ตำหนักรักข้ามภพ ตีพิมพ์ครั้งที่2กับส.น.พ.ปองรัก
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ ซึ้งกินใจ Tags : พระองค์ชายผู้งามสง่า, นางเอกสาวสวย, นักโบราณคดีหนุ่มสุดเท่, หนึ่งหญิงสองชายต่างภพ, โรแมนติกดรามาคอมมาดี้
ผู้แต่ง : บุษบาพาฝัน/สร้อยอินทนิล
My.iD :
https://my.dek-d.com/intuon55/writer/
ตอนที่ 12 : แพรวาต้องโทษก่อนพลบค่ำ100%
แพรวา
พระองค์ชายวิชิตชล
ปีร์
ตอนที่ 12 แพรวาต้องโทษก่อนพลบ
พระองค์ชายทรงครุ่นคิดเป็นกังวลในพระทัย แต่ไม่แสดงออกมาทางสีพระพักตร์ แพรวารู้สึกเป็นทุกข์อยู่ในอก แต่ก็ฝืนทำสีหน้าให้แจ่มใส ซ่อนทุกข์ไว้ในใจ เธอรู้ว่าต้องมีใครสักคนที่กำลังใช้ความพยายามเพื่อนำเธอกลับไป และคงจะเป็นปีร์
ปีร์เป็นนักโบราณคดีที่มีประสบการณ์ออกไปศึกษาค้นคว้าทั้งโบราณวัตถุและประวัติต่างๆ ทั่วโลก เขาเก่งและเชี่ยวชาญงานทางด้านประวัติศาสตร์ สามารถบอกอายุของวัตถุโบราณ รวมทั้งดูออกว่าของชิ้นไหนจริงหรือปลอม ทุกครั้งที่เขาไปทำงานก็มักจะมาบอกเล่าเรื่องราวแปลกๆ ที่พบเจอให้เธอฟัง และความรักที่ปีร์มีให้เธอก็มากมายไม่ใช่น้อย เขาต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะค้นหาเธอ
แพรวานั่งนิ่งๆ อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ปล่อยความคิดให้ลอยละล่องไปเรื่อยๆ อย่างเหม่อลอย ในใจนั้นก็ตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าถ้าต้องจากพระองค์ชายกลับไปสู่เวลาของเธอ เธอจะทำใจได้ไหม ในเมื่อทุกวันนี้เธอรักพระองค์มากมายนัก อีกทั้งพระองค์ก็ทรงสนิทเสน่หาในตัวเธอมากเช่นกัน วันเวลาที่ผ่านไปยิ่งสร้างสายสัมพันธ์ในหัวใจให้แน่นแฟ้นผูกพันกันมากขึ้น เพียงแค่คิดว่าจะต้องจากก็ทำให้เธอเจ็บปวดทุกข์ทรมานแล้ว
พระองค์ชายทรงงานเสร็จแล้วก็นำเอกสารมอบให้คนที่มารอรับเพื่อนำกลับเข้าไปในพระนคร จากนั้นก็ทรงดำเนินหาแพรวาในตำหนัก แต่กลับรู้สึกพระทัยหายเมื่อทรงหาไม่พบ พระองค์เร่งสาวพระบาทออกไปที่หน้าพระตำหนัก จึงทอดพระเนตรเห็นแพรวานั่งเงียบเหม่อมองท้องน้ำด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ สีและผ้าใบที่เตรียมพร้อมสำหรับการวาดรูปยังคงตั้งไว้ข้างๆ เธอหมดกะจิตกะใจจะเขียนอะไรตั้งแต่คืนวันพระเป็นต้นมา พระองค์ชายดำเนินมาประทับนั่งข้างๆ แพรวา แล้วรับสั่งถาม
“แพรวา เจ้าไม่มีความสุขอันใดเลยรึ เจ้าเศร้าสร้อยจนเหมือนจะเลื่อนลอยมาหลายเวลาแล้ว เจ้าคิดถึงคนในเวลาของเจ้างั้นรึ” สุรเสียงแผ่วเบาในตอนท้ายเหมือนจะน้อยพระทัยนัก
“หามิได้เพคะ อย่ามีพระดำริอย่างนั้นสิเพคะ แพรเพียงแต่อยากมานั่งรับลมเย็นๆ เท่านั้น”
“แต่เราเห็นเจ้าเศร้าสร้อย สายตาเจ้าบอกว่าเป็นทุกข์ จนเรามิอาจสบายใจได้เลยสักเวลา”
เธอก้มหน้าลงน้อยๆ ไม่อยากกราบทูลว่าเธอกำลังกลัวที่จะต้องจากท่านไป และเมื่อจากไปแล้วจะหาหนทางกลับมาได้อีกหรือไม่ก็ยากจะคาดเดา มันอาจจะเป็นการจากกันชั่วชีวิต หัวใจคงแตกสลาย ถ้าต้องจากกันอย่างไม่มีทางได้พบกันอีก ถึงต่างคนอาจจะมีคนอื่นที่พร้อมจะเข้ามาปลอบใจ แต่ก็ไม่อาจทดแทนความรักที่มีต่อกันได้ ทรงจับมือเธอไว้แล้วทรงยกขึ้นมาแนบพระปราง สายพระเนตรบอกความในพระทัย
“แพรวา วันนี้เราได้เขียนหนังสือขอเปิดทำการค้าไปแล้ว เราจะรีบเร่งลงไปหาคนที่รู้จักเรื่องการซื้อข้าว มันยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องดำเนินการ เจ้าจงเป็นกำลังใจสำคัญให้เรา อย่าทำหน้าเศร้าหมองจนเราทดท้อหัวใจเยี่ยงนี้สิ”
“อย่าทรงห่วงแพรเลยเพคะ แพรจะวาดรูปฝ่าบาทนะเพคะ และแพรก็จะวาดรูปของแพรถวายด้วยเพคะ”
“เจ้าทำให้หัวใจเราเป็นสุขทุกเวลา ฉะนั้นอย่าหนีหายไปไหน เราออกมาจากห้องไม่เห็นเจ้าอยู่บนตำหนัก ใจเราหายยิ่งนัก ต่อไปนี้เวลาเจ้าลงมาข้างล่าง ต้องให้อิ่มรึเจียมลงมาด้วย เพราะคนเป็นเจ้านายจะมานั่งเพียงลำพังนั้นไม่งามนะแพรวา”
“เอ่อ...เหรอเพคะ แพรไม่ทราบนี่เพคะ”
“มันเป็นธรรมเนียมน่ะ ที่เจ้านายจะต้องมีบ่าวอยู่ใกล้ๆ คอยระแวดระวังรับใช้ ยิ่งมีฐานันดรสูงมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องมีผู้ติดตามมากขึ้นเท่านั้น เราเป็นห่วงเจ้าด้วยน่ะแพรวา เจ้าทำให้เราใจหาย เจ้าต้องปลอบใจเราแล้วละ จับหัวใจของเราดูสิ ว่าตกใจมากเพียงใด วันนี้เจ้าต้องถูกปรับโทษ เป็นผู้ทำให้เราสำราญ” ทรงกระซิบรำพันด้วยดวงเนตรหวามหวาน
“ไม่เพคะ แพรไม่ทราบธรรมเนียมนี่เพคะ จะผิดได้ยังไงล่ะ ในเมื่อไม่รู้”
“เจ้าดื้อกับเราอีกแล้วรึแพรวา”
ตรัสจบก็ทรงโอบเอวเธอจนกายแนบชิดกัน ทรงหวานรักเสมอจนหัวใจเธออบอุ่น สายพระเนตรหวานละมุนมองหน้าเธอเหมือนจะกลืนกิน ถ้าถามว่าขณะนี้เธอมีความสุขมากขนาดไหน ก็สามารถตอบได้อย่างไม่ลังเลในหัวใจเลยว่าเธอไม่เคยได้รับความสุขอบอุ่นในหัวใจเหมือนเช่นตอนนี้มาก่อน ทรงไม่เคยยอมให้เธอหยิบจับทำสิ่งใด โดยสั่งบ่าวไพร่บริวารให้ดูแลเธอตลอดเวลา แม้แต่การแต่งกาย หวีผม หรือกระทั่งอาบน้ำ ก็มีคนคอยดูแลปรนนิบัติให้ทุกอย่าง จากความเขินอายที่บ่าวทำให้ กลายเป็นความคุ้นชิน เธอมีหน้าที่เพียงอยู่ใกล้ๆ ท่าน และพูดคุยปรนนิบัติเท่านั้น
ทรงประคองเธอขึ้นตำหนัก ฝ่าพระหัตถ์กระชับมือเธอไว้แน่น สายพระเนตรบอกความปรารถนาในพระทัยจนเธอเอียงอาย ก่อนที่พระองค์จะรับสั่งเบาๆ ตรงข้างแก้ม
“วันนี้เจ้าจะถูกลงโทษก่อนพลบค่ำ เพราะเรามิอาจรอลงอาญาเจ้าได้”
ทรงไม่ยอมให้เธอบ่ายเบี่ยงอีกแล้ว แสงสว่างเรืองรองสาดเข้ามาจับต้องร่างงามของเธอ แม้จะทรงดำเนินไปปิดพระแกลแล้วก็ตาม บัวงามในบึงชูชันขึ้นท้าทายแสงแดด และกระเพื่อมเบาๆ ด้วยแรงลมพรมจูบจนใจสั่นระทึก เนื่องจากรู้ตัวว่าจะต้องถูกสายลมพัดกระหน่ำอย่างไม่ปรานี ทว่าสายลมนั้นก็หวานร่ำรำพัน จนกายหวิวหวั่นอาวรณ์สวาทเมื่อสายลมพัดผ่านไป
ปีร์ไม่ได้ละความพยายาม เขารับรู้จากครูสุ่นซึ่งยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าแพรวายังมีชีวิตอยู่ แต่ท่านไม่รู้ว่าอยู่ ณ ที่แห่งใดเท่านั้น รู้แต่เพียงว่าเป็นที่ที่ไม่มีใครสามารถไปพาเธอกลับมาได้ นอกจากบุญหรือกรรมจะบันดาลเท่านั้น จึงอยากให้เขาทำใจเรื่องการพบเธอ ทว่าปีร์กลับแน่ใจว่าแพรวาอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเขาจะต้องหาหนทางพาเธอกลับมาให้ได้ และเขามั่นใจเรื่องตู้มาก เพราะเคยได้ยินว่ามีสตรีนางหนึ่งในประเทศอังกฤษสามารถเดินทางไปอีกมิติหนึ่งโดยผ่านตู้เก่าๆ ใบหนึ่งในบ้านโบราณที่เธอตัดสินใจซื้อผ่านนายหน้า แต่ก็ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เป็นแต่เพียงข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ ในขณะที่เขาทำงานวิจัยอยู่ในประเทศอียิปต์เมื่อสองปีก่อน แต่มาวันนี้ทำให้เขาเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้มากขึ้น
นักโบราณคดีหนุ่มไม่ละความพยายามที่จะค้นคว้า เขาไปยังห้องสมุดดิจิตอล และได้พบข้อมูลที่ชาวอังกฤษผู้หนึ่งซึ่งเดินทางเข้ามารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศของสยามในช่วงเวลาหนึ่งบันทึกเอาไว้
‘ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ติดตามเสนาบดีใหญ่ของสยามเข้าไปฟังการสอบสวนหญิงชาวสยามผู้หนึ่งในคดีแปลกพิสดาร ซึ่งข้าพเจ้าเหมือนประหนึ่งเป็นคณะลูกขุนหรือว่าพยานในคดีนั้นด้วย เมื่อหญิงนั้นต้องข้อกล่าวหาว่าเป็นปีศาจ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้น และเมื่อถึงเวลาหญิงสาวผู้หนึ่งก็ถูกพาเข้ามาในห้องว่าความ เธองดงามมาก จนข้าพเจ้าและทุกคนในห้องนั้นต่างตกตะลึง ถึงแม้การแต่งกายของเธอจะเหมือนหญิงชาวสยามที่สูงศักดิ์โดยทั่วไป แต่ท่วงท่าการเดินอย่างมั่นใจ รวมทั้งผิวพรรณและการพูดจา ล้วนผิดแปลกไปจากหญิงชาวสยามเหลือเกิน’
‘เธอสามารถตอบคำถามได้อย่างรวดเร็ว แต่แฝงไปด้วยความคิดอันชาญฉลาด เธอพูดถึงความรักที่ต่างกาลเวลาว่าความรักไม่สามารถจะเลือกเวลาเกิดได้ และข้อที่สำคัญเธอบอกว่าเธอไม่ได้เป็นปีศาจอย่างที่ทุกคนเข้าใจ และบอกว่าเธอเดินทางมาจากอนาคตโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เธอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมราวกับพูดภาษาของตนเอง และมีฝีมือในการวาดภาพได้รวดเร็ว เธอยังเก่งกล้าที่บังอาจวาดรูปล้อเลียนท่านสมุหพระกลาโหมซึ่งเป็นประธานในการสอบสวน และวาดรูปสิ่งหนึ่งคล้ายกับนกยักษ์ เธอบอกว่ามันคือยานพาหนะสำหรับพาคนเดินทางจากทวีปหนึ่งสู่อีกทวีปหนึ่งด้วยเวลาอันรวดเร็ว ซ้ำยังพูดถึงเครื่องมือสื่อสารอันทันสมัยอีกด้วย’
‘ถ้าเธอไม่ได้มาจากอนาคตจริงอย่างที่เธอแก้ข้อกล่าวหา เธอผู้นี้ก็มีจินตนาการอันล้ำเลิศมาก และการที่เธอต้องข้อหาว่าเป็นปีศาจ ก็เพราะมีชายผู้หนึ่งที่มียศศักดิ์สูงในราชสำนักรักเธอมากและคงจะเป็นสามีของเธอ ก็น่าอยู่หรอกที่จะหลงรัก เพราะหญิงสาวผู้นี้งดงามและชาญฉลาด จนมีเสียงร่ำลือว่าท่านผู้นั้นกำลังถูกมนตร์ดำของนางปีศาจ แต่จากคำอธิบายของเธอทำให้ข้าพเจ้าคิดว่ามันคือการเดินทางข้ามกาลเวลาย้อนเข้ามาในอดีต อย่างที่เรียกว่า Time Travel และอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับ Time Machine หรืออย่างไรก็สุดจะหาเหตุผล’
‘จากการสอบสวนไม่มีสิ่งใดสรุปได้ว่าเธอเป็นปีศาจจริงหรือไม่ แต่หลังจากที่พระสงฆ์ชรารูปหนึ่งที่ชาวสยามและคนในราชสำนักเคารพศรัทธา ซึ่งถูกนิมนต์มาเพื่อที่จะขับไล่วิญญาณร้าย ได้พูดคุยกับเธอ แม้จะเป็นเพียงไม่กี่ประโยค ก็กล่าวขึ้นเหมือนเป็นคำตัดสินว่าเธอไม่ได้เป็นปีศาจ แต่ทุกคนในที่นั้นรวมทั้งตัวท่านต่างหากที่เป็นปีศาจสำหรับเธอ ซึ่งในชั้นแรกข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจนัก และมาคิดได้ในภายหลังว่าถ้าเธอมาจากอนาคตจริง ทุกคนในที่นั้นก็ตายหมดแล้ว นับเป็นคดีแปลกและเป็นสิ่งเหลือเชื่อที่ข้าพเจ้าพบในแผ่นดินสยาม’
ปีร์อ่านบทความภาษาอังกฤษหน้านั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง มันตรงกับบันทึกของท่านเสนาบดีผู้นั้นแทบทุกอย่าง เธองดงามและชาญฉลาด แพร...หญิงผู้นั้นจะเป็นแพรไหมนะ แพรงดงาม แม้แต่ในปัจจุบันเธอก็สวยอยู่ในระดับนางเอกชั้นนำของเมืองไทย และยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจที่จะโกอินเตอร์อีกด้วย ส่วนเรื่องความฉลาดคงไม่ต้องพูดถึง เธอฉลาดทันคนในทุกเรื่อง และเรื่องการวาดภาพอีกล่ะ แพรเพียงแค่ตวัดปลายดินสอไม่กี่นาทีก็สามารถวาดภาพใบหน้าคนได้แล้ว คิดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มค้นคว้าต่อไป และพยายามหาพระรูป รวมถึงพระประวัติของพระองค์ชายวิชิตชลที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของท่านสมุหพระกลาโหม
ปีร์นั่งบนโซฟาภายในคอนโดฯ ของตนเองและรำพึงเบาๆ
“แพร...ถ้าเธอผู้นั้นคือแพรจริงๆ แพรก็ตกเป็นนางห้ามของพระองค์ชายท่านนั้นไปแล้วสินะ แต่มันอาจจะเป็นเพราะความจำยอมที่ตกอยู่ในสถานการณ์จำเป็นใช่ไหม ขอเพียงหัวใจของแพรยังเป็นของปีร์ก็พอแล้ว เพราะปีร์มัวแต่บ้างานใช่ไหม แพรถึงต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าแพรจะอยู่ที่ไหน ได้โปรดรู้ไว้เถอะนะ ว่าปีร์รักแพรเหลือเกิน และจะทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถเพื่อค้นหาแพร รอปีร์นะแพร ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด ปีร์ก็ต้องหาทางเอาแพรกลับมาให้ได้”
พระองค์ชายต้องเสด็จเข้าไปพระนครเพื่อติดต่อเรื่องการทำสัญญา จึงทรงกำชับแพรวาให้อยู่แต่บนตำหนักด้วยความห่วงใย แต่เมื่อเจ้าของตำหนักทรงคล้อยหลังเท่านั้น แพรวาซึ่งเบื่อกับการนั่งๆ นอนๆ อยู่บนตำหนักก็เดินลงมาสำรวจไปรอบๆ โดยไม่ฟังคำทักท้วงของนมเอิบ แม่เจียมกับแม่อิ่มจึงต้องติดตามไปด้วย
แพรวาเพิ่งรู้ว่าอาณาเขตของตำหนักกว้างขวางยิ่งนัก ซ้ำยังตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา มันทำให้เธอเริ่มคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ดูเหมือนเธอจะเดินอยู่ใกล้บ้านตัวเองแค่นิดเดียว มีเพียงกาลเวลาเท่านั้นที่ทับซ้อนกันอยู่ และแทบจะมองเห็นในสิ่งที่เป็นอนาคต มันเหมือนแค่มือเอื้อม แต่ก็ไม่สามารถจะผ่านมันเข้าไปได้
ถ้าเราเข้าออกระหว่างเวลาที่ทับซ้อนกันอยู่ได้ก็คงจะดีสินะ เราอยากกลับไปบ้านอีกสักครั้ง และบอกกับพ่อว่าเราเสียดายเวลาที่โกรธกับท่าน เราจะกลับไปกราบเท้าท่านและขอโทษในความดื้อรั้นไม่ฟังเหตุผลอะไรในเรื่องของพ่อเลย และสำหรับปีร์ เราก็จะบอกเขาตามตรงว่าตอนนี้ทั้งใจและกายของเรามีเจ้าของเข้าครอบครองจนหมดสิ้นแล้ว ขอคืนสัญญาเรื่องการแต่งงานกับเขา เพียงแค่นี้จริงๆ ที่เราต้องการกลับไปอีกครั้ง
เสียงของผู้หญิงเอ่ยเสียดสีดังขึ้น ทำให้แพรวาออกจากภวังค์ความคิด
“อีผีพราย...เดินออกมาจากอุโมงค์ก็ได้ด้วยรึ”
แพรวาหยุดยืนนิ่ง มองหน้าหม่อมจิตซึ่งมายืนดักหน้ามองเธอด้วยหางตาสีหน้าเยาะเย้ยเหยียดหยัน เจียมและอิ่มที่นั่งราบกับพื้นรีบลุกขึ้นยืนเหมือนจะกันเธอออกจากหม่อมจิต แต่แพรวาไม่ได้นึกหวาดกลัวหม่อมจิตแม้แต่น้อย ซ้ำยังหันมาเอ่ยกับบ่าว
“อิ่ม เจียม พาแพรไปที่ห้องเครื่อง แพรอยากเห็นเขาทำอาหาร”
จบคำพูดนั้นยังไม่ทันได้ก้าวเดิน ร่างอวบหนาของหม่อมจิตก็ถลันเข้ามาขวางหน้าและจ้องมองแพรวาตั้งแต่หัวจรดเท้า เครื่องประดับทุกชิ้นที่พระองค์ชายทรงบังคับให้เธอแต่งทำให้คนมองริษยาจนใบหน้าร้อนผ่าว กำไลทองที่ข้อเท้า สร้อยข้อมือทับทิมงดงาม สายสังวาลนพเก้าที่พาดเฉียงบนสไบ และสร้อยคอกับพระเลี่ยมทองของพระองค์ชายที่คล้องอยู่บนคอเธอ บ่งบอกให้รู้ว่าความสนิทเสน่หามีมากมายเพียงใด ไฟริษยาลุกโชนขึ้นในอกของหม่อมจิต ทำให้บดบังความเกรงกลัวในอาญาจนหมดสิ้น ยกมือขึ้นชี้หน้าแพรวาทันที
แพรวามองหม่อมจิตผู้มีเรือนร่างอวบอัด หน้าอกหน้าใจใหญ่ล้น ผิวเข้ม ใบหน้าคม แววตาของคนตรงหน้าจ้องเธอเขม็ง ส่วนบ่าวไพร่ก็เดินเข้ามาออดูกัน บ้างอยู่ใกล้ก็หมอบราบลงกับพื้น หม่อมอีกสามนางยืนดูอยู่ไม่ห่างเหมือนจะเป็นกองเชียร์ และอาจจะเข้ามาช่วยซ้ำก็ได้ใครจะไปรู้ แพรวาเอ่ยกับหม่อมจิตเป็นครั้งแรก
“หม่อมกล้าคิดอาฆาตมาดร้ายกับฉันเลยหรือ แล้วถ้าฉันเป็นผีพราย หม่อมไม่กลัวว่าฉันจะล้วงตับไตไส้พุงหม่อมมากินหรือไง บนเรือนของหม่อมฉันก็เคยขึ้นไปมาแล้ว และคืนนี้ฉันอาจจะทำอะไรก็ได้ ถ้าฉันไม่เมตตาหม่อม” แพรวาเอ่ยขู่ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
หม่อมจิตที่ทำท่าฮึดฮัดถึงกับถอยหลังไปสามก้าวทันที
“ใช่สิ...อีผีพราย มึงต้องเป็นอีผีตายโหง มึงแฝงตัวเข้าไปในเรือนกู เข้าไปแอบดูกูกับพระองค์ชาย แล้วมึงก็ฉวยโอกาสเข้าครอบครองท่านด้วยเวทมนตร์”
แพรวาพยักหน้าน้อยๆ “แล้วหม่อมกล้าจะสู้รบกับผีงั้นหรือ ผีอาจจะลงโทษหม่อมจนหัวโกร๋นเลยนะ” แพรวาเอ่ยอย่างขันๆ
“กูจะทูลฟ้องพระองค์ท่านว่ามึงเป็นผีพราย มึงยอมรับแล้วว่ามึงเป็นผี อีพวกบ่าวทั้งหลายพวกมึงจงเป็นพยาน” หม่อมจิตหันไปตะโกนบอกบ่าวไพร่
“เป็นหม่อมที่คิดเองเออเองแล้วด่าว่าฉันเป็นผีไม่ใช่หรือ และตอนนี้หม่อมก็กำลังตีฝีปากกับคุณหญิงแพรวา นางห้ามในพระองค์ ที่มีสิทธิ์ลงโทษหม่อมได้เท่าเทียมกับพระองค์ชาย” แพรวาเอ่ยออกมาด้วยความชาญฉลาด
หม่อมจิตยังคงฮึดฮัด ทั้งที่กลัวผีและกลัวอาญา แต่เธอเคยวางตัวยิ่งใหญ่กว่าใคร ทำให้ไม่อาจยอมเสียหน้าได้
“กูไม่กลัวมึงดอกอีผีพรายตายโหง วันนี้กูจะเอาเลือดมึงออกมาให้บ่าวไพร่ได้เห็นเลือดอีผีพราย มึงจะได้ไปให้พ้นจากที่นี่เสียที”
หม่อมจิตเอ่ยและเดินเข้าหาแพรวา เจียมและอิ่มเห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาขวางหน้าไว้พร้อมร้องห้ามทันที
“หม่อมเจ้าคะ อย่ามีเรื่องเลยนะเจ้าคะ จะต้องอาญาเสียเปล่าๆ เชื่อบ่าวเถอะเจ้าค่ะ”
“อีไพร่! มึงกล้าขู่กูงั้นรึ นี่!” หม่อมจิตตวาดเสียงดัง พร้อมทั้งฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเจียมเสียงดังฉาดใหญ่
นังเทียบหัวหน้าทาสวิ่งเข้ามานั่ง ยกมือไหว้หม่อมจิตพลางเอ่ยขอร้อง
“หม่อมเจ้าคะ บ่าวขอเถอะเจ้าค่ะ อย่ามีเรื่องกันเลย พระองค์ชายยิ่งกริ้วหม่อมอยู่ หม่อมถูกคาดโทษเอาไว้นะเจ้าคะ”
“อ๋อ...อีเทียบ บัดนี้มึงเป็นพวกมันดอกรึ” หม่อมจิตตวาดใส่เทียบบ่าวหญิงร่างหนาเสียงกร้าว สีหน้าถมึงทึงโกรธเกรี้ยวจนลืมตัวกลัวอาญา
เสียงแพรวาดังขึ้น “หม่อมจิต...กลับไปที่เรือนได้แล้ว ฉันไม่ต้องการให้หม่อมโดนลงหวาย ฉันเพียงต้องการทำหน้าที่ลงมาดูบ่าวไพร่ทำงานบ้างเท่านั้น หม่อมอย่ามาขวางฉันเลย”
นมเอิบมายอบตัวลงใกล้ๆ “คุณหญิงเจ้าคะ ขึ้นตำหนักเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะมีเรื่องเสียเปล่าๆ นะเจ้าคะ ส่วนหม่อมจิตก็ไม่น่าจะหาเรื่องคุณหญิงนะเจ้าคะ จะเจ็บตัวเพราะอาญา ทรงคาดโทษไว้ถึงขั้นไล่ออกจากที่นี่ไม่ใช่ดอกรึเจ้าคะ”
“อีเอิบ...มึงมันก็สอพลอเข้าข้างอีผีพราย เพราะมันใหญ่โตกว่ากูงั้นรึ” หม่อมจิตยังเอ่ยด่าอย่างไม่ยอมลดราวาศอก
“อิฉันจะไม่เตือนอีกแล้วนะเจ้าคะหม่อม ถ้าต้องอาญาก็อย่าหาว่าอิฉันไม่เตือน” นมเอิบหันไปพูดกับหม่อมจิต ก่อนจะยุดข้อมือแพรวาให้กลับตำหนัก “กลับเถอะเจ้าค่ะคุณหญิง ถ้ามีเรื่องถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน พระองค์ท่านจะร้อนพระทัยนะเจ้าคะ”
แพรวาถอนหายใจออกมาน้อยๆ พลางใช้ความคิด ถ้าเธอต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต และต้องหวาดกลัวหม่อมทั้งสี่คน เธอก็คงจะไม่ต่างจากนกน้อยในกรงทองที่ถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่ในบริเวณตำหนัก คงมีชีวิตยิ่งกว่านางทาสเสียอีก เธอจะต้องไม่กลัว และจะต้องมีอิสระในการอยู่ที่นี่ เมื่อตัดสินใจได้เช่นนี้จึงเอ่ยขึ้น
“แม่เอิบ...ทำไมฉันจะเดินไปไหนมาไหนในบริเวณนี้มิได้ ถ้าที่ตรงนี้เป็นของพระองค์ชาย ฉันต้องสมควรกลัวเกรงใครด้วยงั้นหรือ ถ้าหม่อมคนใดกล้าที่จะขัดขวางฉันไปตลอดชีวิต ฉันคงต้องกลัวเกรงที่จะย่างกรายลงจากตำหนัก ฉันไม่ใช่นักโทษที่จะต้องถูกจำกัดพื้นที่ แต่ฉันจะเดินไปทุกที่ของที่นี่ และถ้าใครทำร้ายฉัน เราจะเห็นดีกัน!”
เสียงของแพรวาประกาศความคิดและอำนาจที่มีอยู่ให้ทุกคนได้รับรู้
หม่อมจิตชะงักเมื่อเห็นว่าแพรวากล้าที่จะใช้อำนาจ ทั้งที่คิดว่าแพรวาเป็นแค่ผู้หญิงตัวบางๆ ที่เธอสามารถขย้ำลงได้อย่างง่ายดาย ประหนึ่งลงโทษตบตีทาสที่ไม่มีสิทธิ์ต่อสู้ แต่เสียงของแพรวาที่ประกาศออกมานั้นหนักแน่น สีหน้าเรียบเย็น ท่าทีวางสง่าอย่างมีศักดิ์ศรี สายตาจ้องเขม็งมองทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหม่อมทั้งสี่หรือแม้แต่บ่าวไพร่ที่มาออมุงดูเพราะความอยากรู้อยากเห็นตามวิสัย
เสียงซุบซิบดังงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ แพรวาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ กับบ่าวที่ออดูกันอยู่
“ใครมีงานใดต้องทำก็ไปทำ”
บ่าวไพร่ที่หมอบออกันอยู่รีบลุกผลุนผลันจากไปทันที แพรวาจึงเอ่ยขึ้นอีก
“และหม่อมคนใดที่จะคุยกับฉันก็จงพูดออกมาวันนี้ ฉันจะฟัง แต่ถ้าไม่มีเรื่องใดจะพูด ก็หลีกไปให้หมด”
หม่อมทั้งสามคนที่ยืนซุบซุบกันอยู่ไม่ห่างต่างลงความเห็นให้หม่อมมะลิเป็นตัวแทนพูดขึ้น
“คุณหญิงก็ต้องให้พระองค์ชายทรงมาสำราญกับพวกเราบ้าง ไม่ใช่จะเก็บพระองค์ไว้เพียงคนเดียวเยี่ยงนี้”
คำของหม่อมหม่อมมะลิทำให้แพรวายิ้มเย็นก่อนที่จะเอ่ย
“ฉันไม่เคยบังคับพระองค์ท่านให้อยู่แต่กับฉัน หม่อมก็คงเคยได้ยินรับสั่งของท่านแล้วไม่ใช่หรือ และหม่อมก็คงรู้ว่าไม่มีใครไปบังคับพระทัยท่านได้ ถ้าท่านไม่โปรดที่จะทำอะไร”
“คุณหญิงใช้เล่ห์กลเสน่ห์อันใดรึ ถึงทำให้ฝ่าบาททรงหลงใหล ถ้าไม่ใช่เสน่ห์นางพราย เพราะพระองค์ท่านก็สำราญพระหทัยทุกครั้งที่พวกเราปรนนิบัติถวาย รับสั่งชมไม่ขาดโอษฐ์ว่าทรงสำราญในเสน่หาทุกครั้งที่เสด็จมา และก็ทรงทำให้พวกเรามีความสุขร่วมด้วยทุกครั้งครา พระองค์ทรงเสน่หากับพวกเราทุกเวลาที่ต้องพระประสงค์ พวกเราก็ไม่เคยบ่ายเบี่ยง ยอมมอบกายถวายให้ทุกยามที่โปรดจะหาความสำราญ” หม่อมเรียมเอ่ยขึ้นเหมือนจะบอกเล่าความสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่หนหลัง
“เสน่ห์เล่ห์กลอันใดในโลกนี้ ถึงมีก็ไม่ยั่งยืน แต่ความรักในหัวใจปฏิพัทธ์ต่อกันต่างหาก ที่จะยั่งยืนตลอดไป และจะไม่มีอะไรมาลบเลือนไปจากหัวใจได้ ฉันอธิบายได้เท่านี้แหละ”
“คุณหญิงจะบอกพวกเราว่าทรงสนิทเสน่หาเพราะความรักสินะ คุณหญิงไม่คิดบ้างรึว่าผู้ชายก็เป็นเยี่ยงนี้ จะหลงของใหม่สักกี่เวลาทีเดียวเชียว ทรงหลงของใหม่ทุกคราที่มีคนใหม่มาถวายตัว และอีกหน่อยก็จะมีคนนำลูกสาวมาถวายตัวอีกมากมาย คุณหญิงก็จะเจ็บและถูกทอดทิ้งเยี่ยงพวกเรา และหากวันนั้นมาถึงเมื่อไร คุณหญิงก็จะรู้ว่าพวกเรารู้สึกเจ็บปวดเยี่ยงไร”
“ขอบใจที่บอก”
นมเอิบเข้ามายุดข้อมือแพรวาอีกครั้ง สีหน้าของบ่าวชราไม่สบายใจนัก เพราะรู้ว่าพวกหม่อมใส่ไฟหมายจะให้คุณหญิงคิดมาก
“กลับตำหนักเถอะเจ้าค่ะ สายแล้วนะเจ้าคะ แล้ววันพรุ่งค่อยมาใหม่ ตอนนี้ไปหัดร้อยมาลัยกันดีกว่าเจ้าค่ะ คุยมากก็มากความเจ้าค่ะ”
หม่อมรื่นเอ่ยออกมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะหยันน้อยๆ
“คุณหญิงรับเสน่หาแทนพวกเราทั้งสี่คนไหวรึเจ้าคะ คงจะบอบช้ำมากสินะเจ้าคะ ที่มิเคยทรงเว้นวาย”
“สมควรแล้วที่พระองค์ท่านจะรับสั่งตำหนิพวกหม่อมเรื่องกินในที่ลับไขในที่แจ้ง ฉันจะเสน่หากับพระองค์เช่นไรก็อยู่ที่ฉันกับพระองค์เท่านั้น คงมิต้องแจ้งให้ผู้ใดมารับรู้ เพราะเป็นเรื่องที่อิสตรีควรละอายมิใช่หรือ หรือว่าพวกหม่อมไม่เคยมีความละอาย ทั้งที่ทุกคนก็ดูมีชาติตระกูลดี”
แพรวาโต้กลับทันควันก่อนจะหันหลังเดินกลับตำหนัก ซึ่งคำติเตียนของเธอทำให้นมเอิบรู้สึกสะใจ ที่คุณหญิงแพรวาตอกกลับได้อย่างเจ็บแสบ ทำให้บรรดาหม่อมถึงกับกรีดร้อง เต้นเร่าๆ
*บรรดาหม่อมหาญกล้าขนาดนี้ พระองค์ชายจะทรงทำอย่างไรต่อไป แพรวาจะสะเทือนใจเพียงไรกับคำของหม่อมๆ ปีร์ล่ะเขาค้นพบอะไรบ้างจากการค้นคว้าติดตามหาแพรวา จากหน้าประวัติศาสตร์ มีเรื่องราวให้ลุ้นกันทุกตอนมาติดตามกันค่ะ*
@มาเป็นแฟนพันธ์แท้กันนะคะสำหรับหนังสือ2เล่ม
คอมเม้นท์มาติชมให้กำลังอีก2เล่มค่ะ
ประกาศผลวันที่5เมษายนโดยการสุ่มจับค่ะ
โหลดอ่านในรูปแบบebookได้แล้วนะคะ
![]() |
|
1 ความคิดเห็น