คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3
ทางกู่หนิวที่ตอนนี้ได้ปลูกสตรอว์เบอรี่สมความปรารถนาก็มีท่าทางเริงร่าจนแทบเป็นคนละคน
ระหว่างรดน้ำพรวนดินชายหนุ่มจึงเผลอฮัมเพลงที่ไม่ค่อยเป็นทำนองอย่างสบายใจ
ทำเอาคนที่ขึ้นมาชมดอกไม้เป็นกิจวัตรชะงักเท้า
เซียงเว่ยมองแผ่นหลังกว้างในเสื้อยืดสีดำนิ่ง
เขาไล่สายตามองต่อไปยังท่อนแขนหนาเปี่ยมพลัง
มองฝ่ามือกร้านที่ประคองดินมาวางในกระถางอย่างทะนุถนอม นัยน์ตาสีฟ้าเลื่อนไปยังใบหน้าของผู้กระทำ
เสี้ยวหน้าคล้ำแดดของชายหนุ่มที่ไม่มีมุมไหนสามารถเรียกได้ว่าโดดเด่น หากแต่รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ประดับอยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายกลับดูพร่างพราวและบาดตาจนผู้มองต้องหลุบนัยน์ตาลง...
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว!”กู่หนิวแย้มยิ้มเมื่อเสร็จสิ้นขั้นลงเมล็ดปลูก
ครั้งนี้เขาลองปลูกดูยี่สิบกระถาง ใจจริงก็อยากปลูกมากกว่านี้
แต่กลัวตัวเองจะดูแลไม่ทัน ร่างหนาลุกขึ้นยืนเตรียมไปจัดการดูแลพวกดอกไม้ต่อ
แต่เมื่อชายหนุ่มหันไปกลับพบร่างผอมบางของเจ้านายที่วันนี้ก็ยังคงอยู่ในชุดสเวตเตอร์คอเต่าแขนยาวสีขาวเช่นเคยยืนอยู่ไม่ไกล
ซึ่งเสื้อสีขาวเงินเหมือนหิมะที่สวมนั้นชวนให้คนมองรู้สึกสบายตา และพานึกเสียดายหากมันถูกทำให้แปดเปื้อน...
กู่หนิวที่เจอหน้าเจ้านายน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัวก็รีบเก็บสีหน้าให้เรียบร้อย
ก่อนโค้งศีรษะเป็นการทำความเคารพ แต่ก่อนที่เขาจะผละไปทำหน้าที่ต่อ กลับได้ยินเสียงกล่าว
“ชอบกิน?”
ถ้อยคำสั้นห้วนจนหากไม่ฟังดีๆ คงไม่รู้ว่ากำลังถาม
กู่หนิวชะงักขา เขาก้มมองใบหน้างดงามที่ยังมีสีหน้าราบเรียบเฉกเช่นทุกวัน
ก่อนจะสอบถามเสียงเบา
“หมายถึงสตรอว์เบอรี่เหรอครับ?”
เซียงเว่ยพยักหน้าเล็กน้อย
กูหนิวเห็นแล้วก็อธิบายเสียงแห้งติดขัดเขิน
“ไม่ใช่ว่าผมชอบสตรอว์เบอรี่หรอกครับ เพียงแต่ผมชอบดื่มนมสตรอว์เบอรี่เป็นประจำ
ไม่ได้ดื่มนานแล้วเลยอยากจะลองทำดู...”
“ทำ?”ริมฝีปากสีอมส้มเอ่ยทวน แววตามองร่างหนาอย่างคล้ายขอคำอธิบาย
“ครับ คือผมเคยลองทำนมสตรอว์เบอรี่ดื่มเองเมื่อสมัยเด็กๆน่ะครับ
แต่โตแล้วก็มักซื้อกินเอามากกว่า”กู่หนิวพูดชี้แจง ซึ่งเซียงเว่ยฟังพลางพยักหน้าไปอย่างรับรู้
ก่อนจะว่าขึ้นอย่างตัดสินใจ
“อนุญาต”
“ครับ?”กู่หนิวไม่เข้าใจความหมาย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบคำ
หลังพูดเสร็จก็หมุนตัวจากไปโดยไม่ได้อยู่ดูดอกไม้ต่อเช่นที่เคย
กู่หนิวได้แต่เกาหัวตัวเองอย่างงงๆ แล้วกลับไปทำงานที่เหลือต่อจนเสร็จ
เสร็จงานของวันกู่หนิวก็ลงไปรับเงินที่ห้องทำงานของเซียงเว่ยเหมือนเคย
ทีแรกเขายังสงสัยว่าทำไมต้องมาที่ห้องนี้ แต่พอคิดได้ว่าหลงคุนต้องคอยอยู่ข้างกายเจ้านายตัวน้อยตลอดจึงไม่สงสัยอีก
เขารับคริสตัลสีแดงสองเหลืองหนึ่งมาพร้อมกับอาหารกระป๋องจำนวนสิบหกกระป๋อง
วันแรกที่ได้รับของมา เขาทักท้วงไปว่าเงื่อนไขต้องการแค่อาหารสำหรับหนึ่งมื้อ
แต่คุณหลงเพียงดันแว่นแล้วกล่าวอย่างเรียบๆ
“จากขนาดตัวนาย สิบหกกระป๋องนั่นคงเพียงพอสำหรับหนึ่งมื้อแล้ว”
ที่จริงกู่หนิวคิดว่าตนเองจะได้แค่เพียงกระป๋องเดียวต่อวันเหมือนตลอดสามปีที่ผ่านมา
แต่ในเมื่อฝ่ายเจ้านายใจกว้าง เขาจึงได้แต่ยอมรับน้ำใจนี้ไว้ด้วยความซาบซึ้ง
ชายหนุ่มยังแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าเขาบอกไปว่าสิบหกกระป๋องไม่พอนี่
อีกฝ่ายจะเพิ่มปริมาณอาหารกระป๋องให้หรือจะเลือกเตะเขาออกจากป้อมกันนะ?
แต่การได้ย้ายมาอยู่ที่ป้อมไป่เหอนี่ พูดไปแล้วก็เหมือนกับหนูตกถังข้าวสาร
กู่หนิวรู้สึกคล้ายว่าตัวเองได้ใช้โชคทั้งชีวิตไปเพื่อแลกกับการมาอยู่ที่นี่
ย้อนนึกถึงหลายปีที่ผ่านมา
สามปีกับการต้องทนหิวโหยและเหน็บหนาว นอนกอดท้องที่ว่างเปล่าท่ามกลางความเย็นยะเยือกของอากาศยามค่ำคืน
บางครั้งเมื่อทนไม่ไหวเขาก็จำต้องใช้คริสตัลที่ได้มาดับความหิวชั่วคราว
ยังมีช่วงที่โดนใช้เป็นกระสอบทรายอีก การต้องคอยหลบหนีเหล่าผู้ล่าที่จมูกไวต่อกลิ่นเลือดขณะที่ร่างกายบอบช้ำจากการถูกซ้อมนั้นไม่ง่ายดายเลย
พอคิดอย่างนี้แล้ว เขาก็รู้สึกโชคดีจริงๆ
ที่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเซียงเว่ยไปในตอนนั้น
วันนี้ขณะที่เขาคิดกลับห้องหลังรับค่าจ้างแล้ว
กลับถูกเรียกตัวไว้ กู่หนิวยืนนิ่ง เขาสงสัยว่าหลงคุนมีเรื่องอะไรจะเพิ่มเติมอีก
“ได้ยินว่านายต้องการทำนมสตรอว์เบอรี่”
“ครับ”กู่หนิวพยักหน้ารับซื่อๆ
เขามองคนที่ดันแว่นค้างไว้พลางหรี่ตามองมาคล้ายไม่พอใจอย่างสงสัย
“เรื่องนม นายจะไปหามาจากไหน?”
“ลุงเป่ยที่อยู่ซอยฝูหรงเลี้ยงลูกวัวไว้ในบ้านหลายตัวครับ
ผมว่าจะไปขอแลกนมจากที่นั่น”กู่หนิวพูดตอบอีกครั้ง
ลุงเป่ยที่กู่หนิวกล่าวถึงเป็นชายวัยเกษียนที่รักสุขภาพและชมชอบอาหารสดใหม่
จึงมักเลี้ยงสัตว์และปลูกผักกินเอง ลุงเป่ยเป็นคนรักครอบครัวมาก เสียดายแต่ภรรยาของชายชราจากไปได้เกือบสิบปีแล้ว
ส่วนลูกสาวก็แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น ทำให้ชายแก่ต้องอยู่ลำพังกับหมาพันธุ์เชาเชา*สองตัวที่ชื่อพลูโตกับมาเบิ้ล
ทางกู่หนิวนั้นรู้จักกับชายชราตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลกมาถึง โดยชายหนุ่มได้บังเอิญเคยช่วยพาอีกฝ่ายที่หลังเดาะไปส่งบ้าน
จากนั้นเป็นต้นมาพอเจอกัน ชายแก่ก็จะเรียกไปเขาดื่มนมคั้นสดๆ บ้างก็ถูกใช้ไปอาบน้ำให้เจ้าสองตัวป่วน
ปัจจุบันลุงเป่ยก็ยังสบายดี ด้วยมีความสามารถสร้างมวลน้ำบริสุทธิ์เองได้ทำให้ชีวิตของชายชราไม่เดือดร้อนอะไร
ความสามารถนี้จริงๆเป็นที่ต้องการของหลายๆคน เสียก็แต่ลุงเป่ยอายุมากแล้ว
ทั้งยังหัวแข็งไม่ย้อมตอบรับข้อเสนอของที่ไหน
สุดท้ายจึงมีการทำสัญญาแลกเปลี่ยนน้ำบริสุทธิ์กับคริสตัลรักษาแทน
ตอนกู่หนิวไปเยี่ยมชายชราครั้งก่อนยังได้รับคริสตัลมาจำนวนหนึ่งด้วย
“ฮืม ถ้าอย่างนั้นทางเราจะช่วยส่งเสริม
โดยส่งคนมาช่วยดูแลพวกสตรอว์เบอรี่ให้ ถ้าทำนมสตรอว์เบอรี่ที่ว่าสำเร็จ
ทางเราอาจจะมีการขยายพื้นที่สำหรับปลูกสตรอว์เบอรี่ให้โดยเฉพาะ”
กู่หนิวได้ยินอย่างนั้น ดวงตาก็ฉายแววดีใจขึ้นมาวูบหนึ่ง
แต่พอคิดว่าของทุกอย่างบนโลกไม่มีอะไรได้มาฟรีๆจึงมองคนพูดอย่างระวัง
“เรื่องนั้น...มีเงื่อนไขอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”
“แน่นอนว่ามี”คนพูดดันแว่นพลางว่าต่อ “นมสตรอว์เบอรี่ที่ผลิตออกมาได้
สามในสี่จะตกเป็นของป้อม มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
กู่หนิวส่ายหัวให้กับคำถาม เพราะทั้งดิน น้ำ
รวมทั้งพื้นที่ที่ใช้ปลูกก็เป็นของป้อม แค่ยอมให้เขายืมมาใช้ก็นับว่าดีมากแล้ว
นี่ยังช่วยสนับสนุนอีก
“สำหรับนมสตรอว์เบอรี่ ถ้าผลิตได้ถึงสิบขวด
นายจะได้ค่าแรงเพิ่มเป็นคริสตัลสีแดงหนึ่งชิ้นต่อวัน”
กู่หนิวพยักหน้าอีกครั้ง หลงคุนยังพูดแนะนำต่อเรื่องอื่นๆ
รวมถึงคนที่จะมาทำงานด้วย ซึ่งพอได้ยินชื่อหนึ่งกู่หนิวก็เบิกตาอย่างตกใจเล็กน้อย
“เฉ่าเหมย...เหรอครับ?”
ขณะที่หลงคุนกำลังจะตอบ
น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ก็ดังขึ้นตัดหน้า
“นายรู้จัก?”
“ไม่... ผมแค่เคยรู้จักคนชื่อเดียวกันน่ะครับ”กู่หนิวกล่าวพลางหลบตา
เซียงเว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป
หลงคุนที่สัมผัสถึงความเงียบอันแปลกประหลาดก็ดันแว่นเบาๆ
ก่อนบอกให้กู่หนิวกลับไปได้
กู่หนิวโค้งตัวลาออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
ในหัวนึกถึงภาพเด็กผู้หญิงผมสั้นหน้าตาน่ารักที่ติดกิ๊ฟรูปสตรอว์เบอรี่อันใหญ่ไว้ทางด้านซ้าย...
“เฉ่าเหมย... จะใช่เธอรึเปล่านะ?”
วันถัดมากู่หนิวก็ได้พบคำตอบ
เด็กหญิงในความทรงจำได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
ร่างเล็กที่เติบโตจากเดิมอยู่ในชุดกระโปรงวันพีซสีชมพูอ่อน
ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ปราศจากเครื่องสำอาง รวมกับเส้นผมสั้นสีดำขลับที่คลอเคลียแก้มยิ่งขับเสน่ห์อันอ่อนหวานและไร้เดียงสาออกมา
กู่หนิวเหม่อมองค้างจนกระทั่งถูกเด็กสาวเรียกชื่อด้วยความดีใจ
“พี่หนิว”เสียงใสเหมือนระฆังแก้วได้ดึงสติคนบางคนให้กลับมาอยู่กับตัว
กู่หนิวถูมืออย่างประหม่าก่อนทักกลับ
“สวัสดี เฉ่าเหมย ...ไม่เจอกันนาน”
“ค่ะ พี่หนิวสบายดีสินะคะ?”เด็กสาวยิ้มอย่างอ่อนหวานจนคล้ายมีดอกไม้เล็กๆเบ่งบานรอบกาย
และในความอ่อนหวานนั้นแฝงด้วยความยินดีที่ได้พบหน้าคนคุ้นเคยเอาไว้
“อืม สบายดี
เธอเองก็คงเหมือนกัน”กู่หนิวส่งยิ้มกลับ ตอนนี้เองเสียงหญิงสาวอีกคนก็ดังขัด
“เฮ้ๆ อย่าคุยกันสองคนสิ!”
คนกล่าวเป็นเด็กสาวผมทองที่โกรกสีผมจนจำสีเดิมไม่ได้
ร่างเพรียวบางในชุดเสื้อกล้ามสีขาวคลุมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำมันวาว ยืนล้วงกางเกงพลางมองมาอย่างไม่สบอารมณ์
ซึ่งใบหน้าผอมกับคางแหลม บวกตาคมและริมฝีปากบึ้งตึง
ทำให้เด็กสาวดูดุร้ายคล้ายแม่เสือสาว
“อ๊ะ ขอโทษค่ะพี่ลู่ลู่”เฉ่าเหมยที่รู้ความผิดตนรีบกล่าวขอโทษ
กู่หนิวเห็นแล้วก็ไม่รอช้า ก้มศีรษะให้
“ขอโทษด้วยครับ คุณผู้หญิงคือจางลู่ใช่ไหมครับ?
ผมกู่หนิว ยินดีที่ได้รู้จักครับ”กู่หนิวทักทายอย่างมีมารยาท
ซึ่งเด็กสาวที่ดูแก่วัยกว่าเฉ่าเหมยราวสามสี่เพียงโบกมือไม่ถือสา
“คุณผู้หญิงอะไรกัน ช่างเรื่องมารยาทนั่นเถอะ!
เรียกฉันลู่ลู่ก็ได้ ส่วนฉันจะเรียกนายต้าหนิวแล้วกัน”
กู่หนิวแปลกใจที่ได้ยินคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกตน
ที่เรียกนี่เพราะเห็นว่าตนอาวุโสกว่า หรือเรียกล้อเลียนกันนะ?
แต่ฟังแล้วน่าจะเป็นอย่างหลัง...
หลังทำความรู้จักกันก็เข้าสู่เรื่องงาน
กู่หนิวรู้ความสามารถของทั้งสองอยู่แล้วจึงแบ่งงานกันง่าย จางลู่สามารถควบคุมลมได้
ส่วนเฉ่าเหมยสามารถสร้างน้ำบริสุทธิ์ได้
ทั้งสองร่วมมือกันทำให้งานรดน้ำต้นไม้เสร็จลงอย่างง่ายดาย ส่วนกู่หนิวก็มีหน้าที่ถอนวัชพืชกับใส่ปุ๋ย
แล้วก็ดูแลพวกดอกไม้
หลังเสร็จงาน กู่หนิวที่ล้างมืออยู่ก็โดนเรียก
“เฮ้! ต้าหนิว”
“ครับ คุณลู่ลู่”กู่หนิวเงยมองคนเรียกที่ยืนเท้าเอว
กวาดมองซ้ายขวาไม่เห็นเฉ่าเหมย คาดว่าคงลงไปก่อนแล้ว
เขาวกสายตากลับยังคนทักที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าประเมิน
“บอกแล้วไงว่าให้เรียกลู่ลู่เฉยๆ เรื่องนั้นช่างมันก่อน
นายน่ะ สนิทกับบอสของเรามากเหรอ?”
“ครับ? หมายถึงคุณชายเซียงเว่ยน่ะเหรอครับ?”กู่หนิวถามย้ำอย่างประหลาดใจ
ซึ่งคนถามทำสีหน้ารำคาญ
“ก็ใช่น่ะสิ!”
“ไม่ครับ ไม่สนิท”
พอได้ยินคำตอบ คนถามกลับมีสีหน้าประหลาดใจ
แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ
“ไม่จริงน่า! ถ้าไม่สนิทจริง
แล้วไหงบอสถึงยกเรือนกระจกให้นายดูแลล่ะ?”
“เรือนกระจกนี่น่ะเหรอครับ?”กู่หนิวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวทวนอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่รู้รึไงว่าที่นี่นับเป็นเขตหวงห้ามน่ะ?
บอสไม่อนุญาตให้ใครขึ้นมาที่นี่ทั้งนั้น คนรดน้ำที่นี่เมื่อก่อนก็คือบอส ขนาดคุณหลงคุนยังทำได้แค่เอาน้ำขึ้นมาเติมเอง”พูดถึงตรงนี้คนพูดก็เบนสายตาไปยังบรรดาดอกไม้ต่างๆ ที่ถูกดูแลอย่างดี
ก่อนหันมาพูดย้ำกับคนฟัง “อย่างงานนี้
บอสอนุญาตให้พวกฉันช่วยดูแลแค่ส่วนพวกต้นสตรอว์เบอรี่... ฉันถึงได้ถามไง”
“ถึงจะถามว่าทำไม...”กู่หนิวทำหน้าลำบากใจ
เมื่อเขาไม่รู้จริงๆ จางลู่เห็นแล้วก็แสยะยิ้ม
“หึ ฉันก็นึกข่าวลือเป็นจริงซะอีก”
“ข่าวลือเหรอครับ?”กู่หนิวพูดทวน
ซึ่งสีหน้าเด็กสาวเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์
“อะไร? ไม่รู้รึไงว่านายน่ะดังจะตาย ...ในฐานะคนสนิทใหม่ของบอส”
“ครับ?”
คนสนิท?
“ใครๆ เขาก็ลือกันว่านายน่ะเป็นคนสนิทของบอสที่กลับมาจากภารกิจลับ จริงๆ...มีบางคนแอบสงสัยว่านายน่ะเป็นคนรักลับๆของบอสด้วยซ้ำ”
“ครับ?!”ครั้งนี้กู่หนิวตกใจจนตาแทบถลน
ปฏิกิริยานั้นทำให้คนมองจิ๊ปากอย่างหมั่นไส้
“ตกใจอะไรกัน?
ยุคนี้ผู้ชายได้กับผู้ชายเป็นเรื่องปกติจะตาย ยิ่งตอนนี้อยู่ในยุควันสิ้นโลก
จะชายหรือหญิงก็ไม่แตกต่างหรอกน่า!”เด็กสาวชกไหล่เขาหนึ่งก่อนสะบัดกายจากไป
ทิ้งให้กู่หนิวที่ยังช็อคกับสิ่งที่ได้ยินเอาไว้
...คนรัก?
----------------------------
*สุนัขพันธุ์เชา เชา (ใครอยากรู้รายละเอียด คลิกลิงก์ได้ค่ะ)
หมายเหตุ
- เซียงเว่ย แปลว่า กลิ่นหอม
- เฉ่าเหมย แปลว่า สตรอว์เบอรี่
ความคิดเห็น