คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่4 ไปค้างคืน...ผมนอนละเมอ?
ตอนที่4
ไปค้างคืน...ผมนอนละเมอ?
ผมบอกตามตรงว่าทำตัวไม่ค่อยถูกกับการที่ต้องมาค้างในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยกับเหล่าคนที่สถานะยังก้ำกึ่งระหว่าง คนแปลกหน้า และ เพื่อนใหม่
แต่ผมก็บอกตัวเองให้ทำใจ และลองเปิดใจรับเหล่า เพื่อนใหม่ ที่ควบสถานะ คนแปลกหน้าที่เคยร่วมเตียง ดูสักครั้ง
...
หลังทานกันเสร็จพวกผมก็ช่วยกันเคลียร์โต๊ะ ซึ่งดูท่าวันนี้คงตั้งใจจะกินแค่หม้อไฟเฉยๆจึงไม่มีแอลกอฮอล์โผล่มาให้เห็น และเมื่อจัดการเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อย มันก็ถึงเวลาของคำถาม
ผม...จะนอนกับใคร?
ไม่สิ ตามหลักการใช้ภาษาที่ถูกผมต้องถามว่าจะได้นอนห้องไหนและกับใครสิถึงจะถูก เพราะคืนนี้ผมถูกชวนมากินหม้อไฟและจำเป็นต้องค้างคืนที่คอนโดนี้ แต่เพราะทั้งเจ็ดคนต่างมีห้องในคอนโดเป็นของตัวเอง ผมจึงต้องเป็นฝ่ายเลือกว่าจะค้างคืนกับใคร
แม้ตัวเลือกจะมีถึงเจ็ด แต่ผมก็สามารถตัดตัวเลือกทั้งหลายออกอย่างง่ายดาย
ซิตซ์ ไนท์ สองคนนี้น่าจะเป็นพวกไม่ชอบให้ใครบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวจึงถูกตัดออกเป็นรายแรกๆ
จิน ไปป์ สองคนนี่ก็ไม่ไหว ไม่ว่าเลือกใครผมคงไม่ได้นอนหลับดี เพราะคงถูกชวนคุยจนถึงเช้า
ลอส ริกซ์ ผมไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นแฟนนิยายก็เถอะ แต่ถ้าผมเผลอเรียกชื่อสลับคงโดนโกรธอีก จึงเหลือตัวเลือกสุดท้ายที่ดูจะพอดีกับสถานการณ์นี้ที่สุด
"เวย์...คืนนี้ฉันขอนอนด้วยนะ"
ผมก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรแปลกๆออกไป เวย์ถึงได้อ้าปากเหวอแก้มขึ้นสีเรื่อ รวมทั้งคนอื่นๆที่จ้องมองมาที่ผมด้วยสีหน้าคล้ายตกใจ
นี่ผมพูดอะไรผิดเหรอ?
"ก็คืนนี้ฉันคงต้องค้างที่นี่ใช่ไหม? ถ้าไม่รบกวนขอค้างที่ห้องนายได้ไหม?"พอพูดประโยคนี้จบทุกฝ่ายก็ทำสีหน้าเหมือนเข้าใจ ก่อนจินจะพูดขึ้นด้วยเสียงออกแนวอ้อน
"แล้วทอยไม่มานอนห้องฉันเหรอ? ฉันมีเรื่องอยากคุยกับทอยอีกเยอะเลยนะ มานอนกับฉันเถอะน่า นะ"ไม่ว่าเปล่าเข้ามาจับแขนผมเขย่าไปมา แล้วพูดคำว่า นะ ซ้ำไปซ้ำมาชวนให้รู้สึกขบขันปนเอ็นดู
ผมยิ้มขำๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรไป ก่อนจะเป็นไปป์ที่เสนอความเห็น
"ไหนๆก็เป็นคืนแรกที่ทอยมานอนค้างที่คอนโดพวกเรา...งั้นทำไมถึงไม่มานอนด้วยกันหมดนี่ล่ะ?"
"นอนด้วยกัน? เตียงกว้างไม่พอนี่"จินค้านอย่างไม่เห็นด้วย ซึ่งไปป์ทำเสียงจุ๊ๆแล้วโบกนิ้วชี้ไปมา
"ก็เอาแบบไปเข้าค่ายทัศนศึกษาสิ ปูฟูกนอนเรียงกัน ได้บรรยากาศแถมสนุกจะตาย"คำพูดของไปป์ทำให้จินตาเป็นประกายหันมาทางผมแล้วกะพริบตาปริบๆอย่างคาดหวัง ซึ่งงานนี้ผมได้แต่เกาแก้มแล้วหันไปทางเวย์อย่างขอความเห็น
"เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ผมคิดว่าคงมีผ้าห่มไม่พอ งั้นใครที่จะมานอนก็รบกวนเตรียมผ้ามาปูด้วยนะครับ"เวย์พูดด้วยรอยยิ้มจบ จินกับไปป์ก็ร้องไชโยแล้ววิ่งออกจากห้องไป ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดก็คงวิ่งไปขนผ้าจากห้องตัวเองมาอยู่
"งั้นคืนนี้เดี๋ยวมานอนด้วยนะเวย์ ทอย"เสียงแฝดคนหนึ่งกล่าวก่อนลากแฝดอีกคนออกจากห้องไป
ผมมองทางซิตซ์ อีกฝ่ายยืนกอดอกอยู่หันหน้าไปทางประตู และเมื่อหันมาสบตากับผมก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกแล้วเดินออกไป ส่วนทางไนท์...กำลังเปิดนิยายปกสีน้ำตาลที่ขอยืมริกซ์กับลอสมาและยืนอ่านอย่างเงียบๆจนผมต้องทัก
"แล้วไนท์ไม่ไปอาบน้ำเหรอ?"คำถามของผมทำให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองสบ ก่อนปิดหนังสือแล้วลุกออกไป แต่ก่อนจะออกไปจากห้องผมก็เรียกไว้ก่อน
"ไนท์...ที่อ่านน่ะสนุกไหม?"ไนท์มองสบมาแต่ไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหน้า ผมจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ "คือถ้าชอบ...วันหลังฉันเอามาให้ยืมเอาไหม?"
ไนท์นิ่งไปคล้ายกำลังคิด ก่อนจะพยักหน้าลงเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
ผมโคลงหัวนิดๆกับความเงียบนั่น ก่อนจะหันไปหาเวย์ซึ่งกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า ซึ่งตู้ที่แง้มเปิดออกทำให้ผมเห็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับชุดนักศึกษาเรียงอยู่ภายใน
...มีแต่สีฟ้ากับสีขาวแฮะ
"นี่ผ้าขนหนูครับ เดี๋ยวทอยไปอาบก่อนนะครับ ผมจะไปขนฟูกมาปู"เวย์หันมาหาก่อนส่งผ้าขนหนูสีฟ้าอ่อนให้พร้อมรอยยิ้มหวาน ซึ่งผมอาสาขอช่วยขน แต่โดนปฏิเสธ จึงได้แต่รับผ้าขนหนูมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
พออาบเสร็จผมเดินออกมาด้วยสภาพมีผ้าขนหนูสีฟ้าคาดเอว โดยเส้นผมเปียกลู่และมีหยดน้ำเกาะเล็กน้อย เพราะดันลืมขอเสื้อผ้าจากเวย์แล้วยังลืมตัวสระผมไปอีก
ทีแรกผมคิดไว้ว่าเวย์คงจะไม่ถือหรอก แต่เมื่อเปิดประตูออกผมก็ต้องขาแข็งยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อพบว่านอกจากเวย์แล้ว ทั้งจิน ไปป์ ซิตซ์ ไนท์ ลอส ริกซ์ ทุกคนต่างอยู่ในห้องอย่างครบถ้วนในชุดนอนเนื้อบางตามสไตล์ของตัวเองแถมยังพร้อมใจกันมามองทางนี้ตาค้างอีก
ผมแอบทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นสีหน้าอึ้งค้างของแต่ละคน แต่หลังก้มมองสภาพตัวเองแล้วผมก็เข้าใจเหตุผลและโล่งใจไปพร้อมกัน
คงจะตกใจที่ผมออกมาในสภาพนี้ล่ะมั้ง?
อันที่จริงมันก็เข้าใจได้ เพราะผมเองก็คงตกใจไม่น้อยถ้าจู่ๆก็เห็นคนแปลกหน้าเดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ ผมเองถ้าไม่ติดว่าเสื้อผ้าที่ใส่ก่อนหน้านี้มันชื้นเหงื่อและมีกลิ่นอับ ผมก็คงเลือกใส่มันแล้วค่อยเดินออกมา
"โทษที ฉันลืมไปว่าไม่มีเสื้อใส่ ถ้ายังไงขอยืมชุดนายหน่อยนะเวย์"หันไปพูดกับเวย์ ซึ่งอีกฝ่ายสะดุ้งแล้วรีบไปหยิบชุดนอนกับกางเกงในตู้เสื้อผ้ามาส่งให้ ซึ่งที่จริงผมอยากได้แค่ชุดเสื้อยืดกับกางเกงธรรมดามากกว่า แต่เห็นอีกฝ่ายเอามาให้แล้วก็ไม่อยากพูดมาก
"นี่ครับ"เวย์ส่งเสื้อผ้ามาให้ ซึ่งผมยิ้มรับพร้อมพูดขอบใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำ แม้วูบนึงจะเกิดความสงสัย เพราะตอนที่ส่งเสื้อผ้ามาให้มือของอีกฝ่าย...คล้ายจะสั่นๆ?
...คงคิดไปเองล่ะมั้ง
ผมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา ซึ่งพบว่าฟูกที่ปูเรียงถูกจับจองจนเหลือที่ว่างตรงกลางระหว่างจินกับไปป์ ก็คงต้องขอบคุณพื้นที่คอนโดที่กว้างมากพอทำให้แม้จะมีผู้ชายตัวโตนอนเรียงกันถึงแปดคนก็ไม่ได้เบียดเสียดอย่างที่คิด
ผมนั่งลงบนฟูกที่แบ่งเป็นสองแถว แถวล่ะสี่ โดยฝั่งผมเรียงซ้ายก็เวย์ จิน ผม ไปป์ ฝั่งตรงข้ามก็เริ่มจากไนท์ซึ่งนอนหันหัวชนกับเวย์ สองแฝดลอสริกซ์ แล้วก็ซิตซ์
น่าแปลกที่ไนท์กับซิตซ์ก็มานอนด้วย ผมนึกว่าสองคนนี้จะไม่มาร่วมด้วยซะอีก ดูท่าทั้งเจ็ดคนคงจะสนิทกันกว่าที่ผมคิด ขณะที่ผมคิดจะเอนตัวลงนอนกับถูกเสียงหนึ่งร้องห้าม
"เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งนอน"เจ้าของเสียงดุจ้องมองมาที่ผมเขม็ง ดวงตาสีเทาคล้ายฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อผมทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนผ้าขนหนูสีอ่อนก็ถูกโยนลงมาโปะหัว
หืม?
"เช็ดซะ"คำสั่งที่ได้รับมาพร้อมผ้าขนหนู ซึ่งผมประมวลผลชั่วครู่ก็เข้าใจ เพราะหัวของผมยังไม่แห้ง ถ้านอนตอนนี้หมอนจะเปียกเอาและหัวจะเกิดเชื้อราได้
ต้องขอบคุณจริงๆที่อีกฝ่ายช่วยเตือน
"ขอบใจนะ"ผมพูดก่อนจะใช้ผ้าเช็ดเส้นผมที่ยังคงเปียกอยู่อย่างช้าๆเพื่อไม่ให้หยดกระเด็นไปโดนคนอื่น ซึ่งระหว่างที่เช็ดผมอยู่ผมก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อซิตซ์ใหม่
ทีแรกผมคิดว่าซิตซ์เป็นพวกรักสนุกและยึดตัวเองเป็นหลัก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นประเภทใส่ใจคนรอบข้างมากกว่าที่คิดไว้ เรื่องเล็กๆอย่างเช็ดผมไม่แห้งก็ยังสังเกตเห็น แต่ที่ผมแปลกใจที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่อีกฝ่ายเผื่อแผ่ความใส่ใจมาให้ผมด้วย เพราะตั้งแต่เจอหน้ากันซิตซ์ก็สนทนากับผมแค่ไม่กี่คำทำให้ผมนึกว่าอีกฝ่ายไม่ชอบขี้หน้าผม
"นึกว่าไม่ชอบฉันซะอีก..."
ผมเผลอหลุดปากออกมาเสียงเบา โชคดีที่ไม่มีใครได้ยิน จู่ๆจินที่นอนคว่ำอยู่ทีแรกก็ลุกขึ้นมาอาสาเช็ดผมให้ผม แต่พอผมเห็นหัวอีกฝ่ายที่ยังไม่แห้งดีก็ส่ายหน้า
"เช็ดของตัวเองให้แห้งซะก่อนสิ"ผมมองหน้าจินแล้วตัดสินใจเอาผ้าขนหนูที่อยู่ในมือตัวเองเช็ดให้อีกฝ่ายแทน จินทำท่าจะประท้วงแต่สุดท้ายก็นิ่งไปยอมให้ผมเช็ดผมให้แต่โดยดี
ผลุบ
ผ้าขนหนูอีกผืนถูกวางบนศีรษะเมื่อผมเงยหน้ามองก็เห็นว่าเวย์ยืนส่งยิ้มอ่อนโยนอยู่ด้านหลัง
"เดี๋ยวผมเช็ดให้เองนะครับ"คำขออนุญาตที่ผมได้แต่พยักหน้าให้อย่างขอบคุณแล้วหันมาเช็ดผมให้คนที่เริ่มกระดุกกระดิกอยู่ไม่สุข การเช็ดผมที่ต่อเป็นทอดทำให้ผมอดยิ้มอย่างขำๆไม่ได้ เมื่อลองนึกว่าหากทุกคนสระผมแล้วมานั่งล้อมวงเช็ดผมต่อเป็นทอดๆคงตลกน่าดู
"ผมทอยนุ่มดีนะครับ"ระหว่างที่เช็ดผมอยู่เวย์ก็พูดชมขึ้นมา ผมที่ได้ยินแบบนั้นส่งเสียงถามกลับไปอย่างแปลกใจ
"งั้นเหรอ? แต่ถ้าให้เทียบกันฉันว่าผมของจินนุ่มกว่านะ ทั้งนุ่มทั้งหอมเลย"ผมพูดพลางก้มไปดมอย่างลืมตัว กลิ่นแชมพูของจินหอมมาก กลิ่นคล้ายๆกับกุหลาบแต่หอมกว่า ไม่รู้ว่าใช้ยี่ห้ออะไร
ผมผละตัวออกเมื่อรู้สึกถึงการขยับตัว ก่อนจะนิ่งค้างเมื่อจินเงยหน้าขึ้นมอง เพราะระยะห่างตอนผละออกกับตอนจินเงยหน้าขึ้น...ปลายจมูกของเราชนกัน
ผมนิ่งค้างไปอึดใจรู้สึกได้ถึงลมหายใจของจิน แต่เสี้ยววินาทีที่สบสายตากับอีกฝ่ายก็ทำให้ผมได้สติแล้วรีบผละออกมา
ผมรีบพูดขอโทษไวๆ ซึ่งจินก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากนั้นจนถึงตอนที่ผมเช็ดผมให้อีกฝ่ายเสร็จจินก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย
หลังจากพวกผมจัดการอะไรกันเสร็จก็เตรียมตัวแล้วปิดไฟนอนกัน แต่ถึงจะว่าบอกปิดไฟนอนก็เถอะ แต่ในความมืดที่เลือนลางผมก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของจินกับไปป์ที่ผลัดกันชวนผมคุยไม่หยุด ผมที่นอนฟังคลี่ยิ้มกับตัวเองบางเบาเมื่อพบว่าสิ่งที่คาดไว้ไม่ต่างกับความเป็นจริงเลย และแน่นอนว่าคืนนี้ผมคงไม่ได้นอนง่ายๆแน่ ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คาดเมื่อมันเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงที่ผมนอนฟังเสียงจินกับไปป์พูดกันจนเริ่มหาวออกมา
"ทอย ทอย"เสียงเรียกของจินทำให้ผมขานรับเสียงเบา
"หืม?"
"จะหลับแล้วเหรอ?"คำถามที่มาพร้อมน้ำเสียงติดกังวลทำให้ผมยิ้มบาง
"ยังหรอก แค่ง่วงนิดหน่อย มีอะไรล่ะ?"พอผมถามกลับเสียงจินก็คล้ายเงียบไปอึดใจ
"ก็แค่อยากถามเรื่องแฟนเก่าทอยน่ะ ว่าเป็นคนยังไง"
"จู่ๆ ทำไมถึงอยากรู้ล่ะ?"ผมถามกลับอย่างแปลกใจที่อยู่ดีๆจินก็ถามถึงเรื่องนี้
"ฉัน...ก็แค่อยากรู้ว่าผู้ชายที่ทิ้งทอยไปเป็นคนแบบไหน"จินตอบเหมือนเด็กแก้ตัวตอนทำความผิดแต่ผมแทบสำลักอากาศเมื่อหูได้ยินถ้อยคำที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง
"จิน"ผมเรียกคนด้านซ้ายมือเสียงนิ่งพออีกฝ่ายขานรับก็พูดเสียงเรียบ "แฟนเก่าฉันเป็นผู้หญิงนะ"
"หา!"
เสียงประสานที่ไม่พร้อมกันดังจนคล้ายเสียงเอคโค่ทำให้หูผมอื้อไปครู่นึง ผมไม่แน่ใจว่าเสียงใครบ้างแต่ที่แน่ๆมีของจินด้วย
"พวกนายตกใจอะไรกันแฟนเก่าของฉันเป็นผู้หญิงก็ถูกแล้วนี่?" เพราะในห้องมันมืดผมจึงได้แต่ส่งเสียงถามลอยๆโดยไม่มีโอกาสเห็นหน้าคนที่สนทนาด้วย
"เอ่อ ทอย คือว่านะ ที่จริงฉัน... ไม่สิ พวกเราทุกคนคิดว่าแฟนนายเป็นผู้ชายซะอีก"ไปป์เป็นพูดขึ้นพอผมถามกลับว่าทำไมอีกฝ่ายก็เงียบไปจนผมข้องใจ แล้วถามเสียงเครียด
"นี่หน้าตาของฉันดูเหมือนพวกชอบเพศเดียวกันเหรอ?"
"เปล่า!"
เสียงผสานรอบสองทำให้ผมเริ่มคลายใจ แต่ก็ไม่หายสงสัยว่าทำไมพวกจินถึงได้คิดว่าผมเป็นแฟนกับผู้ชาย ซึ่งคิดไปคิดมาผมก็นึกได้ว่าคืนแรกที่เจอกันผมดันขึ้นเตียงกับพวกเขาเจ็ดคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ดังนั้นคงไม่แปลกที่คนอื่นๆจะคิดว่าผมเป็นเกย์กัน
"ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแล้ว..."ผมสูดลมหายใจเข้าอย่างพยายามทำใจก่อนจะพูดอธิบายอย่างช้าๆ "แต่ก่อนอื่นฉันต้องบอกก่อนล่ะนะว่าฉันไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น...มันเป็นเพราะฉันเมามากไปหน่อย"
พอพูดถึงตรงนี้ผมก็ไม่มั่นใจนักว่าที่พูดมันถือว่าเป็นคำแก้ตัวรึเปล่า เมื่อในคืนนั้นถึงผมจะเมาแต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีสติ ผมรับรู้ทุกอย่าง และการตัดสินใจนั่นก็เป็นทางที่ผมเลือกเอง... ผมหยุดความคิดทั้งหมดไว้ และส่งคำถามกลับไป
"เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นเป็นเพราะเมาเลยเผลอตัวไป ...พวกนายเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ
ผมขมวดคิ้วเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ซึ่งความเงียบเข้าปกคลุมจนกระทั่งใครบางคนโพล่งถามขึ้นมา
"งั้นวันนั้น...ครั้งแรก?" เสียงนี้...ไนท์?
ผมไม่มั่นใจว่าไอ้ ครั้งแรก ที่ว่ามันใช่อย่างที่คิดรึเปล่า แต่ก็ตอบไป
"ถ้าหมายถึงประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ไม่ว่ากับชายหรือหญิงฉันก็ไม่เคยทั้งนั้นแหละ"สิ้นคำตอบผมก็ปฏิกิริยาจากรอบด้าน
"เฮ้ย! เอาจริงดิ?"
"บ้าแล้ว กับผู้หญิงก็ไม่เคยลอง?"
"ไม่จริงมั้ง?"
ก่อนที่จะมีคำถามไปมากกว่านี้ผมก็รีบโพล่งขึ้นตัดบท
"ใช่ ฉันไม่เคย ส่วนถ้าถามว่าทำไม ฉันก็มีสองเหตุผลให้ หนึ่ง คือฉันไม่ได้เป็นเกย์เลยไม่เคยนอนกับผู้ชาย" ครั้งแรกที่ลองก็วันที่จัดเต็มคืนนั้นนั่นแหละ "และสอง ฉันไม่คิดจะนอนกับผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานด้วย"
"หมายความว่าไง?"เสียงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นของใครแต่ผมก็ตอบคำถาม
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าค่านิยมในสังคมมันเปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่ฉันถูกสอนมาให้รู้จักให้เกียรติกับผู้หญิง"ผมเว้นช่อง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "และถูกพูดกรอกจนจำขึ้นใจว่าพรมหจรรย์ของผู้หญิงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นฉันถึงตั้งใจไว้ว่าจะไม่นอนกับใครพร่ำเพรื่อ ผู้หญิงคนเดียวที่ฉันจะหลับนอนด้วยคือคนที่ฉันจะใช้ชีวิตคู่กับเขาเท่านั้น"
พอผมพูดจบก็เกิดความเงียบ
"หมายถึงนายจะนอนแค่กับคนที่นายจะแต่งงานด้วย?"เสียงแหบต่ำที่ผมจำได้ว่าเป็นของซิตซ์พูดทวนถามขึ้น ซึ่งผมตอบรับทันที
"ใช่"
"แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่บริสุทธิ์ล่ะ?"คำถามนี้ทำให้ผมขมวดคิ้วแล้วตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง
"ฉันไม่ได้สนเรื่องนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแบบไหนเราก็ต้องให้เกียรติเขาอย่างเท่าเทียม"
ผมไม่ได้หัวโบราณขนาดที่ผู้หญิงคนนึงจำเป็นต้องบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านอะไรมาเลย และผมไม่อยากเอาอดีตมาตัดสินปัจจุบัน ผมรู้ดีว่าคนเราสามารถผิดพลาดกันได้ ดังนั้นสิ่งที่ผมควรใส่ใจจึงไม่ใช่เรื่องที่ว่าคนคนนั้นผ่านอะไรมา แต่เป็นเรื่องในวันข้างหน้าที่เราจะผ่านไปด้วยกัน
พอผมพูดจบก็เกิดความเงียบอีก แต่ไม่นานนักคนซ้ายมือผมก็ถามขึ้นคล้ายข้องใจ
"งั้นตอนคบกับแฟนเก่า ทอยทำอะไรกันบ้างล่ะ?"คำถามของจินที่ผมเลิกคิ้วก่อนจะตอบอย่างไล่เรียงตามความทรงจำ
"ก็ทั่วไปนะ ดูหนัง พาไปกินข้าว คุยโทรศัพท์--"
"ไม่ๆ ฉันหมายถึงแบบจูบอะไรงี้น่ะ"จินที่ท้วงขัดก่อนขยายความ ซึ่งผมที่เข้าใจความหมายก็ตอบออกไปอย่างสบายๆ
"จับมือกับหอมแก้ม มากหน่อยก็กอด"ผมตอบออกไปตามจริง "แต่ฉันก็เตือนเขาว่ากับคนที่เพิ่งคบกันไม่ถึงเดือนดีอย่างฉันเขาไม่สมควรทำแบบนี้ด้วยเพราะมันทำให้เขาเสียหาย" ผมตอบเสร็จก็หาว เริ่มง่วงหนักขึ้นจนตาปิด ถามลอยๆว่าไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ก็พบว่าคนขวามือมี
"ฉันมีข้อข้องใจอีกอย่าง มันคาใจมาก คือ...นายเคยจูบมาก่อนรึเปล่า?"เสียงไปป์ที่ผมได้ยินฟังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ แต่หนังตาที่เริ่มหนักอึ้งก็ทำให้ผมรีบๆตอบคำถามไป
"เคยสิ ฉันต้องเคยอยู่แล้ว"ผมที่ทีแรกเข้าใจว่าหมายถึงชีวิตนี้เคยจูบรึเล่าถึงตอบไปแบบนั้น แต่เมื่ออีกฝ่ายระบุลึกลงไปว่ากับผู้หญิง ซึ่งผมก็ร้องอ้อคำนึงก่อนตอบ
"เคยครั้งนึง ก่อนหน้านี้ฉันเคยจูบกับผู้หญิงแค่คนเดียว" ผมขยายความโดยเล่าแบบรวบๆให้คนฟังพอนึกภาพตามออก "จูบแรกของฉันมีตอนสิบหก ตอนนั้นมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนนึงเขามาขอจูบ เพื่อเป็นของขวัญเรียนจบน่ะ"
ซึ่งก่อนจะปิดตาหลับไปจริงๆก็นึกบางอย่างออกเลยพูดเสริมออกไป
"ถึงจะบอกว่าจูบ แต่เอาจริงๆก็แค่ปากแตะปากล่ะนะ แบบสอดลิ้นนี่ฉันก็เพิ่งลองครั้งแรกเอาคืนนั้นแหละ ฮ้าว"
ผมหาวหนักๆหนึ่งทีก่อนจะหลับไปจริงๆ
ตื่นเช้าขึ้นมาผมก็พบกับเรื่องประหลาดเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่ตรงกลางอันเป็นบริเวณที่ควรมีหมอนตั้ง ผ้าปูที่วางเรียงชิดติดกันเป็นระเบียบเรียบร้อยเมื่อคืนกลับบิดเบี้ยวโย้เย้เกยทับกันจนสภาพห่างจากความเป็นระเบียบเป็นที่สุด พอกวาดตามองรอบข้างก็พบหมอนและผ้าห่มที่ผมใช้เมื่อคืนกระจายไปอยู่คนละทิศ ซึ่งผมเพิ่งมารู้สึกตัวเอาตอนนี้ว่ามันร้อนแปลกๆ แต่พอมองดูชัดผมก็คิดใหม่ว่าถ้าหากผมไม่รู้สึกร้อนสิมันถึงจะน่าแปลกกว่าเมื่อบนตัวผมตอนนี้มีผ้าห่มผืนใหญ่เจ็ดผืนที่อยู่ในสภาพขดม้วนรวมกันเป็นก้อนอยู่ในอ้อมแขน ทั้งเมื่อมองไปด้านหลังก็มีหมอนสีขาวบู้บี้หลายใบวางเรียงล้อมกรอบชนิดที่ผมล้มตัวองศาไหนก็มีให้หนุน
ใครก็ได้บอกผมทีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?
"ทอยตื่นแล้วเหรอครับ?"
เสียงทักทายของเวย์ที่เปิดประตูเข้ามาทำให้ผมหันไปมอง พอเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสภาพอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยทั้งยังอยู่ในชุดนักศึกษาก็ถามขึ้นว่ากี่โมงแล้ว และได้รับคำตอบว่าเจ็ดโมงครึ่ง ผมจึงถามต่อว่าเวย์มีเรียนกี่โมงและคนอื่นไปไหนกันหมด
"ผมมีเรียนตอนเก้าโมงครึ่งครับ คนอื่นๆแยกย้ายกลับห้องไปแล้ว ทอยจะทานอะไรเป็นมื้อเช้าดีครับ?"
"ฉันขอกาแ- ไม่ ไม่เป็นไร ฉันไม่เอา"ผมที่เริ่มตื่นดีรีบตอบปฏิเสธ กวาดตามองรอบห้องก่อนจะลุกขึ้นแล้วถามเวย์อย่างคาใจ
"เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไม...ผ้านี่ กับหมอนนั่นถึง...?"ผมพยักเพยิดให้อีกฝ่ายมองตามภาพที่ว่า ซึ่งเวย์ยิ้มแห้งๆ
"เมื่อคืนทอยนอนละเมอน่ะครับ เตะผ้าห่มกับหมอนออกหมด ทีนี้..."
"ทีนี้...?"ผมทวนเป็นเชิงให้คนที่หยุดชะงักไปกลางคันพูดต่อ แต่เวย์กลับไม่ต่อคำง่าย มองผมสลับกับผ้าห่มที่ทับซ้อนเจ็ดชั้นกับหอคอยหมอนที่เรียงสูง หน้าตาส่อแววครุ่นคิดก่อนเจ้าตัวจะตอบมาแค่สั้นๆ
"เอาเป็นว่า...เพราะทอยนอนละเมอครับ"
แล้วมันยังไงกันล่ะนั่น?
ความคิดเห็น