คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทสาม ฝึกวิชา
ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ของวิญญาณทั้งสองได้หมดลงไปกับการอ่านหนังสือในหอตำราและการศึกษาศาสตร์สมุนไพรที่ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี
และเมื่อครบกำหนดร่างกายหายดีเฟยจิ่งจึงได้ทวงสัญญา ซึ่งจิ้นเฟยก็ปล่อยให้วิญญาณอีกดวงเข้าครองร่างตามสัญญาแล้วสลับตัวมาเฝ้ามองการฝึกวิชาจากภายในแทนอย่างว่าง่าย
วันนี้ทั้งวันเฟยจิ่งและจิ้นเฟยได้เก็บตัวอยู่ในตำหนักไม่ออกไปไหน
หลังมื้อเช้าก็ได้พูดกำชับสองนางกำนัลว่าอย่าให้ใครมารบกวน
เรื่องอาหารเมื่อถึงเวลาก็ให้ตั้งวางไว้หน้าประตู
อย่าได้แอบดูหรือเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเด็ดขาด
พูดถึงเรื่องฝึกแล้ว การฝึกของเฟยจิ่งช่างน่าสนใจ
อีกฝ่ายเริ่มฝึกโดยการนั่งสมาธิเดินลมปราณเพื่อเพิ่มความแข็งแรงภายในร่างกาย
ซึ่งจิ้นเฟยที่คิดจะทบทวนความรู้ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาฆ่าเวลาระหว่างรอในทีแรกก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อสัมผัสถึงก้อนพลังที่ไหลเวียนในร่าง
ก้อนพลังอุ่นร้อนค่อยๆแล่นไปเรื่อยๆอย่างเชื่องช้าแต่ไหลลื่นไม่ติดขัด
จิ้นเฟยที่แม้จะปล่อยกายให้วิญญาณอีกดวงควบคุมแต่ก็ยังรับรู้ความรู้สึกร่วมที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้เฝ้ามองการฝึกอย่างไม่รบกวน
จนกระทั่งก้อนพลังอุ่นๆนั้นย้อนกลับมาบรรจบที่ท้องน้อยอีกครั้ง
ขณะที่เฟยจิ่งกำลังระบายลมหายใจออกอย่างช้าๆจิ้นเฟยก็ได้เอ่ยปากขึ้น
"ลุงเฟยจิ่ง ฉันอยากเดินลมปราณเป็นบ้าง
ลุงช่วยสอนให้หน่อยสิ"คำขอที่เฟยจิ่งซึ่งกำลังใช้ร่างอยู่เลิกคิ้วขึ้น
ก่อนจะเอ่ยเตือนเสียงเรียบ
"การเดินลมปราณใช่ว่าทำได้ง่ายดาย
หากเจ้าไม่แน่วแน่และอดทนพออาจถึงขั้นธาตุไฟแตกได้
เจ้าเองมิมีความจำเป็นต้องฝืนฝึกฝน เมื่ออย่างไรร่างนี้ก็ยังมีข้าคอยประคอง"
"แต่ฉันอยากลองฝึกดูนี่นาลุง นะๆ ให้ฉันลองดูแค่นิดหน่อยก็ได้
ถ้าฉันคิดว่าไม่ไหวจริงๆคราวหลังจะไม่เซ้าซี้เรื่องนี้กับลุงอีก นะๆ
นะลุงเฟย"
หากเป็นเมื่อยามแรกรู้จักเฟยจิ่งคงกล่าวตัดบทอย่างไร้เยื่อใยไปแล้ว
แต่เวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ได้ร่วมพูดคุยสนทนาก็ได้สร้างความสนิทสนมขึ้นเล็กน้อยจึงได้ยอมโอนอ่อนตามคำขอนั้น
แต่มิวายกล่าวเตือนกำชับเสียงหนัก
"เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า แต่หากไม่ไหวก็จงอย่าฝืน
อีกอย่างเจ้าต้องทำตามที่ข้าบอกทุกขั้นตอนอย่าได้พลาด เข้าใจหรือไม่?"
"รับทราบขอรับ
เฟยเอ๋อร์ผู้นี้จะทำตามที่ลุงเฟยบอกทุกอย่างเลย"จิ้นเฟยตอบรับเสียงเริงร่า
ก่อนจะนิ่งฟังและปฏิบัติตามเสียงในหัวอย่างเคร่งครัด
หลังฝึกเดินลมปราณจนครบรอบซึ่งใช้เวลาถึงสองชั่วยามเต็ม
ต่างกับเฟยจิ่งที่ใช้เวลาเดินลมปราณหนึ่งรอบเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น
จิ้นเฟยที่มีเหงื่อท่วมใบหน้าหลังละสมาธิออกก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลาพลางว่าขึ้นด้วยเสียงอ่อนล้า
"ไม่ไหวแล้ว... กว่าจะทำเสร็จรอบนึง...เหนื่อยเป็นบ้า
งานนี้คงไม่ไหวจริงๆด้วย"
ถ้อยคำยอมแพ้ที่เฟยจิ่งฟังแล้วต้องถอนใจอย่างนึกระอาปนเสียดาย จากที่เห็นจิ้นเฟยนับว่ามีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่บ้าง
คนส่วนใหญ่มักใช้เวลามากกว่าเจ็ดวันในการจับจุดพลังในครั้งแรก และใช้เวลาเป็นวันหรือมากกว่ากว่านั้นในการเดินโคจรลมปราณให้ครบรอบ
แต่จิ้นเฟยกลับสามารถจับจุดพลังได้ตั้งแต่ครั้งแรกและใช้เวลาในการโคจรลมปราณเร็วกว่าคนทั่วไปอยู่เล็กน้อย นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็นคนหัวไวเรียนรู้ได้เร็ว
เพียงบอกข้อผิดพลาดก็สามารถแก้ไขได้หมดจด เสียแต่เจ้าตัวดูจะขาดความกระตือรือร้นไป
แม้นึกเสียดาย
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากฝึกแล้วเขาจะฝืนบังคับไปเพื่อสิ่งใด?
"เช่นนั้นภายหน้าก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก
เจ้าก็หลบไปได้แล้วข้าจะฝึกต่อ"
จิ้นเฟยที่ได้ยินเฟยจิ่งกล่าวไล่ก็เบ้ปากเล็กน้อย
แต่ก็ยอมปล่อยให้วิญญาณอีกดวงเข้าคุมร่างแทนแต่โดยดี
ขณะที่เฟยจิ่งเริ่มเดินโคจรลมปราณอีกครั้งจิ้นเฟยที่ไม่มีอะไรทำก็พูดบ่นอย่างเบื่อๆ
"เฮ้อ เสียดายชะมัด จริงๆฉันก็อยากฝึกต่อนะ
แต่พอทำดูเองแล้วมันร้อนเกินไป ฉันอยากได้แบบเย็นๆมากกว่า"คำพูดบ่นลอยๆ
ที่ไม่น่าสนใจแต่เฟยจิ่งกลับหยุดเดินลมปราณแล้วถามด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
"เจ้าว่าอยากเรียนลมปราณสายเย็นงั้นรึ?"
"เอ๋ มีลมปราณเย็นด้วยเหรอลุง?"จิ้นเฟยถามอย่างงุนงงเมื่อไม่เคยรู้มาก่อน
"ย่อมต้องมี
ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้จักลมปราณเลยล่ะสิ"คำถามที่หากจิ้นเฟยมีร่างกายคงพยักหน้าตอบไวๆเพราะโลกที่จิ้นเฟยเติบโตมาคือโลกแห่งเทคโนโลยีซึ่งแตกต่างกับโลกใบนี้โดยสิ้นเชิง
เฟยจิ่งที่รับรู้ถึงความรู้สึกที่ส่งมาก็กล่าวต่อ
"ลมปราณมีหลายสายนัก
แต่หากให้จำแนกโดยคร่าวก็จะแบ่งได้เป็นสายร้อนและสายเย็น
วิถีโคจรที่ข้าให้เจ้าเดินเมื่อครู่ก็ถือเป็นลมปราณร้อนสายหนึ่ง ซึ่งหากให้เปรียบเทียบแล้ว
ลมปราณร้อนก็เปรียบเสมือนไฟและดิน พลุ่งพล่านและหนักแน่น
กล่าวคือมันจะให้พลังแก่เจ้าและปกป้องเจ้า
ไฟที่เปรียบกับความร้อนจะทำให้ร่างกายเจ้าอบอุ่นและมีกำลังวังชา
ขณะที่ดินจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายเจ้า"
"เห ลมปราณนี่สารพัดประโยชน์จังแฮะ แล้วลมปราณสายเย็นล่ะ?"จิ้นเฟยถามต่ออย่างสนอกสนใจ
ขณะที่เฟยจิ่งทอดถอนใจกับนิสัยชอบทำเป็นเล่นไปซะทุกเรื่องของอีกคน
"ลมปราณเย็นจะต่างกับลมปราณร้อน
เป็นสายขั้วตรงข้ามโดยสิ้นเชิง คุณสมบัติของมันคือโอนอ่อนและพลิ้วไหว
หากลมปราณสายร้อนคือไฟและดิน ลมปราณสายเย็นก็เปรียบดังน้ำและลม
แต่ลมปราณสายเย็นมักเหมาะกับสตรีมากกว่าบุรุษ เนื่องจากร่างกายสตรีสามารถดูดซับความเย็นรองรับธาตุหยินได้ง่ายกว่า
ขณะที่ร่างบุรุษประกอบด้วยธาตุหยางจึงเหมาะกับลมปราณสายร้อน"
"เห ฟังดูแล้วลมปราณสายเย็นน่าจะเหมาะกับฉันมากกว่านะ?"จิ้นเฟยว่าอย่างตื่นเต้น
ขณะที่เฟยจิ่งเพียงกล่าวดับความหวังด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
"นั่นก็อาจจะจริง
เพียงแต่เจ้าสมควรรู้ว่าร่างกายนี้ไม่อาจรองรับลมปราณถึงสองสายได้
ไม่นับรวมที่ร่างกายนี้เป็นบุรุษซึ่งเหมาะกับลมปราณสายร้อนอย่างที่ข้าบอกไปแต่แรก
แต่ในหนึ่งร่างจักสามารถรองรับลมปราณได้เพียงสายเดียวเท่านั้น
เพราะหากฝืนฝึกลมปราณทั้งสายร้อนและเย็นจะทำให้เกิดการตีรวนของลมปราณจนธาตุไฟเข้าแทรก"
"ฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ ธาตุไฟแตก
ธาตุไฟเข้าแทรกมันคืออะไรเหรอ?"คำถามของจิ้นเฟยเรียกเสียงพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายจากเฟยจิ่งที่ไม่คิดว่าต้องมาพร่ำสอนสิ่งอันเป็นพื้นฐานของชาวยุทธ์ให้เด็กน้อยผู้หนึ่งฟัง
ทั้งยังเป็นเด็กที่ขี้สงสัยไม่น้อยเสียด้วย
"ตั้งใจฟังให้ดี
ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น"น้ำเสียงเคร่งจริงจังดึงจิ้นเฟยให้รีบตั้งสมาธิตั้งใจฟัง
"โดยปกติแล้วมนุษย์เราจะมีทางเดินลมปราณของตนเองซึ่งจะแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล
การเดินลมปราณนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าจะสักแต่ว่าเดินไปอย่างมั่วๆ
เจ้าต้องกำหนดเส้นทางในการเดินลมปราณอย่างเป็นระเบียบและชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการการควบคุม"เสียงว่าถึงตรงนี้ก็เว้นช่วงเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ฟังสามารถตามเนื้อหาทัน
"อาการธาตุไฟเข้าแทรกที่เจ้าถามถึงเกิดจากการควบคุมลมปราณผิดพลาด หากคุมลมปราณผิดพลาดแล้วจะทำให้ลมปราณตีย้อนกลับเข้าแทรกในช่องทางเดินลมปราณเดิม
หรือหากให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ มันคือการทวนกระแสทางเดินลมปราณ
ซึ่งหากเจ้าสามารถควบคุมกลับสภาพเดิมได้ทันก็ไม่เป็นไร
แต่หากควบคุมให้กลับสภาพเดิมไม่ทัน ผลที่จะได้รับคือธาตุไฟแตก
อาการธาตุไฟแตกนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับขั้นของลมปราณ ยิ่งฝึกลมปราณขั้นสูงเท่าใดเมื่อธาตุไฟเข้าแทรกการควบคุมให้กลับสภาพเดิมก็จะยากขึ้นและโอกาสที่จะตายก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งกรณีธาตุไฟแตกนั้นหากแม้ไม่ตกตายก็ต้องพิการไปตลอดชีวิต"
คำอธิบายอย่างเรียบเฉยที่ทำให้คนฟังเกิดนึกเสียวสันหลังในใจ
ลอบเหงื่อแตกพลั่กเมื่อคิดไม่ถึงว่าการฝึกลมปราณจะเป็นเรื่องอันตรายขนาดนี้ เฟยจิ่งที่สัมผัสได้ถึงความคิดของจิ้นเฟยจึงกล่าวเรียบๆ
"ข้าถึงบอกเจ้าว่าหากคิดว่าไม่ไหวก็จงอยู่เฉยเสีย
เรื่องอื่นข้าจัดการเอง"
จิ้นเฟยได้แต่รับคำหงอยๆ ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่หายคาใจ
"แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงฝึกลมปราณสองสายพร้อมกันไม่ได้?"
"เจ้ายังไม่เข้าใจงั้นรึ? เช่นนั้นลองนึกตามคำข้า
หากลมปราณสายร้อนคือไฟ ลมปราณสายเย็นคือน้ำ
เมื่อเจ้าฝึกทั้งสองสายก็หมายความว่าร่างกายเจ้ากักเก็บพลังทั้งสองเอาไว้
เช่นนั้นข้าถามเจ้า เจ้าจะกักเก็บลมปราณทั้งสองไว้ที่ใด"
"เอ แถวๆใต้สะดือ?"จิ้นเฟยลองเดา
เพราะตอนโคจรลมปราณเฟยจิ่งบอกให้เริ่มเดินจากจุดนั้นและสิ้นสุดที่จุดนั้นเช่นกัน
เฟยจิ่งที่เห็นจิ้นเฟยหัวไวก็ลอบพึงพอใจ
"ถูกแล้ว นั่นเรียกว่าจุดตันเถียน
จุดตันเถียนคือที่กักเก็บพลัง แต่จุดตันเถียนนั้นมิได้มีเพียงจุดเดียว
แต่มีถึงสามจุดด้วยกัน จุดตันเถียนบนอยู่กึ่งกลางหน้าผาก
จุดตันเถียนกลางอยู่ตรงกับหัวใจ และจุดตันเถียนล่างคือจุดใต้สะดือ
ผู้คนนิยมกักเก็บพลังไว้จุดตันเถียนล่างเพราะง่ายต่อการควบคุม เช่นนั้นข้าขอถาม
เจ้าคิดว่าเมื่อกักเก็บพลังไฟและพลังน้ำไว้จุดเดียวกันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?"
"เกิดอะไร? ไม่รู้สิ"จิ้นเฟยที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องลมปราณได้แต่ส่ายหัว
เฟยจิ่งถอนใจก่อนอธิบาย
"ลมปราณสองสายเมื่อปะทะกันจะเกิดเพียงสองกรณี
หนึ่งคือฝ่ายแข็งแกร่งกลืนกินฝ่ายที่อ่อนด้อย มิไฟกลืนกินน้ำก็จักเป็นน้ำกลืนกินไฟ
อีกหนึ่งคือพลังทั้งสองสายจักเกิดการหักล้างกัน
ซึ่งมิว่าจะเกิดกรณีใดก็ล้วนล้มเหลวทั้งสิ้น"
"เอ่อ สรุปคือลุงหมายถึงถ้าเอาลมปราณสายร้อนกับสายเย็นมารวมกันที่จุดตันเถียนอันเดียวกันจะล้มเหลวสินะ?"จิ้นเฟยที่สรุปตามความเข้าใจตัวเองว่า เฟยจิ่งรับคำสั้นยืนยัน
จิ้นเฟยทำหน้าคิดต่อ
"ถ้าอย่างนั้นแค่เราเก็บพลังลมปราณทั้งสองสายไว้คนละที่ก็พอไม่ใช่เหรอ?"
"เจ้าว่าอะไรนะ?"เฟยจิ่งถามอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
"ก็นั่นไง ลุงบอกว่าร่างกายเรามีจุดตันเถียนสามแห่ง
ใช้บ่อยสุดคือจุดตันเถียนล่างซึ่งก็คือใต้สะดือนี่
ถ้าเราใช้จุดนี้ในการกักเก็บลมปราณร้อนแล้วลองเก็บลมปราณเย็นไว้ที่จุดตันเถียนบนหรือจุดตันเถียนกลางดูล่ะ?"
"สิ่งที่เจ้ากล่าวใช่ว่าไม่มีผู้อื่นเคยคิด
หากแต่การกระทำจริงหาได้ง่ายดายนัก"เฟยจิ่งว่าเสียงแข็งไม่โอนอ่อน
จิ้นเฟยทำแก้มป่องก่อนจะดีดนิ้วเมื่อคิดขึ้นได้
"ลุงเฟย ลุงบอกว่าลมปราณปะทะกันเลยเกิดการหักล้างสินะ?
แล้วถ้าเราประสานลมปราณให้เป็นหนึ่งล่ะ?"
"เรื่องนั้นจะเป็นไปได้ยังไง"เฟยจิ่งที่ฟังคำพูดจิ้นเฟยเริ่มคิดว่าอีกฝ่ายพูดจาไร้แก่นสาร
ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินคำกล่าวต่อมา
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ในเมื่อต้นกำเนิดของลมปราณล้วนมาจากธรรมชาติ
ซึ่งประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ในตัวคนเราเองก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้งสี่นี้ สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็เช่นกัน
แค่เรามองหากลไกที่ใช้ในการควบคุมธาตุเหล่านั้นให้สมดุลเจอ
บางทีเราอาจสร้างลมปราณชนิดใหม่ที่เป็นทั้งสายร้อนและสายเย็นได้ก็ได้!"จิ้นเฟยอธิบายความคิดตนเองด้วยเสียงตื่นเต้น
"นั่น...มันเป็นไปไม่ได้"เฟยจิ่งพึมพำขณะคิดตามคำพูดนั้น
ประสานลมปราณรึ? หากสามารถค้นพบวิธีการควบคุมธาตุทั้งสี่ให้สมดุลได้จริง...
บางทีพวกเขาอาจจะสามารถใช้ลมปราณร้อนเย็นพร้อมกันได้? และหากเป็นเช่นนั้น
ก็เท่ากับว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นเพียงผู้เดียวในใต้หล้าที่มีลมปราณถึงสองสายอยู่ในร่าง!
"นี่ ลุงเฟยจิ่ง ลุงไม่อยากลองดูเหรอ? ถ้าเราสามารถฝึกลมปราณขั้วตรงข้ามได้ มันไม่สุดยอดไปเลยเหรอ?"จิ้นเฟยที่รับรู้ถึงความหวั่นไหวของเฟยจิ่งพูดยุต่ออย่างคาดหวัง
"เจ้า..."เฟยจิ่งที่โดนคำพูดหลอกล่อถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกตัว
เขากระแอมเบาๆ สองทีก่อนกล่าวเตือนเสียงเข้ม
"ข้าขอเตือนเจ้าก่อนถึงเหตุผลอีกอย่างที่ผู้คนไม่ใช้จุดตันเถียนบนกับจุดตันเถียนกลางในการกักเก็บพลัง
เป็นเพราะจุดตันเถียนทั้งสองจุดนั้นอยู่ในบริเวณสำคัญอย่างหัวใจและสมอง
บริเวณนั้นจึงอ่อนไหวนัก
หากเจ้าควบคุมพลาดจนทำให้เสียสมดุลไปแม้เพียงน้อยนิดก็อาจส่งผลถึงขั้นสิ้นชีพได้"คำเตือนนี้ฟังคล้ายคำขู่เสียมากกว่า
จิ้นเฟยที่ฟังคำเผยยิ้มขำ
"ชีวิตคนเราหากไม่เสี่ยงก็ไม่มีวันได้มา All or
Nothing ไม่ต้องห่วงน่าลุงเฟย ถึงฉันจะพลาดก็ยังมีลุงอยู่นี่
จริงไหม?"คำพูดกึ่งหยอกแนบพร้อมรอยยิ้มเหยียดกว้างทำให้เฟยจิ่งได้แต่ถอนใจ
ซึ่งชั่วพริบตาหนึ่งมุมปากที่ตึงเรียบได้ยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจางหายไปในอึดใจ
นับจากวันนั้นเป็นเวลาครึ่งปี วิญญาณทั้งสองก็ได้ค้นพบแนวทางในสร้างลมปราณสายใหม่
เนื่องด้วยจิ้นเฟยนั้นมาจากอนาคตอันไกลโพ้นจึงมีความคิดเปิดกว้างไม่ยึดติดกับแนวคิดเก่าๆ
ขณะเดียวกันเฟยจิ่งก็เป็นถึงอดีตเจ้ายุทธภพผู้มีวรยุทธอันเก่งกาจ
ดังนั้นการร่วมมือสรรค์สร้างวิถีลมปราณแบบใหม่ครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง
ผู้ใดเล่าจะรู้ว่า ณ
ตำหนักตวนหมิงท้ายวังที่ไร้ผู้คนเหลือบแลจะก่อกำเนิดสุดยอดลมปราณชนิดใหม่ขึ้นมา
ลมปราณเย็นร้อนสุดพิสดารที่ยากจะมีผู้ใดเลียนแบบได้
...ลมปราณแห่ง'หยินหยาง'อันแท้จริง...
ความคิดเห็น