ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 64


    กู่หนิวปัดความคิดแปลกๆออกไป ด้วยรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร ไม่นับเรื่องที่อีกฝ่ายหน้าตาดีและอายุน้อยกว่า อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่ได้ฝักใฝ่ด้านนั้น ชายหนุ่มเดินลงไปรับเงินเดือนเช่นทุกวัน ก่อนจะแปลกใจเมื่อไม่เห็นหลงคุนในห้อง

    เพราะหลงคุนไม่อยู่กู่หนิวจึงตัดสินใจออกไปก่อน แต่แล้ว

    “หนิว”

    กู่หนิวชะงัก หันกลับไปก็เจอคุณชายเซียงเว่ยมองมาที่ตนด้วยสายตานิ่งๆ แต่ก็เพราะสายตาที่จับจ้องมานั้นเองทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าเมื่อครู่ไม่ได้หูฝาด

    “...ครับ?”

    “เอาสีอื่นบ้าง”

    “ครับ? คุณชายหมายถึง...”กู่หนิวไม่แน่ใจในเนื้อความที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ แต่เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าเลื่อนไปยังแจกันมุมห้อง

    อ๊ะ

    “ลิลลี่”คำตอบที่ดีเลย์ดังมาถึงหู กู่หนิวก้มหน้ารับคำ

    “เข้าใจแล้วครับ คราวหน้าผมจะเอาสีอื่นมาเปลี่ยน”

    ดอกลิลลี่มีหลายพันธุ์ แต่หลงคุนใช้ผ้าเช็ดหน้าอยู่ไม่กี่สี และในบรรดานั้นไม่มีสีชมพู

    งั้นคราวหน้าเอาเป็นสีชมพูแล้วกัน

    กู่หนิวไม่ได้ถามถึงเหตุผลที่ตนได้รับอนุญาตให้ไปดูแลเรือนกระจก เขาคิดแค่ว่าตัวเองคงดูไม่ใช่คนมือบอนในสายตาอีกฝ่าย หรืออาจมีเหตุผลไม่สำคัญอย่างอื่น...

    “หนิว”

    “ครับ?”กู่หนิวรับคำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่พูดอะไร เพียงจ้องเขาอยู่นาน ชายหนุ่มไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่แววตาอีกฝ่ายคล้ายกำลังยิ้ม...

    พอหลงคุนกลับมากู่หนิวก็รีบรับเงินเดือนก่อนกลับห้องตัวเอง เขาอาบน้ำกินข้าวแล้วก็ล้มตัวลงนอน

    ในฝัน เขาเห็นรอยยิ้มของเทวดา...

     

    การทำงานอย่างหนัก ย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดี สตรอว์เบอรี่หลากหลายพันธุ์ในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยว กู่หนิวตัดสินใจเอาลูกสวยๆ ไปฝาก พร้อมหารือเรื่องแลกนมกับลุงเป่ย แต่เมื่อไปถึงงานแรกของเขากลับเป็นการอาบน้ำให้เจ้าพลูโตกับมาเบิ้ลที่พักนี้อ้วนท้วนสมบูรณ์กว่าเดิม ซึ่งขณะที่มาเบิ้ลว่าง่าย และรักสะอาด เจ้าพลูโตกลับเหมือนเด็กซนที่ไม่ชอบอาบน้ำ ทำเอากว่าเขาจะจัดการกับมันได้ก็กินเวลาอยู่พักหนึ่ง

    “ขอบใจ เอ้านี่คริสตัล”เสียงแหบๆดังขึ้น พร้อมมือของชายชรายื่นส่งคริสตัลมาให้

    “ขอบคุณครับลุงเป่ย”กู่หนิวรับมาอย่างว่าง่าย เพราะเคยปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้วโดนโกรธยกใหญ่ เขาจึงได้แต่ตามน้ำ อีกอย่างอีกฝ่ายมีคริสตัลเหลือเฟือด้วย ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยลำบากใจ

    “แล้วตกลงวันนี้มีธุระอะไรล่ะ?”เมื่ออีกฝ่ายเข้าประเด็น กู่หนิวก็ยิ้มประจบ ก่อนอธิบายเรื่องราวให้ฟัง

    “ได้ เอาไปสิ เดี๋ยวให้เจ้าเอ็มซีกับเจ้าอีเลฟเว่นไปแล้วกัน สองตัวนั้นเป็นพันธุ์ดี ยังอยู่ในช่วงขยายพันธุ์ด้วย”ชายชรากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ กู่หนิวได้ฟังก็กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มกว้าง

    “ขอบคุณครับ ไว้ผมทำเสร็จแล้วจะเอามาฝากนะครับ”กู่หนิวมองอีกฝ่ายอย่างนึกซาบซึ้งจริงๆ ในชีวิตของเขามีผู้คนไม่มากนักที่จะดีต่อเขาด้วยใจจริง และลุงเป่ยก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้น

    “เออๆ ว่าแต่วันนี้ว่างใช่ไหม มานวดให้หน่อยซิ ช่วงนี้ปวดหลัง...”คนโดนขอบคุณพูดเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน ซึ่งกู่หนิวรับคำด้วยรอยยิ้มกว้าง

    “ได้ครับ!

    พอได้นมมาแล้ว มีสตรอว์เบอรี่แล้ว ก็เหลือแค่ตั้งไฟแล้วเอาน้ำตาลมาเคี่ยวกับสตรอว์เบอรี่บด ผสมกัน ไม่เกินครึ่งชั่วโมงนมสตรอว์เบอรี่สดใหม่ก็พร้อมดื่ม โชคดีที่ไฟฟ้ายังเหลือใช้ ทำให้ตู้เย็นสามารถเก็บพวกนมไว้ได้ กู่หนิวมองพวกเนื้อสัตว์กับไข่ในตู้แล้วนึกสะท้อนใจว่าคนรวยกับคนจนช่างแตกต่าง

    ถึงนี่จะอยู่ในยุควันสิ้นโลกแล้ว แต่นอกจากเรื่องที่ผู้คนจำนวนมากกลายเป็น ผู้ล่า แล้ว เรื่องอื่นๆ กลับแตกต่างจากในหนังที่เคยดูโดยสิ้นเชิง

    ทั้งที่ในหนังบอกว่าเมื่อวันสิ้นโลกมาถึงคนจะบ้าคลั่ง ผู้หญิงจะถูกฉุดเอย เรื่องพวกนั้นเองก็มีอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก เพราะถึงอัตราประชากรเพศหญิงในปัจจุบันจะลดลงพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงกับต้องแย่งชิงกัน เรื่องพวกอาหารเองก็อาจมีปัญหาอยู่บ้างเพราะพวกพืชสัตว์ล้มตายและโรงงานก็หยุดชะงักขาดการผลิต แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่ขนาดมีคนอดตายจำนวนมาก เพราะพวกพืชสัตว์ก็ไม่ได้ติดเชื้อหรือกลายเป็นผู้ล่า พวกมันแค่ล้มตายกันเพราะขาดคนดูแลให้อาหาร แต่ป้อมต่างๆ ก็ได้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์ปลูกพืชขึ้นเพื่อแก้ปัญหา ส่วนเรื่องโรงงาน พวกไฟฟ้าก็ยังใช้ได้อยู่ แม้ไม่มากพอสำหรับโรงงานใหญ่ๆ แต่แค่ผลิตอาหารจำนวนร้อยถึงสองร้อยกระป๋องต่อวันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร นั่นจึงทำให้ป้อมเล็กๆ อย่างป้อมเหลี่ยงตี้สามารถหาอาหารมาเลี้ยงดูคนในป้อมได้

    หากถามว่าแล้วทำไมถึงยังกำจัดผู้ล่าไม่ได้? นั่นเป็นเพราะจำนวนสองส่วนสามของประชากรโลกได้กลายเป็นผู้ล่าไป ขณะที่เกินครึ่งของจำนวนที่เหลือก็ได้ตกตายไปในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยจำนวนดังกล่าวก็ได้กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ในยุควันสิ้นโลกที่การเดินทางไกลกลายเป็นเรื่องลำบาก การฟื้นฟูโลกให้กลับมาดีดังเดิมจึงเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่

    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนในยุคนี้ก็ไม่ได้ต้องการทำด้วย

    จริงอยู่ที่บางคนอาจจะยังคิดถึงความสบายที่เคยได้รับ แต่ผู้คนจำนวนมากกลับกระหายในอำนาจมากกว่า การที่ป้อมถูกตั้งขึ้นมาเป็นจำนวนมากก็ยืนยันถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี หากผู้คนต้องการสันติสุขคืนมาจริงๆ สิ่งที่ควรทำคือร่วมใจกันจัดการล้างบางผู้ล่า แล้วเริ่มฟื้นฟูโลกขึ้นมาใหม่

    แต่ก็นั่นแหละนะ หากคิดทำจริงๆ โลกคงไม่อยู่สภาพนี้

    กู่หนิวนับส่วนของตัวเอง เขาผลิตนมสตรอว์เบอรี่รอบนี้ได้สิบสองขวดด้วยจำนวนนมที่ได้มาไม่พอ แต่เมื่อหารสี่แล้ว ส่วนของเขาเท่ากับสามขวด ซึ่งกู่หนิวตั้งใจเก็บไว้กินเองขวดหนึ่ง ส่วนอีกสองขวดเอาไปฝากลุงเป่ย

    พอกลับมาที่ป้อม ขณะเตรียมตัวไปอาบน้ำนอน เขากลับถูกตามให้ขึ้นไปพบกับหลงคุน ส่วนประเด็นของวันนี้คือ

    “คริสตัลชนิดใหม่?”

    “ใช่ สายที่ส่งมาบอกว่าป้อมกันจวี๋พบคริสตัลสีน้ำเงินเมื่อวานนี้”

    “กันจวี๋?(ส้มเขียวหวาน)”กู่หนิวนึกติดใจชื่อป้อมมากกว่าเรื่องคริสตัลชนิดใหม่ เขาข้องใจว่าป้อมไหนช่างกล้าตั้ง แต่เมื่อโดนสายตาพิฆาตของหลงคุนก็กระแอมถาม “คริสตัลสีน้ำเงินเหรอครับ?”

    น้ำเสียงที่นิ่งสงบคล้ายไม่แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินทำให้คนฟังหรี่ตาแคบ

    “นายรู้จัก”ครั้งนี้ไม่ใช่คำถาม กู่หนิวพยักหน้าด้วยท่าทางปกติด้วยค่อนข้างคุ้นชินกับหลงคุนแล้ว เขาตอบรับด้วยเสียงเรียบง่าย

    “อ่า ครับ ผมเคยเห็นคริสตัลสีน้ำเงินมาก่อน”

    หลงคุนดันแว่นเพื่อปกปิดท่าทีตัวเอง แม้จะคาดเดาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินกับหูก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

    “ถ้างั้นนาย...?”

    “ผมสามารถแลกเปลี่ยนให้ได้ครับ เพียงแต่ครั้งนี้อาจแลกได้น้อยกว่าเดิม ทั้งยังต้องใช้คริสตัลมากกว่าเดิมด้วย”กู่หนิวพูดถึงตรงนี้ก็กดหัวคิ้วเข้าหากันอย่างกังวล หลงคุนถามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างร้อนใจ

    “เป็นเท่าไหร่?”

    “200 ต่อ 1 อันครับ”

    “สองร้อย?!”หลงคุนทวนเสียงสูงอย่างไม่พอใจ แต่กู่หนิวได้แค่ยิ้มแหยๆ ให้ เพราะที่จริงราคาที่เขาเสนอไปนั้นถือว่าลดให้มากแล้ว เพราะคริสตัลสีน้ำเงินหนึ่งอันต้องใช้สีแดงแลกถึงหนึ่งร้อยห้าสิบอัน ครั้งนี้เขาคิดค่านายหน้าแค่ห้าสิบอันเองนะ

    “ความสามารถของมันคืออะไร?”หลงคุนไม่ได้พูดปฏิเสธ แม้จะได้ยินราคาที่สูงกว่าที่คาดไปมากมาย เพราะจากที่รู้จักกันมาเกือบปี กู่หนิวเองก็ดูเป็นคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่มีพิษมีภัยอะไร ถึงเรื่องความสามารถพิเศษกับเรื่องที่อีกฝ่ายแลกเปลี่ยนคริสตัลยังไงจะยังเป็นปัญหาคาใจก็ตาม เขาจึงสอบถามอย่างต้องการรู้เหตุผล

    “คริสตัลสีน้ำเงิน...มันสามารถเพิ่มพูนความสามารถของพลังพิเศษได้ครับ”

    “เพิ่มพูนความสามารถของพลังพิเศษ?!”ครั้งนี้หลงคุนเบิกตาโต แสดงสีหน้าตกใจอย่างไม่รักษามาด ทำเอากู่หนิวผวาถอยหลังไปสามก้าว

    “อ่า ครับ”

    ครับงั้นเหรอ? นี่รู้รึเปล่าว่าเรื่องที่ตัวเองพูดออกมามันเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน?! หลงคุนได้แต่กลืนถ้อยคำที่อยากตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายลงคอ แล้วถามด้วยเสียงที่พยายามกดให้นิ่ง

    “มีตัวอย่างรึเปล่า?”

    “ไม่มีครับ คริสตัลที่ผมมีแลกไม่พอ”กู่หนิวไม่ได้พูดปด เงินของเขาเหลือไม่พอจริงๆ หลังแลกคริสตัลสีเขียวไปชุดใหญ่ และลองแลกคริสตัลสีน้ำเงินมากินสองสามอัน ตอนนี้ในกระเป๋าก็เหลือแค่คริสตัลสีแดงสามสิบอันกับสีเหลืองสิบหกอันเท่านั้น

    หลงคุนฟังแล้วก็ดันแว่นอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนหันไปมองเซียงเว่ยที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด

    “แลก”

    เพียงคำเดียวตัดสินทุกสิ่ง หลงคุนที่หัวใจคล้ายถูกเฉือนยื่นกระเป๋าที่ใส่คริสตัลสีแดงจำนวนหกร้อยอันไปให้กู่หนิว ซึ่งกู่หนิวรับมาก่อนพูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มติดขี้เล่น

    “รอบนี้ไม่มีแถมให้นะครับ”

    วันถัดมากู่หนิวเอาคริสตัลสีน้ำเงินมาส่งมอบให้ในตอนเช้า หลงคุนนึกสงสัยกับความรวดเร็วนี้ ทั้งยังสงสัยว่าอีกฝ่ายทำการแลกเปลี่ยนกับใคร ยังไง และเมื่อไหร่ แต่เพราะไม่ต้องการทำลายมิตรภาพที่มีอยู่จึงเลือกจะไม่ถาม ชายหนุ่มนำคริสตัลทั้งสามอันไปส่งมอบให้กับเซียงเว่ย

    กู่หนิวที่ยืนมองอยู่ก็คิดได้ว่าตนเองยังไม่เคยรู้เลยว่าความสามารถพิเศษของเซียงเว่ยคืออะไร แม้แต่คนในป้อมอย่างเฉ่าเหมยกับจางลู่ก็ไม่รู้ เขาเองก็ไม่ได้ถาม ได้แต่คิดคาดเดาเล่นๆ แต่เมื่อผลลัพธ์ปรากฏก็ทำให้เขาต้องตกใจไม่น้อย

    ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า

    ก้อนดินที่อัดเป็นรูปสีเหลี่ยมลูกเต๋าจำนวนสี่อันปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือขาว โดยอันแรกสุดถูกน้ำชะล้างจนเป็นก้อนโคลนเหลว ข้างๆกันถูกพายุหมุนจิ๋วพัดเป่าจนกระเด็น อันต่อมาถูกไฟเผาจนเกิดรอยไหม้ อันสุดท้ายถูกสายฟ้าเล็กๆผ่าลงมาจนแยกเป็นรูโบ๋

    พลังพิเศษห้าอย่าง?

    ขณะที่เขาคิดอย่างนั้น...ก้อนดินทั้งสี่ชิ้นพลันถูกแช่แข็งจนดูคล้ายถูกผลึกใสห่อหุ้ม

    หกอย่าง?!

    “หนิว”

    “ครับ?”กู่หนิวที่ถูกเรียกไม่ทันตั้งตัวเผลอตอบรับ เขามองไปยังคนเรียกที่มีสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย

    “ทำได้ดีมาก”

    “อะ อ่า ครับ!”กู่หนิวที่โดนชมเผลอแสดงท่าทางเงอะงะออกไป เขาเกาหัวอย่างขัดเขินก่อนจะรีบขอตัวกลับไปทำงาน ซึ่งไม่รู้เพราะอะไร แต่เขาก็เผลอฮัมเพลงกับตัวเองทั้งวัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×