คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่10
หลังจากมีการประเดิมเป็นศพแรก
กลุ่มผู้ล่าที่เหลือก็เริ่มจู่โจม กลิ่นเลือดบ้างฉุนบ้างเบาบางล่องลอยไปในอากาศ
กู่หนิวที่ไม่ค่อยชินกับการรบจริงย่นจมูกเล็กน้อย พอเขาจัดการผู้ล่าได้อีกตัวก็หันไปเห็นเซียงเว่ยถูกกลุ่มผู้ล่าสามตัวรุมอยู่
แต่ก่อนที่ขาจะได้ก้าวไปช่วยเหลือ
กลับพบว่าเด็กหนุ่มจัดการตัดหัวทั้งสามตัวทิ้งซะก่อน
กู่หนิวส่ายหัวอย่างขำตัวเอง
เขาหันมองรอบๆ หากเห็นใครลำบากก็จะเข้าไปช่วย
ซึ่งไม่นานนักกลุ่มผู้ล่าก็เริ่มเบาบางลง จนกระทั่งไม่เหลือให้เห็นในระยะสายตาอีก
“วิ้ว! เสร็จไปอีกหนึ่งชุด เฮ้ย ทุกคน เร่งมือหน่อย ใครเจอคริสตัลแล้วให้เอามารวมกองกลาง
อย่าริงุบงิบถ้าไม่อยากเจอดี!”หลงจูร้องบอกพลางใช้หอกแทงเข้าที่ศีรษะผู้ล่าตัวหนึ่ง
กู่หนิวได้ยินก็เริ่มคุ้ยเขี่ยหาคริสตัลจากส่วนกะโหลก
เขาทำใจเล็กน้อยก่อนใช้ขวานตัดเปิดกะโหลกออกดู
คริสตัลสีม่วงขนาดเท่าลูกปิงปองปรากฏสู่สายตา
กู่หนิวหยิบขึ้นมาแล้วเอาไปส่งให้กับหลงจู
ซึ่งเขาไม่คิดว่าการกระทำตัวจะผิดอะไร หากไม่ได้ยินเสียงอุทาน
“สีม่วง?!”
“ครับ?”กู่หนิวมองหลงจูที่มีหน้าประหลาดใจ
เช่นเดียวกับอีกเกือบสามสิบชีวิตที่หันมาตามเสียง ทั้งหมดต่างจับจ้องมาที่คริสตัลในมือด้วยท่าทีไม่อยากเชื่อสายตา
บางคนถึงขนาดใช้มือขยี้ตาตัวเอง
“สวรรค์! สีม่วง! สีม่วงจริงๆด้วย!!”
เสียงผู้คนอุทานเซ็งแซ่
กู่หนิวเอียงคอแล้วหันไปหาเซียงเว่ยอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เคยแลกคริสตัลสีม่วงกับเขาไปหลายครั้งหรอกเหรอ?
แต่เซียงเว่ยยังคงไม่ตอบอะไร เพียงเบนสายตาไปอีกทางเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายหลงจูก็กลับมาสงบท่าทีได้อย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายพูดให้คนที่โวยวายจัดการเก็บคริสตัลให้ครบก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง
แม้จะมีหลายเสียงประท้วง
แต่ไม่นานเหตุการณ์ก็สงบ
กู่หนิวนึกสงสัยจึงลอบสอบถามหลงจู
“คือ...ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ามีการค้นพบคริสตัลชนิดใหม่หรอกเหรอครับ?
ทำไมทุกคนถึงตื่นเต้นกันจัง?”
หลงจูที่ถูกถามปรายตา
ก่อนจะตอบให้
“ก็ใช่อยู่หรอก
ที่ช่วงนี้เจอคริสตัลสีใหม่ๆออกมา แต่ล่าสุดที่เจอเป็นสีน้ำเงิน
ยังไม่เคยมีใครเห็นสีม่วงมาก่อน”พูดถึงตรงนี้อีกฝ่ายก็หันมาตบไหล่ “ครั้งนี้ถือว่านายทำดี
น้าคุนมีประกาศลงมาว่าใครเจอคริสตัลสีใหม่ๆจะได้รางวัลด้วย”
น้าคุน?
หมายถึงหลงคุนสินะ...
กู่หนิวพูดขอบคุณแล้วผละกลับมายืนข้างเซียงเว่ย
จากคำพูดเมื่อครู่ช่วยอธิบายท่าทีของคนอื่นๆเขาแน่ใจว่าเซียงเว่ยกับหลงคุนปิดเรื่องที่แลกคริสตัลจากเขากับคนในป้อม
แม้ไม่รู้เหตุผล แต่กู่หนิวก็ทำเพียงยอมรับเงียบๆ
พวกเขาออกล่าต่อ
หลายคนพยายามมองหาคริสตัลสีม่วงจากกะโหลกของกลุ่มผู้ล่าอย่างกะตือรือร้น
ซึ่งภาพนั้นให้ความรู้สึกแปลกพึลึก กู่หนิวคิดพลางจัดการกับซากที่ล้มอยู่ตรงหน้า
หางตาเหลือบมองทางเซียงเว่ยเป็นระยะๆ เขารู้ดีว่าเซียงเว่ยแข็งแกร่ง แต่อาจด้วยความเยาว์วัยทำให้ชายหนุ่มกังวลว่าอีกฝ่ายอาจพลั้งเผลอได้
จึงคอยจับตาอยู่ห่างๆ
เซียงเว่ยแม้รับรู้ถึงสายตาก็ไม่ได้คิดห้ามปราม
อีกทั้งอารมณ์กรุ่นในอกคล้ายจะบรรเทาลงเมื่อรับรู้ว่าอีกคนกำลังมองดูตนอยู่ไม่ห่าง
ระหว่างที่การล่ายังดำเนินต่อไป
บนท้องฟ้าพลันปรากฏเมฆครึ้ม
ทุกร่างพลันหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีเงาทะมึนปรากฏเหนือศีรษะ
และก่อนที่ใครจะได้ทันกล่าวอะไร หยาดโลหิตพลันกระหน่ำลงมาจากฟ้า!
“หลบเร็ว! หาที่หลบ ระวังอย่าให้โดนฝนพวกนั้น!”
คำร้องเตือนที่มาพร้อมกับความสับสนอลหม่าน
กลุ่มคนพากันแยกย้ายหลบเข้าหาที่กำบัง ฝันร้ายเมื่อหลายปีก่อนยังคงตราตรึงในจิตใจ
หากฝนสีเลือดครั้งนี้ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์อีก...คงไม่ใช่เรื่องตลกแน่!
ทันทีหยาดฝนร่วงหล่น
สิ่งแรกที่กู่หนิวทำคือพุ่งเข้าคว้าตัวเซียงเว่ยขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว
แล้วดีดตัวหลบเข้าไปยังโซนบ้านผีสิงที่อยู่ไม่ไกล ทันทีที่เข้ามาด้านใน กู่หนิวก็ล้วงเอามือถือที่ได้รับแจกจ่ายจากหลงคุนออกมาเปิดฟังชั่นไฟฉาย
เขากวาดมองรอบด้าน เงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหว
ชายหนุ่มใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มีในการรับรู้ก็ไม่พบวี่แววผู้ล่าจึงค่อยวางใจ
หลังจากตรวจตราเรียบร้อยแล้วกู่หนิวก็ก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน
ก่อนชะงักไปเมื่อยามนี้ใบหน้าของเจ้านายน้อยอยู่ห่างจากของเขาไปไม่มาก
ด้วยระยะห่างที่ไม่คุ้นเคยทำให้ใบหน้าของกู่หนิวปรากฎริ้วแดงขึ้นข้างแก้ม
เขารีบวางเซียงเว่ยลงก่อนจะอธิบายอย่างขัดเขิน
“ผม...ผมเห็นฝนมัน...
เอ่อ... ผมเลย...”
เห็นกู่หนิวพูดตะกุกตะกัก
เซียงเว่ยกลับไม่ถือสา เขาแค่ถามกลับสั้นๆ
“ไม่หนัก?”
กู่หนิวที่โดนยิงคำถามไม่คาดคิดใส่ก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่หนักครับ”
ร่างบอบบางของเซียงเว่ยหนักน้อยกว่ากระสอบปูนที่เขาเคยแบกเป็นไหนๆ
กู่หนิวคิด ก่อนจะรู้สึกตัวว่าความคิดนั้นดูไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ เอาเจ้านายตัวเองไปเปรียบเทียบกับกระสอบปูน...?
“ไม่หนักก็ดี”
เซียงเว่ยพูดจบก็เงียบไป
กู่หนิวพยายามเพ่งมองในความมืด เขาไม่กล้าส่องไฟฉายไปทางเซียงเว่ย
ได้แต่ใช้สายตาที่เริ่มชินกับความมืดสังเกตสีหน้าอีกฝ่าย
ครืน...
ซ่า...
เสียงฝนด้านนอกยังคงดังก้อง
กู่หนิวหันมาคิดถึงฝนสีเลือดที่หวนกลับมาครั้งนี้
ฝนพวกนั้นจะทำให้คนกลายพันธุ์อีกรึเปล่า? หรือว่ามันจะมีความหมายอื่น?
กู่หนิวยังไม่ลืมเรื่องที่กลุ่มคนที่โดนฝนแล้วไม่กลายพันธุ์
จะได้รับพลังพิเศษที่สามารถเอาตัวรอดในยุคโลกาวินาศ เพียงแต่โอกาสที่คนจะรอดพ้นกลับดูน้อยนิดเมื่อเทียบกับทั้งหมด
แต่...ถ้ามันช่วยเพิ่มพลังพิเศษ
หรือเสริมความแข็งแกร่งได้ ก็คุ้มที่จะลองดู
ดูจะไม่ใช่แค่เขาที่คิดอย่างนี้
กู่หนิวได้ยินเสียงโหวกเหวกจากข้างนอกดังสอดแทรกเสียงฝน
“เฮ้ย! พวกนายออกมานี่สิ! กลัวอะไรกัน?
ไม่ใช่ว่าพวกนายรอดมาได้ครั้งหนึ่งหรอกเหรอ? ออกมาสิ
ฝนพวกนี้อาจช่วยให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นก็ได้!”
เสียงของผู้ชายดังขึ้นปลุกระดม
คล้ายมีหลายเสียงดังตอบรับคำกล่าวนั้น กู่หนิวย่นคิ้ว ถึงเขาจะคิดว่าน่าลองดูเหมือนกัน แต่เทียบกับอัตราเสี่ยงแล้ว... ยังคงไม่เสี่ยงจะดีกว่า
“รนหาที่ตาย”คำกล่าวเบาๆของเซียงเว่ยทำให้กู่หนิวหันไปมอง
แต่ด้วยความมืด เขาจึงเห็นเพียงเงาร่างโปร่งรางๆ
กู่หนิวอยากสอบถามความหมาย
แต่คำพูดติดอยู่ในลำคอ เมื่อเขาไม่รู้ว่ายามนี้เซียงเว่ยหายโกรธแล้วหรือยัง
ท่ามกลางความลังเล
เสียงกรีดร้องจากภายนอกพลันดังขึ้น
“อ๊ากกกกกกก!!!”
กู่หนิวขมวดคิ้ว
เขาอยากออกไปดู แต่ข้างนอกตอนนี้คล้ายจะยังไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก
พักใหญ่เสียงก็เงียบลง มีเพียงเสียงฝนที่กระจ่างชัด กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้งอย่างที่ชวนคันจมูก
กู่หนิวมีสีหน้าไม่ดีนัก เขายังไม่ชินกับกลิ่นพวกนี้ที
หืม?
กู่หนิวหลับตา
ก่อนรวมประสาทไปที่จมูก เขาได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่ออกหวานๆ มาจากทางนี้...
ด้วยตัวกลิ่นอ่อนจางมากๆ
ชนิดถ้าไม่ตั้งใจดมจะสัมผัสไม่ได้ ทำให้กู่หนิวไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอเดินตามกลิ่นมา
และตอนนี้เขาก็กำลังเอนหน้าลงไปหาต้นตอของกลิ่น
จนเมื่อกลิ่นชัดเจนขึ้นกู่หนิวก็พลันลืมตา ก่อนจะเบิกตากว้าง สีหน้าค้างแข็ง เมื่อพบว่าปลายจมูกของตนกำลังจ่อชิดซอกคอใครบางคนอยู่!
แน่นอนว่าใครบางคนที่ว่านี้หนีไม้พ้นเซียงเว่ย
กู่หนิวลนลานเดินถอยหลังหน้าตื่น ริมฝีปากหนาหุบๆอ้าๆ อย่างพยายามหาข้อแก้ตัว
“ผะ
ผมได้กลิ่นบางอย่าง กะ ก็เลย....! ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ!”
ท่ามกลางความมืดที่ไม่อาจมองเห็นสีหน้าชัดเจน
กู่หนิวหลั่งเหงื่อเย็นทั้งที่หัวใจเต้นระรัว
ซึ่งยามตระหนกทำให้คนตัวโตลืมวิเคราะห์ไปซะสนิทเลยว่า หากไม่ใช่ว่าเซียงเว่ยยินยอม
ตัวเขาคงไม่อาจเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ถึงขนาดนั้น...
เซียงเว่ยนิ่งไปครู่ใหญ่อย่างที่กู่หนิวเดาใจไม่ถูก
เขาได้แต่รออย่างร้อนรน ในใจจุดธูปไว้อาลัยให้กับให้ตัวเองเป็นที่เรียบร้อย
“...หอม*?”
ธูป?
หมายถึงเขาจุดธูปให้ตัวเองเสร็จรึยังงั้นเหรอ?!
“หอมไหม?”เซียงเว่ยพูดซ้ำ
ครั้งนี้กู่หนิวเข้าใจความหมายแล้ว เขานิ่งงันไปก่อนจะตอบ
“หะ หอมครับ! ผมได้กลิ่นจางๆเลยพยายามหาที่มา
ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินจริงๆนะครับ!”กู่หนิวที่คราวนี้ตั้งสติได้แล้วอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ฝั่งเซียงเว่ยเงียบไปเล็กน้อยก่อนรับสั้นๆ
“อืม...”
ได้ยินคำตอบรับนี้กู่หนิวก็โล่งอก
เขากลับวิเคราะห์ แล้วสอบถามอย่างไม่แน่ใจ
“นั่น...กลิ่นลิลลี่เหรอครับ?”
“...ใช่”
พอได้ยินคำตอบกู่หนิวก็เอียงคอ
“เอ่อ
รู้สึกว่ากลิ่นมันไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่...” ปกติน้ำหอมกลิ่นจางขนาดนี้เลยเหรอ?
“อยากดมอีก?”
“อะ เอ่อ
ไม่ครับ!”กู่หนิวตอบปฏิเสธพลางลอบเหงื่อตก เขาไม่คิดว่าเซียงเว่ยจะพูดหยอกล้อแบบนี้
แต่ขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกโล่งอกปรากฏขึ้นในใจ
ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่โกรธแล้วล่ะนะ
---------------------
*หอม(เซียง) - สามารถเป็นได้ทั้ง ธูป(เครื่องหอม) และ กลิ่นหอม
ความคิดเห็น