คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : ตอนที่34 เมื่อผม...เปิดใจ (2)
ตอนที่34
เมื่อผม...เปิดใจ (2)
...
"เฮลบลูบอยสองแก้ว ขอแบบผสมน้ำน้อยๆ นะคะ"อินสั่งให้เวย์ไปชงมาด้วยรอยยิ้มหวาน ขณะที่ผมนั่งหน้าซีดเมื่อได้ยิน เพราะรู้ดีว่าคนที่กินต้องน้ำเฮลบลูบอยสองแก้วนั้นคือใคร
"นายผิดคำพูดว่าจะไม่ปิดบังอะไรฉัน เพราะงั้นโดนไปสองแก้ว"อินหันมาพูดกำชับเหมือนกลัวผมปฏิเสธ ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับอย่างจำยอม
"เข้าใจแล้ว"
"ส่วนพวกนาย... ทำดีเหลือเกินนะ ช่วยทอยปิดบังฉัน นี่ลืมไปแล้วสินะว่าที่นี่ใครใหญ่?"อินหันไปพูดวางท่ากร่างอย่างที่ผมต้องรีบจับแขนแล้วพูดเข้าห้าม
"อะ อิน เรื่องที่ปิดบังเธอ ฉันเป็นคนขอร้องพวกเวย์เอง เพราะงั้น..."ผมพูดได้ไม่จบอินก็ส่งสายตาที่ดูเยาะเย้ยมาให้
"ได้ ในเมื่อนายอยากรับโทษแทนนัก งั้นเอาไปอีกแก้ว"
ผมสะอึกกับจำนวนแก้วที่เพิ่มขึ้น จากนั้นก็ไม่กล้าพูดจาเข้าข้างอีก ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องแทน
"แล้วตกลงว่าเธอรู้เรื่องได้ยังไง? จากนัทงั้นเหรอ?"ผมถามเมื่อนอกจากผมก็มีคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
"ใช่ เมื่อเช้าฉันอาหารเป็นพิษเลยไปโรงบาลฯ เจอนัทมาเยี่ยมญาติ แล้วบังเอิญได้คุยกันนิดหน่อย..."พูดถึงตรงนี้อินก็หรี่ตามองผมอย่างไม่พอใจอีกรอบ ผมเห็นแล้วก็รีบพูดเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง
"แล้วอาการเธอเป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นรึยัง?"
"ให้น้ำเกลือแล้วก็รู้สึกดีขึ้นล่ะนะ"อินว่าพลางยักไหล่
ตอนนี้เอง เวย์ที่กลับมาพร้อมน้ำหวานสองแก้วก็วางถาดลง แล้วเลื่อนแก้วทั้งสองใบมาไว้ตรงหน้าอิน ซึ่งอินก็หันมามองผมเป็นการส่งสัญญาณ
ผมเห็นแล้วก็กลั้นใจหยิบแก้วใบที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นจิบ ความหวานระดับน้ำตาลอ้อยยังอายทำให้ผมเบ้หน้าอย่างช่วยไม่ได้ แต่อินเห็นแล้วกลับหัวเราะ
"ดี คราวหน้าคราวหลังจะได้จำว่าอย่าปิดบังอะไรฉันอีก"
"เอ่อ เจ๊อิน"ไปป์ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่เอามาเสริมเอ่ยขึ้น อินหันไปมอง "พวกเราขอโทษที่ปิดบังเรื่องที่ทอยป่วย..."
"อาฮะ แล้ว?"
"คราวหลังพวกเราจะไม่ทำอีก เพราะงั้น..."
"อะไร? กลัวฉันไม่ให้ความช่วยเหลืองั้นเหรอ? ฉันมันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไปมีความสำคัญอะไรนักหนาล่ะ เนอะ?"
"อิน"ผมปรามอิน เมื่อน้ำเสียงที่อินใช้ออกแนวแดกดันชัดเจน
"หึ ฉันพูดอะไรผิดรึไง? อ้อ หรือว่าพวกนายกลัวว่าฉันจพูดกล่อมให้ทอยเลิกกับพวกนาย? อันนั้นไม่ต้องให้ฉันพูดกล่อม...ทอยเขาก็อยากเลิกเองอยู่แล้ว"อินพูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปาก ซึ่งเนื้อหาคำพูดทำให้สีหน้าคนฟังแปรเปลี่ยน
"หมายความว่ายังไงน่ะ?!"
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตกใจของคนฟังอินก็เหยียดยิ้มกว้างพลางผุดลุกขึ้นยืน
"ถ้าอยากรู้ก็ถามทอยเอาเองสิ ฉันยังมีธุระที่ต้องไปทำต่อ เรื่องที่อยากพูดกับพวกนายก็มีแค่เรื่องเดียว... ถ้าดูแลทอยกันดีๆ ไม่ได้ ก็รีบไปให้พ้นๆ ซะ! อ้อ... จริงสิทอย สามแก้วนะ อย่าลืม"หลังพูดกำชับกับพวกไปป์ อินก็หันมาพูดย้ำกับผมก่อนจากไป
บังเกิดความเงียบขึ้นช่วงนี้ และเป็นไปป์ที่ถามขึ้นน้ำเสียงสับสน
"ทอย... ที่เจ๊อินพูดมันหมายความว่ายังไง?"
ผมหันมองไปป์อย่างกระอักกระอ่วน แล้วก้มมองแก้วน้ำหวานในมือ ตอนนี้ผมเลือกไม่ถูกเลยว่าควรจะจัดการฝั่งไหนก่อน แต่พอนึกถึงสีหน้าอินตอนร้องไห้เมื่อกี้ผมก็ตัดสินใจมึกน้ำหวานในแก้วให้หมด
ความหวานแสบคอที่ทำเอาผมแทบอยากกินเกลือแทนข้าว แต่เพราะผมเป็นพวกที่ชอบเจ็บทีเดียวเลยยกแก้วที่สองตาม ระหว่างนั้นก็หันไปบอกเวย์ว่าขออีกแก้ว แม้เวย์จะมีสีหน้าไม่เห็นด้วยแต่ก็ยอมไปชงน้ำหวานมาให้ผมอีกแก้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะชินแล้วรึเปล่า ผมถึงรู้สึกว่าแก้วที่ีสามมันหวานน้อยลงกว่าเดิม
พอจัดการสามแก้วตามสัญญาแล้ว ผมก็ตัดสินใจหันมาเคลียร์ปัญหาที่ยังค้างคาอยู่
ที่จริงก็ไม่คิดว่าจะบอกเร็วขนาดนี้ล่ะนะ แต่...
"ฉัน...คิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะเลิกกับพวกนาย"
"!!"
"ก็... ที่คบกันอยู่นี่ฉันรู้ดีว่ามันไม่ปกติ แต่เห็นแก่ที่พวกนายพยายามหลายๆอย่าง ฉันถึงตัดสินใจว่าจะอยู่แบบนี้จนถึงปีหน้า รอจนถึงเวลา รอจนพวกนายเริ่มเบื่อฉันแล้ว... พวกเราค่อยเลิกกัน"
ผมเกาต้นคอตัวเองอย่างแอบประหม่า แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมต้องพูดวันใดวันหนึ่งอยู่แล้ว แค่บอกเร็วขึ้นมาสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
ทั้งที่ผมคิดแบบนั้น...
"เลิก งั้นเหรอ?"
"ฮะฮะ ทอยพูดอะไรแปลกๆ ฉันไม่เคยรับปากว่าจะเลิกกับทอยสักหน่อย"
ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของจิน ก่อนจะถอนหายใจ แล้วพูดย้ำให้แต่ละคนรู้ว่าผมไม่ได้ล้อเล่น
"ฉันรู้ว่ามันฟังดูไม่ดีที่ตัดสินใจอะไรเองฝ่ายเดียว แต่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องเลิกกัน...!"พูดไม่ทันจบผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา...และจูบผม!
...!
ไนท์? ผมมองดวงตาสีน้ำตาลแดงที่อยู่ในระยะประชิดอย่างตกตะลึง ดวงตาคู่นั้นฉายแววโกรธและร้อนรนแบบที่ผมไม่เคยเห็น
คงต้องโทษความเคยชินที่ทำให้ผมไม่ได้ผลักไสสัมผัสที่ว่าจนกระทั่งอีกฝ่ายละริมฝีปากออก
"...ฉันไม่เลิก"ไนท์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และโดยไม่ปล่อยให้ผมโต้ตอบอะไร อีกฝ่ายก็กล่าวย้ำอีกครั้งด้วยโทนเสียงจริงจัง
"ฉันไม่เลิก...ยังไงก็ไม่ ไม่มีวัน"
"ฉันด้วย"ครั้งนี้เป็นเสียงไปป์ เจ้าตัวเดินมาหาผม ก้มลงจุ๊บปากผมทีหนึ่งแล้วพูดประกาศอย่างวางท่า
"ถึงทอยจะไม่อยากคบกับฉัน ...แต่ขอแสดงความเสียใจที่ต้องบอกให้รู้ว่า ตั้งแต่นายพูดตกลงคราวก่อน ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยมือนายแล้ว"ไปป์พูดจบก็ก้มหน้ามาจูบปากผมยาวๆ ทีหนึ่งแล้วผละออก
"ทอย! ฉันชอบทอยนะ ชอบทอยมาก เพราะงั้นฉันไม่เลิกหรอกนะ!"คราวนี้เป็นจิน และก็ตามสเต็ปจินใช้สายตาลูกอ้อนประกอบคำพูดพลางเดินเข้ามาหาผม ซึ่งผมที่เริ่มจะรู้แกวก็ยกมือขึ้นปิดปากกันไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ทำอะไรที่ตั้งใจไว้ จินที่เห็นอย่างนั้นก็เลิกคิ้วก่อนโน้มหน้ามากัดปลายจมูกผมจนรู้สึกจี๊ดๆแทน อีกฝ่ายผละตัวออกแล้วยักคิ้วกวนๆใส่
"ก็อย่างที่บอกไป ...ยังไงฉันก็ไม่เลิกหรอกนะ แบร่!"
"ทอย ถ้านายคิดจะให้พวกเราปล่อยมือจากนาย ก็สู้ตัดมือพวกเราทิ้งเลยดีกว่า เนอะลอส"เสียงริกซ์ดังขึ้นขณะก้าวมาหยุดด้านหน้าเฉียงไปทางซ้าย เจ้าตัวหันไปหาลอสที่หยุดยืนอยู่อีกฝั่ง
"ฉันคงเลิกไม่ได้ เพราะมือของฉัน นอกจากมือของริกซ์กับทอยแล้ว ก็ไม่สามารถกุมมือใครได้อีก"
พูดจบทั้งคู่ก็คว้ามือผมไปคนล่ะข้าง ก่อนจะดึงพร้อมกันทำให้ตัวผมโน้มเอนไปด้านหน้า ทั้งสองคนจรดริมฝีปากที่มุมปากทั้งสองข้างของผมแล้วผละออกช้าๆ
"ต่อให้ตาย...พวกฉันก็ไม่ปล่อยมือทอยหรอกนะ"
"ให้เลิกกัน...ถ้าจะทำร้ายกันด้วยคำพูดแบบนั้น ก็ฆ่ากันซะเลยดีกว่า"
ทั้งสองคนพูดกระซิบข้างหูผมก่อนปล่อยมือออก ซึ่งผมอยากจะคิดว่าที่สองคนนี้พูดเมื่อกี้เป็นแค่คำพูดล้อเล่น แต่แววตาของทั้งคู่ที่มองสบมาทำให้ผมไม่กล้าคิดอย่างนั้น
"ทอยครับ ผมรู้นะครับว่าตอนนี้พวกผมยังดูแลทอยได้ไม่ดีพอ และทำได้ไม่ดีเท่าที่คุณอินทราต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะดูแลทอยต่อไป"เสียงเวย์ตอนที่พูดนั้นนุ่มนวลมาก แต่ก็จริงจังมากเช่นกัน
และแล้วเวย์ก็ก้าวมาใกล้แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของผมเบาๆ แล้วถอยห่าง
"ทอยครับ ในตอนนี้ผมอาจยังไม่ดีพอ แต่ผมขอโอกาสยืนอยู่เคียงข้างทอยแบบนี้ต่อไปได้ไหมครับ?"น้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนของเวย์ทำให้ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดคำว่า 'ไม่' ออกไปได้ยังไง
"หึ ฉันไม่เลิก ไม่สนหรอกนะว่านายกับยัยนั่นจะคิดยังไง แต่นาย..."ซิตซ์เดินผ่ากลางเข้าก่อนคว้าแขนผมดึงเข้าไปใกล้ ก่อนจะก้มลงจูบปากผมแรงๆแล้วพูดประกาศด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ
"เป็นของฉัน"
"ซิตซ์..."ผมส่งเสียงเรียกคนที่ตอนนี้สีหน้าถมึงทึงสุดๆ อย่างหวาดๆ แต่อีกฝ่ายกลับจับแขนผมแน่นแล้วกล่าวเสียงลอดไรฟัน
"อย่าคิดพูดคำว่าเลิกอีก เพราะฉันไม่ใจดีพอที่จะฟังคำนั้นออกจากปากนายเป็นครั้งที่สอง"
พอโดนซิตซ์พูดขู่บวกกับสายตากดดันของคนอื่นๆ ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับหวาดๆ แต่ในใจก็ยังแอบเถียงว่าอีกหน่อยตอนเบื่อผมแล้วพวกซิตซ์คงไม่พูดแบบนี้
ไม่รู้ว่าสายตาผมชัดไปหรือยังไง ซิตซ์ถึงได้ตวัดมองผมเหมือนจะคาดโทษ ทำเอาผมสะดุ้งแล้วเบนหน้าไปหาเวย์ที่ยืนรออยู่แทน ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นมองไปก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
"ทอยครับ ผมว่าตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ทอยน่าจะกลับไปพักกับซิตซ์ได้แล้วนะครับ"
"อะ อืม"ผมตอบรับอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ เมื่อนึกถึงสายตาและสัมผัสรุนแรงเมื่อกี้ แต่เพราะหมดทางเลือกผมถึงได้เดินไปหยุดยืนข้างซิตซ์ ซึ่งจังหวะที่พวกเรากำลังจะบอกจากห้องเวย์ก็เรียกไว้ก่อน
"จริงสิครับทอย ผมคิดว่าพรุ่งนี้อาการทอยน่าจะดีขึ้นมากแล้ว ทอยอยากกินอะไรรึเปล่าครับ?"
"ฉันกินอะไรก็ได้"ผมตอบอย่างไม่เรื่องมาก แต่เวย์กลับนิ่งไป ทำให้คนอื่นๆ ที่เตรียมกลับห้องตัวเองหยุดเท้าเช่นกัน ผมมองสีหน้าเวย์ที่คล้ายครุ่นคิดบางอย่างอยู่ด้วยความสงสัย แต่ไม่นานผมก็ได้คำตอบ
"ทอยครับ ผมไม่เคยถามจริงๆ จังๆ มาก่อน แต่...ทอยชอบกินอะไรบ้างเหรอครับ?"
หือ?
"ผมสังเกตว่าทอยดูจะกินได้ทุกอย่าง แต่เพราะเรื่องครั้งนี้ทำให้ผมคิดว่าควรระวังให้มากขึ้น ทอยมีของที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้างรึเปล่าครับ?"
พอได้ยินคำถามเวย์ ปากผมก็อ้าเตรียมบอกปัดอย่างทุกครั้ง แต่อาจเพราะนึกถึงคำพูดของเวย์กับอินที่ล้วนแต่บอกให้ผมหัดบอกอะไรบ้างขึ้นมาจึงทำให้ผมลังเลใจ สุดท้ายแล้วผมก็พูดตอบไปอย่างติดลังเล
"ฉัน...จริงๆก็กินได้ทุกอย่าง แต่ของที่ชอบก็เป็นพวก...เอ่อ อะ อาหารทะเลน่ะ"ผมรู้สึกได้ว่าตอนผมพูดถึงตรงนี้สีหน้าของซิตซ์พลันแปรเปลี่ยน ผมจึงรีบพูดประโยคที่เหลือรวดเดียว "ส่วนของที่ไม่ชอบ ก็พวกอาหารกลิ่นฉุนๆ กับของหวานๆ น่ะ!"
"อาหารทะเล?"
ผมได้ยินเสียงไปป์พูดทวน ซึ่งเมื่อผมมองไปทางไปป์ก็ได้เห็นว่าสายตาของอีกฝ่าย รวมถึงคนอื่นๆ ต่างจ้องมาทางซิตซ์เป็นตาเดียว
"เดี๋ยวนะ นี่ทอยไม่ชอบของหวาน? แต่ตอนฉันป้อนเค้กให้กิน ทอยก็ไม่เคยปฏิเสธนี่!"จินอุทานขึ้น พร้อมหันมาจ้องผมอย่างคาดคั้นคำตอบ ผมรู้สึกลำบากใจจึงได้แต่พูดแก้ตัวเสียงเบา
"จริงๆ ฉันก็พอกินพวกขนมได้ แค่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่..."
"อ้อ แสดงว่าที่ผ่านมานี่ทอยฝืนกินทั้งที่ไม่ชอบงั้นสินะ?"ผมประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดเชิงประชดประชันจากจิน แต่ผมก็รีบปฏิเสธ
"ไม่ใช่ว่าฝืน ฉันแค่..."
"พอ! ฉันไม่อยากพูดกับทอยแล้ว!"พูดจบจินสะบัดหน้าก็วิ่งหายไปโดยที่ผมเรียกรั้งไว้ไม่ทัน เมื่อหันมองคนดูที่เหลือก็พบเข้ากับแววตาตำหนิ
"นี่ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าทอยชอบกินอาหารทะเล ตอนที่พวกฉันทำบาร์บิคิวกินกันครั้งก่อน นายก็ไม่เห็นแตะพวกซีฟู้ดเลย มีเหตุผลพิเศษอะไรรึเปล่า?"ไปป์ถามโดยที่สายตาเหลือบมองไปทางซิตซ์เป็นระยะ ผมยิ้มเจื่อน แล้วส่ายหัว
"เปล่าหรอก ช่วงนี้ฉันแค่งดอาหารทะเลน่ะ"พอพูดแล้วผมก็ชะงักเมื่อสายตาคนฟังอย่างไปป์กลับไม่มีวี่แววว่าจะเชื่อคำพูดผมเลย
"ผมว่าทอยกลับไปพักก่อนเถอะครับ ตอนนี้ทอยยังถือว่าป่วยอยู่ ควรพักผ่อนเยอะๆ"เวย์เป็นคนพูดตัดบท ซึ่งนั่นทำให้ผมโล่งใจได้แค่ชั่วคราว เพราะพอเหลือบมองอีกคนสีหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นหนักใจกว่าเก่า
ที่พูดเปิดใจไปเมื่อกี้ ตกลงมันดีหรือไม่ดีกันนะ?
...
"เฮลบลูบอยสองแก้ว ขอแบบผสมน้ำน้อยๆ นะคะ"อินสั่งให้เวย์ไปชงมาด้วยรอยยิ้มหวาน ขณะที่ผมนั่งหน้าซีดเมื่อได้ยิน เพราะรู้ดีว่าคนที่กินต้องน้ำเฮลบลูบอยสองแก้วนั้นคือใคร
"นายผิดคำพูดว่าจะไม่ปิดบังอะไรฉัน เพราะงั้นโดนไปสองแก้ว"อินหันมาพูดกำชับเหมือนกลัวผมปฏิเสธ ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับอย่างจำยอม
"เข้าใจแล้ว"
"ส่วนพวกนาย... ทำดีเหลือเกินนะ ช่วยทอยปิดบังฉัน นี่ลืมไปแล้วสินะว่าที่นี่ใครใหญ่?"อินหันไปพูดวางท่ากร่างอย่างที่ผมต้องรีบจับแขนแล้วพูดเข้าห้าม
"อะ อิน เรื่องที่ปิดบังเธอ ฉันเป็นคนขอร้องพวกเวย์เอง เพราะงั้น..."ผมพูดได้ไม่จบอินก็ส่งสายตาที่ดูเยาะเย้ยมาให้
"ได้ ในเมื่อนายอยากรับโทษแทนนัก งั้นเอาไปอีกแก้ว"
ผมสะอึกกับจำนวนแก้วที่เพิ่มขึ้น จากนั้นก็ไม่กล้าพูดจาเข้าข้างอีก ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องแทน
"แล้วตกลงว่าเธอรู้เรื่องได้ยังไง? จากนัทงั้นเหรอ?"ผมถามเมื่อนอกจากผมก็มีคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
"ใช่ เมื่อเช้าฉันอาหารเป็นพิษเลยไปโรงบาลฯ เจอนัทมาเยี่ยมญาติ แล้วบังเอิญได้คุยกันนิดหน่อย..."พูดถึงตรงนี้อินก็หรี่ตามองผมอย่างไม่พอใจอีกรอบ ผมเห็นแล้วก็รีบพูดเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง
"แล้วอาการเธอเป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นรึยัง?"
"ให้น้ำเกลือแล้วก็รู้สึกดีขึ้นล่ะนะ"อินว่าพลางยักไหล่
ตอนนี้เอง เวย์ที่กลับมาพร้อมน้ำหวานสองแก้วก็วางถาดลง แล้วเลื่อนแก้วทั้งสองใบมาไว้ตรงหน้าอิน ซึ่งอินก็หันมามองผมเป็นการส่งสัญญาณ
ผมเห็นแล้วก็กลั้นใจหยิบแก้วใบที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นจิบ ความหวานระดับน้ำตาลอ้อยยังอายทำให้ผมเบ้หน้าอย่างช่วยไม่ได้ แต่อินเห็นแล้วกลับหัวเราะ
"ดี คราวหน้าคราวหลังจะได้จำว่าอย่าปิดบังอะไรฉันอีก"
"เอ่อ เจ๊อิน"ไปป์ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่เอามาเสริมเอ่ยขึ้น อินหันไปมอง "พวกเราขอโทษที่ปิดบังเรื่องที่ทอยป่วย..."
"อาฮะ แล้ว?"
"คราวหลังพวกเราจะไม่ทำอีก เพราะงั้น..."
"อะไร? กลัวฉันไม่ให้ความช่วยเหลืองั้นเหรอ? ฉันมันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไปมีความสำคัญอะไรนักหนาล่ะ เนอะ?"
"อิน"ผมปรามอิน เมื่อน้ำเสียงที่อินใช้ออกแนวแดกดันชัดเจน
"หึ ฉันพูดอะไรผิดรึไง? อ้อ หรือว่าพวกนายกลัวว่าฉันจพูดกล่อมให้ทอยเลิกกับพวกนาย? อันนั้นไม่ต้องให้ฉันพูดกล่อม...ทอยเขาก็อยากเลิกเองอยู่แล้ว"อินพูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปาก ซึ่งเนื้อหาคำพูดทำให้สีหน้าคนฟังแปรเปลี่ยน
"หมายความว่ายังไงน่ะ?!"
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตกใจของคนฟังอินก็เหยียดยิ้มกว้างพลางผุดลุกขึ้นยืน
"ถ้าอยากรู้ก็ถามทอยเอาเองสิ ฉันยังมีธุระที่ต้องไปทำต่อ เรื่องที่อยากพูดกับพวกนายก็มีแค่เรื่องเดียว... ถ้าดูแลทอยกันดีๆ ไม่ได้ ก็รีบไปให้พ้นๆ ซะ! อ้อ... จริงสิทอย สามแก้วนะ อย่าลืม"หลังพูดกำชับกับพวกไปป์ อินก็หันมาพูดย้ำกับผมก่อนจากไป
บังเกิดความเงียบขึ้นช่วงนี้ และเป็นไปป์ที่ถามขึ้นน้ำเสียงสับสน
"ทอย... ที่เจ๊อินพูดมันหมายความว่ายังไง?"
ผมหันมองไปป์อย่างกระอักกระอ่วน แล้วก้มมองแก้วน้ำหวานในมือ ตอนนี้ผมเลือกไม่ถูกเลยว่าควรจะจัดการฝั่งไหนก่อน แต่พอนึกถึงสีหน้าอินตอนร้องไห้เมื่อกี้ผมก็ตัดสินใจมึกน้ำหวานในแก้วให้หมด
ความหวานแสบคอที่ทำเอาผมแทบอยากกินเกลือแทนข้าว แต่เพราะผมเป็นพวกที่ชอบเจ็บทีเดียวเลยยกแก้วที่สองตาม ระหว่างนั้นก็หันไปบอกเวย์ว่าขออีกแก้ว แม้เวย์จะมีสีหน้าไม่เห็นด้วยแต่ก็ยอมไปชงน้ำหวานมาให้ผมอีกแก้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะชินแล้วรึเปล่า ผมถึงรู้สึกว่าแก้วที่ีสามมันหวานน้อยลงกว่าเดิม
พอจัดการสามแก้วตามสัญญาแล้ว ผมก็ตัดสินใจหันมาเคลียร์ปัญหาที่ยังค้างคาอยู่
ที่จริงก็ไม่คิดว่าจะบอกเร็วขนาดนี้ล่ะนะ แต่...
"ฉัน...คิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะเลิกกับพวกนาย"
"!!"
"ก็... ที่คบกันอยู่นี่ฉันรู้ดีว่ามันไม่ปกติ แต่เห็นแก่ที่พวกนายพยายามหลายๆอย่าง ฉันถึงตัดสินใจว่าจะอยู่แบบนี้จนถึงปีหน้า รอจนถึงเวลา รอจนพวกนายเริ่มเบื่อฉันแล้ว... พวกเราค่อยเลิกกัน"
ผมเกาต้นคอตัวเองอย่างแอบประหม่า แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมต้องพูดวันใดวันหนึ่งอยู่แล้ว แค่บอกเร็วขึ้นมาสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
ทั้งที่ผมคิดแบบนั้น...
"เลิก งั้นเหรอ?"
"ฮะฮะ ทอยพูดอะไรแปลกๆ ฉันไม่เคยรับปากว่าจะเลิกกับทอยสักหน่อย"
ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของจิน ก่อนจะถอนหายใจ แล้วพูดย้ำให้แต่ละคนรู้ว่าผมไม่ได้ล้อเล่น
"ฉันรู้ว่ามันฟังดูไม่ดีที่ตัดสินใจอะไรเองฝ่ายเดียว แต่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องเลิกกัน...!"พูดไม่ทันจบผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา...และจูบผม!
...!
ไนท์? ผมมองดวงตาสีน้ำตาลแดงที่อยู่ในระยะประชิดอย่างตกตะลึง ดวงตาคู่นั้นฉายแววโกรธและร้อนรนแบบที่ผมไม่เคยเห็น
คงต้องโทษความเคยชินที่ทำให้ผมไม่ได้ผลักไสสัมผัสที่ว่าจนกระทั่งอีกฝ่ายละริมฝีปากออก
"...ฉันไม่เลิก"ไนท์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และโดยไม่ปล่อยให้ผมโต้ตอบอะไร อีกฝ่ายก็กล่าวย้ำอีกครั้งด้วยโทนเสียงจริงจัง
"ฉันไม่เลิก...ยังไงก็ไม่ ไม่มีวัน"
"ฉันด้วย"ครั้งนี้เป็นเสียงไปป์ เจ้าตัวเดินมาหาผม ก้มลงจุ๊บปากผมทีหนึ่งแล้วพูดประกาศอย่างวางท่า
"ถึงทอยจะไม่อยากคบกับฉัน ...แต่ขอแสดงความเสียใจที่ต้องบอกให้รู้ว่า ตั้งแต่นายพูดตกลงคราวก่อน ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยมือนายแล้ว"ไปป์พูดจบก็ก้มหน้ามาจูบปากผมยาวๆ ทีหนึ่งแล้วผละออก
"ทอย! ฉันชอบทอยนะ ชอบทอยมาก เพราะงั้นฉันไม่เลิกหรอกนะ!"คราวนี้เป็นจิน และก็ตามสเต็ปจินใช้สายตาลูกอ้อนประกอบคำพูดพลางเดินเข้ามาหาผม ซึ่งผมที่เริ่มจะรู้แกวก็ยกมือขึ้นปิดปากกันไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ทำอะไรที่ตั้งใจไว้ จินที่เห็นอย่างนั้นก็เลิกคิ้วก่อนโน้มหน้ามากัดปลายจมูกผมจนรู้สึกจี๊ดๆแทน อีกฝ่ายผละตัวออกแล้วยักคิ้วกวนๆใส่
"ก็อย่างที่บอกไป ...ยังไงฉันก็ไม่เลิกหรอกนะ แบร่!"
"ทอย ถ้านายคิดจะให้พวกเราปล่อยมือจากนาย ก็สู้ตัดมือพวกเราทิ้งเลยดีกว่า เนอะลอส"เสียงริกซ์ดังขึ้นขณะก้าวมาหยุดด้านหน้าเฉียงไปทางซ้าย เจ้าตัวหันไปหาลอสที่หยุดยืนอยู่อีกฝั่ง
"ฉันคงเลิกไม่ได้ เพราะมือของฉัน นอกจากมือของริกซ์กับทอยแล้ว ก็ไม่สามารถกุมมือใครได้อีก"
พูดจบทั้งคู่ก็คว้ามือผมไปคนล่ะข้าง ก่อนจะดึงพร้อมกันทำให้ตัวผมโน้มเอนไปด้านหน้า ทั้งสองคนจรดริมฝีปากที่มุมปากทั้งสองข้างของผมแล้วผละออกช้าๆ
"ต่อให้ตาย...พวกฉันก็ไม่ปล่อยมือทอยหรอกนะ"
"ให้เลิกกัน...ถ้าจะทำร้ายกันด้วยคำพูดแบบนั้น ก็ฆ่ากันซะเลยดีกว่า"
ทั้งสองคนพูดกระซิบข้างหูผมก่อนปล่อยมือออก ซึ่งผมอยากจะคิดว่าที่สองคนนี้พูดเมื่อกี้เป็นแค่คำพูดล้อเล่น แต่แววตาของทั้งคู่ที่มองสบมาทำให้ผมไม่กล้าคิดอย่างนั้น
"ทอยครับ ผมรู้นะครับว่าตอนนี้พวกผมยังดูแลทอยได้ไม่ดีพอ และทำได้ไม่ดีเท่าที่คุณอินทราต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะดูแลทอยต่อไป"เสียงเวย์ตอนที่พูดนั้นนุ่มนวลมาก แต่ก็จริงจังมากเช่นกัน
และแล้วเวย์ก็ก้าวมาใกล้แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของผมเบาๆ แล้วถอยห่าง
"ทอยครับ ในตอนนี้ผมอาจยังไม่ดีพอ แต่ผมขอโอกาสยืนอยู่เคียงข้างทอยแบบนี้ต่อไปได้ไหมครับ?"น้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนของเวย์ทำให้ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดคำว่า 'ไม่' ออกไปได้ยังไง
"หึ ฉันไม่เลิก ไม่สนหรอกนะว่านายกับยัยนั่นจะคิดยังไง แต่นาย..."ซิตซ์เดินผ่ากลางเข้าก่อนคว้าแขนผมดึงเข้าไปใกล้ ก่อนจะก้มลงจูบปากผมแรงๆแล้วพูดประกาศด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ
"เป็นของฉัน"
"ซิตซ์..."ผมส่งเสียงเรียกคนที่ตอนนี้สีหน้าถมึงทึงสุดๆ อย่างหวาดๆ แต่อีกฝ่ายกลับจับแขนผมแน่นแล้วกล่าวเสียงลอดไรฟัน
"อย่าคิดพูดคำว่าเลิกอีก เพราะฉันไม่ใจดีพอที่จะฟังคำนั้นออกจากปากนายเป็นครั้งที่สอง"
พอโดนซิตซ์พูดขู่บวกกับสายตากดดันของคนอื่นๆ ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับหวาดๆ แต่ในใจก็ยังแอบเถียงว่าอีกหน่อยตอนเบื่อผมแล้วพวกซิตซ์คงไม่พูดแบบนี้
ไม่รู้ว่าสายตาผมชัดไปหรือยังไง ซิตซ์ถึงได้ตวัดมองผมเหมือนจะคาดโทษ ทำเอาผมสะดุ้งแล้วเบนหน้าไปหาเวย์ที่ยืนรออยู่แทน ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นมองไปก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
"ทอยครับ ผมว่าตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ทอยน่าจะกลับไปพักกับซิตซ์ได้แล้วนะครับ"
"อะ อืม"ผมตอบรับอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ เมื่อนึกถึงสายตาและสัมผัสรุนแรงเมื่อกี้ แต่เพราะหมดทางเลือกผมถึงได้เดินไปหยุดยืนข้างซิตซ์ ซึ่งจังหวะที่พวกเรากำลังจะบอกจากห้องเวย์ก็เรียกไว้ก่อน
"จริงสิครับทอย ผมคิดว่าพรุ่งนี้อาการทอยน่าจะดีขึ้นมากแล้ว ทอยอยากกินอะไรรึเปล่าครับ?"
"ฉันกินอะไรก็ได้"ผมตอบอย่างไม่เรื่องมาก แต่เวย์กลับนิ่งไป ทำให้คนอื่นๆ ที่เตรียมกลับห้องตัวเองหยุดเท้าเช่นกัน ผมมองสีหน้าเวย์ที่คล้ายครุ่นคิดบางอย่างอยู่ด้วยความสงสัย แต่ไม่นานผมก็ได้คำตอบ
"ทอยครับ ผมไม่เคยถามจริงๆ จังๆ มาก่อน แต่...ทอยชอบกินอะไรบ้างเหรอครับ?"
หือ?
"ผมสังเกตว่าทอยดูจะกินได้ทุกอย่าง แต่เพราะเรื่องครั้งนี้ทำให้ผมคิดว่าควรระวังให้มากขึ้น ทอยมีของที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้างรึเปล่าครับ?"
พอได้ยินคำถามเวย์ ปากผมก็อ้าเตรียมบอกปัดอย่างทุกครั้ง แต่อาจเพราะนึกถึงคำพูดของเวย์กับอินที่ล้วนแต่บอกให้ผมหัดบอกอะไรบ้างขึ้นมาจึงทำให้ผมลังเลใจ สุดท้ายแล้วผมก็พูดตอบไปอย่างติดลังเล
"ฉัน...จริงๆก็กินได้ทุกอย่าง แต่ของที่ชอบก็เป็นพวก...เอ่อ อะ อาหารทะเลน่ะ"ผมรู้สึกได้ว่าตอนผมพูดถึงตรงนี้สีหน้าของซิตซ์พลันแปรเปลี่ยน ผมจึงรีบพูดประโยคที่เหลือรวดเดียว "ส่วนของที่ไม่ชอบ ก็พวกอาหารกลิ่นฉุนๆ กับของหวานๆ น่ะ!"
"อาหารทะเล?"
ผมได้ยินเสียงไปป์พูดทวน ซึ่งเมื่อผมมองไปทางไปป์ก็ได้เห็นว่าสายตาของอีกฝ่าย รวมถึงคนอื่นๆ ต่างจ้องมาทางซิตซ์เป็นตาเดียว
"เดี๋ยวนะ นี่ทอยไม่ชอบของหวาน? แต่ตอนฉันป้อนเค้กให้กิน ทอยก็ไม่เคยปฏิเสธนี่!"จินอุทานขึ้น พร้อมหันมาจ้องผมอย่างคาดคั้นคำตอบ ผมรู้สึกลำบากใจจึงได้แต่พูดแก้ตัวเสียงเบา
"จริงๆ ฉันก็พอกินพวกขนมได้ แค่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่..."
"อ้อ แสดงว่าที่ผ่านมานี่ทอยฝืนกินทั้งที่ไม่ชอบงั้นสินะ?"ผมประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดเชิงประชดประชันจากจิน แต่ผมก็รีบปฏิเสธ
"ไม่ใช่ว่าฝืน ฉันแค่..."
"พอ! ฉันไม่อยากพูดกับทอยแล้ว!"พูดจบจินสะบัดหน้าก็วิ่งหายไปโดยที่ผมเรียกรั้งไว้ไม่ทัน เมื่อหันมองคนดูที่เหลือก็พบเข้ากับแววตาตำหนิ
"นี่ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าทอยชอบกินอาหารทะเล ตอนที่พวกฉันทำบาร์บิคิวกินกันครั้งก่อน นายก็ไม่เห็นแตะพวกซีฟู้ดเลย มีเหตุผลพิเศษอะไรรึเปล่า?"ไปป์ถามโดยที่สายตาเหลือบมองไปทางซิตซ์เป็นระยะ ผมยิ้มเจื่อน แล้วส่ายหัว
"เปล่าหรอก ช่วงนี้ฉันแค่งดอาหารทะเลน่ะ"พอพูดแล้วผมก็ชะงักเมื่อสายตาคนฟังอย่างไปป์กลับไม่มีวี่แววว่าจะเชื่อคำพูดผมเลย
"ผมว่าทอยกลับไปพักก่อนเถอะครับ ตอนนี้ทอยยังถือว่าป่วยอยู่ ควรพักผ่อนเยอะๆ"เวย์เป็นคนพูดตัดบท ซึ่งนั่นทำให้ผมโล่งใจได้แค่ชั่วคราว เพราะพอเหลือบมองอีกคนสีหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นหนักใจกว่าเก่า
ที่พูดเปิดใจไปเมื่อกี้ ตกลงมันดีหรือไม่ดีกันนะ?
ความคิดเห็น