที่โดยเสด็จ  พร้อมด้วยหมวดราเมน และทหารองครักษ์ถวายความอารักขา ทรงมีรับสั่งกับข้าหลวงปารอง  ให้นำนางพยาบาล  พระพี่เลี้ยงนางข้าหลวงที่โดยเสด็จกลับไปรอที่พระตำหนัก  และพระองค์ท่านจะขึ้นไปที่ตึกบัญชาการ  พระพี่เลี้ยงปารองทูลแย้งให้กลับไปทรงพักผ่อน ก็ทรงรับสั่งตัดบทว่า  จะรีบกลับแล้วพระดำเนินขึ้นตึกบัญชาการ   พระพี่เลี้ยง ข้าหลวงและพยาบาลจำต้องกลับไปที่พระตำหนัก 
          เมื่อนั่งลงที่โต๊ะทำงาน  ก็รื้อเอกสารบนโต๊ะ  ขึ้นมาตรวจงานทันที  " หมวดราเมน.... หมวดราชัยนำเอกสารอะไรมาส่งที่เราต้องตรวจมั้ย ? " 
          " ไม่มีงานอะไรเลยครับผม งานของท่านผู้การบางเรื่อง ผู้พัน ศรัณย์ก็จัดการทุกอย่าง  เรียบร้อยแล้วครับผม จะมีเรื่องบัญชีของหมวดราชัยเท่านั้น  ที่ยังไม่ได้ส่งมาจากกองบัญชีกลางครับผม ตอนเช้าท่านผู้พันก็ลงไปฝึก  ทหารแทนผู้การด้วยครับผม “
          เธอฟังรายงานแล้วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง  แล้วเอ่ย “ หมวด.....อืม.....ผู้พันศรัณย์อยู่ที่ไหนหรือ “
          “ ท่านนำกำลังสมทบ  ไปร่วมกับหน่วยลาดตะเวนที่เก้า  ที่ขอกำลังสนับสนุนมาครับ เนื่องจากมีการปะทะกับทหารป่า  และกำลังไม่พอที่ตำบลป่าเห่วครับผม  " หมวดราเมนรายงาน
          " อะไรนะหมวด  มีการปะทะกัน แล้วทำไมไม่มีใครรายงานฉันเลย " ผู้การสาวทำสีหน้าเครียดขึ้ง  กับหมวดราเมน
          " ผู้พันไม่ให้รายงานครับผม ท่านเกรงว่าผู้การจะเป็นกังวล เพราะเห็นว่าผู้การยังมีอาการบาดเจ็บ และคงต้องพักผ่อนมากๆครับผม "  หมวดราเมนยืนตรงกล่าวรายงาน
           สีหน้าของผู้การสาวเคร่งเครียดขึ้นทันที  และสั่งให้เขาเรียกพลวิทยุมาหา หมวดราเมน รีบเดินไปเรียกพลวิทยุเข้ามาทันที  พลวิทยุเดินเข้ามาชิดเท้า  ทำความเคารพ  และรีบรายงานสถานการณ์  ที่ตำบลป่าเห่วทันที
          “ สถานการณ์ตอนห้าโมงเย็น  ได้รับวิทยุรายงานว่าตึงเครียดมากครับ กำลังของผู้พันที่เดินทางไปสบทบกับหน่วยลาดตะเวนที่เก้า  ไล่ล่าทหารของนายพล ราเปรียงไปจนถึงชายแดน  แต่ถูกทหารป่าอีกจำนวนหนึ่ง  เข้าโอบล้อม ทหารป่ามีกำลังมากกว่า  ทางเราเลยเรียกกำลังหน่วยที่แปด  เข้าไปสนับสนุนอีกหน่วยหนึ่งครับ ตอนนี้ยังไม่มีรายงานครับผม “ พลวิทยุรายงาน
           ผู้การสาวสั่งการทันที “ พยายามติดต่อทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง  ให้รายงานสถานการณ์กลับมา  โดยด่วนฉันจะรอ “    
          " ครับผม " พลวิทยุรับคำแล้วทำความเคารพ  รีบเดินออกไปจากห้องนั้นทันที 
          ผู้การสาวหันกลับมากล่าว  เหมือนจะต่อว่ากับหมวดราเมน “ ทำไมหมวดไม่รายงานให้ฉันทราบ ฉันยังไม่ตายสักหน่อย “ หมวดราเมน ซึ่งยืนค้อมตัวลงจนตัวลีบ  เมื่อโดนดุและรีบตอบเบาๆ
          “ ผู้พันท่านสั่งแล้วสั่งอีกครับผม  และห้ามเด็ดขาดไม่ให้ผมบอกกับผู้การ  ท่านอยากให้ผู้การพักผ่อนมากๆท่านเป็นห่วงผู้การมากครับผม   สั่งให้ผมคอยอารักขาผู้การ  และพยายามอย่าให้ผู้การรู้เรื่องนี้  โดยเด็ดขาดครับผม “ หมวดราเมนกล่าวอธิบาย 
          " ยุ่งจริง ฉันไม่ได้อยู่ในขั้นโคม่านะ  จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรน่ะ  " ผู้การสาวบ่นพึมพำ 
           สักครู่ใหญ่ต่อมา  พลทหารวิทยุ เดินเข้ามาชิดเท้าแล้วกล่าวรายงาน “ ผู้การครับ....ตอนนี้กองกำลังของเราเป็นฝ่ายได้ชัยชนะครับผม กำลังจะเดินทางกลับครับผม  มีทหารบาดเจ็บสี่นาย ตายหนึ่งนายครับผม “
          " ใครบาดเจ็บบ้าง แล้วตอนนี้ใกล้จะถึงหรือยัง ? " 
          " เป็นทหารชั้นประทวนทั้งนั้นเลยครับที่บาดเจ็บ  และตายหนึ่งด้วยครับผม  อีกประมาณสองชั่วโมงกว่าคงถึงครับผม  " พลวิทยุรายงานอย่างละเอียด ผู้การรับคำแล้วอนุญาตให้ออกไป
           หมวดราชัยเคาะประตูห้องทำงาน  ของเธอสองสามครั้ง เสียงเธออนุญาตเขาจึงเดินเข้าไป  หมวดราเมนซึ่งอยู่ในห้องทำงานด้วยกับเธอ  หันมามองหน้าผู้บัญชาการนิดหนึ่ง หมวดราชัยเอ่ยขึ้น
          “ หมวดราเมน....ออกไปคอยข้างนอกสักครู่นะ  ผมมีเรื่องจะคุยกับผู้การเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ “
          หมวดราเมนมองหน้าผู้การสาวอีกครั้ง ผู้การเอ่ยขึ้น “ มีอะไรก็พูดมาเถอะราชัย ไม่มีความลับอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ “
         “ ผมมีเรื่องที่จะพูดกับคุณนะรายา สำคัญมากด้วย  และก็อยากจะพูดกับคุณเพียงเฉพาะเท่านั้น “
         “ อืม....ก็ได้....หมวดราเมนคอยฉัน  อยู่ที่หน้าห้องก็แล้วกันนะ “ ซึ่งทำให้หมวดราเมนจำต้องออกมา  นั่งคอยที่หน้าห้อง  เขาไม่ปิดประตูให้สนิทและแย้มไว้น้อยๆ
          หมวดราเมนได้ยินเสียง  ของผู้การสาวเอ่ยขึ้น “ มีอะไรกับหญิงก็พูดมา  เราจะคุยกันเหมือนเพื่อนอีกสักครั้งนะราชัย  และขอให้เป็นครั้งสุดท้ายด้วย  ที่เราจะพูดกันเรื่องส่วนตัวที่นี่ “
         “ เมื่อกลางวันผมไปเยี่ยมคุณ  ที่โรงพยาบาล  หมอเลนินบอกว่าคุณดื้อ  ที่จะกลับและจำต้องอนุญาต คุณหายดีแล้วเหรอ  ที่ออกมาทำงานอย่างนี้  เห็นหมอบอกว่าคุณยังไม่ค่อยดีนัก เมื่อเย็นผมไปขอเยี่ยมคุณ  ที่พระตำหนักแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต  ให้เข้าไปที่ตำหนัก ทหารมาบอกว่าคุณไม่อยู่  ปารองกีดกันผมใช่มั้ย “
         “ หญิงไม่อยู่จริงๆ  อย่าไปโทษปารองเลย หญิงไปเข้าเฝ้าเสด็จ  และก็เพิ่งจะกลับมาและขึ้นมาดูงานที่นี่ “
         “ รายา....ผมเป็นห่วงคุณมากนะ เห็นคุณบาดเจ็บอย่างนี้  ผมไม่สบายใจเลย และยังเรื่องแถลงการณ์หมั้นอีกล่ะ ผมรับไม่ได้นะรายา ผมรักคุณมากนะ ผมอยากให้คุณกลับไปอยู่ที่อังกฤษ  และผมจะไปด้วย  เราไปแต่งงานกันที่อังกฤษนะรายา เราจะอยู่ด้วยกันที่โน่น  ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนสามัญชนคนทั่วไป อย่างที่คุณเคยฝัน  อย่างที่คุณเคยบอกผม เราเคยวาดฝันด้วยกันแบบนั้น  ไม่ใช่เหรอ  คุณฝันว่าต้องการเป็นแค่สามัญชน  และตอนนี้มันก็กำลังเป็นความจริงแล้วไงล่ะ “ หมวดราชัยเปิดใจกล่าวออกมา  ด้วยสีหน้าที่วิงวอน
         “ ราชัย.....จะให้หญิงทิ้งบ้านเมืองไป  ในยามที่กำลังเกิดวิกฤติ  ขึ้นอย่างนี้น่ะเหรอ  ให้หญิงทำตามความฝัน  โดยที่ไม่ห่วงบ้านเมือง  และคิดถึงแต่ตัวเอง  นั่นมันเป็นฝันเป็นความคิด  ในเมื่อครั้งที่เรายังเด็กนะ  แต่ตอนนี้ความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและราษฎร  มันมากมายเกินกว่า  ที่หญิงจะเห็นแก่ตัวได้อีก ความฝันมันยุติไปนานแล้วค่ะราชัย   และคุณเองก็เหมือนกัน  ที่จะต้องอยู่กับความจริง  ตอนนี้....คุณมีคนของคุณ  ที่จะต้องรับผิดชอบนะคะ  และหญิงเองก็อยู่ในฐานะที่ต้องแบกภาระ  ทั้งหมดของบ้านเมือง  ทุกวันนี้หญิงไม่ได้คิดถึงตัวเองอีกเลย “
          “ รายา.....คุณพูดอย่างนี้หมายความว่า  คุณยินดีที่จะอภิเษกกับผู้พันศรัณย์เหรอ “
          “ หญิงยินดีที่จะทำตามกฎค่ะราชัย  เพราะหญิงเป็นเลือดขัตติยา สิ่งใดที่ผิดก็ต้องยอมรับโทษทัณฑ์  เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างของประชาชน  และข้าราชบริพารสืบต่อไป “
          “ คุณชอบนายทหารคนนั้นใช่มั้ย “
          “ ราชัย....เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับความรู้สึก  ของหญิงหรอกนะคะ  แต่มันเป็นสิ่งที่หญิง  หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น “
          “ รายาคุณก็รู้มาตลอดเวลา ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน  ให้ผมตายแทนคุณก็ยังได้  ถึงแม้ว่าทุกวันนี้  คุณจะไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลยก็ตาม  แต่ผมก็ยังรัก ยังภักดีต่อคุณ  เหมือนเมื่อที่เราอยู่ที่อังกฤษด้วยกัน  ผมไม่เคยลืมช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น สักวันเดียว “
         “ ลืมมันไปเถอะค่ะ วันวานมันผ่านพ้นไปแล้ว  และก็ไม่มีวันย้อนกลับมาอีก เราต่างคนต่างก็มีภาระหน้าที่  กันไปคนละอย่าง เรามาทำเพื่อชาติบ้านเมือง  ของเราเถอะค่ะ และอย่าพูดเรื่องความหลังอีก  ให้มันเป็นแค่ความทรงจำดีๆก็พอ “ เสียงของเธอแผ่วเศร้าลง
          เขามองหน้าเธออย่างรู้สึกร้าวราน  เสียงที่เปล่งออกมาเครือสะท้าน  ด้วยแรงแห่งอารมณ์ “ รายาผมลืมไม่ได้หรอก รักครั้งแรกของผมคือคุณ  และผมก็เป็นรักครั้งแรก  ของคุณไม่ใช่เหรอรายา “
          “ กรุณากลับไปเสียเถอะราชัย  กลับไป...และอย่าพูดเรื่องนี้อีก  ฉันลืมมันไปแล้ว  กลับไปเถอะราชัย..... ขอให้วันนี้ครั้งนี้  จงเป็นครั้งสุดท้ายของเรา  เถอะนะคะที่จะพูดถึงมันอีก  กรุณากลับไปเถอะค่ะ  หญิงอยากอยู่คนเดียว “ เสียงของเธอสั่นเครือไม่แพ้เขา  และไม่กล้าที่จะสบตาเขา  ด้วยเกรงว่าเขาจะรู้ถึงอารมณ์  ของเธอในขณะนี้
          “ รายา....คุณจำไว้นะว่าผมรักคุณมาก  และจะทำทุกอย่าง  ที่จะได้คุณมาเป็นของผม ผมทนเห็นคุณเป็นของใครไม่ได้หรอก “
           เธอกดกริ่งเรียกหมวดราเมน ที่ก็ถลันเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง “ หมวดส่งหมวดราชัยด้วย “ เธอออกคำสั่ง ทำให้หมวดราเมน  ต้องมองหน้าหมวดราชัย  เหมือนจะขอร้องอยู่ในที สายตาที่หมวดราชัยมองหน้าเธอนั้น  แสดงออกถึงความรักความอาลัยอาวรณ์ ตัดพ้อต่อว่า แต่เขาก็จำต้องหันหลัง  เดินกลับออกมา
           นายพลสาวยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เปิดเอกสารบนโต๊ะทำงานดู  เธอใช้มือขวาจับแผลที่ไหล่ซ้ายเบาๆ  อย่างรู้สึกเจ็บขึ้นมาอีก นิ่วหน้าน้อยๆ มองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาว่า  เพิ่งหนึ่งทุ่มเศษเท่านั้น  เธอยังคงนั่งเขียนเอกสารบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงาน จนรู้สึกตัวว่าปวดศีรษะ  และหลับตาลงอย่างต้องการ  ที่จะข่มความเจ็บปวดนั้น เธอควานหายาในลิ้นชักโต๊ะทำงาน  และนึกได้ว่ายาอยู่ที่ตำหนัก  แต่ก็ฝืนอ่านเอกสารในแฟ้มบนโต๊ะ  แต่สมองของเธอกลับอึงอลถึงคำพูดของหมวดราชัย ความหลังครั้งก่อน  ผ่านเข้ามาในสมองอีกครั้ง
    เธอยังจำภาพที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษ ราชัยมาดักรอเธออยู่ที่หลังตึกเรียน “ รายา.....เราต้องออกทางด้านหลังตึกนี่นะ  จ่าราเมนรออยู่ที่หน้าตึกน่ะรายา “
          “ หญิงกลัวน่ะราชัย  เราจะไปไหนกันจ๊ะ “
          “ ก็หญิงบอกว่า  อยากไปเที่ยวปาร์คไม่ใช่เหรอ  ผมก็จะพาหญิงไปเที่ยวไง  เราไปเดินเล่นไปดูอะไรๆ  ที่แปลกๆใหม่กันดีกว่านะ  ที่นั่นน่าเที่ยว มีผู้คนมาเดินเที่ยว  มานั่งเล่นพักผ่อนกันเยอะแยะน่าสนุก  ที่นั่นมีไอศกรีมขายด้วยนะ “
          “ หญิงอยากไปจ๊ะ แต่หญิงกลัวปารองกับจ่าราเมนน่ะ  เดี๋ยวสองคนก็จะตามหาหญิงน่ะสิ  ถ้าหญิงหายตัวไปอย่างนี้น่ะ “ เธอแย้งด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
          “  ไปเถอะหญิง  จะไปสนใจสองคนนี่ทำไม ความจริงเขาเป็นข้าราชบริพาร  ของหญิงเขาต้องฟังคำสั่งหญิงถึงจะถูก “
          “ ไม่ได้หรอกจ๊ะราชัย เสด็จพ่อบอกให้หญิงฟัง  และเชื่อพระพี่เลี้ยงนะ “
          “ งั้นเราไปแค่แป๊บเดียวก็ได้ ก็หญิงอยากไปผมก็อยากพาหญิงไป จะได้ไปเห็นอะไรที่เพลิดเพลินบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่ในพระราชฐานเท่านั้น ผมสงสารหญิงนะ  ที่ไม่ได้ออกไปไหนเหมือนกับคนอื่นๆเลย  “
          “ ไปก็ไปจ๊ะ วันนี้อากาศดีจังเลยนะมีแดดด้วย “ เธอยังจำได้ว่าตัดสินใจ  ออกเดินไปกับเขาอย่างนึกสนุก
           ทั้งสองเดินเคียงคู่กันในปาร์ค หนุ่มน้อยราชัยหน้าตาหล่อเหลา เขามีเรือนร่างสูงขาวใบหน้าคมสัน รอยยิ้มของเขาสดใสเสมอ  เขาชี้ชวนให้เธอชมดอกไม้  และนกที่บินโฉบลงมาในทะเลสาบ  เขาซื้อไอศกรีมโคนมาถวายแล้วเย้า “ แด่องค์หญิงผู้เลอโฉมของราชัย ราชัยจะเป็นราชองครักษ์  รับใช้ฝ่าบาทไปตลอดชีวิต “ เขาคุกเข่าและส่งไอศกรีมถวาย
    เธอจำได้ว่าเธอหัวเราะขำ  ท่าทางของเขา  และรับไอศกรีมจากเขา  และยังถามเขาว่า “ เจ้าจะรับใช้เราไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่  จริงเหรอ “
          “ จริงพะยะค่ะ หม่อมฉันถวายชีวิต  ถวายหัวใจไว้ใต้เบื้องพระยุคลบาท  หม่อมฉันเพียงรอคำตอบ  จากพระองค์พะยะค่ะ “
          “ รอคำตอบอะไรเหรอ “ เธอย้อนถามและทำสีหน้าฉงน
          “ รอว่าเมื่อไหร่ฝ่าบาท  จะรับสั่งคำว่ารัก  กับหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ “
           เธอจำได้ว่าเธอนิ่งเงียบลงทันที เขายังคงยืนยิ้ม  ส่งสายตาอ้อนวอน “ ราชัย.....ด้วยราชประเพณี เราสองคนไม่อาจจะรักกันได้หรอกนะ  ฉันมีคู่หมายอยู่แล้วเธอก็รู้นี่  ฉันไม่อาจจะขัดพระหทัย เสด็จพ่อได้หรอก  เราจะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น “
    สายตาของราชัยสลดวูบลงทันที “ องค์หญิงอย่ารับสั่งอย่างนั้น อย่าทรงทำร้ายหัวใจของหม่อมฉันเลย “
          “ ราชัย....ถึงเธอจะถามฉันสักกี่หน  ฉันก็ต้องบอกเธอแบบนี้จ๊ะ เรากลับกันเถอะนะ “ เธอจำได้ว่าเธอเองนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ได้พูดตัดรอนเขาเช่นกัน  และเถียงตัวเองอยู่ในใจว่า  ความรู้สึกของตัวเองขณะนี้  ไม่ใช่ความรู้สึกของคำว่ารัก  เธอยังจำได้ว่า เธอเห็นแววตาของเขา  ที่รื้นขึ้นและแดงกล่ำเหมือนจะสะเทือนใจ   และพาเธอเดินกลับมาเงียบๆโดยไม่กล่าวอะไรอีก

          สี่ทุ่มเศษที่กองกำลังกลับมาถึงพระนคร เมื่อนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ผู้พัน ศรัณย์กลับมาที่ตึกกองบัญชาการ  เขาเห็นหมวดราเมน  ยังคงนั่งอยู่หน้าห้องผู้บัญชาการ เขาจึงเอ่ยทัก
          " อ้าว...หมวด.....มาเข้าเวรอยู่หน้าห้องหรือไง  ทำไมไม่ไปพักผ่อนบ้าง  ผู้การก็ไม่อยู่ให้ทหารเวรเฝ้าก็ได้นี่ "  เขาถามยิ้มๆ
          หมวดราเมนชิดเท้าทำความเคารพ รีบรายงานกับเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ ที่ไหนได้ล่ะครับผู้พัน ท่านอยู่ครับท่านทำงานอยู่ในห้องครับผม  และก็โกธรผมด้วยที่ไม่รายงาน  เรื่องการปะทะกันให้ท่านทราบ ผมก็เลยไม่กล้าเข้าไปครับผม “
          เขาทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง ” ผู้การน่ะหรือมาทำงาน “
          หมวดราเมนรีบพยักหน้า “ ใช่.....ครับผม “ 
         เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากันน้อยๆ เอ่ยขึ้นเหมือนจะปรารภ  “ มาทำอะไร.....ยังไม่หายป่วยเลยดื้อจัง  ตะกี้นี้ผมเจอหมอที่โรงพยาบาล หมอยังบอกกับผมว่า  มาเยี่ยมไข้เมื่อตอนเย็นก็ไม่เจอ  ไปเข้าเฝ้าเสด็จ  หมอยังกำชับให้ดูแลท่านให้ดี เพราะท่านเสียเลือดมาก  และต้องให้ท่านพักผ่อนมากๆด้วย ” ผู้พันกล่าวกับหมวดราเมน  พลางถอนหายใจ ส่ายหน้าน้อยๆ 
          ผู้พันศรัณย์เคาะประตูห้องทำงาน  สองสามครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบ  เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไปทันที เขาเห็นผู้การสาวฟุบอยู่กับโต๊ะ ผู้พันศรัณย์รีบเดินตรงไปที่เธอทันที  " รายา.....รายาครับ  "  เขาเรียกผู้การสาว ซึ่งยังคงนิ่งเงียบจนผู้พันศรัณย์ใจหาย  เขาตัดสินใจเขย่าตัวเธอเบาๆ  และรู้ทันทีว่าผู้การสาวมีอาการไข้ขึ้นสูง  ด้วยตัวของเธอร้อนจัดมาก เขารีบตะโกนเรียก  " ผู้หมวด   ผู้หมวด  " และกดกริ่งบนโต๊ะทำงานด้วย หมวดราเมนรีบวิ่งเข้ามาทันที “ ผู้หมวด...ผู้การของคุณไข้ขึ้นสูงมากเหลือเกิน ตัวร้อนจัดมาก  และดูเหมือนจะหมดสติลงแล้วด้วย ผมจะอุ้มท่านไปที่พระตำหนัก ช่วยพาผมไปที  แล้วสั่งให้ใครไปรับหมอมาด่วนด้วย " ผู้พันศรัณย์ออกคำสั่งทันที
    หมวดราเมน รีบเดินออกไปเรียกพลทหาร  ให้ขับรถไปรับหมอมาที่ตำหนักหน้า แล้วรีบเข้ามานำผู้พัน  ซึ่งอุ้มผู้การสาวไว้ในวงแขนพาไปที่รถ หมวดราเมนขับอ้อมตึก  บัญชาการเพียงแค่อึดใจเดียว  ก็ถึงหน้าประตูทางเข้าพระตำหนัก  ทหารองครักษ์รีบเปิดประตูให้ทันที  ที่เห็นผู้การพับอยู่กับไหล่ของผู้พัน ศรัณย์ เมื่อถึงพระตำหนัก  เขารีบอุ้มเธอลงจากรถเข้าไปในพระตำหนัก เขาเรียกพยาบาลและข้าหลวง วางเธอลงบนเก้าอี้นอน  ตัวยาวหนานุ่มภายในห้องพระสำราญ  แล้วหันมาถามพระพี่เลี้ยงปารอง
            " พระพี่เลี้ยงปารอง องค์หญิงเสวยเย็นหรือยัง ? " 
           " ยังเพคะ.....ท่านไม่ทรงเสด็จลงมาจากตึก หม่อมฉันก็ไม่กล้าขึ้นไปตามเพคะ กลัวจะทรงกริ้วก็ยังบ่นกับคุณพยาบาลว่าจะทำยังไงกันดีเพคะ "  พระพี่เลี้ยงทูลตอบ
           พยาบาลสาวทั้งสองคนรีบใช้  ผ้าชุบน้ำมาเช็ดพระพักต  ร์และพระวรกายถวายให้ทันที  ผู้พันเดินออกมาคอยหมอที่หน้าพระตำหนักอย่างร้อนใจ สักครู่ใหญ่ทหารพาหมอ  มาถึงหน้าพระตำหนัก  เขาปราดเข้าไปหาหมอทันที
          “ หมอครับรีบหน่อยครับ   ฝ่าบาททรงประชวรไข้ขึ้นสูงมาก ทรงฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงาน  ในกองบัญชาการไม่รู้สึกองค์เลย  นี่ถ้าคืนนี้ผมไม่กลับมา  คงไม่มีใครเข้าไปดูแน่ ทรงกริ้วหมวดราเมนที่ไม่ทูลบอกเรื่องมีการปะทะ  หมวดเลยไม่กล้าเข้าไป  ก็เลยทรงประทับอยู่เพียงลำพัง “ ผู้พันบ่นพร้อมทั้งเดินเคียงคู่  ไปกับหมอขึ้นไปบนตำหนัก
          " พระองค์หญิงทรงดื้อมาก และก็ไม่มีใครไปสั่งท่านได้ด้วย  ถ้าอภิเษกกับผู้พันแล้ว  ก็คงจะมีคนคอยปรามท่านได้บ้างนะครับ "  หมอกล่าวกับเขายิ้มๆ
          " หมอรู้เรื่องนี้ด้วยหรือครับ? "  ผู้พันขมวดคิ้วถามอย่างนึกสงสัย 
          " เขารู้กันหมดทั้งเมืองแล้วมั้งครับผู้พัน ว่าผู้พันในขณะนี้  เป็นพระคู่หมั้นและอย่างเป็นทางการ  แล้วด้วย ก็มีประกาศแถลงการณ์  ออกมาจากสำนักพระราชวัง  แล้วนี่ครับว่า องค์หญิงกำลังจะทรงอภิเษกสมรสกับพระคู่หมั้นคือ พันเอก ศรัณย์  แห่งกองทัพบกไทย ไม่ใช่รู้กันแค่วงในนะครับ  ชาวบ้านก็รู้  แต่รู้ในทำนองว่า  ผู้พันกับองค์หญิงทรงเคยพบกันมาก่อน  ตั้งแต่องค์หญิงเสด็จไปเมืองไทย เรื่องที่หมู่บ้านจองข่าคืนนั้น  รู้กันเพียงแค่วงในเท่านั้น ผู้พันรู้ตัวมั้ยว่า  คุณเป็นผู้ชายที่โชคดี  ที่สุดในโลกเลยตอนนี้น่ะ "  หมอเลนินกล่าว  แล้วหันมามองหน้าเขายิ้มๆ 
         " หมอคิดว่าผมน่ะหรือโชคดี  ผมยังไม่รู้ว่าองค์หญิง  จะทรงคิดยังไงกับผมเลย  และผมเองก็ยังมึนยังสับสน และก็ยังไม่กล้า  ที่จะทูลถามเรื่องนี้กับท่านด้วย  "  เขาตอบหมอด้วยสีหน้าเป็นกังวล  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×