ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 64


    ทางกู่หนิวที่ตอนนี้ได้ปลูกสตรอว์เบอรี่สมความปรารถนาก็มีท่าทางเริงร่าจนแทบเป็นคนละคน ระหว่างรดน้ำพรวนดินชายหนุ่มจึงเผลอฮัมเพลงที่ไม่ค่อยเป็นทำนองอย่างสบายใจ ทำเอาคนที่ขึ้นมาชมดอกไม้เป็นกิจวัตรชะงักเท้า

    เซียงเว่ยมองแผ่นหลังกว้างในเสื้อยืดสีดำนิ่ง เขาไล่สายตามองต่อไปยังท่อนแขนหนาเปี่ยมพลัง มองฝ่ามือกร้านที่ประคองดินมาวางในกระถางอย่างทะนุถนอม นัยน์ตาสีฟ้าเลื่อนไปยังใบหน้าของผู้กระทำ เสี้ยวหน้าคล้ำแดดของชายหนุ่มที่ไม่มีมุมไหนสามารถเรียกได้ว่าโดดเด่น หากแต่รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ประดับอยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายกลับดูพร่างพราวและบาดตาจนผู้มองต้องหลุบนัยน์ตาลง...

    “เอาล่ะ เสร็จแล้ว!”กู่หนิวแย้มยิ้มเมื่อเสร็จสิ้นขั้นลงเมล็ดปลูก ครั้งนี้เขาลองปลูกดูยี่สิบกระถาง ใจจริงก็อยากปลูกมากกว่านี้ แต่กลัวตัวเองจะดูแลไม่ทัน ร่างหนาลุกขึ้นยืนเตรียมไปจัดการดูแลพวกดอกไม้ต่อ แต่เมื่อชายหนุ่มหันไปกลับพบร่างผอมบางของเจ้านายที่วันนี้ก็ยังคงอยู่ในชุดสเวตเตอร์คอเต่าแขนยาวสีขาวเช่นเคยยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งเสื้อสีขาวเงินเหมือนหิมะที่สวมนั้นชวนให้คนมองรู้สึกสบายตา และพานึกเสียดายหากมันถูกทำให้แปดเปื้อน...

    กู่หนิวที่เจอหน้าเจ้านายน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัวก็รีบเก็บสีหน้าให้เรียบร้อย ก่อนโค้งศีรษะเป็นการทำความเคารพ แต่ก่อนที่เขาจะผละไปทำหน้าที่ต่อ กลับได้ยินเสียงกล่าว

    “ชอบกิน?”

    ถ้อยคำสั้นห้วนจนหากไม่ฟังดีๆ คงไม่รู้ว่ากำลังถาม กู่หนิวชะงักขา เขาก้มมองใบหน้างดงามที่ยังมีสีหน้าราบเรียบเฉกเช่นทุกวัน ก่อนจะสอบถามเสียงเบา

    “หมายถึงสตรอว์เบอรี่เหรอครับ?”

    เซียงเว่ยพยักหน้าเล็กน้อย กูหนิวเห็นแล้วก็อธิบายเสียงแห้งติดขัดเขิน

    “ไม่ใช่ว่าผมชอบสตรอว์เบอรี่หรอกครับ เพียงแต่ผมชอบดื่มนมสตรอว์เบอรี่เป็นประจำ ไม่ได้ดื่มนานแล้วเลยอยากจะลองทำดู...”

    “ทำ?”ริมฝีปากสีอมส้มเอ่ยทวน แววตามองร่างหนาอย่างคล้ายขอคำอธิบาย

    “ครับ คือผมเคยลองทำนมสตรอว์เบอรี่ดื่มเองเมื่อสมัยเด็กๆน่ะครับ แต่โตแล้วก็มักซื้อกินเอามากกว่า”กู่หนิวพูดชี้แจง ซึ่งเซียงเว่ยฟังพลางพยักหน้าไปอย่างรับรู้ ก่อนจะว่าขึ้นอย่างตัดสินใจ

    “อนุญาต”

    “ครับ?”กู่หนิวไม่เข้าใจความหมาย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบคำ หลังพูดเสร็จก็หมุนตัวจากไปโดยไม่ได้อยู่ดูดอกไม้ต่อเช่นที่เคย กู่หนิวได้แต่เกาหัวตัวเองอย่างงงๆ แล้วกลับไปทำงานที่เหลือต่อจนเสร็จ

    เสร็จงานของวันกู่หนิวก็ลงไปรับเงินที่ห้องทำงานของเซียงเว่ยเหมือนเคย ทีแรกเขายังสงสัยว่าทำไมต้องมาที่ห้องนี้ แต่พอคิดได้ว่าหลงคุนต้องคอยอยู่ข้างกายเจ้านายตัวน้อยตลอดจึงไม่สงสัยอีก เขารับคริสตัลสีแดงสองเหลืองหนึ่งมาพร้อมกับอาหารกระป๋องจำนวนสิบหกกระป๋อง

    วันแรกที่ได้รับของมา เขาทักท้วงไปว่าเงื่อนไขต้องการแค่อาหารสำหรับหนึ่งมื้อ แต่คุณหลงเพียงดันแว่นแล้วกล่าวอย่างเรียบๆ

    “จากขนาดตัวนาย สิบหกกระป๋องนั่นคงเพียงพอสำหรับหนึ่งมื้อแล้ว”

    ที่จริงกู่หนิวคิดว่าตนเองจะได้แค่เพียงกระป๋องเดียวต่อวันเหมือนตลอดสามปีที่ผ่านมา แต่ในเมื่อฝ่ายเจ้านายใจกว้าง เขาจึงได้แต่ยอมรับน้ำใจนี้ไว้ด้วยความซาบซึ้ง ชายหนุ่มยังแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าเขาบอกไปว่าสิบหกกระป๋องไม่พอนี่ อีกฝ่ายจะเพิ่มปริมาณอาหารกระป๋องให้หรือจะเลือกเตะเขาออกจากป้อมกันนะ?

    แต่การได้ย้ายมาอยู่ที่ป้อมไป่เหอนี่ พูดไปแล้วก็เหมือนกับหนูตกถังข้าวสาร กู่หนิวรู้สึกคล้ายว่าตัวเองได้ใช้โชคทั้งชีวิตไปเพื่อแลกกับการมาอยู่ที่นี่

    ย้อนนึกถึงหลายปีที่ผ่านมา สามปีกับการต้องทนหิวโหยและเหน็บหนาว นอนกอดท้องที่ว่างเปล่าท่ามกลางความเย็นยะเยือกของอากาศยามค่ำคืน บางครั้งเมื่อทนไม่ไหวเขาก็จำต้องใช้คริสตัลที่ได้มาดับความหิวชั่วคราว ยังมีช่วงที่โดนใช้เป็นกระสอบทรายอีก การต้องคอยหลบหนีเหล่าผู้ล่าที่จมูกไวต่อกลิ่นเลือดขณะที่ร่างกายบอบช้ำจากการถูกซ้อมนั้นไม่ง่ายดายเลย พอคิดอย่างนี้แล้ว เขาก็รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเซียงเว่ยไปในตอนนั้น

    วันนี้ขณะที่เขาคิดกลับห้องหลังรับค่าจ้างแล้ว กลับถูกเรียกตัวไว้ กู่หนิวยืนนิ่ง เขาสงสัยว่าหลงคุนมีเรื่องอะไรจะเพิ่มเติมอีก

    “ได้ยินว่านายต้องการทำนมสตรอว์เบอรี่”

    “ครับ”กู่หนิวพยักหน้ารับซื่อๆ เขามองคนที่ดันแว่นค้างไว้พลางหรี่ตามองมาคล้ายไม่พอใจอย่างสงสัย

    “เรื่องนม นายจะไปหามาจากไหน?”

    “ลุงเป่ยที่อยู่ซอยฝูหรงเลี้ยงลูกวัวไว้ในบ้านหลายตัวครับ ผมว่าจะไปขอแลกนมจากที่นั่น”กู่หนิวพูดตอบอีกครั้ง

    ลุงเป่ยที่กู่หนิวกล่าวถึงเป็นชายวัยเกษียนที่รักสุขภาพและชมชอบอาหารสดใหม่ จึงมักเลี้ยงสัตว์และปลูกผักกินเอง ลุงเป่ยเป็นคนรักครอบครัวมาก เสียดายแต่ภรรยาของชายชราจากไปได้เกือบสิบปีแล้ว ส่วนลูกสาวก็แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น ทำให้ชายแก่ต้องอยู่ลำพังกับหมาพันธุ์เชาเชา*สองตัวที่ชื่อพลูโตกับมาเบิ้ล ทางกู่หนิวนั้นรู้จักกับชายชราตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลกมาถึง โดยชายหนุ่มได้บังเอิญเคยช่วยพาอีกฝ่ายที่หลังเดาะไปส่งบ้าน จากนั้นเป็นต้นมาพอเจอกัน ชายแก่ก็จะเรียกไปเขาดื่มนมคั้นสดๆ บ้างก็ถูกใช้ไปอาบน้ำให้เจ้าสองตัวป่วน

    ปัจจุบันลุงเป่ยก็ยังสบายดี ด้วยมีความสามารถสร้างมวลน้ำบริสุทธิ์เองได้ทำให้ชีวิตของชายชราไม่เดือดร้อนอะไร ความสามารถนี้จริงๆเป็นที่ต้องการของหลายๆคน เสียก็แต่ลุงเป่ยอายุมากแล้ว ทั้งยังหัวแข็งไม่ย้อมตอบรับข้อเสนอของที่ไหน สุดท้ายจึงมีการทำสัญญาแลกเปลี่ยนน้ำบริสุทธิ์กับคริสตัลรักษาแทน

    ตอนกู่หนิวไปเยี่ยมชายชราครั้งก่อนยังได้รับคริสตัลมาจำนวนหนึ่งด้วย

    “ฮืม ถ้าอย่างนั้นทางเราจะช่วยส่งเสริม โดยส่งคนมาช่วยดูแลพวกสตรอว์เบอรี่ให้ ถ้าทำนมสตรอว์เบอรี่ที่ว่าสำเร็จ ทางเราอาจจะมีการขยายพื้นที่สำหรับปลูกสตรอว์เบอรี่ให้โดยเฉพาะ”

    กู่หนิวได้ยินอย่างนั้น ดวงตาก็ฉายแววดีใจขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่พอคิดว่าของทุกอย่างบนโลกไม่มีอะไรได้มาฟรีๆจึงมองคนพูดอย่างระวัง

    “เรื่องนั้น...มีเงื่อนไขอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”

    “แน่นอนว่ามี”คนพูดดันแว่นพลางว่าต่อ “นมสตรอว์เบอรี่ที่ผลิตออกมาได้ สามในสี่จะตกเป็นของป้อม มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

    กู่หนิวส่ายหัวให้กับคำถาม เพราะทั้งดิน น้ำ รวมทั้งพื้นที่ที่ใช้ปลูกก็เป็นของป้อม แค่ยอมให้เขายืมมาใช้ก็นับว่าดีมากแล้ว นี่ยังช่วยสนับสนุนอีก

    “สำหรับนมสตรอว์เบอรี่ ถ้าผลิตได้ถึงสิบขวด นายจะได้ค่าแรงเพิ่มเป็นคริสตัลสีแดงหนึ่งชิ้นต่อวัน”

    กู่หนิวพยักหน้าอีกครั้ง หลงคุนยังพูดแนะนำต่อเรื่องอื่นๆ รวมถึงคนที่จะมาทำงานด้วย ซึ่งพอได้ยินชื่อหนึ่งกู่หนิวก็เบิกตาอย่างตกใจเล็กน้อย

    “เฉ่าเหมย...เหรอครับ?”

    ขณะที่หลงคุนกำลังจะตอบ น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ก็ดังขึ้นตัดหน้า

    “นายรู้จัก?”

    “ไม่... ผมแค่เคยรู้จักคนชื่อเดียวกันน่ะครับ”กู่หนิวกล่าวพลางหลบตา เซียงเว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป หลงคุนที่สัมผัสถึงความเงียบอันแปลกประหลาดก็ดันแว่นเบาๆ ก่อนบอกให้กู่หนิวกลับไปได้

    กู่หนิวโค้งตัวลาออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ในหัวนึกถึงภาพเด็กผู้หญิงผมสั้นหน้าตาน่ารักที่ติดกิ๊ฟรูปสตรอว์เบอรี่อันใหญ่ไว้ทางด้านซ้าย...

    “เฉ่าเหมย... จะใช่เธอรึเปล่านะ?”

    วันถัดมากู่หนิวก็ได้พบคำตอบ เด็กหญิงในความทรงจำได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ร่างเล็กที่เติบโตจากเดิมอยู่ในชุดกระโปรงวันพีซสีชมพูอ่อน ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ปราศจากเครื่องสำอาง รวมกับเส้นผมสั้นสีดำขลับที่คลอเคลียแก้มยิ่งขับเสน่ห์อันอ่อนหวานและไร้เดียงสาออกมา กู่หนิวเหม่อมองค้างจนกระทั่งถูกเด็กสาวเรียกชื่อด้วยความดีใจ

    “พี่หนิว”เสียงใสเหมือนระฆังแก้วได้ดึงสติคนบางคนให้กลับมาอยู่กับตัว กู่หนิวถูมืออย่างประหม่าก่อนทักกลับ

    “สวัสดี เฉ่าเหมย ...ไม่เจอกันนาน”

    “ค่ะ พี่หนิวสบายดีสินะคะ?”เด็กสาวยิ้มอย่างอ่อนหวานจนคล้ายมีดอกไม้เล็กๆเบ่งบานรอบกาย และในความอ่อนหวานนั้นแฝงด้วยความยินดีที่ได้พบหน้าคนคุ้นเคยเอาไว้

    “อืม สบายดี เธอเองก็คงเหมือนกัน”กู่หนิวส่งยิ้มกลับ ตอนนี้เองเสียงหญิงสาวอีกคนก็ดังขัด

    “เฮ้ๆ อย่าคุยกันสองคนสิ!”                       

    คนกล่าวเป็นเด็กสาวผมทองที่โกรกสีผมจนจำสีเดิมไม่ได้ ร่างเพรียวบางในชุดเสื้อกล้ามสีขาวคลุมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำมันวาว ยืนล้วงกางเกงพลางมองมาอย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งใบหน้าผอมกับคางแหลม บวกตาคมและริมฝีปากบึ้งตึง ทำให้เด็กสาวดูดุร้ายคล้ายแม่เสือสาว

    “อ๊ะ ขอโทษค่ะพี่ลู่ลู่”เฉ่าเหมยที่รู้ความผิดตนรีบกล่าวขอโทษ กู่หนิวเห็นแล้วก็ไม่รอช้า ก้มศีรษะให้

    “ขอโทษด้วยครับ คุณผู้หญิงคือจางลู่ใช่ไหมครับ? ผมกู่หนิว ยินดีที่ได้รู้จักครับ”กู่หนิวทักทายอย่างมีมารยาท ซึ่งเด็กสาวที่ดูแก่วัยกว่าเฉ่าเหมยราวสามสี่เพียงโบกมือไม่ถือสา

    “คุณผู้หญิงอะไรกัน ช่างเรื่องมารยาทนั่นเถอะ! เรียกฉันลู่ลู่ก็ได้ ส่วนฉันจะเรียกนายต้าหนิวแล้วกัน”

    กู่หนิวแปลกใจที่ได้ยินคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกตน ที่เรียกนี่เพราะเห็นว่าตนอาวุโสกว่า หรือเรียกล้อเลียนกันนะ? แต่ฟังแล้วน่าจะเป็นอย่างหลัง...

    หลังทำความรู้จักกันก็เข้าสู่เรื่องงาน กู่หนิวรู้ความสามารถของทั้งสองอยู่แล้วจึงแบ่งงานกันง่าย จางลู่สามารถควบคุมลมได้ ส่วนเฉ่าเหมยสามารถสร้างน้ำบริสุทธิ์ได้ ทั้งสองร่วมมือกันทำให้งานรดน้ำต้นไม้เสร็จลงอย่างง่ายดาย ส่วนกู่หนิวก็มีหน้าที่ถอนวัชพืชกับใส่ปุ๋ย แล้วก็ดูแลพวกดอกไม้

    หลังเสร็จงาน กู่หนิวที่ล้างมืออยู่ก็โดนเรียก

    “เฮ้! ต้าหนิว”

    “ครับ คุณลู่ลู่”กู่หนิวเงยมองคนเรียกที่ยืนเท้าเอว กวาดมองซ้ายขวาไม่เห็นเฉ่าเหมย คาดว่าคงลงไปก่อนแล้ว เขาวกสายตากลับยังคนทักที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าประเมิน

    “บอกแล้วไงว่าให้เรียกลู่ลู่เฉยๆ เรื่องนั้นช่างมันก่อน นายน่ะ สนิทกับบอสของเรามากเหรอ?”

    “ครับ? หมายถึงคุณชายเซียงเว่ยน่ะเหรอครับ?”กู่หนิวถามย้ำอย่างประหลาดใจ ซึ่งคนถามทำสีหน้ารำคาญ

    “ก็ใช่น่ะสิ!

    “ไม่ครับ ไม่สนิท”

    พอได้ยินคำตอบ คนถามกลับมีสีหน้าประหลาดใจ แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ

    “ไม่จริงน่า! ถ้าไม่สนิทจริง แล้วไหงบอสถึงยกเรือนกระจกให้นายดูแลล่ะ?”

    “เรือนกระจกนี่น่ะเหรอครับ?”กู่หนิวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวทวนอย่างไม่เข้าใจ

    “ไม่รู้รึไงว่าที่นี่นับเป็นเขตหวงห้ามน่ะ? บอสไม่อนุญาตให้ใครขึ้นมาที่นี่ทั้งนั้น คนรดน้ำที่นี่เมื่อก่อนก็คือบอส ขนาดคุณหลงคุนยังทำได้แค่เอาน้ำขึ้นมาเติมเอง”พูดถึงตรงนี้คนพูดก็เบนสายตาไปยังบรรดาดอกไม้ต่างๆ ที่ถูกดูแลอย่างดี ก่อนหันมาพูดย้ำกับคนฟัง “อย่างงานนี้ บอสอนุญาตให้พวกฉันช่วยดูแลแค่ส่วนพวกต้นสตรอว์เบอรี่... ฉันถึงได้ถามไง”

    “ถึงจะถามว่าทำไม...”กู่หนิวทำหน้าลำบากใจ เมื่อเขาไม่รู้จริงๆ จางลู่เห็นแล้วก็แสยะยิ้ม

    “หึ ฉันก็นึกข่าวลือเป็นจริงซะอีก”

    “ข่าวลือเหรอครับ?”กู่หนิวพูดทวน ซึ่งสีหน้าเด็กสาวเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์

    “อะไร? ไม่รู้รึไงว่านายน่ะดังจะตาย ...ในฐานะคนสนิทใหม่ของบอส”

    “ครับ?”

    คนสนิท?

    “ใครๆ เขาก็ลือกันว่านายน่ะเป็นคนสนิทของบอสที่กลับมาจากภารกิจลับ จริงๆ...มีบางคนแอบสงสัยว่านายน่ะเป็นคนรักลับๆของบอสด้วยซ้ำ”

    “ครับ?!”ครั้งนี้กู่หนิวตกใจจนตาแทบถลน ปฏิกิริยานั้นทำให้คนมองจิ๊ปากอย่างหมั่นไส้

    “ตกใจอะไรกัน? ยุคนี้ผู้ชายได้กับผู้ชายเป็นเรื่องปกติจะตาย ยิ่งตอนนี้อยู่ในยุควันสิ้นโลก จะชายหรือหญิงก็ไม่แตกต่างหรอกน่า!”เด็กสาวชกไหล่เขาหนึ่งก่อนสะบัดกายจากไป ทิ้งให้กู่หนิวที่ยังช็อคกับสิ่งที่ได้ยินเอาไว้

    ...คนรัก?


    ----------------------------

    *สุนัขพันธุ์เชา เชา (ใครอยากรู้รายละเอียด คลิกลิงก์ได้ค่ะ)


    หมายเหตุ

    - เซียงเว่ย แปลว่า กลิ่นหอม

    - เฉ่าเหมย แปลว่า สตรอว์เบอรี่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×