คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่17
พอกู่หนิวเดินออกจากห้องเซียงเว่ยแล้วเขาก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูอย่างชั่งใจคิด
แต่ท้ายที่สุดแล้วร่างหนาก็ส่ายหัวแล้วเดินลงไปเอาผ้าห่มแต่โดยดี
ครั้งนี้เขาเลือกลงทางลิฟต์แทนที่จะใช้บันไดตามปกติ
คงเพราะไม่อยากปล่อยให้หัวต้องคิดอะไรมากมาย
แต่แล้วเมื่อเขาออกจากลิฟต์ก็เจอเข้ากับไป๋หยาง
เด็กใหม่ที่ถูกคนในป้อมชื่นชมในช่วงนี้ ซึ่งดูท่ากำลังจะใช้ลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่างเหมือนกัน
พอเจอกันกู่หนิวก็โค้งศีรษะทักทาย และกำลังจะเดินผ่านอีกฝ่ายไปยังห้องของตัวเอง
แต่เด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายส่งเสียงทักขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“พี่ชายคือต้าหนิวใช่ไหมฮะ?
ยินดีที่รู้จักฮะ ผมไป๋หยาง หรือจะเรียกเสี่ยวหยางก็ได้ฮะ!”
“อ่า
ยินดีที่รู้จัก”กู่หนิวไม่ชินกับท่าทีกระตือรือร้นของเด็กหนุ่มนักจึงได้แต่ทักทายอย่างแห้งแล้ง
ทว่าไป๋หยางคล้ายไม่รับรู้ความลำบากใจของคนฟัง เจ้าตัวยังคงพูดจ้อต่อ
“ผมได้ยินจากหลางหลางมาว่าพี่หนิวเป็นคนที่สุดยอดสุดๆ
ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเปลี่ยนก๊อกน้ำหรือหลอดไฟ!”สายตาวิบวับราวกับลูกหมาที่มองมาอย่างชื่นชมทำให้กู่หนิวทำตัวไม่ถูกกว่าเดิม
เขาตอบคำเสียงเบา
“ก็พอได้นิดหน่อย...”
“สุดยอดเลย! ขนาดหลางหลางยังเปลี่ยนหลอดไฟยังไม่เป็นเลย! พี่หนิวสุดยอดไปเลย!”
คำยกย่องว่า ‘สุดยอด’
ถูกส่งมาหลายต่อหลายครั้งทำให้กู่หนิวกระอักกระอ่วนไม่น้อย
แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย หลังพูดคุยอีกสองสามคำเขาก็ขอแยกตัวมา
ซึ่งก่อนจากกัน ไป๋หยางได้พูดทิ้งท้ายด้วยเสียงสดใส
“ไว้ว่างๆมาเล่นด้วยกันนะฮะ
พี่หนิว!”
“อ่า”กู่หนิวโบกมือตอบคนตัวเล็ก
โดยที่รับคำอย่างครึ่งๆกลางๆ พอเห็นประตูลิฟต์ปิดลงแล้วเขาก็ส่ายหัวกับตัวเองก่อนจะเดินไปขนผ้าห่มจากห้อง
เมื่อกลับมาห้องเซียงเว่ย ขณะที่กู่หนิวคิดจะเคาะประตูห้องของเจ้านายหนุ่มอยู่นั้นเอง
เขากลับได้ยินเสียงหลงคุนดังลอดมาจากด้านใน
“สำหรับมาตรการป้องกันเรื่องผู้ล่าที่มีปีก
ฝ่ายจัดการได้ของบประมาณและกำลังคนเพิ่มสำหรับการสร้างเครื่องยิงธนู
โดยตอนนี้พวกเขาได้ทำการสร้างเครื่องยิงธนูรุ่นต้นแบบส่งมาแล้วจำนวนสิบเครื่อง
และจะดำเนินการทดสอบความสามารถของเครื่องยิงธนูเหล่านั้นในการออกล่าครั้งหน้า ส่วนข่าวเรื่องที่กลุ่มผู้ล่าบุกโจมตีป้อมช่วงนี้ได้เงียบหายไปอย่างน่าประหลาด
ผมไม่แน่ใจว่าพวกมันถูกกำจัดแล้วหรือเกิดเรื่องอย่างอื่น... ครับ?”
“เข้ามา”
เสียงนี้ส่งตรงมาถึงคนที่ยืนอยู่ด้านนอก
กู่หนิวถอนใจก่อนค่อยๆ แง้มประตู แล้วเดินเข้าไป
ทันทีที่เห็นร่างโตก้าวเข้ามาในห้องพร้อมผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่ที่ดูหนานุ่มหลงคุนก็ชะงักไป
ชายหนุ่มหันมองเซียงเว่ยสลับกับกู่หนิวด้วยสีหน้าที่ยากจะบอกว่าคิดอะไรอยู่
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ”หลังถอนหายใจพลางดันแว่น
คนก็กล่าวคำลา
กู่หนิวมองตามหลังหลงคุนจนกระทั่งบานประตูปิดลงเขาจึงหมุนกลับมาหาเซียงเว่ยซึ่งกำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตา
“เอ่อ
ผมอาบน้ำมาแล้ว...”กู่หนิวบอกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
เขาคิดว่าเซียงเว่ยกำลังเช็กว่าเขาร่างกายเขาสะอาดดีรึเปล่า ซึ่งหลังพูดออกไป
เซียงเว่ยก็พยักหน้ารับเล็กๆ แล้วเดินนำไปยังฝั่งห้องนอน
พูดตามตรงว่าห้องนอนของเซียงเว่ยกับห้องนอนของเขานับว่าต่างกันไม่มาก
สภาพห้องโดยรวมคล้ายคลึงกัน
เพียงแต่ในห้องของเซียงเว่ยดูจะมีของตกแต่งที่หรูหรากว่า และภายในห้องดูจะเป็นระเบียบมากกว่า
กู่หนิวมองหาจุดสำหรับเอนหลัง
สุดท้ายแล้วเขาก็ปูผ้าห่มลงข้างเตียงฝั่งขวามือ
“ทำอะไร”
“ครับ?”
กู่หนิวชะงักไปกับคำถามของเซียงเว่ย
เมื่อหันไปก็เห็นว่าเจ้านายหนุ่มได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
โดยดูได้จากเส้นผมที่ยังชื้น กลิ่นสบู่อ่อนๆ และคราบเลือดบนเสื้อที่หายไป
กู่หนิวกะพริบตา โดยพยายามไม่มองหยดน้ำที่เกาะแก้มของอีกฝ่าย
“ผมปูผ้านอนอยู่ครับ
ไม่ทราบว่าคุณชายมีอะไรจะสั่งเหรอครับ?”คนยังคงว่าด้วยเสียงสุภาพ
และด้วยท่าทีตอนพูดที่หลุบสายตาลงต่ำทำให้ไม่ทันได้เห็นว่าสายตาใครบางคนวูบไหวอย่างประหลาด
“...เตียง”
“ครับ?”กู่หนิวเลื่อนสายตาขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ
แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าเรียบเฉยของคนพูดที่ว่าสำทับซ้ำ
“ไปนอน....บนเตียง”
“เอ่อ
ผมตัวใหญ่ และ...และนอนดิ้น เพราะงั้นให้ผมนอนข้างล่างเถอะครับ”กู่หนิวจำต้องปฏิเสธกับคำสั่งนี้
เพราะไม่ว่าเซียงเว่ยจะพยายามสร้างความใกล้ชิดระหว่างพวกเขาแค่ไหน
ยังไงก็ไม่ควรล้ำเส้นเจ้านายกับลูกน้อง
ครั้งนี้เซียงเว่ยไม่ได้พูดอะไรอีก
เจ้าตัวใช้พลังพิเศษทำให้ผมแห้ง แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงเงียบๆ กู่หนิวโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายดูจะเข้าใจความลำบากใจของเขา
พอไฟดับลงเขาก็ค่อยๆหลับตา
พอตื่นมาอีกทีตามนาฬิการ่างกาย
คนที่ยังง่วงงุนอยู่บ้างก็เป็นอันตื่นเต็มตาเมื่อสัมผัสได้ว่าข้างๆ กายตนมีเงาร่างคนนอนอยู่
ท่ามกลางบรรยากาศยามฟ้าสาง
ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมเงินที่พริ้มตาหลับช่างดูราวกับเทวดาตัวน้อยๆ
กู่หนิวตัวแข็งไปกับภาพที่เห็น
หัวใจที่มักสงบนิ่งเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ ความรู้สึกของเขายามนี้ปนเปไปมาระหว่างความตกใจกับอีกความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน
แม้ว่าเซียงเว่ยจะนอนห่างออกไปถึงสองช่วงแขนก็ตาม
แต่การได้นอนใกล้ชิดกับใครขนาดนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำมานานแล้ว กู่หนิวทั้งสับสนและแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ตัวเองไม่รู้สึกตัวตื่น
ทั้งที่ตั้งแต่เข้าสู่ยุคสิ้นโลกมา
ตัวเขามักหวาดระแวงและเกิดปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งผิดปกติเข้ามาใกล้
ระหว่างที่คิดอยู่นั้นเซียงเว่ยก็ค่อยๆลืมตา
นัยน์ตาสีฟ้าแวววาวที่ดูคลุมเครือราวกับซุกซ่อนสิ่งต่างๆเอาไว้
ยามนี้สะท้อนภาพของตัวเขาเลือนราง กู่หนิวกลั้นหายใจ
ริมฝีปากหนาหุบอ้าอย่างพยายามพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอะไรก่อน
และก็เป็นเซียงเว่ยที่เปิดบทสนทนาขึ้นก่อน
“หลับสบาย?”
“อ่า ครับ”
“อืม...”
บทสนทนาดูคล้ายสิ้นสุดตรงนี้
แต่กู่หนิวคิดว่ายังมีบางเรื่องที่ควรถาม เขาเอ่ยปากอย่างลังเล
“เอ่อ
ทำไมถึง...”พูดได้ครึ่งเดียวคนก็ชะงักไป ฝ่ายเซียงเว่ยเห็นสายตาที่มองมาก็เข้าใจความหมาย
เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“เมื่อคืน
ตกเตียง”
ตก...เตียง?
“...อ่า
งั้นคราวหลังก็ระวังหน่อยนะครับ”
แม้ว่ากู่หนิวจะไม่เชื่อที่อีกฝ่ายกล่าว แต่เขาก็พูดได้แค่นี้ หลังนอนแช่อยู่อีกครู่ชายหนุ่มก็ลุกไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง
แล้วย้อนกลับขึ้นมากินมื้อเช้าพร้อมเซียงเว่ย
โดยมีนมสตรอว์เบอรี่ขวดใหญ่สองขวดเป็นของหวานหลังอาหาร
ไม่นานเขาก็ขึ้นไปจัดการดอกไม้ที่เรือนกระจก
โดยระหว่างที่ดูแลพวกดอกไม้อยู่นั้นก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน
“ว้าว
ดอกไม้เยอะสุดๆไปเลย!”
เสียงร้องอย่างสดใสดังขึ้น
กู่หนิวหันไปก็พบว่าเป็นไป๋หยาง วันนี้เด็กหนุ่มอยู่ในชุดฮู้ดสีแสดที่ดูจะกลืนไปกับสีผม
เจ้าตัวผลักประตูเรือนกระจกเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายเขา
“สวัสดีครับพี่หนิว!”
“อ่า สวัสดี”กู่หนิวตอบรับเบาๆ
พลางครุ่นคิดถึงเหตุผลที่เด็กหนุ่มขึ้นมาที่นี่ และคล้ายว่าอีกฝ่ายจะรู้ใจ
“ผมขึ้นมาดูดอกไม้น่ะครับ
หลางหลางบอกว่าชั้นดาดฟ้ามีเรือนกระจกอยู่ ผมเลยขึ้นมาดูหน่อย นี่พี่หนิวเป็นคนดูแลดอกไม้ทั้งหมดนี่คนเดียวเลยเหรอครับ?
สุดยอดไปเลย!”
คำชื่นชมที่กู่หนิวทำได้แค่ยิ้มรับแกนๆ
อีกฝ่ายเดินเวียนดูอยู่พักหนึ่งก่อนโบกมือลาไปด้วยท่าทางร่าเริง ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับตอนได้เจอกันเมื่อวานเลย
ดูไปไวมาไวเหมือนพายุ
กู่หนิวส่ายหัวแล้วจัดการดูแลดอกไม้ที่มีบางส่วนเริ่มเหี่ยวเฉา
หลังจัดการตกแต่งกำจัดส่วนเสียลงปุ่ยบำรุงเสร็จกู่หนิวก็ล้างตัวแล้วลงไปข้างล่าง
“ต้าหนิว
เดี๋ยวอีกสองวันคุณชายจะไปออกล่า นายเตรียมตัวด้วยล่ะ”
“ครับ”กู่หนิวตอบรับด้วยเสียงปกติ
และท่าทางที่ปกติจนเกินเหตุนั้นเองที่ทำให้หลงคุนนึกสงสัย
ชายหนุ่มดันแว่นขณะลอบมองท่าทีของคนสองคนที่ดูปกติจนราวกับว่าไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเมื่อคืน
แปลก
หรือว่าเมื่อคืนจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย?
หลงคุนกอดอกพลางครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ
ทางฝั่งกู่หนิวเห็นหมดเรื่องแล้วก็เตรียมตัวจะกลับห้อง
แต่เขาพลันนึกขึ้นได้ว่าผ้าห่มยังอยู่ที่ห้องของเซียงเว่ยเลยหันกลับมาเอ่ยด้วยเสียงนอบน้อม
“คุณชายครับ
ผมขออนุญาตเข้าไปเอาผ้าห่มนะครับ”
คำขอที่กล่าวออกมาทำให้ทั้งห้องเงียบสนิท
เซียงเว่ยที่ลูบมีดในมือเล่นอยู่ถามเสียงราบเรียบ
“ทำไม?”
“เอ่อ...
ก็ที่ห้องผมไม่มีผ้าห่ม...”กู่หนิวตอบไปซื่อๆ
และคำตอบนั้นก็ทำให้นัยน์ตาคนฟังเปล่งประกายวาบ
“คืนนี้
นอนด้วยกัน”
คำพูดกึ่งคำสั่งของเจ้านายหนุ่มเรียกคนฟังให้ขมวดคิ้ว
คนตัวโตพยายามหาข้ออ้างปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม
แต่ยังไม่ทันเอ่ยคำคนพูดก็กล่าวดักทางเสียงนิ่ง
“สองขวด”
“นั่น...”กู่หนิวที่ได้ฟังราคาเดียวกับเมื่อวานพลันลังเล
แต่อีกฝ่ายกลับไม่รอให้เขาได้คิดทบทวนข้อเสนอ กลับอัพราคาขึ้นหลายเท่าตัวอย่างชวนให้ใจสั่น
“ยี่สิบขวด”
“...เข้าใจแล้วครับ
งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”กู่หนิวที่โดนจับทางได้กล่าวอย่างจำนน เฮ้อ ก็ใครใช้ให้เขาชอบกินนมสตรอว์เบอรี่กันล่ะ?
งานนี้หลงคุนที่มองเหตุการณ์อยู่ด้านข้างนิ่วคิ้วหนัก
นี่...เจ้าวัวบื้อซื้อตัวง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?
ความคิดเห็น