คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2 เรื่องบังเอิญ...เมื่อผมไปห้าง
ตอนที่2
เรื่องบังเอิญ...เมื่อผมไปห้าง
จากวันนั้นก็ผ่านมาหลายเดือน แม้ผมจะไม่ได้นับ แต่นั่นก็เนิ่นนานพอดู
วันนี้ผมมาห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของกินของใช้เหมือนเคย
เดือนก่อนผมก็มา
เดือนก่อนหน้านั้นผมก็มาที่ห้างนี้ แต่เดือนนี้ผมกลับบังเอิญพบเจอกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบ
คนเล่นของเล่นของผม
...
ผมหยุดขาที่จะก้าวไปต่อแถวช่องคิดเงินเมื่อเห็นสองร่างที่คุ้นตา จิน กับ ไปป์
ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้บังเอิญมาพบเจอพวกเขาอีกครั้ง
ระยะห่างระหว่างผมกับสองคนนั้นไม่มากไม่น้อยเกินไปนัก
นั่นทำให้ผมมองเห็นชัดถึงเส้นผมสีบลอนซ์ทองที่ตอนนี้ยาวเลยต้นคอลงมาเกือบคืบ
ใบหน้าหันข้างของจินทำให้ผมมองเห็นใบหูที่มีห่วงสีเงินไม่ต่ำกว่าสองเพิ่มขึ้นมาจากความทรงจำ
แล้วก็จุดที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นเสื้อกั๊กสีฉูดฉาดที่คงคอนเซปรัดรูปและเซ็กซี่ของอีกฝ่าย
ส่วนไปป์ที่ยืนเถียงอยู่สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนมีลายพร้อยๆตามสไตล์
ผมไม่รู้ว่าควรทักดีไหม
ในเมื่อเราเป็นแค่คนที่เคยนั่งดื่มด้วยกันแค่ครั้งหนึ่งและบังเอิญได้ ร่วมเตียง ด้วยกันแค่คืนเดียว...
ผมตัดสินใจถอย
ขณะที่หมุนตะกร้ารถเข็นกลับ
ผมก็ต้องอึ้งค้างเมื่อเห็นใบหน้าร่างสูงที่ยืนขวาง ผมสีแดงกับนัยน์ตาสีเทา
ดวงตาคู่นั้นเบนลงมาสบ ซึ่งนั่นทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ
ซิตซ์...
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้?
ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
ท่าทางนิ่งเงียบนั่นทำให้ตีความไปว่าเขาคงลืมหน้าตาผมไปแล้ว
และเมื่อมองไปที่มือที่มีซองหมากฝรั่งและลูกอมไม่กี่กล่องก็คิดได้ว่าอีกฝ่ายคงจะมาจ่ายเงิน
ผมเลื่อนรถเข็นหลบเพื่อที่จะได้ไม่ขวางทาง
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้เดินผ่านไป ซึ่งงานนี้ผมไม่สนใจรีบเลื่อนรถเข็นผ่านร่างอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว
"นี่ ซิตซ์ทำไมถึงรีบเดิน...
ทอย?"เสียงทักทำให้ผมเงยหน้ามอง
"เวย์..."ผมหลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว
เจ้าของชื่อเดินมาพร้อมอีกร่างที่สวมชุดคอวีแขนยาวสีดำ
ไนท์...
ผมไม่รู้ว่าควรตกใจรึเปล่าที่ได้บังเอิญมาเจอกับคนที่เคยนอนด้วยเมื่อหลายเดือนก่อนพร้อมกันถึง5คน
ดีที่ไม่เจอลอสกับริกซ์ด้วย...
"ไม่เจอกันนานเลย
ทอยสบายดีรึเปล่าครับ?"เวย์เดินมาหยุดตรงหน้าแล้วทักทายเหมือนเพื่อนสนิทที่บังเอิญมาพบพานกันอีกครั้ง
ท่าทางผ่อนคลายและน้ำเสียงสบายๆไม่กดดันทำให้ผมหายใจคล่องหน่อย
ขณะที่กำลังจะตอบเสียงร้องเรียกด้านหลังก็ทำให้หันไปมอง
"เฮ้
เวย์มาจ่ายเงินพร้อมกันสิ...
ทอย!"เสียงเรียกชื่อที่ดังพอๆกับตะโกนทำให้ผมสะดุ้งและทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาผู้คนที่เริ่มจับจ้อง
"ชู่ว อย่าเสียงดังในห้างสิจิน"ไปป์ที่ยืนอยู่ข้างๆพูดเตือนเพื่อน
ซึ่งจินก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวจึงยกมือซ้ายปิดปาก
แล้วใช้อีกข้างโบกมือหยอยๆให้พวกผมเดินไปหา
เฮ้อ... เอาเถอะ
หลังจ่ายเงินเรียบร้อย
ผมก็เดินเข็นรถโดยมีไปป์กับจินเดินขนาบข้าง ซึ่งเวย์ก็ยืนถัดต่อจากจินอีกที
ส่วนด้านหลังก็มีร่างของซิตซ์และไนท์เดินตามมาเงียบๆ
ตลอดทางจินกับไปป์ชวนผมคุยไม่หยุด
โดยมีเวย์เสริมบ้างเล็กน้อย
"นี่ๆ ทอย
ทำไมนายไม่ไปที่ร้านอีกล่ะ? ฉันรออยู่นะ"จินพูดเป็นเชิงตัดพ้อ
ซึ่งผมก็ยิ้มนิดๆกับคำว่ารอ
คำว่า รอ ที่อีกฝ่ายว่าทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ
ทั้งๆที่ไม่สนิท แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่ารอผมอยู่... มันทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีแปลกๆ
"ฉันมีงานต้องทำน่ะสิ จิน
งานมันยุ่งจนหัวปั่นเลย ฉันไม่มีเวลาไปเที่ยวหรอก"ผมตอบ
ก่อนหยุดเท้าที่หน้าร้านหนังสือ
แม้ไม่ต้องเดินเข้าไปก็เห็นชัด หนังสือปกสีน้ำตาลเข้มติดชาร์จท๊อปเทนซึ่งวางเด่นอยู่
ผมอมยิ้มเมื่อเห็นผลสำเร็จของความพยายามตลอดสามเดือน
"นายมองอะไรอยู่น่ะ?"ไปป์ส่งเสียงถามขณะชะโงกสายตามองตาม
ผมหันไป ในหัวคิดจะตอบกลับว่าไม่มีอะไร หากแต่สายตา5คู่ทำให้ผมชะงัก ก่อนตอบไปตามความจริง
"หนังสือน่ะ
เล่มสีน้ำตาลตรงนั้น"ผมชี้ ซึ่งสายตาหลายคู่มองตาม ก่อนเวย์จะเป็นคนถาม
"ทอยชอบอ่านหนังสือแนวนั้นเหรอครับ?"
คำถามนั่นทำให้ผมฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ก่อนตอบไปสั้นๆ
"อืม... ชอบมาก"
ผมชอบหนังสือนิยาย...และยิ่งชอบมากยิ่งขึ้นเมื่อเป็นเล่มที่ผมเขียนเอง
"งั้นเข้าไปซื้อไหมครับ?"เวย์ถาม ซึ่งผมส่ายหัวเบาๆ
"ไม่ล่ะ ฉันมีแล้ว"
ผมตอบเสร็จก็นึกได้เลยหันไปถามทั้งห้าคนอย่างแปลกใจ
"แล้วนี่…พวกนายไม่มีธุระอะไรแล้วเหรอ?"ที่ผมถามอย่างนั้น
เพราะอีกฝ่ายเดินเข็นรถตามผมมาจนถึงชั้นหนึ่งแล้ว
"ครับ พวกผมกำลังจะกลับเหมือนกันครับ
วันนี้พวกผมจะทำสุกี้หม้อไฟกินกันก็เลยมาซื้อของกลับไปทำ วันนี้ทอยว่างรึเปล่าครับ? ไปทานด้วยกันไหม?"เวย์พูดชวนอย่างเป็นมิตร
"ไม่ดีกว่า รบกวนเปล่าๆ"ผมปฏิเสธอย่างเกรงใจ เพราะยังไงเราก็ไม่ถือว่าสนิทกันมาก
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชวนจริงหรือแค่ถามตามมารยาท
เดี๋ยวคนอื่นๆจะไม่ชอบใจซะเปล่าๆ
ผมเหลือบมองซิตซ์กับไนท์ที่ไม่เอ่ยปากอะไรตั้งแต่เจอกันแล้ว
เวย์เหมือนจะสังเกตเห็นท่าทางผมเลยหันไปถามคนอื่นๆ
"แค่เพิ่มทอยไปสักคนไม่รบกวนหรอกครับ
จริงไหมทุกคน?"
"ไม่ๆๆ ไม่รบกวนเลย
ไปกินด้วยกันเถอะทอย"จินพูดตอบระรัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น
"ไม่นี่ ไปเถอะ
กินด้วยกันสนุกออก"ไปป์พูดชวนยิ้มๆ
"ก็ไม่ได้รบกวน..."ไนท์ตอบกลับสั้นๆ
ท่าทางยังคงนิ่งจนผมดูไม่ออกว่าที่พูดนั้นออกมาจากใจจริงรึเปล่า
"หึ
ก็ไปสิ"เสียงแหบๆของซิตซ์พูดตอบรับ ซึ่งเหมือนผมจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกของวัน
ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่าทุกคนยินดีให้ผมไปรึเปล่า
แต่เสียงสามส่วนห้าเหมือนอยากให้ไปนี่นะ ถ้างั้นไปก็ได้...
"แล้วจะทำกินกันที่ไหนเหรอ?"ผมถามก่อนตอบตกลง
เพราะอีกฝ่ายชวนก็จริงแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องสถานที่ ซึ่งที่ผมคาดไว้ไม่น่าเป็นที่ร้าน
เพราะถ้าทำกินเองก็น่าจะที่ส่วนตัว...
"ที่คอนโด TRy OL น่ะครับ รู้จักรึเปล่า?"เวย์เป็นคนตอบ
ก่อนถามคำถามที่ผมต้องพยักหน้าไวๆให้
รู้จักแน่นอน
คอนโดสุดหรูที่มีบรรยากาศเยี่ยม พื้นที่กว้างน่าอยู่ ทั้งยังใกล้ย่านร้านค้า การเดินทางก็สะดวกเพราะอยู่ใจกลางเมือง
ผมเองเคยคิดจะซื้อคอนโดที่นั่นเหมือนกัน แต่สู้ราคาไม่ไหว เพราะคอนโดTRy
OLมีที่จอดรถส่วนตัวด้วยจึงทำให้ราคาอัพขึ้นสูงจนผมจ่ายไม่ไหว
และเพราะตัวผมเองก็ไม่มีรถเลยมองว่าคอนโดนั้นเกินความจำเป็น ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเก็บเงินซื้อบ้านแถวชานเมืองอยู่แทน
ถึงมันจะอยู่ไกลตัวเมืองไปหน่อยแล้วก็ไปไหนไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็เงียบสงบดี
เหมาะกับคนที่ชอบใช้ชีวิตเงียบๆหาไอเดียในการเขียนนิยายแบบผมพอดี
แต่ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะเจอคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นตัวเป็นๆ
เพราะอย่างที่รู้ว่าคอนโดนั้นราคาสูงมาก ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ที่คอนโดนั่น
ฐานะจึงไม่ใช่แค่ดี แต่ต้องอยู่ในระดับที่รวย ซึ่งคนระดับนั้นหากมองหาตามท้องตลาดไม่มีทางเจอแน่ๆ
ผมอึ้งนิดๆ
แต่ก็แค่นั้นเมื่อสถานะทางการเงินของอีกฝ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตผม
เพียงแต่...ที่ตั้งคอนโดนนั่นออกจะเป็นปัญหาสักหน่อย
"ดูเหมือนงานนี้ฉันคงไม่สะดวกไป...
คือฉันไม่มีรถน่ะ แล้วที่นั่นก็อยู่ไกลจากบ้านฉันด้วย
ถ้าใกล้ๆอย่างร้านเหล้าที่ไปคราวก่อนคงพอได้แวะไป
โทษทีนะ"ผมพูดแล้วอดรู้สึกผิดแปลกๆไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์มีน้ำใจชวน
"งั้นเหรอครับ
เข้าใจแล้วครับ..."เวย์ตอบด้วยเสียงอ่อนหน้าตาดูเศร้าๆ
ส่วนจินกับไปป์มีท่าทีผิดหวังเล็กๆ ซึ่งผมก็ยิ้มนิดๆก่อนจะขอตัวลา
แต่กลับถูกรั้งไว้ ซึ่งคนที่รั้งผมไว้คือซิตซ์
มือใหญ่จับที่ต้นแขนผมก่อนพูดสั่งด้วยเสียงนิ่งๆ
"เอาโทรศัพท์มาซิ"
ผมงเบิกตามองคนขอที่พูดซ้ำหลังผมนิ่งอึ้งและไม่ยอมส่งให้ในทีแรกด้วยเสียงที่เริ่มออกแนวหงุดหงิด
ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบโดนสั่งนัก และยิ่งไม่ปลื้มกับพฤติกรรมที่จู่ๆก็มาจับตัวกันแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่โกรธ ทั้งยังยอมส่งมือถือให้ตามคำบอกอีกฝ่ายอีก
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งให้
ซึ่งซิตซ์รับไปแล้วทำในสิ่งที่ผมต้องนิ่งค้าง อีกฝ่ายกดเบอร์มือถือตัวเอง ก่อนยื่นมือถือคืนมาให้พร้อมสั่งเสียงแข็ง
"เมมซะ"
ผมกะพริบตามองคนสั่งรับมือถือคืนมา
ก่อนมองหน้าคนสั่งสลับกับตัวเลขสิบหลักที่ปรากฏ
ซึ่งพอผมมองเป็นครั้งที่สามก็ถูกอีกฝ่ายตวัดสายตาดุมองมาจนต้องยอมเมมชื่อ 'Zitz' ลงในรายชื่อ
ซึ่งระหว่างเมมผมแอบเห็นคนสั่งที่ทำหน้าดุเมื่อกี้ยกยิ้มนิดๆคล้ายอารมณ์ดีจนเผลอมุ่นคิ้วอย่างแปลกใจ
"อ๊ะ ขี้โกง
เมมของฉันด้วยสิ"จินโวยแล้วแย่งมือถือผมไป ไปป์เองก็ไปร่วมวงด้วย
ซึ่งผมก็ปล่อยตามสบาย เมมเสร็จเมื่อไหร่ก็ช่วยคืนด้วยแล้วกัน
"แล้วตกลงทอยจะไม่ไปจริงๆเหรอครับ? ไปทานด้วยกันเถอะครับ
เดี๋ยวผมไปส่งเอง"เวย์พูดชวนอีกครั้งด้วยเสียงนุ่มผสมกับลูกอ้อนเล็กๆ
ซึ่งใครมาเห็นรอยยิ้มอ้อนๆกับเสียงชวนละลายแบบนี้คงไม่วายใจอ่อน
หน้าตาดีแล้วยังอ้อนเก่ง
สาวๆหลงตายพอดี
ผมส่ายหัวให้
"ไม่ล่ะ ฉันไม่รบกวนดีกว่า
ไว้คราวหน้าแล้วกันนะ"พอได้ยินคำปฏิเสธครั้งนี้คุณชายก็เหมือนจะยอมแพ้สักที
แต่ก็ยังส่งสายตามาถามเป็นเชิงถามย้ำ ผมส่ายหัวอีกรอบ
"...ถ้าอย่างนั้นก็ค้างสิ"เสียงเรียบนิ่งฟังแล้วรู้สึกเยือกเย็นดังมาจากปากของไนท์
หนุ่มเงียบอีกคน
ผมหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ
ค้าง? หมายความว่ายังไง?
"นั่นสินะ
ถ้าวันนี้ทอยไม่มีธุระที่ไหนคืนนี้มานอนค้างที่คอนโดพวกผมก็ได้ครับ"เวย์พูดอย่างจับประเด็นได้
ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจความหมายในประโยคสั้นๆของไนท์ในที่สุด
ค้างคืน? นั่นสินะ ถ้าแบบนั้นล่ะก็...
ไม่สิๆ ผมส่ายหัว
"ไม่ล่ะ
รบกวนเปล่าๆ..."
"ไม่รบกวนหรอกน่า นะ
ไปกินกันๆๆ"จินโพล่งแทรกคำพูดผม แถมมาเกาะแขนพูดตื๊อชวนไม่หยุด
ซึ่งมองไปทางไปป์ อีกฝ่ายทำท่าพยักหน้ารัวๆ
ส่วนทางเวย์ก็ส่งยิ้มนิดๆแล้วพยักหน้าให้
คนเปิดประเด็นอย่างไนท์คงไม่ต้องพูดถึง
ผมมองอีกคนที่มองมานิ่งๆไม่มีท่าทีตอบรับ แต่ก็ไม่มีวี่แววปฏิเสธ
เฮ้อ
"ก็ได้..."ผมตอบรับเสียงแผ่วโดยเห็นแก่ความพยายามของทั้งห้าคน
ซึ่งพอตอบรับก็โดนจินที่มีท่าทางดีใจมากๆคว้าแขนลากไปทางประตูห้าง
ผมเหลียวหลังหันไปมองตะกร้ารถเข็นของตัวเองที่ถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างตกใจ แต่ภาพที่เห็นเบื้องหลังคือไปป์ที่ยืนยิ้มส่งโบกมือให้เป็นเชิงไม่ต้องห่วง...ดูเหมือนผมจะได้คนช่วยเข็นแทนแล้ว
ผมหันกลับมามองคนข้างตัวที่ยังคงลากแขนผมให้เดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ระบายยิ้มร่าเริงแล้วถอนหายใจ
เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ได้มีธุระอะไรอยู่แล้วนี่นะ...
ตอนที่2
เรื่องบังเอิญ...เมื่อผมไปห้าง
จากวันนั้นก็ผ่านมาหลายเดือน แม้ผมจะไม่ได้นับ แต่นั่นก็เนิ่นนานพอดู
วันนี้ผมมาห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของกินของใช้เหมือนเคย
เดือนก่อนผมก็มา
เดือนก่อนหน้านั้นผมก็มาที่ห้างนี้ แต่เดือนนี้ผมกลับบังเอิญพบเจอกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบ
คนเล่นของเล่นของผม
...
ผมหยุดขาที่จะก้าวไปต่อแถวช่องคิดเงินเมื่อเห็นสองร่างที่คุ้นตา จิน กับ ไปป์
ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้บังเอิญมาพบเจอพวกเขาอีกครั้ง
ระยะห่างระหว่างผมกับสองคนนั้นไม่มากไม่น้อยเกินไปนัก
นั่นทำให้ผมมองเห็นชัดถึงเส้นผมสีบลอนซ์ทองที่ตอนนี้ยาวเลยต้นคอลงมาเกือบคืบ
ใบหน้าหันข้างของจินทำให้ผมมองเห็นใบหูที่มีห่วงสีเงินไม่ต่ำกว่าสองเพิ่มขึ้นมาจากความทรงจำ
แล้วก็จุดที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นเสื้อกั๊กสีฉูดฉาดที่คงคอนเซปรัดรูปและเซ็กซี่ของอีกฝ่าย
ส่วนไปป์ที่ยืนเถียงอยู่สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนมีลายพร้อยๆตามสไตล์
ผมไม่รู้ว่าควรทักดีไหม
ในเมื่อเราเป็นแค่คนที่เคยนั่งดื่มด้วยกันแค่ครั้งหนึ่งและบังเอิญได้ ร่วมเตียง ด้วยกันแค่คืนเดียว...
ผมตัดสินใจถอย
ขณะที่หมุนตะกร้ารถเข็นกลับ
ผมก็ต้องอึ้งค้างเมื่อเห็นใบหน้าร่างสูงที่ยืนขวาง ผมสีแดงกับนัยน์ตาสีเทา
ดวงตาคู่นั้นเบนลงมาสบ ซึ่งนั่นทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ
ซิตซ์...
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้?
ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
ท่าทางนิ่งเงียบนั่นทำให้ตีความไปว่าเขาคงลืมหน้าตาผมไปแล้ว
และเมื่อมองไปที่มือที่มีซองหมากฝรั่งและลูกอมไม่กี่กล่องก็คิดได้ว่าอีกฝ่ายคงจะมาจ่ายเงิน
ผมเลื่อนรถเข็นหลบเพื่อที่จะได้ไม่ขวางทาง
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้เดินผ่านไป ซึ่งงานนี้ผมไม่สนใจรีบเลื่อนรถเข็นผ่านร่างอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว
"นี่ ซิตซ์ทำไมถึงรีบเดิน...
ทอย?"เสียงทักทำให้ผมเงยหน้ามอง
"เวย์..."ผมหลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว
เจ้าของชื่อเดินมาพร้อมอีกร่างที่สวมชุดคอวีแขนยาวสีดำ
ไนท์...
ผมไม่รู้ว่าควรตกใจรึเปล่าที่ได้บังเอิญมาเจอกับคนที่เคยนอนด้วยเมื่อหลายเดือนก่อนพร้อมกันถึง5คน
ดีที่ไม่เจอลอสกับริกซ์ด้วย...
"ไม่เจอกันนานเลย
ทอยสบายดีรึเปล่าครับ?"เวย์เดินมาหยุดตรงหน้าแล้วทักทายเหมือนเพื่อนสนิทที่บังเอิญมาพบพานกันอีกครั้ง
ท่าทางผ่อนคลายและน้ำเสียงสบายๆไม่กดดันทำให้ผมหายใจคล่องหน่อย
ขณะที่กำลังจะตอบเสียงร้องเรียกด้านหลังก็ทำให้หันไปมอง
"เฮ้
เวย์มาจ่ายเงินพร้อมกันสิ...
ทอย!"เสียงเรียกชื่อที่ดังพอๆกับตะโกนทำให้ผมสะดุ้งและทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาผู้คนที่เริ่มจับจ้อง
"ชู่ว อย่าเสียงดังในห้างสิจิน"ไปป์ที่ยืนอยู่ข้างๆพูดเตือนเพื่อน
ซึ่งจินก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวจึงยกมือซ้ายปิดปาก
แล้วใช้อีกข้างโบกมือหยอยๆให้พวกผมเดินไปหา
เฮ้อ... เอาเถอะ
หลังจ่ายเงินเรียบร้อย
ผมก็เดินเข็นรถโดยมีไปป์กับจินเดินขนาบข้าง ซึ่งเวย์ก็ยืนถัดต่อจากจินอีกที
ส่วนด้านหลังก็มีร่างของซิตซ์และไนท์เดินตามมาเงียบๆ
ตลอดทางจินกับไปป์ชวนผมคุยไม่หยุด
โดยมีเวย์เสริมบ้างเล็กน้อย
"นี่ๆ ทอย
ทำไมนายไม่ไปที่ร้านอีกล่ะ? ฉันรออยู่นะ"จินพูดเป็นเชิงตัดพ้อ
ซึ่งผมก็ยิ้มนิดๆกับคำว่ารอ
คำว่า รอ ที่อีกฝ่ายว่าทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ
ทั้งๆที่ไม่สนิท แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่ารอผมอยู่... มันทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีแปลกๆ
"ฉันมีงานต้องทำน่ะสิ จิน
งานมันยุ่งจนหัวปั่นเลย ฉันไม่มีเวลาไปเที่ยวหรอก"ผมตอบ
ก่อนหยุดเท้าที่หน้าร้านหนังสือ
แม้ไม่ต้องเดินเข้าไปก็เห็นชัด หนังสือปกสีน้ำตาลเข้มติดชาร์จท๊อปเทนซึ่งวางเด่นอยู่
ผมอมยิ้มเมื่อเห็นผลสำเร็จของความพยายามตลอดสามเดือน
"นายมองอะไรอยู่น่ะ?"ไปป์ส่งเสียงถามขณะชะโงกสายตามองตาม
ผมหันไป ในหัวคิดจะตอบกลับว่าไม่มีอะไร หากแต่สายตา5คู่ทำให้ผมชะงัก ก่อนตอบไปตามความจริง
"หนังสือน่ะ
เล่มสีน้ำตาลตรงนั้น"ผมชี้ ซึ่งสายตาหลายคู่มองตาม ก่อนเวย์จะเป็นคนถาม
"ทอยชอบอ่านหนังสือแนวนั้นเหรอครับ?"
คำถามนั่นทำให้ผมฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ก่อนตอบไปสั้นๆ
"อืม... ชอบมาก"
ผมชอบหนังสือนิยาย...และยิ่งชอบมากยิ่งขึ้นเมื่อเป็นเล่มที่ผมเขียนเอง
"งั้นเข้าไปซื้อไหมครับ?"เวย์ถาม ซึ่งผมส่ายหัวเบาๆ
"ไม่ล่ะ ฉันมีแล้ว"
ผมตอบเสร็จก็นึกได้เลยหันไปถามทั้งห้าคนอย่างแปลกใจ
"แล้วนี่…พวกนายไม่มีธุระอะไรแล้วเหรอ?"ที่ผมถามอย่างนั้น
เพราะอีกฝ่ายเดินเข็นรถตามผมมาจนถึงชั้นหนึ่งแล้ว
"ครับ พวกผมกำลังจะกลับเหมือนกันครับ
วันนี้พวกผมจะทำสุกี้หม้อไฟกินกันก็เลยมาซื้อของกลับไปทำ วันนี้ทอยว่างรึเปล่าครับ? ไปทานด้วยกันไหม?"เวย์พูดชวนอย่างเป็นมิตร
"ไม่ดีกว่า รบกวนเปล่าๆ"ผมปฏิเสธอย่างเกรงใจ เพราะยังไงเราก็ไม่ถือว่าสนิทกันมาก
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชวนจริงหรือแค่ถามตามมารยาท
เดี๋ยวคนอื่นๆจะไม่ชอบใจซะเปล่าๆ
ผมเหลือบมองซิตซ์กับไนท์ที่ไม่เอ่ยปากอะไรตั้งแต่เจอกันแล้ว
เวย์เหมือนจะสังเกตเห็นท่าทางผมเลยหันไปถามคนอื่นๆ
"แค่เพิ่มทอยไปสักคนไม่รบกวนหรอกครับ
จริงไหมทุกคน?"
"ไม่ๆๆ ไม่รบกวนเลย
ไปกินด้วยกันเถอะทอย"จินพูดตอบระรัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น
"ไม่นี่ ไปเถอะ
กินด้วยกันสนุกออก"ไปป์พูดชวนยิ้มๆ
"ก็ไม่ได้รบกวน..."ไนท์ตอบกลับสั้นๆ
ท่าทางยังคงนิ่งจนผมดูไม่ออกว่าที่พูดนั้นออกมาจากใจจริงรึเปล่า
"หึ
ก็ไปสิ"เสียงแหบๆของซิตซ์พูดตอบรับ ซึ่งเหมือนผมจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกของวัน
ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่าทุกคนยินดีให้ผมไปรึเปล่า
แต่เสียงสามส่วนห้าเหมือนอยากให้ไปนี่นะ ถ้างั้นไปก็ได้...
"แล้วจะทำกินกันที่ไหนเหรอ?"ผมถามก่อนตอบตกลง
เพราะอีกฝ่ายชวนก็จริงแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องสถานที่ ซึ่งที่ผมคาดไว้ไม่น่าเป็นที่ร้าน
เพราะถ้าทำกินเองก็น่าจะที่ส่วนตัว...
"ที่คอนโด TRy OL น่ะครับ รู้จักรึเปล่า?"เวย์เป็นคนตอบ
ก่อนถามคำถามที่ผมต้องพยักหน้าไวๆให้
รู้จักแน่นอน คอนโดสุดหรูที่มีบรรยากาศเยี่ยม พื้นที่กว้างน่าอยู่ ทั้งยังใกล้ย่านร้านค้า การเดินทางก็สะดวกเพราะอยู่ใจกลางเมือง ผมเองเคยคิดจะซื้อคอนโดที่นั่นเหมือนกัน แต่สู้ราคาไม่ไหว เพราะคอนโดTRy OLมีที่จอดรถส่วนตัวด้วยจึงทำให้ราคาอัพขึ้นสูงจนผมจ่ายไม่ไหว และเพราะตัวผมเองก็ไม่มีรถเลยมองว่าคอนโดนั้นเกินความจำเป็น ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเก็บเงินซื้อบ้านแถวชานเมืองอยู่แทน ถึงมันจะอยู่ไกลตัวเมืองไปหน่อยแล้วก็ไปไหนไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็เงียบสงบดี เหมาะกับคนที่ชอบใช้ชีวิตเงียบๆหาไอเดียในการเขียนนิยายแบบผมพอดี
แต่ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะเจอคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นตัวเป็นๆ
เพราะอย่างที่รู้ว่าคอนโดนั้นราคาสูงมาก ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ที่คอนโดนั่น
ฐานะจึงไม่ใช่แค่ดี แต่ต้องอยู่ในระดับที่รวย ซึ่งคนระดับนั้นหากมองหาตามท้องตลาดไม่มีทางเจอแน่ๆ
ผมอึ้งนิดๆ
แต่ก็แค่นั้นเมื่อสถานะทางการเงินของอีกฝ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตผม
เพียงแต่...ที่ตั้งคอนโดนนั่นออกจะเป็นปัญหาสักหน่อย
"ดูเหมือนงานนี้ฉันคงไม่สะดวกไป...
คือฉันไม่มีรถน่ะ แล้วที่นั่นก็อยู่ไกลจากบ้านฉันด้วย
ถ้าใกล้ๆอย่างร้านเหล้าที่ไปคราวก่อนคงพอได้แวะไป
โทษทีนะ"ผมพูดแล้วอดรู้สึกผิดแปลกๆไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์มีน้ำใจชวน
"งั้นเหรอครับ
เข้าใจแล้วครับ..."เวย์ตอบด้วยเสียงอ่อนหน้าตาดูเศร้าๆ
ส่วนจินกับไปป์มีท่าทีผิดหวังเล็กๆ ซึ่งผมก็ยิ้มนิดๆก่อนจะขอตัวลา
แต่กลับถูกรั้งไว้ ซึ่งคนที่รั้งผมไว้คือซิตซ์
มือใหญ่จับที่ต้นแขนผมก่อนพูดสั่งด้วยเสียงนิ่งๆ
"เอาโทรศัพท์มาซิ"
ผมงเบิกตามองคนขอที่พูดซ้ำหลังผมนิ่งอึ้งและไม่ยอมส่งให้ในทีแรกด้วยเสียงที่เริ่มออกแนวหงุดหงิด
ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบโดนสั่งนัก และยิ่งไม่ปลื้มกับพฤติกรรมที่จู่ๆก็มาจับตัวกันแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่โกรธ ทั้งยังยอมส่งมือถือให้ตามคำบอกอีกฝ่ายอีก
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งให้ ซึ่งซิตซ์รับไปแล้วทำในสิ่งที่ผมต้องนิ่งค้าง อีกฝ่ายกดเบอร์มือถือตัวเอง ก่อนยื่นมือถือคืนมาให้พร้อมสั่งเสียงแข็ง
"เมมซะ"
ผมกะพริบตามองคนสั่งรับมือถือคืนมา
ก่อนมองหน้าคนสั่งสลับกับตัวเลขสิบหลักที่ปรากฏ
ซึ่งพอผมมองเป็นครั้งที่สามก็ถูกอีกฝ่ายตวัดสายตาดุมองมาจนต้องยอมเมมชื่อ 'Zitz' ลงในรายชื่อ
ซึ่งระหว่างเมมผมแอบเห็นคนสั่งที่ทำหน้าดุเมื่อกี้ยกยิ้มนิดๆคล้ายอารมณ์ดีจนเผลอมุ่นคิ้วอย่างแปลกใจ
"อ๊ะ ขี้โกง
เมมของฉันด้วยสิ"จินโวยแล้วแย่งมือถือผมไป ไปป์เองก็ไปร่วมวงด้วย
ซึ่งผมก็ปล่อยตามสบาย เมมเสร็จเมื่อไหร่ก็ช่วยคืนด้วยแล้วกัน
"แล้วตกลงทอยจะไม่ไปจริงๆเหรอครับ? ไปทานด้วยกันเถอะครับ
เดี๋ยวผมไปส่งเอง"เวย์พูดชวนอีกครั้งด้วยเสียงนุ่มผสมกับลูกอ้อนเล็กๆ
ซึ่งใครมาเห็นรอยยิ้มอ้อนๆกับเสียงชวนละลายแบบนี้คงไม่วายใจอ่อน
หน้าตาดีแล้วยังอ้อนเก่ง
สาวๆหลงตายพอดี
ผมส่ายหัวให้
"ไม่ล่ะ ฉันไม่รบกวนดีกว่า
ไว้คราวหน้าแล้วกันนะ"พอได้ยินคำปฏิเสธครั้งนี้คุณชายก็เหมือนจะยอมแพ้สักที
แต่ก็ยังส่งสายตามาถามเป็นเชิงถามย้ำ ผมส่ายหัวอีกรอบ
"...ถ้าอย่างนั้นก็ค้างสิ"เสียงเรียบนิ่งฟังแล้วรู้สึกเยือกเย็นดังมาจากปากของไนท์
หนุ่มเงียบอีกคน
ผมหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ
ค้าง? หมายความว่ายังไง?
"นั่นสินะ
ถ้าวันนี้ทอยไม่มีธุระที่ไหนคืนนี้มานอนค้างที่คอนโดพวกผมก็ได้ครับ"เวย์พูดอย่างจับประเด็นได้
ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจความหมายในประโยคสั้นๆของไนท์ในที่สุด
ค้างคืน? นั่นสินะ ถ้าแบบนั้นล่ะก็...
ไม่สิๆ ผมส่ายหัว
"ไม่ล่ะ
รบกวนเปล่าๆ..."
"ไม่รบกวนหรอกน่า นะ
ไปกินกันๆๆ"จินโพล่งแทรกคำพูดผม แถมมาเกาะแขนพูดตื๊อชวนไม่หยุด
ซึ่งมองไปทางไปป์ อีกฝ่ายทำท่าพยักหน้ารัวๆ
ส่วนทางเวย์ก็ส่งยิ้มนิดๆแล้วพยักหน้าให้
คนเปิดประเด็นอย่างไนท์คงไม่ต้องพูดถึง
ผมมองอีกคนที่มองมานิ่งๆไม่มีท่าทีตอบรับ แต่ก็ไม่มีวี่แววปฏิเสธ
เฮ้อ
"ก็ได้..."ผมตอบรับเสียงแผ่วโดยเห็นแก่ความพยายามของทั้งห้าคน
ซึ่งพอตอบรับก็โดนจินที่มีท่าทางดีใจมากๆคว้าแขนลากไปทางประตูห้าง
ผมเหลียวหลังหันไปมองตะกร้ารถเข็นของตัวเองที่ถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างตกใจ แต่ภาพที่เห็นเบื้องหลังคือไปป์ที่ยืนยิ้มส่งโบกมือให้เป็นเชิงไม่ต้องห่วง...ดูเหมือนผมจะได้คนช่วยเข็นแทนแล้ว
ผมหันกลับมามองคนข้างตัวที่ยังคงลากแขนผมให้เดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ระบายยิ้มร่าเริงแล้วถอนหายใจ
เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ได้มีธุระอะไรอยู่แล้วนี่นะ...
ความคิดเห็น