ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.81K
      306
      5 ก.ย. 64

    ฝ่ายหลงคุนที่ถูกชื่นชมไม่ได้รู้สึกตัว เจ้าตัวเพียงเก็บคริสตัลที่ได้มาใส่กล่องสีดำใบเดิมแล้วนำกลับป้อม พอกลับถึงป้อม กู่หนิวที่หมดธุระของวันแล้วก็เตรียมตัวไปหานมสตรอว์เบอรี่ดื่มก่อนนอน แต่ก็ถูกหลงคุนเรียกขึ้นไปคุยซะก่อน

    “นอกจากคริสตัลที่เคยแลกมา ยังมีสีอื่นอีกไหม?”

    คำถามที่กล่าวอย่างชัดเจนและจริงจังส่งผลให้กู่หนิวเผลอยืดหลังตรง ร่างหนาหันมองหลงคุนกับเซียงเว่ยสลับกันก่อนจะตอบเสียงเบา

    “เรื่องนั้น...ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ อาจมีอีกก็ได้ แต่ผมยังไม่เคยเห็น”

    “ไม่มีงั้นเหรอ เอาเถอะ นายไปได้แล้ว”แม้น้ำเสียงหลงคุนจะเรียบเฉย แต่กู่หนิวก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังผิดหวัง ก่อนจะจากมากู่หนิวเหลือบมองเซียงเว่ยแวบหนึ่งอย่างนึกลังเล แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

    พอแผ่นหลังคนตัวโตหายลับไป หลงคุนก็หันไปปรึกษาเซียงเว่ย

    “จากคำพูดของเฉาจู้เฉิงวันนี้ ดูเหมือนว่าในป้อมจะยังมีสายของป้อมอื่นแฝงอยู่นะครับ”

    “กำจัดทิ้ง”เซียงเว่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับว่าที่พูดไม่ใช่การสั่งฆ่า แต่เป็นการสั่งอาหาร

    “รับทราบครับ”หลงคุนตอบรับอย่างสงบนิ่งไม่แพ้กัน ชายหนุ่มพลิกแฟ้มเอกสารในมือ ก่อนจะเริ่มรายงานข่าวที่ได้รับมา

    “หลงจูรายงานมาว่าเมื่อวานนี้มีสี่คนที่พยายามขโมยคริสตัลสีม่วงจากเขาครับ หลังจากจัดการสืบแล้วพบว่าทั้งสี่คนเข้าป้อมมาช่วงครึ่งปีก่อน โดยย้ายมาจากป้อมไหวติง ป้อมหรูจาง ป้อมหลงกู่ และ...ป้อมเหลียงตี้”

    ชื่อสุดท้ายที่เอ่ยออกมาทำให้บรรยากาศในห้องพลันเงียบสนิท

    ที่จริงแล้วทั้งสี่ป้อมต่างเป็นแค่ป้อมเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไร แต่หนึ่งในป้อมนั้นกลับมีความเกี่ยวข้องกับป้อมเฉาเชา พอมานึกถึงเรื่องสายในป้อม ก็ช่วยไม่ได้ที่กู่หนิวซึ่งมาจากป้อมเหลียงตี้จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคริสตัลที่อีกฝ่ายนำมาแลกที่ยังคงเป็นปริศนาว่าชายหนุ่มนำมาจากไหน อีกทั้ง...ในวันนี้เฉาจู้เฉิงไม่ได้เข้าร่วมประมูลด้วย ทั้งที่มันเป็นโอกาสดีแท้ๆ

    หลงคุนดันแว่น เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย

    “ถ้ายังไงให้ผมจับตาดู...“

    “ไม่ต้อง”

    คำตอบที่ตอบกลับมาแทบจะทันทีทำให้คนถามได้แต่กลืนถ้อยคำที่เหลือลงคอ ก่อนถอนหายใจ แล้วรายงานต่อ

    “เรื่องการบุกของกลุ่มผู้ล่า หลังลองสืบระยะเวลาที่แต่ละป้อมถูกตีแตกแล้ว พบว่าห่างกันราวหนึ่งถึงสามวันครึ่ง โดยป้อมที่ถูกตีแตกเริ่มมาจากป้อมหวนกู่ที่อยู่ทางเหนือของเมืองMไล่ลงมา จนตอนนี้ป้อมล่าสุดที่ถูกตีแตกไปอยู่ที่ชายแดนเมืองS จากการวิเคราะห์ มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มผู้ล่าจะบุกเข้ามาในเมืองSได้ ผมจึงคิดว่าทางป้อมของเราควรมีการปรับเปลี่ยนระบบป้องกันเพื่อเตรียมรับมือกับการบุกของผู้ล่าครับ”

    “อืม”เซียงเว่ยรับคำเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งท่าทีนี้เป็นการสื่ออ้อมๆว่าอีกฝ่ายยกเรื่องนี้ให้เขาจัดการโดยสิ้นเชิง หลงคุนดันแว่นด้วยนึกเคยชิน ชายหนุ่มก้มจดหน้าที่และกำหนดการที่ต้องจัดการลงสมุดเล่มเล็กอย่างเป็นระเบียบ ก่อนครู่ถัดมาจะเงยหน้ามองคนที่ยามนี้หยิบมีดผีเสื้อสีเงินมาหมุนควงเล่นไปมา ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี หลงคุนก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ หรือพูดถูกคือ...กำลังคิดแผนการบางอย่าง

    ท่าทีที่เห็นได้น้อยครั้งทำให้คนมองนึกแปลกใจ แต่ก็ละความสนใจไปเมื่อยังมีอีกเรื่องที่ต้องกล่าว

    “เรื่องการป้องกัน... ฝ่ายจัดการเสนอมาว่าควรมีหน่วยลาดตระเวนบนดาดฟ้าตึกครับ เพราะเป็นสถานที่ที่มองเห็นศัตรูได้ง่ายที่สุด”ที่หลงคุนพูดเสนอมาครั้งนี้ก็เตรียมใจรับคำปฏิเสธเอาไว้แล้ว เนื่องจากครั้งก่อนฝ่ายจัดการก็เสนอเรื่องนี้มารอบหนึ่งแล้ว แต่เซียงเว่ยไม่อนุมัติ ทั้งนี้เป็นเพราะชั้นดาดฟ้ามีเรือนกระจกที่นับว่าเป็นเขตหวงห้ามอยู่...

    “อนุญาต”

    “ครับ?”

    หลงคุนทวนอย่างไม่อยากเชื่อหู เขาเกือบคิดว่าตัวเองหูฝาด แต่เซียงเว่ยยังคงพูดซ้ำคำเดิม โดยที่สายตาผู้พูดยังคงจดจ่ออยู่ที่มีดสีเงินในมือ

    “อนุญาต”

    ว่าจบคนพูดก็กลับไปหมุนมีดในมือต่ออย่างไม่สนใจอะไรอีก งานนี้หลงคุนจึงได้แต่ตอบรับคำแล้วเดินออกไปทั้งที่ยังงุนงง ซึ่งชายหนุ่มไม่ทันเห็นว่าบนโต๊ะตัวยาวของเซียงเว่ย มีกระดาษสมุดแผ่นหนึ่งที่ดูไม่เข้าพวกกับเอกสารบนโต๊ะวางปนอยู่ โดยกระดาษแผ่นนั้นเขียนข้อความตัวโตเอาไว้เกือบสองบรรทัด

    ขอโทษด้วยครับ ถ้าผมทำอะไรผิดไปก็ช่วยบอกผมมาเถอะนะครับ ผมจะพยายามแก้ไขแล้วไม่ทำผิดซ้ำอีก

    ข้อความสั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมาซึ่งเขียนด้วยตัวอักษรเข้มหนาอันสะท้อนถึงบุคลิกของผู้เขียนข้อความที่เป็นคนหนักแน่นและเปิดเผย ลักษณะตัวอักษรที่เขียนมีความแหลมคมอยู่บ้าง ทว่าเหลี่ยมมุมกลับโค้งมนบ่งบอกว่าผู้เขียนเป็นบุคคลที่ฉลาดเฉลียว หากแต่ไม่มีพิษมีภัย เมื่อมองโดยรวมพบว่าตัวอักษรไม่มีการหวัดแม้แต่น้อย ทั้งจำนวนขีดก็ครบครัน เป็นลักษณะลายมือแบบฝึกคัดที่อ่านง่ายสบายตา ช่างคล้ายกับตัวผู้เขียนที่ไม่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่กลับทำให้คนที่เห็นรู้สึกสบายใจยามอยู่ใกล้

    ในที่สุดมีดในมือเซียงเว่ยก็หยุดหมุน เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีฟ้าเยือกเย็นที่ยามนี้ฉายแววตัดสินใจ

     

    ฝั่งกู่หนิวที่กลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวแผ่หลาบนเตียงกว้าง โดยที่วันนี้เขาไม่ได้ซื้อนมสตรอว์เบอรี่กลับมากินอย่างเคย ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะคำถามของหลงคุนเมื่อครู่

    ถึงจะปฏิเสธไปว่าไม่รู้ แต่ถ้าให้พูดตามตรงก็คงต้องตอบว่า มี

    หลังจากภัยพิบัติเกิดขึ้น กู่หนิวก็ได้รับพลังพิเศษบางอย่างมา แน่นอนว่าพลังนั้นที่ว่านั้นไม่ใช่ความเร็วอย่างที่ระบุลงไปในใบประวัติ พลังที่ตัวเขาได้มาเป็นพลังที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน มันคือพลังแลกเปลี่ยน เขาสามารถนำคริสตัลสีหนึ่งมาแลกเป็นอีกสีได้ โดยที่อัตราส่วนในการแลกคริสตัลแต่ละสีนั้นต่างกันไป เช่น ถ้าหากเขาคิดแลกคริสตัลสีแดงเป็นสีเหลือง ก็จำต้องหาคริสตัลสีแดงจำนวนสองอันมาใช้แลก กลับกัน ถ้าเขามีคริสตัลสีเหลืองหนึ่งอัน และคิดจะแลกเป็นสีแดง คริสตัลสีเหลืองที่ว่าก็จะกลายเป็นคริสตัลสีแดงสองอันแทน

    สาเหตุที่จำนวนคริสตัลที่แลกไม่เท่ากัน กู่หนิวเดาว่ามันคงเป็นเรื่องของมูลค่า โดยจากการวิเคราะห์ของเขา คริสตัลสีแดงคงเป็นคริสตัลที่มีมูลค่าหรือระดับต่ำที่สุดในบรรดาคริสตัลทั้งหมด ทำให้จำเป็นต้องใช้คริสตัลจำนวนมากในการจะแลกเปลี่ยนเป็นสีอื่น ซึ่งตามระดับมูลค่าคริสตัลที่เขาเคยแลกมาทั้งหมดเรียงดังนี้

    แดง เหลือง เขียว ม่วง น้ำเงิน ฟ้า และ...ดำ

    หากคิดใช้คริสตัลสีแดงเป็นตัวแลก เมื่อแลกสีเหลืองก็จำเป็นต้องใช้สองอัน ทางสีเขียวห้าอัน สีม่วงหนึ่งร้อยอัน สีน้ำเงินร้อยห้าสิบ และสีฟ้าร้อยเจ็ดสิบห้า

    ส่วนสีดำ... มันเป็นคริสตัลสีเดียวที่เขาไม่เคยแลกมาก่อน เขาเคยลองรวบรวมคริสตัลสีแดงได้ถึงห้าร้อยอันก็ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ทำให้แม้จะรู้ว่ามีคริสตัลอีกสีอยู่ เขาก็ยังไม่เคยแลกเปลี่ยน ดังนั้นทำให้เขาลังเลที่จะพูดบอกในสิ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีคุณค่าอะไร และต้องใช้คริสตัลเท่าไหร่จึงจะแลกได้

    หากถามถึงสาเหตุที่เขารู้ว่ามีคริสตัลสีดำอยู่ด้วย ก็เนื่องมาจากขั้นตอนใช้พลัง วิธีการใช้พลังของเขานั้นง่ายดาย เพียงวางคริสตัลให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดแล้วหลับตา ในหัวของเขาก็พลันปรากฏภาพลูกแก้วคริสตัลเจ็ดสีหมุนวนในอากาศ ซึ่งถ้าคริสตัลที่เขารวบรวมมาสามารถแลกคริสตัลสีไหนได้ คริสตัลสีนั้นๆ ก็จะเรืองแสงออกมารางๆ ส่วนอันที่แลกไม่ได้ก็จะมีสีหม่น และพอเขาคิดว่าต้องการสีไหนๆ คริสตัลที่ใช้แลกก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสีที่ต้องการ

    กู่หนิวรู้สึกว่าพลังของตัวเองถือเป็นสายโกงฝ่ายสนับสนุนชั้นเยี่ยม เพียงแต่นั่นหมายถึงว่าเขาต้องมีคริสตัลพอที่จะแลกเปลี่ยนล่ะนะ

    กู่หนิวถอนใจ เขานึกย้อนไปยังช่วงแรกๆ ในตอนนั้นพลังของเขาไม่ค่อยมีประโยชน์นัก เพราะคริสตัลที่ได้มาก็จำต้องใช้เสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายอย่างด่วนที่สุด เนื่องจากหลังเข้ายุคสิ้นโลก อากาศในโลกก็แปรปรวนอย่างน่ากลัว บางครั้งก็หนาวเหน็บจนแม้กระทั่งหายใจยังลำบาก และบางครั้งก็ร้อนระอุดุจจะแผดเผาผู้คนให้เป็นตอตะโก ดังนั้นเมื่อได้คริสตัลสีแดงมาเขาจึงต้องรีบดูดซับมันเพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

    นอกจากเรื่องจำนวนคริสตัลที่หายากแล้ว พลังของเขายังมีข้อจำกัดอีกอย่าง นั่นคือขอบเขตระยะในการใช้พลัง พลังของเขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนคริสตัลที่อยู่ห่างออกไปได้มากนัก ในตอนนี้เขาสามารถแลกคริสตัลโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสมันเหมือนในตอนแรกๆ แต่ก็ยังต้องอยู่ในรัศมีหนึ่งเมตร

    อันที่จริง... ถึงจะมีข้อจำกัดนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขามากนักหรอก

    ก๊อกๆ

    เสียงเคาะประตูทำให้กู่หนิวที่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่นอยู่ดีดตัวขึ้นจากเตียง เขามองนาฬิกาที่เกือบเที่ยงคืนก็เดาไปว่าคงมีใครจะใช้บริการผู้ดูแลป้อมอีก และเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบว่าเป็นไห่หลาง ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งผู้ดูแลป้อมมา อีกฝ่ายก็ไม่เคยมาใช้บริการเขามาก่อน

    แต่ไม่ทันจะถามเด็กหนุ่มว่าต้องการให้ช่วยเหลืออะไร สายตาของเขาก็พลันสะดุดกับนมสตรอว์เบอรี่ในมืออีกฝ่าย

    “บอสสั่งให้เอามาให้”ไห่หลางเปิดปากพูดด้วยเสียงไร้อารมณ์พลางส่งขวดนมมาให้

    “อ๊ะ ขอบคุณ”

    กู่หนิวรับมาพลางกล่าวขอบคุณทั้งที่ยังงงๆ แต่ไห่หลางก็ไม่อยู่รอไขข้อสงสัย เมื่อหมดหน้าที่แล้ว อีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินจากไปทันที ทิ้งให้กู่หนิวเกาหัวนิดๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง ร่างหนานั่งลงบนเตียงพลางพินิจขวดนมสตรอว์เบอรี่ในมืออย่างสงสัย

    นี่เซียงเว่ยให้มา เพราะตั้งใจชมเชยว่าที่ผ่านมาตนทำงานได้ดีรึเปล่านะ?

    กู่หนิวคิดไปคิดมาก็พบว่าสาเหตุนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว หลังปัดข้อสงสัยออกจากหัวได้ ชายหนุ่มก็เปิดฝานมออกพลางยกขึ้นดื่มรวดเดียว ซึ่งรสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ไหลผ่านลำคอทำให้เขายิ้มออกมาอย่างสุขใจ

    ดูท่าวันนี้เขาคงหลับฝันดี


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×