ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] I'm your Toy. ผมเป็นของเล่นของคุณ (8P)

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่23 ผมกับหน้าที่ของแฟน? (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.37K
      100
      10 พ.ย. 61

    ตอนที่23

    ผมกับหน้าที่ของแฟน? (1)



        ผมเคยสงสัยว่าแฟน มีไว้เพื่ออะไรกันนะ?

     

       และถ้ามีแฟน แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง?

     

       คำตอบของคำถามนั้นผมยังไม่ได้ค้นหามันจริงจัง จนกระทั่งถึงวันจริง

     

       ในวันนี้ผมควรหาคำตอบให้ได้สักทีว่ามีแฟนไป...เพื่ออะไร?

     

       ...


       

       "ทอยอ้าปากสิ อ้า...อ้าม"เค้กช็อคโกแลตชิ้นเล็กถูกยื่นมาจ่อปาก ผมมองส้อมคนน้อยสลับกับคันป้อนแล้วค่อยๆ เปิดปากรับ


       เจ้าของส้อมฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด เส้นผมสีทองที่ตอนนี้ฝั่งซ้ายถูกไถออก ส่วนฝั่งขวาตัดซอยยาวปรกแก้มเป็นทรงวัยรุ่นนิยมยิ่งขับให้ใบหน้านั้นดูเด็กลงอีกหลายเท่าตัว แล้วยิ่งตอนอีกฝ่ายยิ้มยิ่งทำให้ผมรู้สึกประหม่าเพิ่มขึ้นไปอีก


       ผมเสดูดโกโก้ปั่นเพื่อเลี่ยงการสบตากับคนป้อนพร้อมกับคำถามหนึ่งดังขึ้นในใจ


       นี่ก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของแฟนสินะ?



       ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ราวสองชั่วโมงก่อน


       "ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ๊ย ทอย เอาจริงเหรอเนี่ย? ไม่อยากจะเชื่อ จะหักอกดันกลายเป็นขอคบ เรื่องพิลึกกว่านี้มีอีกไหมเนี่ย?"เสียงหัวเราะที่ลบภาพลักษณ์สวยๆของสาวหวานไปซะมิด หากแต่เจ้าตัวก็หาได้ใส่ใจ


       ผมลอบชมการตัดสินใจอันชาญฉลาดของตัวเองที่เลือกนัดคุยในห้องส่วนตัวแทนข้างนอก จึงไม่ต้องเผชิญกับสายตาของลูกค้าคนอื่นๆที่คงมองมาอย่างเห็นของแปลก แต่ก็แอบนึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองที่เลือกมาปรึกษาอินเรื่องนี้ ทำให้แทนที่จะได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์กลับได้เสียงหัวเราะที่ดูสะใจมาแทน แล้วไหนยังจะคำพูดที่แสนทิ่มแทงนั่นอีก...


       ใช่สิ ผมคิดจะไล่พวกเขาไป แต่มันดันกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับทั้งเจ็ดคนดันกลายเป็นแฟนกันไปแล้ว


       "อิน เธอจะหัวเราะมากไปแล้วนะ"ผมพูดเตือนคนที่เริ่มจะหัวเราะเกินลิมิตไปแล้ว มันจะสนุกอะไรนักหนา?


       "โธ่ ทอย ขอฉันหัวเราะอีกหน่อยน่า เรื่องจี้เส้นแบบนี้หาฟังไม่ได้บ่อยๆหรอกนะ... ก็ได้ๆ ไม่ต้องมองตาเขียวอย่างนั้นก็ได้ย่ะ หยุดก็หยุด"อินยอมหยุดหัวเราะในที่สุดแม้จะทำท่ากลั้นหัวเราะต่ออีกหลายรอบก็ตาม


       "ฉันจะทำยังไงดี?"ผมขอปรึกษาอย่างจริงจังเมื่อแผนที่วางไว้มันผิดพลาดไปหมด


       ตอนนี้ผมถือว่าคบกับพวกเขา? เป็นแฟน? กับทั้งเจ็ดคน?


       "ใจเย็นน่าทอย ยังไงก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้นี่... นายก็ทำหน้าที่แฟนที่ดีให้เด็กพวกนั้นไปสิ"อินหัวเราะเล็กแล้วจิ้มเค้กชิ้นเล็กเข้าปาก สีหน้าอารมณ์ดีอย่างสุดๆจนผมต้องถอนหายใจ


       ก็ใช่หรอก ตอนนี้ผมคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว... หืม?


       แรงสั่นเบาๆในกางเกงพร้อมเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นทำให้ผมรีบหยิบขึ้นมากดรับ


       "สวัสดี..."


       "ทอย ไปเดทกัน!"


       เดจาวู?


       ผมเลื่อนโทรศัพท์ออกห่างหู มองชื่อ //Jin// ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือแล้วถอนใจ ก่อนนำมาแนบหูอีกครั้ง


       "เมื่อกี้ว่าอะไรนะจิน?"ชื่อของหนึ่งในบรรดาแฟน ของผมทำให้อินหูกระดิก  กระแซะยื่นหน้าเข้ามาใกล้คล้ายต้องการมีส่วนร่วมจนผมต้องใช้มือดันศีรษะอีกฝ่ายออกห่าง อินทำเสียงจิ๊จ๊ะแต่ก็ยอมถอยออกไป ผมส่ายหัวแล้วหันมาสนใจเสียงจากมือถืออีกครั้ง


       "เดทไง เดท ฉันอยากเดทฉลองคบกับทอยน่ะ น้า ไปเดทกัน"คำพูดชวนอย่างอ้อนๆไม่ทำให้ผมรู้สึกน้ำท่วมปากได้เท่ากับคำว่า ฉลองคบกับทอย ที่อีกฝ่ายว่า อินสังเกตเห็นท่าทางพูดไม่ออกของผมแล้วยิ้มล้อจนผมต้องตวัดตามองก่อนพูดตอบกลับคนในโทรศัพท์ไป


       "ได้สิ... ที่ไหนล่ะ?"คำตอบรับของผมได้รับเสียงหลุดหัวเราะเล็กๆจากอินและเสียงร้องจากจินที่ดูท่าจะดีใจมาก ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มปลง


       จะทำอะไรก็ทำเถอะ ตอนนี้ผมหมดแรงจะสู้ด้วยแล้วจริงๆ


       นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมมานั่งในร้านขนมหวานร้านเดิมที่เคยมากับลอสริกซ์ ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ เพราะผมพอจะรู้ว่าทั้งเจ็ดคนต่างเป็นพวกชอบกินของหวาน เพียงแต่ว่า...


       ปริบๆ


       ผมมองดวงตาที่กะพริบถี่ๆอย่างเป็นประกายของบรรดาสาววายรอบตัวแล้วถอนหายใจ สายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาเหมือนไม่ต้องการคลาดช็อตเด็ดไปนั้นทำให้ผมกลุ้ม


       จะเดททั้งทีดันมีสายตาห้อมล้อมรอบแบบนี้คงไม่มีใครสบายใจไหวหรอก


       ผมคิดอย่างนั้นแต่พอมองใบหน้ายิ้มแย้มของคนตรงข้ามที่ทำท่าจะยื่นส้อมมาป้อนอีกรอบก็นึกปลง


       คงต้องเว้นคนตรงหน้านี่ไว้คน

     

       "เอาอีกคำนะทอย อะ อ้าม"ไอ้การทำเสียงเหมือนกำลังป้อนเด็กไม่รู้ประสามันทำให้ผมรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ผมกวาดตามองรอบๆ เห็นเหล่าสาววายพากันจ้องมือถือที่เหมือนจะจ่อมาทางพวกผมอยู่จึงยิ่งไม่กล้าเปิดปากรับ


       "ฉัน...อิ่มแล้วล่ะ"คำพูดเสียงค่อยของผมทำให้จินยอมเก็บส้อมไปเช่นเดียวกับบรรดาสาววายที่ต่างร้องว้าอย่างเสียดายขณะเก็บมือถือลงกระเป๋า ผมถอนหายใจอีกครั้ง


       ร้านนี้... ผมคิดว่าตัวเองควรจดลงแบล็คลิสต์เอาไว้ว่าไม่ควรมาอีก อย่างน้อยๆก็ช่วงนี้ล่ะนะ


       ผมที่ถูกจูงมือเดินกลับมาที่รถสีเหลืองคันงามก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ 
    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างจินจะขับรถเป็น


       นี่ไม่ใช่ว่าผมจะดูถูกอะไรหรอกนะ แต่จินดูเป็นพวกที่น่าจะมีคนขับให้มากกว่าเป็นฝ่ายขับเองน่ะ

     

       ผมขึ้นมาบนรถ แล้ววางถุงสีหวานลงตรงเบาะหลังช้าๆ อย่างพยายามไม่ให้กระเทือนบรรดากล่องเค้กที่ถูกบรรจุไว้ด้านใน เค้กพวกนี้ผมซื้อไปฝากคนอื่นๆ โดยได้สอบถามจินเรื่องรสที่แต่ละคนชอบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งๆจริงผมก็คาดเดาไว้ก่อนแล้ว แต่สอบถามซ้ำเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล


       ก็นะ ของซิตซ์นี่เค้กช็อคโกแลตผสมกาแฟ ของเวย์ก็รสวนิลากับส้ม ของไปป์เป็นช็อคโกแลตกับเค้กกล้วย สองแฝดก็วนิลากับชาเขียว ส่วนไนท์ก็สตอเบอรี่...


       "นี่ๆ ทอย เราเป็นแฟนกันแล้วนะ เพราะงั้นควรทำอะไรให้สมกับเป็นแฟนใช่ม้า?"จินที่เสียบกุญแจแต่ยังไม่สตาร์ทรถหันมาพูดกับพร้อมกะพริบตาถี่ๆ อย่างที่ผมมองแล้วรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแน่


       จะอ้อนอะไรอีกล่ะ?


       "...ทำอะไรล่ะ?"


       "ก็อย่าง..."เสียงลากยานค้างพร้อมใบหน้าของจินโน้มเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ หัวใจผมเต้นตึกตักอย่างที่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าจะตื่นเต้นอะไร ผมจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลที่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างไม่ลดละ ก่อนจะเห็นอีกฝ่าย
    ระบายรอยยิ้มกว้างพร้อมกับประโยคหลังที่ถูกเติมเต็ม


       "...หอมแก้มไง"คำพูดท่อนท้ายที่ทำให้ผมที่ลุ้นๆอยู่ชะงัก


       หือ? หอมแก้ม?


       ผมกะพริบตามองใบหน้าที่อยู่ใกล้ไม่ถึงคืบ มองรอยยิ้มสดใสแล้วทวนคำพูดในใจอีกครั้ง


       แค่ หอมแก้ม?


       มันไม่เชิงว่าผมคาดหวังอะไร แต่...จะว่ายังไงดีล่ะ? ผม...กับจินมันเกินเลยมากกว่าขั้นที่ว่าไปไกลลิบ อีกฝ่ายเคยถึงขนาดจูบแบบแลกลิ้นกับผมมาแล้ว แต่วันนี้ ตอนที่สถานะของเขาอยู่ในฐานะ...แฟนของผม อีกฝ่ายกลับบอกว่าจะทำแค่หอมแก้ม?


       มันไม่แปลกไปหน่อยรึไง?


       "แค่หอมแก้ม...ไม่ได้เหรอ?"คงเพราะผมเงียบนานไปจินถึงได้ทำสีหน้าหดหู่ ช้อนตามองผมพร้อมถามคำถามอย่างที่ผมปฏิเสธไม่ลง ผมได้แต่หลับตาลงช้าๆ


       "แค่หอมแก้ม...ได้สิ"สิ้นคำพูดผมก็คล้ายได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมีสัมผัสแผ่วเบากดลงตรงข้างแก้มและผละออกไป ไม่นานเครื่องยนต์ก็ถูกสตาร์ทพร้อมกับตัวรถที่เริ่มเคลื่อนที่


       ผมค่อยๆ เอนหลังพิงเบาะแล้วหันหน้าออกไปทางกระจก ขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายเท้าแก้มข้างที่ถูกสัมผัสเมื่อครู่...


       สัมผัสที่แผ่วเบา แต่กลับตราตรึง


       ผมพยายามทำหูทวนลมกับเสียงฮัมเพลงที่ดังคลอในรถซึ่งเหมือนจะยิ่งทำให้อุณหภูมิใบหน้าของผมรู้สึกร้อนผ่าว


       แปลก ตอนจูบผมไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอเป็นหอม...แค่หอมแก้มเบาๆมันกลับทำให้ผมรู้สึก...เขิน


       ผมลูบแก้มข้างซ้ายที่เพิ่งถูกหอมไปอีกครั้ง อย่างไม่รู้ว่าควรทำยังไง รู้แค่ว่าตลอดทางกลับบ้าน ผมไม่ได้หันกลับไปมองหน้าจินแม้แต่นิดเดียว




       เมื่อกลับถึงบ้าน หลังจากจัดการอะไรหลายๆอย่างเสร็จ ผมก็เปิดโน้ตบุ๊คแล้วเสิร์ชหาหัวข้อที่คาใจ

      "หน้าที่ของแฟน"

       ผมลองหาดูแล้วก็ได้ข้อมูลมาหลายแหล่ง ก่อนจะคัดเอาข้อมูลที่เหมือนกันมาเปรียบเทียบ จดบันทึก และเตรียมตัว

       จากนี้ไปจนครบหนึ่งปี ผมจะเป็นแฟนที่ดีให้กับพวกเขา

       นี่เป็นความตั้งใจของผม ผมเชื่อว่าเวลาหนึ่งปีคงมากพอที่จะทำให้พวกเขาจะเบื่อคนอย่างผมและจากไป...

       กลับมาพูดถึงหน้าที่ของแฟน อย่างที่รู้กันว่าผมเคยมีแฟนแค่หนึ่งคน ดังนั้นประสบการณ์ในฐานะแฟนผมจึงมีเพียงน้อยนิด ซึ่งบทสรุปสำหรับครั้งแรกที่จบลงด้วยการเลิกรานั้น แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยและความล้มเหลวในฐานะแฟนของผม

       ดังนั้นผมจึงพิจารณาตัวเองดู เพื่อหาข้อบกพร่องที่ควรแก้ไข และแล้วผมก็พบว่าสาเหตุที่ทำให้ตัวผมล้มเหลวนั้นเนื่องมาจากการขาดประสบการณ์ และขาดความพร้อม

       อย่างที่รู้ว่าผมถูกแฟนเก่านอกใจ ถึงผมจะไม่พอใจกับการถูกคบซ้อน แต่ก็พอเข้าใจได้ถึงสาเหตุที่แฟนเก่าของผมเลือกที่จะมีคนอื่น สาเหตุที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เธอนอกใจ คือเรื่องที่ผมไม่มีเวลาให้ และไม่ตามใจเท่าที่ควร

       ตอนฝนนัดผมไปเดท หลายครั้งที่ผมปฏิเสธเพราะติดงาน ยิ่งช่วงใกล้เดดไลน์ผมถึงกับไม่รับโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ส่วนที่ไม่ตามใจ...บางครั้งฝนอยากได้ของแพงๆ ไปกินอาหารร้านหรูๆ แต่ผมไม่ชอบที่จะสิ้นเปลืองเลยปฏิเสธไป ยังมีอีกหลายครั้งที่ผมไม่ยอมลงให้ ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่คำขอเล็กๆ 

       จากข้อสรุปนั้นทำให้ผมตั้งใจมาเสิรชหาข้อมูล เพื่อมองหาวิธีทำตัวเป็นแฟนที่ดีและสมบูรณ์แบบ

       ...ดูๆแล้วก็ไม่ได้ยากอะไรนะ ไม่โกหก ไม่งี่เง่า เว้นพื้นที่ส่วนตัว ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คอยช่วยเหลือยามมีปัญหา พาไปเดท ให้ดอกไม้ มีของขวัญเซอไพรซ์ และ...บอกรักในบางโอกาส

       ข้อไหนๆผมก็ทำได้ ยกเว้น...ข้อสุดท้าย

       งั้นคงต้องหาวิธีอื่นแทนการบอกรักแล้วสิ เริ่มจากจินแล้วกัน

     

       เอ้อ ไม่ใช่ว่าผมมองจินเป็นตัวทดสอบหรอกนะ แต่จินเหมือนจะเป็นคนที่ผมจับทางง่ายที่สุด ดังนั้น...

     

       วันนี้ผมถูกจินชวนมาเล่นเกมที่ห้อง ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสดี

     

       จินดูกระตือรือร้นในการสอนผมเล่นเกมมาก สอนตั้งแต่วิธีการจับจอยเกมที่ผมดันจับสลับด้านจนอีกฝ่ายหลุดหัวเราะ สอนวิธีการใช้ปุ่ม ซึ่งผมเพิ่งพบว่าจอยเกมเองก็หนักใช่เล่น ทำให้นึกสงสัยว่าคนที่เล่นเกมเป็นเวลานานๆเขาไม่เมื่อยกันบ้างรึไงนะ?

     

       "ทอยเลี้ยวทางซ้ายสิ นั่นล่ะ อ๊ะ ระวัง นั่นๆ ระวังรถนั่น อ๊ะ ...ว้า! แพ้จนได้สิน่า ไม่เป็นไรนะ ครั้งแรกใครๆก็...! ทอย?"จินหันมาพูดปลอบผมเมื่อเกมโอเวอร์ ซึ่งอีกฝ่ายดูมีท่าทีตกใจนิดหน่อยตอนผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้

     

       ฟอด

     

       ผมผละตัวออก ถอยห่างออกมามองหน้าจินที่ยังดูค้างๆแล้วรู้สึกตลก ยกยิ้มนิดๆแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี

     

       "แค่หอมแก้มน่ะ"

     

        ก็ไม่เข้าใจหรอกนะ แต่หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็วิ่งพรวดออกไปนอกห้องก่อนจะกลับเข้ามาหยิบหมอนอิงที่โซฟาขึ้นมากอดแล้วชี้นิ้วมาทางผมพร้อมพูดประมาณว่า

     

       "ทอย...! เล่นโจมตีอย่างไม่ทันตัวแบบนี้มันผิดกฎนะ! ผิดกฎ! ผิดกฎ!!"เสียงง้องแง้งโวยวายอย่างน่าตลกนั่นไม่ดึงดูดผมเท่ารอยริ้วสีแดงจางๆ ที่ปรากฏที่ข้างแก้ม และเมื่อผมลองเพ่งดูดีๆก็เห็นว่าใบหูที่มีห่วงสีเงินเกาะเกี่ยวอยู่นั่นขึ้นสีแดงระเรื่อ

     

       แปลกแฮะ ตอนเป็นฝ่ายหอมแก้มผมไม่เห็นยักกะอาย ผมยังนึกว่าจินจะดีใจกว่านี้ซะอีก?

     

       อืม...ถือเป็นกรณีศึกษาสินะ

     

     

       คนที่ผมเข้าหาเป็นรายที่สองคือไปป์ ...เอาจริงๆ ผมก็ไม่ใช่ฝ่ายเลือกหรอกแค่สถานการณ์มันพาไป เพราะจินเป็นฝ่ายฟ้องไปป์ที่มาตามไปกินข้าว โดยวันนี้เหมือนจะเป็นวันนัดกินเลี้ยงของกลุ่ม

     

       ไปป์ลูบหัวปลอบจินที่เอาหน้าซุกไหล่ตน พลางชี้ไม้ชี้มือมาทางผมพร้อมพูดด้วยท่าทางที่เหมือนกับผมทำอะไรที่มากไปกว่าหอมแก้มตัวเอง

     

       แต่เอาจริงๆ แค่คำพูดที่ว่าถูกทอยโจมตี นี่ไม่ได้ช่วยทำให้ไปป์เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาหรอกนะ เจ้าของผมสีน้ำตาลสว่างมองผมพร้อมยิ้มอย่างคล้ายจะถามว่าที่จินพูดน่ะเรื่องอะไร ซึ่งผมคิดๆแล้วเดินเข้าไปใกล้

     

       ฟอด

     

       "ฉันแค่ทำแบบนี้เอง"

     

       "อ่า... เข้าใจล่ะ"


       ไปป์ที่ทำหน้าตะลึงพยักหน้ากับตัวเองอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับจินโดยไม่ปิดประตู ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจนักว่าที่อีกฝ่ายบอกว่าเข้าใจ นี่ เข้าใจเรื่องอะไร?

     

       ผมถูกซิตซ์โทรตามให้ลงไปที่ห้องเวย์ ซึ่งผมก็โอเคหรอกนะ ถ้าไม่ใช่ว่าพอไปถึงก็พบเข้ากับสายตาจากคนอื่นๆที่มองมาทางผมอย่างสงสัย อย่างที่ผมก็พอเข้าใจ เมื่อเห็นไปป์กับจินซึ่งปกติจะต้องมานั่งประกบผมกลับไปเกาะติดเวย์แทน และพอสบตากับผมก็หันหน้าหนีอย่างมีพิรุธจนทำให้คนที่เหลือมองมาทางผมอย่างจับผิด

     

       นี่ผมทำอะไรพลาดอีกแล้วเหรอ?

     

       ผมยกนิ้วโป้งขึ้นมาแตะปาก ครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าทำอะไรผิดไป เพราะนี่ก็สองรายเข้าไปแล้ว... การที่ผมเป็นฝ่ายหอมแก้มพวกเขานี่ มันผิดมากรึไงนะ?

     

       "ทอย มานั่งนี่สิ"เสียงเรียกที่ทำให้ผมผละจากความคิดตัวเองแล้วหันไปมอง สองแฝดกำลังโบกมือให้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นทั้งคู่นั่งแยกกันโดยเว้นช่องให้...ผม

     

       ผมบังคับรอยยิ้มตัวเองไม่ได้จริงๆ รู้สึกอารมณ์ดีมาก และก้าวไปนั่งยังที่ว่างนั้น ทันทีที่ผมนั่งก็มีช้อนและตะเกียบยื่นมาให้ และหันไปอีกทางก็พบว่าแฝดอีกคนส่งถ้วยที่ตักเรียบร้อยมาให้ ซึ่งการบริการอย่างดีนั่นทำให้ผมหลุดขำ ก่อนพูดขอบใจเบาๆ

     

       "ขอบใจนะ"ผมรับช้อนกับตะเกียบมา ก่อนจะรับถ้วยต่อ ซึ่งระหว่างที่กำลังเป่าน้ำซุปก็ได้ยินเสียงหนึ่งแฝดพูด

     

       "กินเยอะๆนะทอย ถ้าไม่อิ่มเดี๋ยวพวกฉันตักให้อีก"ผมยิ้มรับให้กับคนทางซ้ายแล้วพึมพำตอบเบาๆ

     

       "ขอบใจนะริกซ์"

     

        ฟู่ๆ ผมคีบหมูในถ้วยขึ้นเป่าก่อนจะจิ้มน้ำจิ้ม พอคีบใส่ปากแล้วความคิดหนึ่งก็ปรากฏในหัว

     

        น่าเสียดายจริงๆ ผมนึกเสียดายฝีมือการทำอาหารของเวย์ที่ถ้าไปเปิดร้านอาหารของตัวเองล่ะก็ ผมคนนึงที่สัญญาเลยว่าจะไปเป็นลูกค้าขาประจำของอีกฝ่ายแน่ๆ เพราะจากที่เคยชิมฝีมือเวย์ไม่ว่าจะเป็นต้มจืด ต้มยำกุ้ง ปลาเปรี้ยวหวาน อาหารไทยหลายอย่างที่ใครได้ลองแล้วเป็นต้องติดใจ


       มันน่าเสียดายจริงๆที่คนที่มีฝีมือทำอาหารเก่งแบบนี้ไม่ได้เปิดร้านอาหาร

     

       "ฉันเติมน้ำให้นะ"นั่งกินไปสักพักคนทางขวาก็ช่วยเติมน้ำใส่แก้วที่เริ่มพร่องให้ ผมหันไปยิ้มแล้วพูดขอบใจเบาๆ

     

       "ขอบคุณนะลอส"

     

       แต่มาลองคิดดูแล้ว ถึงเวย์จะไม่ได้เปิดร้านอาหารแต่ผมก็มีโอกาสได้ชิมอาหารฝีมือทำอาหารของเวย์อยู่ดี ...นี่ถ้าผมลองขอให้เวย์ช่วยสอนจะเป็นอะไรไหมนะ? นั่นสินะ เวย์ทำอาหารเก่งแบบนี้ถ้าได้สอนไม่ว่าใครก็ต้องทำอาหารอร่อยๆ ได้แน่ แต่มันจะรบกวนรึเปล่าน่ะ? ผมว่าคนใจดีๆอย่างเวย์คงยอมสอนอยู่หรอก อย่างนี้ไว้มีโอกาส...

     

       หือ?

     

       ผมไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่ามีคนจ้อง?

     

       ลอส? ริกซ์? สองแฝดข้างกายไม่ได้กำลังกิน แต่กลับนั่งมองหน้าผมด้วยสีหน้าคล้ายกับอยากถามอะไร

     

       "มีอะไรเหรอ? ลอส? ริกซ์?"ผมวางถ้วยลงบนโต๊ะ มองทั่งคู่สลับกันอย่างรอให้ใครสักคนเปิดปาก คนอื่นๆก็นั่งกินกันเหมือนปกติมีแค่สายตาที่สื่อว่ากำลังสนใจเรื่องทางนี้

     

       ทั้งสองดูลังเลก่อนจะเป็นแฝดคนขวาจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น

     

       "ทอย...แยกพวกเราออกแล้วเหรอ?"คำถามนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเผลอค้างไปวูบ ก่อนจะกะพริบตาไล่ความรู้สึกแล้วตอบ

     

       "เปล่า ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ว่าแยกพวกนายไม่ออก"คำพูดที่เหมือนซ้ำเติมตัวเองของผมทำให้ทั้งคู่หน้าหงอย ก่อนจะเป็นเวย์ที่ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดจนถึงเมื่อครู่ที่โพล่งถามขึ้น

     

       "งั้นทอยบอกได้ไหมครับว่าคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของทอยเป็นใคร?"คำถามของเวย์ที่ทำให้ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงุนงง ก่อนจะหันมามองทางแฝดฝั่งซ้ายมือ

     

       คำตอบของผมน่ะเหรอ?

     

       "ก็ริกซ์ไง"

     

       ...!

     

       ผมเห็นชัดถึงสีหน้าที่แปรเปลี่ยนของทั้งคู่ ทั้งที่ตอนแรกยังทำหน้าเหมือนไม่อยากฟังคำตอบจากผมอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีหน้าตะลึงกึ่งๆคาดหวัง

     

       เวย์เหลือบมองแฝดทางซ้ายมือผมแล้วถามต่อ

     

       "งั้นคนขวาล่ะครับ?"

     

       "ก็ต้องลอสน่ะสิ"ผมตอบกลับทันที พร้อมกันนั้นก็เกิดความไม่เข้าใจว่าที่เวย์สื่อหมายถึงอะไร

     

       เวย์มองผมที่ยังคงงงๆ อยู่แล้วอมยิ้มเล็กน้อย

     

       "แล้วทอยรู้ได้ยังไงครับ?"

     

       "หืม? หมายความว่ายังไง?"ผมยังคงไม่เข้าใจว่าเวย์ต้องการจะพูดถึงเรื่องอะไร

     

       เวย์เลื่อนสายตาไปทางลอสกับริกซ์เป็นคำตอบ ซึ่งผมพลันเข้าใจ เวย์คงสงสัยว่าผมรู้ได้ยังไงว่าทางซ้ายคือริกซ์และทางขวาคือลอส

     

       "อ้อ จากเสียงน่ะ ฉันรู้ว่าเป็นลอสเพราะเสียงฟังแล้วทุ้มกว่านิดหน่อย ส่วนเสียงของริกซ์จะสูงและออกพร่าๆ ...มันทำไมงั้นเหรอ?"ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำหน้าเหมือนตกใจกันขนาดนั้น

     

       "ทอย นี่ทอยแยกพวกลอสกับริกซ์ออกแล้วเหรอ?"จินหันมาถามผมอย่างตื่นเต้น ดูจากท่าทางก็คงลืมไปแล้วว่าเพิ่งโดนผมโจมตี ไป

     

       "เปล่า ฉันยังแยกไม่ออก"ผมตอบซ้ำ แปลกใจนิดๆที่จินถามทั้งที่เมื่อกี้ผมเพิ่งจะตอบคำถามเดียวกันไป

     

       "แล้วทอยรู้ได้ยังว่าคนไหนลอสคนไหนริกซ์ล่ะ?"จินถามซ้ำด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ

     

       "ก็จากเสียงไง..."ผมชักคิดว่ามันเริ่มวนซ้ำ เมื่อกี้ผมก็เพิ่งตอบเวย์ไป ยังไม่ทันที่จินจะถามซ้ำเวย์ก็ถามผมอย่างช้าๆ

     

       "สรุปว่าทอยรู้ใช่ไหมครับว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นฝั่งไหนคือลอสฝั่งไหนคือริกซ์?"คำถามที่ผมพยักหน้ารับ เวย์นิ่งไปอย่างใช้ความคิดก่อนจะเปลี่ยนคำถาม

     

       "เงื่อนไขของลอสกับริกซ์ที่ขอให้ทอยแยกพวกเขาออกมีอะไรบ้างเหรอครับ?"

     

       "ก็ขอให้แยกให้ออกน่ะ"ผมตอบไปอย่างไม่เข้าใจท่าทางของเวย์

     

       "งั้นไม่ใช่ว่าทอยทำสำเร็จแล้วเหรอครับ?"

     

       "?" ผมเลิกคิ้วให้เวย์อย่างบอกให้รู้ว่าไม่เข้าใจ เวย์ยิ้มเล็กๆ แล้วอธิบาย


       "ก็ในเมื่อทอยบอกได้ว่าทั้งคู่คือคนไหนก็ถือว่าแยกออกแล้วไม่ใช่เหรอครับ?"ผมฟังคำพูดของเวย์แล้วเผลอเอียงคอ


       "ไม่ใช่ต้องแยกให้ออกจากการมองหน้างั้นเหรอ?"คำถามนั้นทำให้ทั้งโต๊ะนิ่งไป ก่อนไปป์จะหัวเราะขึ้น


       "ฮ่าๆๆ โอ๊ย ทอย นี่..นายคิดจะแยกลอสกับ..ริกซ์ให้ออกจากการมองเหรอ? อุ๊บ นั่นมัน...ยาก ยากมากถึงมากที่สุดเลยนะ ฮ่าๆๆ"ไปป์กุมท้องพูดสลับกับหัวเราะราวกับเรื่องที่ผมพูดไปกระตุกต่อมฮาของอีกฝ่ายเข้า ส่วนจินมองทางผมอย่างอึ้งๆ สายตาที่มองมาคล้ายจะถามว่าเอาจริงเหรอ? ยังไงยังงั้น


       ผมกวาดมองรอบโต๊ะ เห็นซิตซ์ถอนหายใจ ไนท์ส่ายหัวน้อยๆ ขณะที่เวย์ยิ้มอย่างอ่อนใจ แล้วหันมายังคนข้างตัวทั้งสองที่ส่งสายตามองมาที่ผมนิ่ง


       "ทอยแยกเสียงพวกเราออกเมื่อไหร่?"แฝดคนขวาที่ผมรู้ว่าเป็นลอสถามขึ้น ซึ่งผมตอบไปตามจริง


       "วันที่สามของอาทิตย์แรกที่มาค้างด้วย"


       "งะ...งั้นทอยก็รู้แต่แรกแล้วน่ะสิว่าคนไหนคือลอสคนไหนคือฉัน"แฝดคนซ้ายพูดบ้างซึ่งผมส่ายหน้าให้


       "ไม่นะ ถ้าฉันมองหน้าพวกนายเฉยๆก็แยกไม่ออกหรอก แต่ถ้าจากคำพูดกับเสียงน่ะแยกได้...ทำไมเหรอ?"ผมถามเมื่อทั้งคู่มีท่าทางคล้ายหมดแรงกะทันหัน


       "ทอย..... พวกฉันแค่อยากให้นายแยกพวกฉันออกเวลาคุยกัน ถึงแยกจากการมองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่ทอยรู้ว่าคนที่จับมือทอยอยู่ตรงนี้คือคนไหนก็พอ"ริกซ์พูดพร้อมคว้ามือผมไปจับ ซึ่งผมเหมือนเพิ่งเข้าใจ


       งั้นเหรอ...ที่บอกว่าให้แยกให้ได้ คือให้มองทั้งคู่เป็นคนละคน ไม่ใช่มองว่าพวกเขาเป็นคู่แฝด


       "อ่า งั้นเหรอ"ผมพึมพำกับตัวเอง งั้นมันหมายความว่าผมรักษาสัญญาเอาไว้ได้สินะ


       ดีจัง... ผมรักษาสัญญาไว้ได้อีกครั้ง


       "ใช่สิ ทอยดันเข้าใจเป้าหมายพวกฉันผิดไป เนี่ยรู้ไหมว่าลอสถึงกับร้องเลยน้าตอนที่ทอยบอกว่าแยกพวกฉันไม่ออก"


       ริกซ์พูดแฉคู่แฝดตัวเองอย่างง่ายดาย ซึ่งลอสเอื้อมมือมาหมายจะปิดปากแต่ก็เหมือนริกซ์จะรู้ทันเบี่ยงหลบไปได้ ลอสยอมถอยกลับไปเมื่อได้ยินเสียงเวย์ปรามแต่ก็ยังทำเสียงเข่นเขี้ยวแล้วหันมาทางผมที่ยังคงตะลึง

       

       ลอสเนี่ยนะ...ร้อง?


       ความคิดที่ทำให้คำพูดของใครบางคนกลับเข้ามาในหัว


       เด็กขี้แย กับ เด็กขี้งอน... ลอสน่ะเหรอขี้แย?


       เหมือนลอสจะเห็นความสงสัยในแววตาผมถึงได้หลบตาเบี่ยงหน้าไปอีกทางพร้อมพูดเปลี่ยนเรื่องแบบไม่มองหน้า


       "ทอยรีบๆกินเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด"คำพูดนั้นทำให้ผมฉีกยิ้มบาง มองเจ้าของเสียงที่ยังคงหันหน้าไปอีกทางพร้อมกับคิด


       ลอสร้องไห้...เพราะผม?


       นั่นสินะ มันเป็นอีกครั้งนึงที่ผมทำให้ทั้งสองคนเสียใจ เสียความรู้สึก ผมหันมามองถ้วยของตัวเอง ก่อนสะกิดลอสแล้วยื่นถ้วยให้ ลอสรับไปเติมให้แต่ก็ยังไม่ค่อยกล้าหันหน้ามามองผม


       "ลอส"ผมรับถ้วยแล้วเรียกลอสที่ทำท่าจะหันหน้าหนีไปอีกรอบ ลอสหันมาหาผมเหมือนจะถามว่าจะเอาอะไรอีกไหม ซึ่งนั่นเป็นโอกาสดีของผม...


       ...


       ผมผละหน้าออกมา มองลอสที่ตัวแข็งค้างเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ผมกะพริบตาสองสามทีก่อนจะนึกได้ว่าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้บนโต๊ะอาหาร ประมวลความคิดอยู่ครู่นึงแล้วให้เหตุผล


       "แค่ตอบแทนที่ช่วยตักให้น่ะ"สิ้นเสียงผมทุกอย่างก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนทุกคนจะเริ่มรับประทานอาหารต่อ โดยที่ไม่มีเสียงร้องโวยวายจากจินว่าขี้โกงเหมือนทุกครั้ง ผมเองก็นั่งทานต่อเงียบๆแต่ในใจก็ได้จดเอาไว้


       ดูท่าจูบก็เหมือนจะไม่ได้แฮะ


       รายที่สามก็ดูท่าจะล้มเหลว สงสัยต้องหาวิธีอื่นแล้วล่ะมั้ง?


       ผมถอนหายใจ


       หน้าที่ของคนเป็นแฟนนี่...ยุ่งยากจังนะ

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×