ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่17

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.82K
      300
      30 มิ.ย. 63


    พอกู่หนิวเดินออกจากห้องเซียงเว่ยแล้วเขาก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูอย่างชั่งใจคิด แต่ท้ายที่สุดแล้วร่างหนาก็ส่ายหัวแล้วเดินลงไปเอาผ้าห่มแต่โดยดี ครั้งนี้เขาเลือกลงทางลิฟต์แทนที่จะใช้บันไดตามปกติ คงเพราะไม่อยากปล่อยให้หัวต้องคิดอะไรมากมาย

    แต่แล้วเมื่อเขาออกจากลิฟต์ก็เจอเข้ากับไป๋หยาง เด็กใหม่ที่ถูกคนในป้อมชื่นชมในช่วงนี้ ซึ่งดูท่ากำลังจะใช้ลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่างเหมือนกัน พอเจอกันกู่หนิวก็โค้งศีรษะทักทาย และกำลังจะเดินผ่านอีกฝ่ายไปยังห้องของตัวเอง แต่เด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายส่งเสียงทักขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง

    “พี่ชายคือต้าหนิวใช่ไหมฮะ? ยินดีที่รู้จักฮะ ผมไป๋หยาง หรือจะเรียกเสี่ยวหยางก็ได้ฮะ!

    “อ่า ยินดีที่รู้จัก”กู่หนิวไม่ชินกับท่าทีกระตือรือร้นของเด็กหนุ่มนักจึงได้แต่ทักทายอย่างแห้งแล้ง ทว่าไป๋หยางคล้ายไม่รับรู้ความลำบากใจของคนฟัง เจ้าตัวยังคงพูดจ้อต่อ

    “ผมได้ยินจากหลางหลางมาว่าพี่หนิวเป็นคนที่สุดยอดสุดๆ ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเปลี่ยนก๊อกน้ำหรือหลอดไฟ!”สายตาวิบวับราวกับลูกหมาที่มองมาอย่างชื่นชมทำให้กู่หนิวทำตัวไม่ถูกกว่าเดิม เขาตอบคำเสียงเบา

    “ก็พอได้นิดหน่อย...”

    “สุดยอดเลย! ขนาดหลางหลางยังเปลี่ยนหลอดไฟยังไม่เป็นเลย! พี่หนิวสุดยอดไปเลย!

    คำยกย่องว่า สุดยอด ถูกส่งมาหลายต่อหลายครั้งทำให้กู่หนิวกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย หลังพูดคุยอีกสองสามคำเขาก็ขอแยกตัวมา ซึ่งก่อนจากกัน ไป๋หยางได้พูดทิ้งท้ายด้วยเสียงสดใส

    “ไว้ว่างๆมาเล่นด้วยกันนะฮะ พี่หนิว!

    “อ่า”กู่หนิวโบกมือตอบคนตัวเล็ก โดยที่รับคำอย่างครึ่งๆกลางๆ พอเห็นประตูลิฟต์ปิดลงแล้วเขาก็ส่ายหัวกับตัวเองก่อนจะเดินไปขนผ้าห่มจากห้อง เมื่อกลับมาห้องเซียงเว่ย ขณะที่กู่หนิวคิดจะเคาะประตูห้องของเจ้านายหนุ่มอยู่นั้นเอง เขากลับได้ยินเสียงหลงคุนดังลอดมาจากด้านใน

    “สำหรับมาตรการป้องกันเรื่องผู้ล่าที่มีปีก ฝ่ายจัดการได้ของบประมาณและกำลังคนเพิ่มสำหรับการสร้างเครื่องยิงธนู โดยตอนนี้พวกเขาได้ทำการสร้างเครื่องยิงธนูรุ่นต้นแบบส่งมาแล้วจำนวนสิบเครื่อง และจะดำเนินการทดสอบความสามารถของเครื่องยิงธนูเหล่านั้นในการออกล่าครั้งหน้า ส่วนข่าวเรื่องที่กลุ่มผู้ล่าบุกโจมตีป้อมช่วงนี้ได้เงียบหายไปอย่างน่าประหลาด ผมไม่แน่ใจว่าพวกมันถูกกำจัดแล้วหรือเกิดเรื่องอย่างอื่น... ครับ?”

    “เข้ามา”

    เสียงนี้ส่งตรงมาถึงคนที่ยืนอยู่ด้านนอก กู่หนิวถอนใจก่อนค่อยๆ แง้มประตู แล้วเดินเข้าไป

    ทันทีที่เห็นร่างโตก้าวเข้ามาในห้องพร้อมผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่ที่ดูหนานุ่มหลงคุนก็ชะงักไป ชายหนุ่มหันมองเซียงเว่ยสลับกับกู่หนิวด้วยสีหน้าที่ยากจะบอกว่าคิดอะไรอยู่

    “ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ”หลังถอนหายใจพลางดันแว่น คนก็กล่าวคำลา

    กู่หนิวมองตามหลังหลงคุนจนกระทั่งบานประตูปิดลงเขาจึงหมุนกลับมาหาเซียงเว่ยซึ่งกำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตา

    “เอ่อ ผมอาบน้ำมาแล้ว...”กู่หนิวบอกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เขาคิดว่าเซียงเว่ยกำลังเช็กว่าเขาร่างกายเขาสะอาดดีรึเปล่า ซึ่งหลังพูดออกไป เซียงเว่ยก็พยักหน้ารับเล็กๆ แล้วเดินนำไปยังฝั่งห้องนอน

    พูดตามตรงว่าห้องนอนของเซียงเว่ยกับห้องนอนของเขานับว่าต่างกันไม่มาก สภาพห้องโดยรวมคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ในห้องของเซียงเว่ยดูจะมีของตกแต่งที่หรูหรากว่า และภายในห้องดูจะเป็นระเบียบมากกว่า

    กู่หนิวมองหาจุดสำหรับเอนหลัง สุดท้ายแล้วเขาก็ปูผ้าห่มลงข้างเตียงฝั่งขวามือ

    “ทำอะไร”

    “ครับ?”

    กู่หนิวชะงักไปกับคำถามของเซียงเว่ย เมื่อหันไปก็เห็นว่าเจ้านายหนุ่มได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว โดยดูได้จากเส้นผมที่ยังชื้น กลิ่นสบู่อ่อนๆ และคราบเลือดบนเสื้อที่หายไป กู่หนิวกะพริบตา โดยพยายามไม่มองหยดน้ำที่เกาะแก้มของอีกฝ่าย

    “ผมปูผ้านอนอยู่ครับ ไม่ทราบว่าคุณชายมีอะไรจะสั่งเหรอครับ?”คนยังคงว่าด้วยเสียงสุภาพ และด้วยท่าทีตอนพูดที่หลุบสายตาลงต่ำทำให้ไม่ทันได้เห็นว่าสายตาใครบางคนวูบไหวอย่างประหลาด

    “...เตียง”

    “ครับ?”กู่หนิวเลื่อนสายตาขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าเรียบเฉยของคนพูดที่ว่าสำทับซ้ำ

    “ไปนอน....บนเตียง”

    “เอ่อ ผมตัวใหญ่ และ...และนอนดิ้น เพราะงั้นให้ผมนอนข้างล่างเถอะครับ”กู่หนิวจำต้องปฏิเสธกับคำสั่งนี้ เพราะไม่ว่าเซียงเว่ยจะพยายามสร้างความใกล้ชิดระหว่างพวกเขาแค่ไหน ยังไงก็ไม่ควรล้ำเส้นเจ้านายกับลูกน้อง

    ครั้งนี้เซียงเว่ยไม่ได้พูดอะไรอีก เจ้าตัวใช้พลังพิเศษทำให้ผมแห้ง แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงเงียบๆ กู่หนิวโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายดูจะเข้าใจความลำบากใจของเขา พอไฟดับลงเขาก็ค่อยๆหลับตา

    พอตื่นมาอีกทีตามนาฬิการ่างกาย คนที่ยังง่วงงุนอยู่บ้างก็เป็นอันตื่นเต็มตาเมื่อสัมผัสได้ว่าข้างๆ กายตนมีเงาร่างคนนอนอยู่

    ท่ามกลางบรรยากาศยามฟ้าสาง ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมเงินที่พริ้มตาหลับช่างดูราวกับเทวดาตัวน้อยๆ

    กู่หนิวตัวแข็งไปกับภาพที่เห็น หัวใจที่มักสงบนิ่งเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ ความรู้สึกของเขายามนี้ปนเปไปมาระหว่างความตกใจกับอีกความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน แม้ว่าเซียงเว่ยจะนอนห่างออกไปถึงสองช่วงแขนก็ตาม แต่การได้นอนใกล้ชิดกับใครขนาดนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำมานานแล้ว กู่หนิวทั้งสับสนและแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ตัวเองไม่รู้สึกตัวตื่น ทั้งที่ตั้งแต่เข้าสู่ยุคสิ้นโลกมา ตัวเขามักหวาดระแวงและเกิดปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งผิดปกติเข้ามาใกล้

    ระหว่างที่คิดอยู่นั้นเซียงเว่ยก็ค่อยๆลืมตา นัยน์ตาสีฟ้าแวววาวที่ดูคลุมเครือราวกับซุกซ่อนสิ่งต่างๆเอาไว้ ยามนี้สะท้อนภาพของตัวเขาเลือนราง กู่หนิวกลั้นหายใจ ริมฝีปากหนาหุบอ้าอย่างพยายามพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอะไรก่อน และก็เป็นเซียงเว่ยที่เปิดบทสนทนาขึ้นก่อน

    “หลับสบาย?”

    “อ่า ครับ”

    “อืม...”

    บทสนทนาดูคล้ายสิ้นสุดตรงนี้ แต่กู่หนิวคิดว่ายังมีบางเรื่องที่ควรถาม เขาเอ่ยปากอย่างลังเล

    “เอ่อ ทำไมถึง...”พูดได้ครึ่งเดียวคนก็ชะงักไป ฝ่ายเซียงเว่ยเห็นสายตาที่มองมาก็เข้าใจความหมาย เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

    “เมื่อคืน ตกเตียง”

    ตก...เตียง?

    “...อ่า งั้นคราวหลังก็ระวังหน่อยนะครับ”

    แม้ว่ากู่หนิวจะไม่เชื่อที่อีกฝ่ายกล่าว แต่เขาก็พูดได้แค่นี้ หลังนอนแช่อยู่อีกครู่ชายหนุ่มก็ลุกไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง แล้วย้อนกลับขึ้นมากินมื้อเช้าพร้อมเซียงเว่ย โดยมีนมสตรอว์เบอรี่ขวดใหญ่สองขวดเป็นของหวานหลังอาหาร

    ไม่นานเขาก็ขึ้นไปจัดการดอกไม้ที่เรือนกระจก โดยระหว่างที่ดูแลพวกดอกไม้อยู่นั้นก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน

    “ว้าว ดอกไม้เยอะสุดๆไปเลย!

    เสียงร้องอย่างสดใสดังขึ้น กู่หนิวหันไปก็พบว่าเป็นไป๋หยาง วันนี้เด็กหนุ่มอยู่ในชุดฮู้ดสีแสดที่ดูจะกลืนไปกับสีผม เจ้าตัวผลักประตูเรือนกระจกเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายเขา

    “สวัสดีครับพี่หนิว!

    “อ่า สวัสดี”กู่หนิวตอบรับเบาๆ พลางครุ่นคิดถึงเหตุผลที่เด็กหนุ่มขึ้นมาที่นี่ และคล้ายว่าอีกฝ่ายจะรู้ใจ

    “ผมขึ้นมาดูดอกไม้น่ะครับ หลางหลางบอกว่าชั้นดาดฟ้ามีเรือนกระจกอยู่ ผมเลยขึ้นมาดูหน่อย นี่พี่หนิวเป็นคนดูแลดอกไม้ทั้งหมดนี่คนเดียวเลยเหรอครับ? สุดยอดไปเลย!

    คำชื่นชมที่กู่หนิวทำได้แค่ยิ้มรับแกนๆ อีกฝ่ายเดินเวียนดูอยู่พักหนึ่งก่อนโบกมือลาไปด้วยท่าทางร่าเริง ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับตอนได้เจอกันเมื่อวานเลย ดูไปไวมาไวเหมือนพายุ

    กู่หนิวส่ายหัวแล้วจัดการดูแลดอกไม้ที่มีบางส่วนเริ่มเหี่ยวเฉา หลังจัดการตกแต่งกำจัดส่วนเสียลงปุ่ยบำรุงเสร็จกู่หนิวก็ล้างตัวแล้วลงไปข้างล่าง

    “ต้าหนิว เดี๋ยวอีกสองวันคุณชายจะไปออกล่า นายเตรียมตัวด้วยล่ะ”

    “ครับ”กู่หนิวตอบรับด้วยเสียงปกติ และท่าทางที่ปกติจนเกินเหตุนั้นเองที่ทำให้หลงคุนนึกสงสัย ชายหนุ่มดันแว่นขณะลอบมองท่าทีของคนสองคนที่ดูปกติจนราวกับว่าไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเมื่อคืน

    แปลก หรือว่าเมื่อคืนจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย?

    หลงคุนกอดอกพลางครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ ทางฝั่งกู่หนิวเห็นหมดเรื่องแล้วก็เตรียมตัวจะกลับห้อง แต่เขาพลันนึกขึ้นได้ว่าผ้าห่มยังอยู่ที่ห้องของเซียงเว่ยเลยหันกลับมาเอ่ยด้วยเสียงนอบน้อม

    “คุณชายครับ ผมขออนุญาตเข้าไปเอาผ้าห่มนะครับ”

    คำขอที่กล่าวออกมาทำให้ทั้งห้องเงียบสนิท เซียงเว่ยที่ลูบมีดในมือเล่นอยู่ถามเสียงราบเรียบ

    “ทำไม?”

    “เอ่อ... ก็ที่ห้องผมไม่มีผ้าห่ม...”กู่หนิวตอบไปซื่อๆ และคำตอบนั้นก็ทำให้นัยน์ตาคนฟังเปล่งประกายวาบ

    “คืนนี้ นอนด้วยกัน”

    คำพูดกึ่งคำสั่งของเจ้านายหนุ่มเรียกคนฟังให้ขมวดคิ้ว คนตัวโตพยายามหาข้ออ้างปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม แต่ยังไม่ทันเอ่ยคำคนพูดก็กล่าวดักทางเสียงนิ่ง

    “สองขวด”

    “นั่น...”กู่หนิวที่ได้ฟังราคาเดียวกับเมื่อวานพลันลังเล แต่อีกฝ่ายกลับไม่รอให้เขาได้คิดทบทวนข้อเสนอ กลับอัพราคาขึ้นหลายเท่าตัวอย่างชวนให้ใจสั่น

    “ยี่สิบขวด”

    “...เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”กู่หนิวที่โดนจับทางได้กล่าวอย่างจำนน เฮ้อ ก็ใครใช้ให้เขาชอบกินนมสตรอว์เบอรี่กันล่ะ?

    งานนี้หลงคุนที่มองเหตุการณ์อยู่ด้านข้างนิ่วคิ้วหนัก

    นี่...เจ้าวัวบื้อซื้อตัวง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×