ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #22 : บทที่22

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 819
      145
      16 ก.ย. 64

    ทันทีที่ข่าวเรื่องผู้ล่านับพันบุกสวนสนุกเปิดใหม่แพร่กระจายออกไปก็ทำให้หลายป้อมต่างตื่นตระหนกและวิ่งวุ่นหาทางรับมือ แต่ในบรรดานั้น ป้อมไป่เหอและป้อมเพ่ยเพ่ย ทั้งสองป้อมเป็นป้อมหลักที่ทำหน้าที่ในการปราบปรามกลุ่มผู้ล่าเหล่านั้น ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับป้อมไป่เหอที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ทำให้การกำจัดพวกผู้ล่าในสวนสนุกเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเพียงสามวันเท่านั้น ผู้ล่าที่หลุดเข้าไปในสวนสนุกก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้น

    เดิมข่าวนี้นับเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ทางฝ่ายป้อมไป่เหอกลับไม่มีทีท่าดีใจกับผลงานที่ทำสักเท่าไหร่ หลังจากส่งคนมาตรวจเช็คบริเวณรอบสวนสนุกอยู่หลายหนก็พากันจากไปเงียบๆ

    “ผมให้คนตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วครับ ไม่พบตัวเขาครับ”

    เสียงรายงานจากหลงคุนดังขึ้นในห้องทำงาน แต่แม้สีหน้าท่าทางรวมทั้งน้ำเสียงของผู้พูดจะสงบนิ่งแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้ไอเย็นยะเยือกที่ถูกปล่อยมาจากร่างใครบางคนเบาบางลงแม้แต่น้อย

    “สามวัน...แล้ว”

    หลังความเงียบงันชั่วอึดใจถ้อยคำห้วนสั้นที่ถูกหล่าวด้วยน้ำเสียงเน้นหนักก็ได้ดังขึ้น หลงคุนเหยียดแผ่นหลังตรงเมื่อทราบดีถึงความหมาย ตอนนี้ผ่านจากวันที่สวนสนุกแห่งนั้นถูกผู้ล่ารุกรานมาสามวันแล้ว แต่คนที่หายไปกลับยังคงไม่กลับมา

    ยังไม่กลับมา หรือว่า...กลับมาไม่ได้แล้ว?

    หลงคุนยกมือดันแว่นเงียบๆ เขาไม่กล้าเอ่ยความคาดเดาของตัวเองออกไป เพราะอันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องพูดออกมา เรื่องที่เขาคิดได้มีหรือที่เจ้านายน้อยที่นับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะตั้งแต่เด็กอย่างเซียงเว่ยจะคิดไม่ได้ ในสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายแบบนั้น โอกาสที่กู่หนิวจะประสบเคราะห์ร้ายย่อมมีมากกว่าโชคดี...

    เฮ้อ...

     

    ไกลห่างจากป้อมไป่เหอไปทางฝั่งตะวันตก ณ ห้องริมสุดชั้นสามในอพาทเมนต์ร้างใกล้เขตเมืองB ชายผู้ประสบเคราะห์ร้ายอย่างกู่หนิว ยามนี้กำลังคิดถึงความเป็นไปได้อันน่าหดหู่

    คงจะไม่ได้กินนมสตรอเบอรี่อีกแล้วสินะ?

    คงไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะคิดเช่นนี้ เมื่อยามนี้ตัวเขาถูกเคลื่อนย้ายออกมานอกเขตเมืองS และกำลังมุ่งหน้าตรงสู่เขตเมืองB ซึ่งอยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์ กู่หนิวไม่คิดว่านอกจากป้อมไป่เหอแล้วจะยังมีคนสนใจทำนมสตรอว์เบอร์รี่ขายอีก และด้วยสถานะที่ไม่ค่อยต่างอะไรจากเหยื่อที่ถูกลักพาตัวตอนนี้ เขาจึงแน่ใจว่าตัวเองคงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องขอกลับไปตุนนมสตอว์เบอรี่ที่ป้อมไป่เหอ

    เฮ้อ... ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้น่าจะแลกมาตุนไว้หลายๆขวดแล้ว

    กู่หนิวถอนใจอย่างโศกเศร้า ขณะเท้าคางมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็นดวงจันทร์สีแดงทั้งเจ็ดที่ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้าหม่นซึ่งนับวันยิ่งดูแดงฉาน หรือจะเป็นเงาร่างลึกลับของเหล่าผู้ล่านับไม่ถ้วนที่ร่อนเร่ไปทั่วบริเวณ ทั้งหมดนั่นเมื่อเข้ามาอยู่ในครรลองสายตายิ่งนำพาให้กู่หนิวซึมซาบกับบรรยากาศยุคสิ้นโลกที่เดิมห่างหายไป

    ทิวทัศน์ที่ได้เห็นทำให้คนร่างโตนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ป้อมไป่เหอ ที่แห่งนั้น แม้จะต้องเจอกับเหล่าผู้ล่าเหมือนกัน แต่ความรู้สึกกลับแตกต่าง เขาไม่เคยรู้สึกวังเวงและอ้างว้างเหมือนอย่างตอนนี้

    เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ภาพใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มผมเงินก็ปรากฏขึ้นในห้วงคิด

    แกร๊งๆ! แกรกๆ กึง!

    “เอ้า ออกมาได้แล้ว”

    กู่หนิวหันมองตามเสียงเรียก บานประตูทางเข้าที่เดิมถูกล็อคจากด้านนอกค่อยๆ เปิดออก โดยเจ้าของเสียงที่ได้ยินเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำที่ไม่เคยพบหน้า อีกฝ่ายอยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทาเข้มกับกางเกงลายทหาร บนใบหน้าที่ดูดุดันและแข็งกร้าวมีรอยแผลเก่าจากของมีคมกรีดลึกตั้งแต่หัวคิ้วซ้ายลากผ่านสันจมูกไปจดปลายคาง

    แม้จะไม่รู้ชื่อ แต่กู่หนิวเข้าใจสถานะของอีกคนดี ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นเดินตรงไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่มีทีท่าขัดขืน และเมื่อก้าวพ้นบานประตูที่กักขังเขาไว้เกือบสามวันเต็ม สิ่งที่รอเขาอยู่คือ...

    “ยินดีต้อนรับน้องใหม่!

    คำกล่าวแสดงความยินดีมาพร้อมเสียงพลุกระดาษที่ถูกยิงออกมาพร้อมกัน โดยมีแกนนำเป็นเด็กหนุ่มผมแดงที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง กู่หนิวยิ้มรับแกนๆ ขณะมองกลุ่มคนตรงหน้าที่ไม่กี่วันก่อนยังมีสถานะเป็นโจรลักพาตัวอย่างพูดไม่ออก ซึ่งสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้...คงต้องย้อนกลับไปยังหนึ่งวันหลังจากเขาถูกโจมตีจนสลบไป

    ในวันนั้นเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในห้องนี้ด้วยอาการปวดต้นคอบวกกับหิวจัด คนแรกที่เขาเห็นหลังลืมตาคือใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของไป๋หยาง

    “พี่หนิว! ขอโทษน้า ไม่นึกเลยว่าหลางหลางจะมือหนักคุมแรงไม่อยู่ เดี๋ยวเอาสีเหลืองไปกินนะ”

    คำว่า คุมแรงไม่อยู่ ทำให้กู่หนิวที่รับคริสตัลสีเหลืองมาจากมือไป๋หยางตัวสั่น หวนนึกถึงร่างโชกเลือดของผู้โชคร้ายภายใต้เงื้อมมือไห่หลางที่เคยเห็นเมื่อครั้งก่อนนู้นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ยังมีโอกาสลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

    “เอ่อ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลังตั้งสติได้กู่หนิวก็สอบถามสถานการณ์อย่างใจเย็น แม้ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนวูบไปจะไม่ใช่ภาพที่น่าดูเท่าไหร่ก็ตาม แต่เมื่อตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ ก็หมายความว่าไป๋หยางคงยังไม่ได้คิดฆ่าแกงกันจึงนับว่ายังพอเจรจากันได้อยู่

    ฝั่งไป๋หยางเมื่อได้ยินคำถามก็ฉีกยิ้มกว้าง

    “จากนี้ไป พี่หนิวเป็นพวกเดียวกับพวกเราแล้วนะ!

    กู่หนิวยังคงไม่เข้าใจความหมายที่ไป๋หยางต้องการสื่อ แต่เมื่อไห่หลางและสมาชิกคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาพูดคุยด้วยก็ทำให้ร่างหนาค่อยๆ เข้าใจสถานการณ์

    ดูเหมือนว่าเขาจะไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้า ดังนั้นไป๋หยางจึงจับตัวเขากลับมา และเนื่องจากอีกฝ่ายไม่อยากฆ่าเขาเลยตัดสินใจรับเขาเข้าเป็นพวกแทน

    บทสรุปดูง่ายดายอย่างเหลือเชื่อ กู่หนิวมองภาพรวมแล้วก็ตัดสินใจตามน้ำไป เพราะเขาไม่มีปัญญาขัดขืนอยู่แล้ว

    แม้จะแอบเสียดายอยู่เล็กน้อย เพราะในยุคสิ้นโลกแบบนี้ ป้อมไป่เหอก็เปรียบเหมือนสวรรค์เล็กๆ ที่มนุษย์มากมายอยากไปเยือน แต่ชีวิตคนเราก็แบบนี้ล่ะนะ

     กู่หนิวที่ทำใจได้ตกลงเข้าร่วมกับพวกไป๋หยางอย่างรวดเร็ว และเมื่อเป็นอย่างนั้น ไป๋หยางที่ดีใจมากจึงได้เตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับให้ แม้กู่หนิวจะเกรงใจ แต่สามวันถัดมางานเลี้ยงที่ว่าก็ได้ถูกจัดขึ้น

    กู่หนิวดึงสติตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบัน เขาเดินตามกลุ่มไป๋หยางไปยังห้องตรงข้ามซึ่งอีกฝ่ายได้จัดเตรียมงานเลี้ยงไว้ให้ แต่ถึงจะบอกว่างานเลี้ยง กลุ่มไป๋หยางไม่มีใครที่มีพลังพิเศษแบบหลงคุน ทั้งกลุ่มนี้ก็เป็นแค่กลุ่มเล็กๆไม่เหมือนกับพวกป้อม ดังนั้นอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้จึงมีแต่พวกโจ้กและซุปเหลว...

    มองดูอาหารบนโต๊ะสลับกับบรรดาชายฉกรรจ์หน้าตาดุดัน ร่างกายสูงใหญ่กำยำ และมีกลิ่นอายน่าเกรงขามแบบคนเคยผ่านสมรภูมิเลือดมานับครั้งไม่ถ้วนที่นั่งอยู่รายล้อม แล้วนึกเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่ได้ทานข้าวกับเซียงเว่ยตอนอยู่ป้อมไป่เหอ...

    เหมือนหนังคนละม้วนจริงๆ

    กู่หนิวไล่ภาพในหัวทิ้ง พลางนึกปรามาสตัวเองในใจที่เหมือนจะถูกเซียงเว่ยเลี้ยงดูจนเสียคนไปแล้ว ทั้งที่ในยุคสิ้นโลกแบบนี้ อาหารมันหายากแค่ไหน นึกย้อนกลับไปก่อนจะย้ายมาป้อมไป่เหอก็น่าจะรู้ การที่อีกฝ่ายยินดีแบ่งปันอาหารที่มีมาจัดเลี้ยงต้อนรับให้แบบนี้ก็นับว่ามีน้ำใจมากพอแล้ว

    พอคิดแบบนั้นกู่หนิวก็ลงมือกินโจ้กเหลวตรงหน้าทันที แต่หมดไปจานหนึ่งแล้วเขาก็ยังรู้สึกหิวอยู่ กู่หนิวคิดคำนวณในใจ

    ไว้ตอนนอนค่อยแอบเอาเนื้อกระป๋องที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้ออกมากินแล้วกัน อืม นมสตรอว์เบอรี่ก็ยังเหลืออยู่ แต่ก็ไม่เยอะแล้ว ต้องกินประหยัดๆหน่อย...

    “อาหารถูกปากรึเปล่าคะ?”

    กู่หนิวแอบสะดุ้งเมื่อถูกทัก เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวลายแพนด้าทับชุดไปรเวทที่เป็นชุดวันพีชสีน้ำเงินกระโปรงยาวคลุมเข่าเอาไว้ ใบหน้าของอีกฝ่ายดูสวยหวาน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนอ่อนๆที่ถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าขับให้โครงหน้าอีกฝ่ายดูชัดเจนยิ่งขึ้น โดยไฝแดงเม็ดเล็กใต้หางตาซ้ายช่วยเสริมเสน่ห์กับดวงตาคู่สวยที่ให้ความรู้สึกชวนรักใคร่สงสาร จากองค์ประกอบโดยรวมหญิงสาวตรงหน้าจึงให้ความรู้สึกอ่อนโยนนุ่มนวลคล้ายเฉ่าเหมย แต่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า และจากการแนะนำตัวก่อนหน้านี้ทำให้รู้ว่าเธอชื่อ เหอชิง ตอนกู่หนิวได้ยินชื่อก็แอบรู้สึกคุ้นหูอยู่ แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหน

    “เอ่อ ครับ”กู่หนิวตอบรับคำพร้อมโค้งศีรษะลงน้อยๆ อย่างมีมารยาท ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยรอยยิ้ม

    “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่อิ่มสามารถขอเติมได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”

    “ขอบคุณครับ”กู่หนิวพูดตอบไป แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าเขาจะไม่เติมอีก เพราะเสบียงทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่คนอื่นหามา เขาที่เป็นคนใหม่ไม่ควรเอาเปรียบน้ำใจคนอื่น หลังกินกันเสร็จก็เข้าสู่ช่วงประชุมแผนการ ก่อนนี้กู่หนิวรู้มาแค่คร่าวๆ ว่าไป๋หยางจะไปเมืองB แต่จะไปทำอะไรนั้นเขาไม่รู้

    ทว่าไม่นานเขาก็ได้รู้

    “ทางฉันพอจะสืบข่าวมาบ้างแล้ว ทางกลุ่มที่เมืองB มีหลายป้อมที่ทำการกดขี่ทารุณพวกผู้หญิงและเด็ก ส่วนพวกผู้ชายจะถูกใช้เป็นเหยื่อล่อผู้ล่าไม่ก็ทัพหน้า ใครที่ขัดขืนหรือคิดหนีจะถูกเชือดทิ้งแล้วโยนให้พวกผู้ล่ากินเป็นตัวอย่าง รายชื่อที่สืบมาแน่ชัดแล้วก็มีป้อมปู้ซี ป้อมเส้าหมิง ป้อม...”

    กู่หนิวไม่ได้สนใจชื่อที่ถูกกล่าวมาจากปากชายชุดเทา เพราะเขากำลังอึ้งกับคำว่า ทารุณ กับเหยื่อล่อ และเมื่อได้ยินรายละเอียดที่มากขึ้นเขาก็ต้องตะลึง เพราะเขาคิดว่าเรื่องแบบนั้นไม่ควรเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่หนังหรือเกมนะ แค่ชีวิตที่เป็นอยู่นี่ก็ยากลำบากพอแล้ว ทำไมถึงต้องไปบีบบังคับจนคนมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายด้วย? แต่สิ่งที่ชวนตะลึงมากที่สุดกลับเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของไป๋หยาง

    “งั้นรอบต่อไป ไปทำลายป้อมพวกนั้นแล้วกัน ส่วนป้อมที่เหลือฝากพวกลุงเมิ่งตรวจสอบด้วยนะฮะ"

    ...ทำลาย?

    กู่หนิวนิ่งอึ้ง ขณะที่คนอื่นเพียงพยักหน้ารับ ชายชุดเทาที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าเหลือบสายตามาทางสมาชิกใหม่แล้วโพล่งถาม

    “แล้วคนใหม่นี่...จัดการยังไง?”

    กู่หนิวแอบเสียวสันหลังเมื่อถูกสายตาคมกริบของอีกฝ่ายจ้องมอง แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้สำหรับคำถาม เพราะเขาเป็นคนใหม่จึงยังไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ ทว่าคำตอบของไป๋หยางกลับผิดคาดหมาย

    “พี่หนิวก็ไปกับพวกผมด้วย!

    เมื่อได้คำตอบนี้ชายชุดเทาหรือลุงเมิ่งก็เหลือบมองกู่หนิวรอบหนึ่งแล้วพยักหน้าให้ไป๋หยาง

    “ตามใจแล้วกัน”

    กู่หนิวยังคงสับสนแม้แต่ตอนที่ขึ้นรถยนต์สี่ประตูสีเหลืองขึ้นมานั่งเบาะหลังโดยมีไป๋หยางนั่งประกบทางซ้าย ขณะที่ไห่หลางทำหน้าที่เป็นคนขับรถ กู่หนิวขบคิดอยู่นานสุดท้ายเมื่อใกล้เข้าเขตเมือง B เขาก็ตัดสินพูดถามออกไป

    “ไป๋หยาง ไห่หลาง ที่คุยกันเมื่อวันก่อน เรื่องทำลายป้อมอะไรเนี่ย หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ?”

    ไห่หลางเหลือบมองกลับมาทางกระจกแต่กลับไม่ยอมพูดตอบ ขณะที่ไป๋หยางตอบคำถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

    “พวกเรากำลังจะไปทำลายป้อมไม่ดี เพื่อกำจัดคนเลวไง!

    เรื่องป้อมไม่ดียังไงนี่กู่หนิวพอจะได้ยินมาบ้าง แต่ที่เขาตั้งใจถามไม่ใช่เรื่องนั้น

    “...ไม่ใช่ ผมหมายถึง วิธีที่จะใช้ทำลายป้อมน่ะ?”

    “อ๋อ อันนั้นง่ายๆ เดี๋ยวให้พวกผู้ล่าบุกเข้าไปก็เรียบร้อย”ไป๋หยางตอบง่ายๆ แต่คนฟังแบบกู่หนิวกลับตัวแข็งทื่อ แม้เขาพอจะคาดเดาไว้ก่อนแล้วก็ตาม แต่...ใช่จริงๆสินะ

    ไป๋หยาง...คือคนที่สั่งการให้พวกผู้ล่านับพันบุกโจมตีป้อมจริงๆ

    จำนวนป้อมที่ถูกตีแตกมีเท่าไหร่ เขาจำไม่ได้แล้ว แต่ในบรรดานั้นป้อมใหญ่ๆที่มีคนนับร้อยอาศัยก็ล้วนถูกเก็บกวาดไม่เหลือ

    จริงสิ ในรายชื่อป้อมพวกนั้นมีป้อมหลูโจวกับป้อมฉางชิงด้วยนี่ ป้อมหลูโจว หน่วยสเลเยอร์? ป้อมฉางชิง คุณหนู...เหอชิง?

    กู่หนิวปะติดปะต่อเรื่องราว เขาจำได้เลือนรางว่ากลุ่มสเลเยอร์และคุณหนูเหอชิงหายตัวไปก่อนป้อมถูกบุกโจมตี นี่เป็นเพราะพวกเขาถูกไป๋หยางพาตัวออกมาก่อน หรือว่าแอบร่วมมือกันตั้งแต่แรกกันแน่?

    แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...

    “ไป๋หยาง”

    “ไม่เอา พี่หนิวเรียกผมเสี่ยวหยางสิ!

    กู่หนิวชะงัก แต่ก็ยอมตามใจ เพราะเขามีเรื่องสำคัญจะพูดกับอีกฝ่าย

    “เสี่ยวหยาง”

    “ครับ พี่หนิว”ไป๋หยางฉีกยิ้มเริงร่า ซึ่งนอกจากวันนั้นที่สวนสนุก เขาก็เหมือนจะไม่เคยอีกฝ่ายทำสีหน้าแบบอื่นเลย

    “นายรู้ไหมว่าตอนที่ป้อมถูกพวกผู้ล่าตีแตกแต่ละครั้ง...มีคนตายกี่คน?

    -----------------------------------------

    สายดองรายงานตัวo (≧▽≦) o

    เอ... สายสตรองยังอยู่กันรึเปล่าน้า? (⺣◡⺣)?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×