ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.77K
      264
      5 ก.ย. 64

    หลังจากมีการประเดิมเป็นศพแรก กลุ่มผู้ล่าที่เหลือก็เริ่มจู่โจม กลิ่นเลือดบ้างฉุนบ้างเบาบางล่องลอยไปในอากาศ กู่หนิวที่ไม่ค่อยชินกับการรบจริงย่นจมูกเล็กน้อย พอเขาจัดการผู้ล่าได้อีกตัวก็หันไปเห็นเซียงเว่ยถูกกลุ่มผู้ล่าสามตัวรุมอยู่ แต่ก่อนที่ขาจะได้ก้าวไปช่วยเหลือ กลับพบว่าเด็กหนุ่มจัดการตัดหัวทั้งสามตัวทิ้งซะก่อน

    กู่หนิวส่ายหัวอย่างขำตัวเอง เขาหันมองรอบๆ หากเห็นใครลำบากก็จะเข้าไปช่วย ซึ่งไม่นานนักกลุ่มผู้ล่าก็เริ่มเบาบางลง จนกระทั่งไม่เหลือให้เห็นในระยะสายตาอีก

    “วิ้ว! เสร็จไปอีกหนึ่งชุด เฮ้ย ทุกคน เร่งมือหน่อย ใครเจอคริสตัลแล้วให้เอามารวมกองกลาง อย่าริงุบงิบถ้าไม่อยากเจอดี!”หลงจูร้องบอกพลางใช้หอกแทงเข้าที่ศีรษะผู้ล่าตัวหนึ่ง กู่หนิวได้ยินก็เริ่มคุ้ยเขี่ยหาคริสตัลจากส่วนกะโหลก เขาทำใจเล็กน้อยก่อนใช้ขวานตัดเปิดกะโหลกออกดู

    คริสตัลสีม่วงขนาดเท่าลูกปิงปองปรากฏสู่สายตา

    กู่หนิวหยิบขึ้นมาแล้วเอาไปส่งให้กับหลงจู ซึ่งเขาไม่คิดว่าการกระทำตัวจะผิดอะไร หากไม่ได้ยินเสียงอุทาน

    “สีม่วง?!

    “ครับ?”กู่หนิวมองหลงจูที่มีหน้าประหลาดใจ เช่นเดียวกับอีกเกือบสามสิบชีวิตที่หันมาตามเสียง ทั้งหมดต่างจับจ้องมาที่คริสตัลในมือด้วยท่าทีไม่อยากเชื่อสายตา บางคนถึงขนาดใช้มือขยี้ตาตัวเอง

    “สวรรค์! สีม่วง! สีม่วงจริงๆด้วย!!

    เสียงผู้คนอุทานเซ็งแซ่ กู่หนิวเอียงคอแล้วหันไปหาเซียงเว่ยอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เคยแลกคริสตัลสีม่วงกับเขาไปหลายครั้งหรอกเหรอ? แต่เซียงเว่ยยังคงไม่ตอบอะไร เพียงเบนสายตาไปอีกทางเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายหลงจูก็กลับมาสงบท่าทีได้อย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายพูดให้คนที่โวยวายจัดการเก็บคริสตัลให้ครบก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง

    แม้จะมีหลายเสียงประท้วง แต่ไม่นานเหตุการณ์ก็สงบ

    กู่หนิวนึกสงสัยจึงลอบสอบถามหลงจู

    “คือ...ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ามีการค้นพบคริสตัลชนิดใหม่หรอกเหรอครับ? ทำไมทุกคนถึงตื่นเต้นกันจัง?”

    หลงจูที่ถูกถามปรายตา ก่อนจะตอบให้

    “ก็ใช่อยู่หรอก ที่ช่วงนี้เจอคริสตัลสีใหม่ๆออกมา แต่ล่าสุดที่เจอเป็นสีน้ำเงิน ยังไม่เคยมีใครเห็นสีม่วงมาก่อน”พูดถึงตรงนี้อีกฝ่ายก็หันมาตบไหล่ “ครั้งนี้ถือว่านายทำดี น้าคุนมีประกาศลงมาว่าใครเจอคริสตัลสีใหม่ๆจะได้รางวัลด้วย”

    น้าคุน? หมายถึงหลงคุนสินะ...

    กู่หนิวพูดขอบคุณแล้วผละกลับมายืนข้างเซียงเว่ย จากคำพูดเมื่อครู่ช่วยอธิบายท่าทีของคนอื่นๆเขาแน่ใจว่าเซียงเว่ยกับหลงคุนปิดเรื่องที่แลกคริสตัลจากเขากับคนในป้อม แม้ไม่รู้เหตุผล แต่กู่หนิวก็ทำเพียงยอมรับเงียบๆ

    พวกเขาออกล่าต่อ หลายคนพยายามมองหาคริสตัลสีม่วงจากกะโหลกของกลุ่มผู้ล่าอย่างกะตือรือร้น ซึ่งภาพนั้นให้ความรู้สึกแปลกพึลึก กู่หนิวคิดพลางจัดการกับซากที่ล้มอยู่ตรงหน้า หางตาเหลือบมองทางเซียงเว่ยเป็นระยะๆ เขารู้ดีว่าเซียงเว่ยแข็งแกร่ง แต่อาจด้วยความเยาว์วัยทำให้ชายหนุ่มกังวลว่าอีกฝ่ายอาจพลั้งเผลอได้ จึงคอยจับตาอยู่ห่างๆ

    เซียงเว่ยแม้รับรู้ถึงสายตาก็ไม่ได้คิดห้ามปราม อีกทั้งอารมณ์กรุ่นในอกคล้ายจะบรรเทาลงเมื่อรับรู้ว่าอีกคนกำลังมองดูตนอยู่ไม่ห่าง

    ระหว่างที่การล่ายังดำเนินต่อไป บนท้องฟ้าพลันปรากฏเมฆครึ้ม ทุกร่างพลันหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีเงาทะมึนปรากฏเหนือศีรษะ และก่อนที่ใครจะได้ทันกล่าวอะไร หยาดโลหิตพลันกระหน่ำลงมาจากฟ้า!

    “หลบเร็ว! หาที่หลบ ระวังอย่าให้โดนฝนพวกนั้น!

    คำร้องเตือนที่มาพร้อมกับความสับสนอลหม่าน กลุ่มคนพากันแยกย้ายหลบเข้าหาที่กำบัง ฝันร้ายเมื่อหลายปีก่อนยังคงตราตรึงในจิตใจ หากฝนสีเลือดครั้งนี้ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์อีก...คงไม่ใช่เรื่องตลกแน่!

    ทันทีหยาดฝนร่วงหล่น สิ่งแรกที่กู่หนิวทำคือพุ่งเข้าคว้าตัวเซียงเว่ยขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว แล้วดีดตัวหลบเข้าไปยังโซนบ้านผีสิงที่อยู่ไม่ไกล ทันทีที่เข้ามาด้านใน กู่หนิวก็ล้วงเอามือถือที่ได้รับแจกจ่ายจากหลงคุนออกมาเปิดฟังชั่นไฟฉาย เขากวาดมองรอบด้าน เงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหว ชายหนุ่มใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มีในการรับรู้ก็ไม่พบวี่แววผู้ล่าจึงค่อยวางใจ หลังจากตรวจตราเรียบร้อยแล้วกู่หนิวก็ก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน ก่อนชะงักไปเมื่อยามนี้ใบหน้าของเจ้านายน้อยอยู่ห่างจากของเขาไปไม่มาก

    ด้วยระยะห่างที่ไม่คุ้นเคยทำให้ใบหน้าของกู่หนิวปรากฎริ้วแดงขึ้นข้างแก้ม เขารีบวางเซียงเว่ยลงก่อนจะอธิบายอย่างขัดเขิน

    “ผม...ผมเห็นฝนมัน... เอ่อ... ผมเลย...”

    เห็นกู่หนิวพูดตะกุกตะกัก เซียงเว่ยกลับไม่ถือสา เขาแค่ถามกลับสั้นๆ

    “ไม่หนัก?”

    กู่หนิวที่โดนยิงคำถามไม่คาดคิดใส่ก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่หนักครับ”

    ร่างบอบบางของเซียงเว่ยหนักน้อยกว่ากระสอบปูนที่เขาเคยแบกเป็นไหนๆ กู่หนิวคิด ก่อนจะรู้สึกตัวว่าความคิดนั้นดูไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ เอาเจ้านายตัวเองไปเปรียบเทียบกับกระสอบปูน...?

    “ไม่หนักก็ดี”

    เซียงเว่ยพูดจบก็เงียบไป กู่หนิวพยายามเพ่งมองในความมืด เขาไม่กล้าส่องไฟฉายไปทางเซียงเว่ย ได้แต่ใช้สายตาที่เริ่มชินกับความมืดสังเกตสีหน้าอีกฝ่าย

    ครืน... ซ่า...

    เสียงฝนด้านนอกยังคงดังก้อง กู่หนิวหันมาคิดถึงฝนสีเลือดที่หวนกลับมาครั้งนี้ ฝนพวกนั้นจะทำให้คนกลายพันธุ์อีกรึเปล่า? หรือว่ามันจะมีความหมายอื่น?

    กู่หนิวยังไม่ลืมเรื่องที่กลุ่มคนที่โดนฝนแล้วไม่กลายพันธุ์ จะได้รับพลังพิเศษที่สามารถเอาตัวรอดในยุคโลกาวินาศ เพียงแต่โอกาสที่คนจะรอดพ้นกลับดูน้อยนิดเมื่อเทียบกับทั้งหมด

    แต่...ถ้ามันช่วยเพิ่มพลังพิเศษ หรือเสริมความแข็งแกร่งได้ ก็คุ้มที่จะลองดู

    ดูจะไม่ใช่แค่เขาที่คิดอย่างนี้ กู่หนิวได้ยินเสียงโหวกเหวกจากข้างนอกดังสอดแทรกเสียงฝน

    “เฮ้ย! พวกนายออกมานี่สิ! กลัวอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าพวกนายรอดมาได้ครั้งหนึ่งหรอกเหรอ? ออกมาสิ ฝนพวกนี้อาจช่วยให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นก็ได้!

    เสียงของผู้ชายดังขึ้นปลุกระดม คล้ายมีหลายเสียงดังตอบรับคำกล่าวนั้น กู่หนิวย่นคิ้ว ถึงเขาจะคิดว่าน่าลองดูเหมือนกัน แต่เทียบกับอัตราเสี่ยงแล้ว... ยังคงไม่เสี่ยงจะดีกว่า

    “รนหาที่ตาย”คำกล่าวเบาๆของเซียงเว่ยทำให้กู่หนิวหันไปมอง แต่ด้วยความมืด เขาจึงเห็นเพียงเงาร่างโปร่งรางๆ

    กู่หนิวอยากสอบถามความหมาย แต่คำพูดติดอยู่ในลำคอ เมื่อเขาไม่รู้ว่ายามนี้เซียงเว่ยหายโกรธแล้วหรือยัง

    ท่ามกลางความลังเล เสียงกรีดร้องจากภายนอกพลันดังขึ้น

    “อ๊ากกกกกกก!!!

    กู่หนิวขมวดคิ้ว เขาอยากออกไปดู แต่ข้างนอกตอนนี้คล้ายจะยังไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก พักใหญ่เสียงก็เงียบลง มีเพียงเสียงฝนที่กระจ่างชัด กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้งอย่างที่ชวนคันจมูก กู่หนิวมีสีหน้าไม่ดีนัก เขายังไม่ชินกับกลิ่นพวกนี้ที

    หืม?

    กู่หนิวหลับตา ก่อนรวมประสาทไปที่จมูก เขาได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่ออกหวานๆ มาจากทางนี้...

    ด้วยตัวกลิ่นอ่อนจางมากๆ ชนิดถ้าไม่ตั้งใจดมจะสัมผัสไม่ได้ ทำให้กู่หนิวไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอเดินตามกลิ่นมา และตอนนี้เขาก็กำลังเอนหน้าลงไปหาต้นตอของกลิ่น จนเมื่อกลิ่นชัดเจนขึ้นกู่หนิวก็พลันลืมตา ก่อนจะเบิกตากว้าง สีหน้าค้างแข็ง เมื่อพบว่าปลายจมูกของตนกำลังจ่อชิดซอกคอใครบางคนอยู่!

    แน่นอนว่าใครบางคนที่ว่านี้หนีไม้พ้นเซียงเว่ย กู่หนิวลนลานเดินถอยหลังหน้าตื่น ริมฝีปากหนาหุบๆอ้าๆ อย่างพยายามหาข้อแก้ตัว

    “ผะ ผมได้กลิ่นบางอย่าง กะ ก็เลย....! ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ!

    ท่ามกลางความมืดที่ไม่อาจมองเห็นสีหน้าชัดเจน กู่หนิวหลั่งเหงื่อเย็นทั้งที่หัวใจเต้นระรัว ซึ่งยามตระหนกทำให้คนตัวโตลืมวิเคราะห์ไปซะสนิทเลยว่า หากไม่ใช่ว่าเซียงเว่ยยินยอม ตัวเขาคงไม่อาจเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ถึงขนาดนั้น...

    เซียงเว่ยนิ่งไปครู่ใหญ่อย่างที่กู่หนิวเดาใจไม่ถูก เขาได้แต่รออย่างร้อนรน ในใจจุดธูปไว้อาลัยให้กับให้ตัวเองเป็นที่เรียบร้อย

    “...หอม*?”

    ธูป? หมายถึงเขาจุดธูปให้ตัวเองเสร็จรึยังงั้นเหรอ?!

    “หอมไหม?”เซียงเว่ยพูดซ้ำ ครั้งนี้กู่หนิวเข้าใจความหมายแล้ว เขานิ่งงันไปก่อนจะตอบ

    “หะ หอมครับ! ผมได้กลิ่นจางๆเลยพยายามหาที่มา ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินจริงๆนะครับ!”กู่หนิวที่คราวนี้ตั้งสติได้แล้วอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ ฝั่งเซียงเว่ยเงียบไปเล็กน้อยก่อนรับสั้นๆ

    “อืม...”

    ได้ยินคำตอบรับนี้กู่หนิวก็โล่งอก เขากลับวิเคราะห์ แล้วสอบถามอย่างไม่แน่ใจ

    “นั่น...กลิ่นลิลลี่เหรอครับ?”

    “...ใช่”

    พอได้ยินคำตอบกู่หนิวก็เอียงคอ

    “เอ่อ รู้สึกว่ากลิ่นมันไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่...” ปกติน้ำหอมกลิ่นจางขนาดนี้เลยเหรอ?

    “อยากดมอีก?”

    “อะ เอ่อ ไม่ครับ!”กู่หนิวตอบปฏิเสธพลางลอบเหงื่อตก เขาไม่คิดว่าเซียงเว่ยจะพูดหยอกล้อแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกโล่งอกปรากฏขึ้นในใจ

    ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่โกรธแล้วล่ะนะ


    ---------------------

    *หอม(เซียง) - สามารถเป็นได้ทั้ง ธูป(เครื่องหอม) และ กลิ่นหอม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×