ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่19

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.31K
      248
      9 ก.ย. 64

    พอกลับมาถึงป้อม พวกเขาก็รีบเข้าประชุมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้ หลงคุนฟังรายงานทั้งหมดจบก็สอบถามขึ้นเสียงเคร่ง

    “แล้วคนที่โดนกัดมือไปนั่น เป็นยังไงบ้าง?”

    คำถามฟังดูห่วงใย แต่กู่หนิวและคนที่เหลือต่างเข้าใจถึงต้นตอความกังวลของหลงคุน

    “ยังไม่แสดงอาการติดเชื้อ ตอนนี้กำลังเฝ้าระวังอยู่ครับ”หลงจูพูดตอบด้วยเสียงเคร่งไม่แพ้กัน หลงคุนนิ่วคิ้วแล้วหันมองทางเซียงเว่ยที่ใบหน้ายังดูสงบนิ่ง เซียงเว่ยเมื่อเห็นสายตาของหลงคุนก็พยักหน้าหนึ่งที คนจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ดันแว่นตาแล้วกล่าวเสียงเข้มงวด

    “เฝ้าระวังต่อไป ตรวจสอบคนที่กลับมาด้วยว่ามีใครถูกพวกสุนัขนั่นทำร้ายอีกรึเปล่า แล้วก็...หลังจากนี้ห้ามใครไปล่าแถวเขตตลาดเก่าและรอบๆ บริเวณนั้นอีก จนกว่าจะตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อย”

    “เข้าใจแล้วครับ”หลงจูตอบรับ บทสนทนาดูคล้ายจะสิ้นสุดอยู่แค่นี้ แต่แล้วเซียงเว่ยกลับส่งเสียงขึ้น

    “หนิว”

    “ครับ?”กู่หนิวตอบรับโดยสัญชาตญาณ เขาหันหน้าไปหาคนที่ยืนข้างๆ อย่างรอรับคำสั่ง ซึ่งเซียงเว่ยเปิดปากพูดอย่างช้าๆ

    “หิวแล้ว”

    กู่หนิวนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ แต่เมื่อสบกับนัยน์ตาสีฟ้าที่มองตรงมา เขาก็ได้แต่ตอบรับอย่างอ่อนใจ

    “...เดี๋ยวผมจะไปทำอะไรมาให้ทานนะครับ”

    กู่หนิวพูดจบก็หันไปโค้งศีรษะให้กับหลงคุนแล้วเดินเข้าไปห้องครัวที่อยู่ข้างๆ ซึ่งทันทีที่เงาร่างหนาหายลับไปหลังบานประตู เซียงเว่ยก็หันมากล่าวกับคนที่มีสีหน้าอึ้งงันที่เหลือ

    “พวกมันกินศพ”

    “ครับ? ศพ?”หลงคุนทวนคำพลางใช้สมองขบคิดถึงความหมายของเซียงเว่ย ก่อนเขาจะขมวดคิ้วแล้วถามเซียงเว่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

    “คุณชายหมายความว่า...สุนัขพวกนั้น กิน ผู้ล่าด้วยงั้นเหรอครับ?”

    หลงจูที่ได้ฟังก็นึกตระหนกขึ้นมาเช่นกัน ลองนึกย้อนดูแล้ว ในย่านตลาดเก่าที่ไปวันนี้พวกเขาไม่พบเจอผู้ล่าหรือกระทั่งซากศพแม้แต่ร่างเดียว ที่จริงจุดนี้น่าสงสัยเป็นอย่างมาก แต่ด้วยร้อนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขาเผลอละเลยความผิดปกติดังกล่าวไปเสียสนิท

    ว่าแต่ นี่...นับเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายกันนะ?

    หากสุนัขกินคนพวกนั้นกินได้กระทั่งผู้ล่า พวกมันย่อมเป็นตัวอันตรายอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกัน พวกมันก็จะเป็นกำลังสำคัญในการกำจัดพวกผู้ล่า ขอแค่พวกเขาสามารถควบคุมพวกมันได้เท่านั้น...

    แกร้ก

    กู่หนิวที่เดินกลับมาพร้อมเกี๊ยวน้ำสองชามสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหนักอึ้งในห้อง แต่เขาก็ไม่ได้สืบสาวเรื่องราวอะไร ชายหนุ่มพียงส่งชามเกี๊ยวให้กับคนผมเงินพร้อมพูดเตือนเบาๆ

    “ระวังร้อนนะครับ”

    เซียงเว่ยมองคนร่างโตมีสีหน้าท่าทางเอาใจใส่ด้วยแววตาอ่อนแสง มือขาวเนียนยื่นออกไปรับชามมา ก่อนส่งเสียงตอบรับคำ

    “อืม”

    หลงคุนและหลงจูรับรู้ได้ว่าบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนจึงพากันปลีกตัวออกมา กว่ากู่หนิวจะหันไปถามทั้งคู่ว่าจะรับเกี๊ยวน้ำด้วยรึเปล่า ก็เห็นแค่เงาหลังของทั้งสองคนไวๆ และเพราะเรียกไม่ทันเขาจึงนั่งกินเกี๊ยวน้ำที่นับว่าเป็นมื้อเย็นในห้องด้วยกันกับเซียงเว่ยสองคน

    วันถัดมาก็มีประกาศลงมา หลงคุนได้แจ้งคนในป้อมไม่ให้เข้าไปป้วนเปี้ยนแถวย่านเขตเก่า ซึ่งประกาศนี้มีคนไม่น้อยที่ไม่พอใจ

    “แม่ง! ประกาศเหี้ยอะไรวะ!”เสียงสบถไม่ดังไม่เบาดังมาจากด้านหลัง กู่หนิวหันไปมองก็ร้องอ้อในใจเบาๆ

    เพราะคนที่ส่งเสียงไม่พอใจเมื่อครู่คือหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกพวกสุนัขเล่นงานเมื่อวาน กู่หนิวมองคนที่เสียมือไปอย่างพอจะเข้าใจความรู้สึก ไม่ว่าใครหากต้องสูญเสียส่วนหนึ่งของร่างกายไปอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ต้องรู้สึกแย่ด้วยกันทั้งนั้น

    เพียงแต่แม้เขาจะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย แต่ก็เข้าใจเหตุผลของหลงคุนด้วย พวกสุนัขเมื่อวานกินเนื้อคนและมีจำนวนไม่น้อย ทั้งพวกมันยังเชี่ยวชาญในการล่าคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรสุ่มสี่สุ่มห้าเดินดุ่ยๆ เข้าไปในอาณาเขตของพวกมันจนกว่าจะมีวิธีรับมือที่ดีพอ

    มองดูคนที่กำหมัดซ้ายแน่นพลางขบฟันแล้ว กู่หนิวก็ได้แต่ภาวนาและหวังว่าเจ้าตัวจะเข้าใจเหตุผลของหลงคุนไวๆ

    ดูเหมือนเรื่องสุนัขกินคนจะทำให้เรื่องการทดสอบอาวุธและการออกล่าเกิดการชะงัก พักนี้ทั้งเซียงเว่ยและตัวเขาไม่ได้ออกล่าเท่าไหร่ แม้แต่คนในป้อมเองก็ได้รับอนุญาตให้ออกไปล่าแค่ใกล้ๆเท่านั้นทั้งยังต้องรวมกลุ่มไม่ต่ำกว่าสิบคน วันแต่ละวันดูสงบสุข กู่หนิวที่ดูแลพวกดอกไม้เสร็จแล้วก็เตรียมตัวลงไปซื้อนมสตรอว์เบอรี่กินอย่างเช่นทุกวัน เพียงแต่ระหว่างทางเขาดันเจอเข้ากับเหตุการณ์บางอย่าง

    ณ มุมหนึ่งบริเวณทางเดิน ภาพคนกลุ่มหนึ่งยืนปิดล้อมร่างหนึ่งไว้กลางวงชวนให้นึกถึงเรื่องไม่ดี ยิ่งทั้งสองฝ่ายดูจะมีปากเสียงกันด้วยแล้ว... กู่หนิวมุ่นคิ้วเมื่อไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นที่ป้อมนี้ เขานึกถึงครั้งก่อนที่ตัวเองออกตัวขัดขวางการเล่นสนุกของสมาชิกระดับสูงของป้อมเหลียงตี้จนเป็นเหตุให้ถูกหมายหัวอยู่พักใหญ่ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจก่อนสาวเท้าตรงไปหากลุ่มคนที่เหมือนจะมัวแต่จดจ่ออยู่กับร่างตรงกลางวงจนไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบข้าง

    “ไอ้หนูนี่ อย่าทำซ่าไปหน่อยเลย คิดเหรอว่าแค่แกทำผลงานได้ดีนิดหน่อยแล้วจะมาอวดเก่งกับพวกฉันได้?”

    “ใช่ อย่ามาจุ้นไม่เข้าเรื่อง หรือว่าแกอยากเป็นเหยื่อพวกซอมบี้ด้านนอกนั่น?”

    กู่หนิวชะงักเท้า เพราะคำว่า ซอมบี้ ที่ไม่ได้ยินมาหลายปีแล้ว หลังเหตุการณ์ที่ผู้คนพากันกลายเป็นสัตว์ประหลาดกินเนื้อ ซึ่งดูละม้ายคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในเกมหรือหนัง คนไม่น้อยที่ดูถูกพวกผู้ล่าเพราะคิดว่ามันเป็นซอมบี้โง่ๆให้ล่า ด้วยความประมาทครั้งนั้นจึงก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่

    กู่หนิวหลับตาเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาบังเอิญได้เห็นเมื่อครั้งอดีต ฉากนองเลือดที่ผู้คนนับร้อยพันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังยังคงหลอกหลอน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้คนเปลี่ยนคำเรียกขานสัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดจากฝนสีเลือด

    ผู้ล่า

    ถ้อยคำที่คอยย้ำเตือนไม่ให้ผู้คนหลงระเริงและประมาท กู่หนิวไม่คิดจริงๆว่าจะมาได้ยินคำว่าซอมบี้อีกครั้งที่ป้อมไป่เหอแห่งนี้ แต่นั่นก็คล้ายจะไม่สำคัญเท่ากับคำพูดที่เขาได้ยินต่อมา

    “เหยื่อซอมบี้? น่าจะเป็นพวกลุงมากกว่า ดูจากพฤติกรรมโง่ๆที่บอกว่าจะออกไปล่าพวกสุนัขนั่น ทั้งที่ทางบอสสั่งห้ามลงมา พวกลุงนี่...น่าจะมีสมองไว้ขั้นหูแน่ๆเลย”

    เสียงคนพูดฟังคุ้นๆ และก็ไม่ผิดเมื่อเขาได้เห็นเรือนผมสีแดงกับฮู้ดสีเหลืองสดใสของไป๋หยาง

    “แกพูดอีกรอบซิ!”

    “ให้พูดอีกรอบก็ได้ พวกลุงมีสมองไว้ขั้นหู ได้ยินรึยัง? เอาอีกรอบไหม?”คนพูดกะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ แต่ท่าทางนั้นดูจะไม่ได้น่ารักในสายตาฝ่ายตรงข้ามเท่าไหร่ กู่หนิวเห็นคนในกลุ่มเรียกพลังออกมาและทำท่าจะลงมือจึงรีบก้าวออกไปห้าม

    “เกิดอะไรขึ้นครับ? เสียงดังกันใหญ่เลย”กู่หนิวทำสีหน้าไม่รู้เรื่องขณะแทรกตัวเข้าไปขวางหน้าไป๋หยาง คนอื่นๆเมื่อเห็นผู้มาใหม่ก็สีหน้าเปลี่ยน หลังแลกเปลี่ยนสายตากันในกลุ่มก็พากันถอยจากไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ และยังไม่วายส่งสายอาฆาตใส่ร่างผอมบางที่อยู่ด้านหลังคนตัวโต

    กู่หนิวเห็นว่าเรื่องไม่บานปลายก็ถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนหันกลับมามองไป๋หยางที่ยืนเอียงคอมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

    “คราวหลังอย่าเข้าไปยุ่งกับพวกคนเมื่อกี้อีกนะครับ มันอันตราย”กู่หนิวพูดเตือนเด็กหนุ่มร่างบางที่ดูจะไม่ค่อยกลัวอะไรอย่างกังวล

    “อันตราย? ยังไง?”นัยน์ตาโตสีออกเขียวกะพริบปริบๆ อย่างดูจะไม่เข้าใจอะไรซะเลย กู่หนิวเกาหัวแกรกๆ แล้วอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังด้วยน้ำเสียงหวังดี

    “พวกเขามีกันหลายคน ต่อให้ไป๋หยางจะเก่งแค่ไหนก็ต้องระวังตัวนะ และจะดีที่สุดถ้าไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขา เข้าใจไหมครับ?”

    “งืม”ไป๋หยางก้มหน้าพลางส่งเสียงตอบรับแบบที่ฟังไม่ออกว่าเข้าใจหรือว่าไม่เข้าใจ กู่หนิวถอนหายใจ เพราะเขาก็ทำได้แค่เตือน ถ้าไป๋หยางไม่ฟัง เขาเองก็คงทำอะไรไม่ได้

    “ถ้ายังไงก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ผมไปก่อนนะครับ”กู่หนิวนึกถึงจุดหมายปลายทางของตัวเองได้จึงขอตัวลา แต่เขาก้าวขาออกไปได้ไม่ถึงสามก้าวก็ถูกคนกระโดดเกาะหลัง ซึ่งน้ำหนักที่โถมเข้าใส่ทำเอาคนร่างโตตัวเซไปด้านหน้าจนเกือบล้มคะมำ

    กู่หนิวตกใจกับการถูกพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เพราะสัมผัสไม่ได้ถึงเจตนาร้าย คนตัวโตจึงแค่สอบถามด้วยเสียงที่พยายามทำเป็นใจเย็น

    “มีอะไรรึเปล่าครับไป๋หยาง?”

    “เรียกผมเสี่ยวหยาง!”คนส่งเสียงพูดทั้งที่ยังเกาะหลังเขาไว้ไม่ปล่อย ซึ่งลมหายใจและเสียงที่จ่อประชิดหูทำให้กู่หนิวรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังตอบไป

    “ดะ ได้ เสี่ยวหยาง แล้วตกลงว่ามีอะไรรึเปล่าครับ?”

    “ไปด้วย!

    “เอ๊ะ”กู่หนิวอุทาน ก่อนอีกฝ่ายจะพูดซ้ำ

    “ไปด้วย!

    “เอ่อ ผมจะไปซื้อนมนะ...”กู่หนิวพูดไม่ทันจบคนด้านหลังก็ส่งเสียงแทรกอย่างไม่ยอมถอย

    “ไปกัน!

    และแล้วกู่หนิวซึ่งโดนไป๋หยางที่แปลงร่างเป็นลูกลิงเกาะติดก็จำต้องเดินทางไปซื้อนมทั้งแบบนั้น ซูหมิงที่อยู่ในสภาพตายซากในชุดกาวน์เหมือนเคยถึงกับออกปากอย่างแปลกใจ

    “ลูกนาย...เหรอ?”

    “ไม่ใช่ครับ เขาแค่...”กู่หนิวพยายามอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลนมาชี้แจง เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ไป๋หยางกระทำแบบนี้ แม้ชายหนุ่มจะพยายามหลอกล่อหรือเกลี้ยกล่อมยังไง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลงจากหลังเขาสักที และกู่หนิวเองก็ไม่ได้อยู่ในประเภทที่จะใช้ความรุนแรงกับเด็กด้วย เขาจึงได้แต่กุมขมับแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ แน่นอนว่าในใจคนร่างโตหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยปลดปล่อยเขาจากสถานการณ์นี้สักที

    “หยาง นายทำอะไรอยู่”

    เสียงทุ้มแปร่งๆเป็นเอกลักษณ์นี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากไห่หลาง กู่หนิวสบตากับเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าที่มีสีหน้าเคร่งขรึมแล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือ ซึ่งอีกคนก็เหมือนจะรับรู้จึงเลื่อนสายตาไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเขาพลางสั่ง

    “ลงมา”

    คำสั่งสั้นๆง่ายๆ แต่ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อคนที่ปฏิเสธไม่ยอมทำตามคำเกลี้ยกล่อมของเขายอมผละออกไปในที่สุด พอไป๋หยางปล่อยตัวเขาเสร็จก็พุ่งไปเกาะไห่หลางแทน ทั้งอีกฝ่ายยังพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า

    “หลางหลาง! เสร็จงานแล้วเหรอ! ว่างแล้วใช่ไหม? งั้นไปเที่ยวห้างกันนะ นะ นะ นะ”

    “ยังไม่เสร็จ”

    กู่หนิวฟังถ้อยคำที่ดูเย็นชาอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีเล็กน้อย แต่คำตอบราบเรียบแต่ดูแห้งแล้งนั้นกลับไม่ได้ทำให้คนฟังหงอยลงแต่อย่างใด

    “งั้นรีบๆทำให้เสร็จๆนะ จะได้ไปเที่ยวกัน!”เสียงของไป๋หยางยังคงเริงร่า ซึ่งครั้งนี้ไห่หลางพยักหน้าให้เบาๆ กู่หนิวเห็นเหตุการณ์ดูจะปลอดภัยแล้วจึงย่องออกมาพร้อมนมสตรอเบอรี่หกขวดในอ้อมแขน แต่แล้ว...

    “พี่หนิวเองก็ไปด้วยกันนะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×