คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6
ในที่สุดก็ถึงวันหยุด
กู่หนิวที่ไม่มีอะไรทำก็ถูกจางลู่ที่ได้หยุดเหมือนกันลากไปช่วยถือของ
ถึงแม้โลกจะเข้าสู่ยุคแห่งความสิ้นหวังแล้ว
แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการช๊อปปิ้งของสาวๆ
จางลู่พาเขาไปยังห้างเฟิงฟู่ที่เคยเป็นแหล่งช้อปปิ้งมีชื่อ
ตอนแรกเขาคิดว่าสถานที่คงร้างผู้คน ไม่คิดว่าจะมีคนเดินจับจ่ายซื้อของไม่น้อย
กู่หนิวมองภาพเหล่านั้นด้วยความประหลาดใจ
“เฮ้! ต้าหนิว อย่าทำหน้าเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นเมืองกรุงสิ”
“...ที่นี่...ทำไมถึง?”
“อะไร
อย่าบอกนะว่าตั้งแต่วันสิ้นโลกยังไม่เคยมาซื้อของน่ะ?”จางลู่ถามอย่างแปลกใจ
กู่หนิวพยักหน้าให้ อีกฝ่ายจึงตบหน้าผากตัวเองก่อนอธิบายด้วยเสียงหน่ายใจ
“อย่างที่เห็นนี่แหละ
ห้างเฟิงฟู่ยังเปิดให้บริการอยู่... พวกที่มายึดที่นี่เป็นป้อมเพ่ยเพ่ย ป้อมนั้นหัวการค้า
พอยึดได้ก็ไม่ทำหวงก้าง พวกนั้นไม่ได้กั้นคนไม่ให้เข้า แต่ถือโอกาสทำการค้าซะเลย พวกของที่ขายก็มีทั้งอาหารกระป๋อง
เครื่องมือเครื่องใช้ แต่โดยส่วนใหญ่ที่มาซื้อกันก็เป็นพวกอาวุธล่ะนะ”จางลู่ยักไหล่ขณะชี้แจง
แต่คนฟังยังมีคำถาม
“อาวุธเหรอครับ?”
ห้างเฟิงฟู่เคยขายอาวุธด้วยเหรอ?
“ซื่อบื้อจริง! แค่อาวุธน่ะเรื่องเล็ก
พวกนั้นมีคนที่มีความสามารถด้านการสร้างอาวุธอยู่ พอทำออกมาแล้วก็เอามาขายไง!”
“อ้อ”กู่หนิวที่เพิ่งตามทันร้องออกมาเบาๆ
จางลู่พ่นลมหายใจก่อนจะก้าวนำไป กู่หนิวเกาหัวแล้วเดินตามไปต้อยๆ แต่เมื่อหญิงสาวหยุดอยู่หน้าร้านหนึ่ง
ชายหนุ่มก็นิ่งอึ้งไป
ร้านขายชุดชั้นในสตรี?
“เอาแบบมือหนึ่ง”จางลู่ตรงเข้าไปหาคนขายซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีไฝใกล้มุมปากพร้อมวางถุงผ้าลายหัวกะโหลกที่บรรจุคริสตัลสีแดงลงบนโต๊ะ
“อ้าว คุณจางลู่ มาอีกแล้วเหรอจ๊ะ?
เพิ่งมาซื้อไปเมื่อสองเดือนก่อนเอง”คนขายทักทายด้วยน้ำเสียงสนิทสนม
ขณะที่สาวผมทองมีสีหน้าติดรำคาญ
“ทำขาดตอนซักน่ะ เอาของออกมาให้ดูเร็ว
ฉันยังต้องไปร้านอื่นอีก”
“ได้จ๊ะ มือหนึ่งเหมือนเคยนะจ๊ะ”คนขายยังคงพูดเสียงหวาน
คล้ายไม่ใส่ใจต่อท่าทีไร้มารยาทของคู่สนทนา
“อย่าย้อมแมวขายล่ะ ฉันไม่อยากพังร้านทิ้ง”จางลู่พูดขู่เสียงเรียบเรื่อย
ฝั่งคนขายฟังก็ปิดปากหัวเราะ
“แหม พูดอะไรน่ากลัวจริงเชียว”
หญิงกลางคนเดินเข้าไปยกลังออกมา
ซึ่งเมื่อเปิดออกก็พบชุดชั้นในหลายรูปแบบ โดยตัวชุดยังคงมีกลิ่นที่บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นของใหม่
ขณะเดียวกัน อีกฝ่ายสังเกตเห็นที่กู่หนิวยืนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่ด้านข้างจางลู่จึงเอ่ยทัก
“อ้าว คราวนี้มากับแฟนเหรอจ๊ะ?”หญิงกลางคนอมยิ้ม
ซึ่งคนโดนแซวตอบทันควัน
“คนแบกของต่างหาก”
คำตอบที่ไม่เกรงใจใครของจางลู่ทำให้กู่หนิวยิ้มเจื่อน
ก่อนจะกล่าวทักทายคนขายอย่างมีมารยาท
“สวัสดีครับ”
“แหม สุภาพซะด้วย ไม่ใช่แฟนจริงๆเหรอจ๊ะ”คนพูดหันไปกระซิบถามจางลู่ในประโยคหลัง
แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ถูกพัฒนาขึ้นของกู่หนิวจะไม่ได้ยินได้ยังไง?
“ไม่ใช่”คนตอบยังคงหนักแน่น
ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “หมอนี่แฟนของบอสต่างหาก”
แค่ก!
กู่หนิวสำลักอากาศเมื่อโดนยัดเยียดสถานะให้ เขาหันไปสบกับสายตาประหลาดใจของคนขาย
ก่อนรีบอธิบาย
“ไม่ใช่นะครับ เมื่อกี้...คุณลู่ลู่แค่ล้อเล่นน่ะครับ”เขาหัวเราะเสียงแห้ง
ขณะปรายตามองคนก่อเรื่องที่ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
พอออกจากร้านมาได้สักระยะกู่หนิวก็ทนไม่ได้ เขาถอนหายใจแล้วพูดเตือนอย่างหวังดี
“คุณลู่ลู่ อย่าพูดเล่นแบบนี้สิครับ ถ้าเกิดเจ้านายมาได้ยินจะเดือดร้อนเอานะครับ”
“แล้วคิดว่าที่อยู่นี่บอสไม่รู้รึไง?”จางลู่กลอกตา
“เอ๋?”
“ที่พวกฉันกล้าพูดก็เพราะไม่โดนบอสว่าน่ะสิ
ถ้าโดนห้ามจะยังมีคนกล้าพูดอีกรึไง?”
กู่หนิวอึ้ง แต่ก็ถูกอย่างจางลู่ว่า
เพียงแต่บางทีที่เซียงเว่ยไม่ได้ห้ามปรามเป็นเพราะไม่ใส่ใจมากกว่า คิดแล้วชายหนุ่มก็ส่ายหัวแล้วว่าเปลี่ยนเรื่อง
“นอกจากร้านนี้แล้วจะซื้ออะไรเพิ่มเหรอครับ?
ถ้ายังไงให้ผมไปเดินดูให้แทนก็ได้”
“อย่าเลย หน้าเซ่อๆอย่างนาย
ดีไม่ดีจะโดนปล้นเอามากกว่า”จางลู่โบกมือบอกปัดอย่างไม่เห็นด้วย ซึ่งกู่หนิวสงสัยความหมายคำว่าถูกปล้นของอีกฝ่าย
ว่าตกลงหมายถึงว่ากลัวเขาจะตามเกมคนขายไม่ทันจนโดนหลอกขายของไม่ดี
หรือกลัวโดนคนใช้กำลังปล้นชิงสิ่งของกันแน่ แต่เขาก็ไม่ได้ถาม
เพียงคอยเดินตามและหิ้วบรรดาของที่จางลู่ซื้อ จนกระทั่งขึ้นรถกลับ
กู่หนิวก็เผลอหลุดปากถามออกไป
“ทำไมเฉ่าเหมยถึงไม่มาด้วยล่ะครับ?”
“เพิ่งจะมาถามรึไง?”จางลู่มองค้อน ก่อนว่า “อย่างยัยเด็กนั่นไม่เหมาะกับที่นี่หรอก
เคยพามาครั้งหนึ่ง เกือบต้องละเลงเลือดที่นี่ไปรอบแล้ว”
“เอ่อ หมายถึง?”กู่หนิวที่ได้ยินคำแปร่งๆสอบถามด้วยนึกสงสัย
จางลู่ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากพูดถึง แต่ก็ยอมเล่าให้ฟัง
“ยัยเด็กเหมยโดนลวนลามน่ะสิ ไม่พอ
ตอนขากลับยังเกือบถูกฉุดไปขาย พอบอสรู้เรื่องเลยส่งคนมาจัดการ
แต่เจ้าเด็กไห่หลางลงมือหนักเกินไปเลยตายไปหลายศพ”
“ฆ่าคน...เหรอครับ?”กู่หนิวสอบถามอย่างไม่แน่ใจ
จางลู่ได้ยินก็ยิ้มหยัน
“อะไร นายคิดว่าโลกนี้สะอาดนักรึไง?
ต่อให้ไม่ต้องมีวันสิ้นโลก คนก็กินคนด้วยกันเป็นปกติอยู่แล้ว!”พูดจบคนก็สะบัดหน้าหนีคล้ายไม่อยากคุยด้วยอีก
ฝั่งกู่หนิวคิดทบทวน ก่อนถอนใจ
คนกินคนเป็นเรื่องปกติของโลก...เขาเองก็รู้ดีอยู่แล้ว
พอกลับมาถึงป้อมก็เกือบเย็นแล้ว
กู่หนิวที่ได้วันหยุดมาแล้วก็อยากตรงกลับห้องไปนอนให้สบายใจ แต่ก่อนจะไปเขาก็ตรงไปทำเรื่องเบิกนมสตรอว์เบอรี่กับฝ่ายดูแลคลังอาหาร
“นมสตรอว์เบอรี่หนึ่งขวด...”เสียงแหบต่ำออกโทนเนือยเหมือนคนใกล้หลับดังมาจากร่างผอมแห้งในชุดกาวน์
นิ้วมือที่เหมือนหนังหุ้มกระดูกขยับปากกาเพื่อจรดข้อความลงสมุดบัญชี โดยใบหน้าตอบเหมือนคนขี้โรคก้มต่ำจนคางแทบติดโต๊ะ
ท่านั่งหลังค่อมต่ำผสมกับภาพลักษณ์ผมกระเซิงกับหนวดจิ๋มที่ห้อยลงของอีกฝ่ายช่างชวนให้นึกถึงพวกขี้ยาไม่ก็คนจรจัด
ซึ่งเสื้อขาวขุ่นที่คลุมทับนับว่าเป็นสิ่งที่สะอาดที่สุดบนร่างอีกฝ่ายแล้ว
“ได้ละ คริสตัลแดงสามอัน... วางไว้
แล้วเข้าไปหยิบ”อีกฝ่ายพูดแล้วชี้นิ้วไปยังตู้เย็นด้านหลัง
กู่หนิวหยิบคริสตัลสามอันออกมาส่งให้
ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เย็นสีดำฝั่งซ้ายมือ
แล้วหยิบเอานมสตรอว์เบอรี่ที่ถูกบรรจุในขวดใสออกมาหนึ่งขวด
“นี่นะครับ”กู่หนิวโชว์ขวดนมที่ถือให้อีกฝ่ายดู
แต่นัยน์ตาสีดำที่ดูเลื่อนลอยเพียงเหลือบมาแวบเดียวแล้วผละจากไปอย่างไม่สนใจ
ซึ่งนี่ก็เป็นภาพที่เขาเห็นจนเรียกว่าค่อนข้างคุ้นชิ้นเลยทีเดียว
พูดแล้วก็คงต้องย้อนกลับไปหลังจากที่เขาได้ทำการผลิตนมสตรอว์เบอรี่ชุดที่สองเสร็จ
หลงคุนได้เรียกเขาไปคุยถึงการถอดเขาออกจากโครงการนี้
“หน้าที่ตรงนี้ฉันจะให้คนอื่นทำแทน
เรื่องนมสตรอว์เบอรี่นายจะยังได้สามขวดต่อครั้งเหมือนเคย รายได้ก็เช่นกัน
นายแค่กลับไปทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเดิมก็พอ”
เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเสนอทางเลือกที่ดูขาดทุนอย่างนี้
แต่พอนึกถึงความใจกว้างของเจ้านายที่มีมาตลอดกู่หนิวก็ตัดสินใจไม่สงสัย
เพียงตอบรับแล้วกลับไปดูแลพวกดอกไม้เหมือนเดิมแทน
ส่วนเรื่องนมสตรอวเบอรี่ ถึงนมจะมีไม่น้อย
แต่สตรอวเบอรี่ที่ปลูกกลับออกผลเพียงน้อยนิด
ครึ่งหนึ่งยังแบ่งไปใช้ทำพวกขนมอย่างอื่นอย่างผลไม้เชื่อมและอื่นๆอีก
นมสตรอว์เบอรี่ที่ทำออกมา ตกเดือนละไม่เกินห้าสิบขวด ซึ่งตามเงื่อนไขเดิม
เท่ากับว่าเขาจะได้ส่วนแบ่งเป็นนมสตรอวเบอรี่ราวสิบสองขวดต่อเดือน และนั่น...มันไม่พอหรอก!
ก็เหมือนกับบุหรี่นั่นแหละ เมื่อสูบหนึ่งครั้งก็อยากสูบอีก นมสตรอว์เบอรี่ก็เช่นกัน ได้ดื่มหนึ่งครั้งเขาก็อยากดื่มอีก! ดังนั้นกู่หนิวจึงมาทำการแลกเปลี่ยนนมสตรอว์เบอรี่ที่นี่ โดยราคาตกอยู่ที่คริสตัลสีแดงสามอันต่อขวด
หากยังจำได้ รายได้ของเขาสำหรับงานหลักคือคริสตัลสีแดงหนึ่งอันกับสีเหลืองหนึ่ง ส่วนงานเสริมปลูกดอกไม้ก็ได้เป็นคริสตัลสีแดงหนึ่งอัน และสำหรับโครงการนมสตรอวเบอรี่ก็ได้เป็นสีแดงหนึ่งอันต่อสิบขวด เท่ากับว่ารายได้รายเดือนของเขาตกอยู่ที่ประมาณคริสตัลสีแดงห้าอัน รวมเบ็ดเสร็จทั้งหมดเท่ากับคริสตัลสีแดง 65อัน และสีเหลือง30อัน แน่นอนว่ามันไม่พอแลกกินทุกวัน เพราะเขายังต้องกักตุนไว้ใช้แลกคริสตัลสีอื่นเพื่อพัฒนา รวมทั้งเหลือไว้ซื้อของใช้จำเป็นอีก... ดังนั้นแล้วเขาจึงหักใจแลกนมสตรอว์เบอรี่แค่ราวสิบขวดต่อเดือน รวมกับของเดิมก็เท่ากับว่าเขาได้กินนมสตรอว์เบอรี่แค่ยี่สิบสองขวดต่อเดือนเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้กู่หนิวก็ถอนใจ
เฮ้อ มีทางไหนที่เขาจะหาคริสตัลมาซื้อนมสตรอว์เบอรี่เพิ่มได้บ้างไหมนะ?
ความคิดเห็น