ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 64


    !!!

    ทุกสายตาต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นคล้ายกับว่าเพิ่งเคยพบสิ่งของดังกล่าวเป็นครั้งแรก ซึ่งนั่นก็ถูก แต่เพียงครึ่งเดียว เพราะหลังโลกได้สิ้นสุดลงหนึ่งปี คริสตัล ปริศนาก็ได้ถูกค้นพบจากร่างของผู้ล่า หลังจากทำการค้นคว้าอยู่นานพวกเขาก็พบว่าคริสตัลมีอยู่สองสีคือสีเหลืองและสีแดง โดยสีแดงเมื่อกินเขาไปจะทำให้พลังกายและความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มขึ้น ขณะที่สีเหลืองจะสามารถเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บภายนอกได้ ดังนั้นคริสตัลจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาเห็นจนชินตา แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงคือสีของคริสตัลที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน!

    กู่หนิวที่เห็นคริสตัลสีเขียวชัดเจนก็เผลอเหงื่อชื้นที่ฝ่ามือ เขาค่อยๆ ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองเพื่อปกปิดความรู้สึกปั่นป่วนภายใน ซึ่งชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าท่าทีเหล่านั้นได้ตกอยู่ในสายตาของใครบางคน

    “คริสตัลสีเขียว?”หลายเสียงอุทานอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเห็นชัดว่าไม่ใช่ภาพลวงตา

    “คริสตัลชนิดใหม่นี้ถูกค้นพบโดยคนของป้อมเหลียงตี้ และจากการสอบถามข้อมูล คริสตัลเหล่านี้ได้มาจากผู้ล่าเพศหญิงกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา”ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นประธานพูดอธิบายเพิ่มอย่างใจกว้าง ซึ่งผู้ฟังซักถามอย่างสงสัย

    “ความสามารถของคริสตัลชนิดใหม่นี้คืออะไร?”

    “เรื่องนั้น...น่าเสียดายที่ทางผมก็ยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ วันนี้ที่ผมเรียกทุกท่านมาร่วมประชุมก็เพื่อประกาศให้ทุกท่านได้ทราบโดยทั่วกันถึงการค้นพบคริสตัลชนิดใหม่นี้ และเป็นโชคดีมาก คริสตัลสีเขียวที่ถูกค้นพบมีจำนวนทั้งหมดสามอัน ผมคิดว่าบางทีอาจจะมีใครอยากจะลองประมูลมันไปเพื่อศึกษา?”เฉาจี้เฉิงสอบถามด้วยน้ำสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาแต้มรอยยิ้มเป็นมิตร แต่คนฟังต่างนึกเข่นเขี้ยวในใจด้วยรู้ดีว่าคริสตัลที่ถูกค้นพบไม่มีทางมีแค่สามอันแน่ เพราะการที่อีกฝ่ายกล้าเอามาปล่อยประมูลย่อมหมายความว่ามีอยู่ในครอบครองพอสมควร แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นพวกเขาก็ได้แต่เดินตามเกมอีกฝ่าย เสนอราคาประมูลเป็นคริสตัลสีแดงบ้างเหลืองบ้าง

    กู่หนิวฟังราคาประมูลแล้วนึกอึ้ง เพราะจริงๆ อัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างคริสตัลสีแดงกับสีเขียวอยู่ที่ 5:1 เท่านั้น พอเห็นคนเสนอทุ่มคริสตัลสีแดงจำนวนหลายร้อยอันเพื่อคริสตัลสีเขียวอันเดียวแล้ว...

    ขณะที่ร่างหนากำลังนึกเจ็บหัวใจแทนกลุ่มคนที่ไม่รู้ความจริง การประมูลก็ได้สิ้นสุดลง พอกู่หนิวขึ้นมาบนรถแล้วถึงเพิ่งสังเกตว่าเมื่อครู่คุณชายเซียงเว่ยไม่ได้เข้าร่วมประมูลด้วย เขาทนสงสัยอยู่จนกระทั่งกลับถึงป้อมก็ลองสอบถามคุณหลงคุนถึงเหตุผลที่ไม่เข้าร่วม

    “ไม่คุ้มค่า”คนกล่าวกลับเป็นคุณชายเซียงเว่ยที่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาไม่เคยพูดจากับเขาตรงๆ หลงคุนชะงักไปก่อนจะดันแว่นเบาๆ แล้วขยายความเพิ่มเติม

    “อย่างที่คุณชายกล่าว การนำคริสตัลจำนวนมากไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรถือเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด อีกทั้งเมื่อได้รู้ว่ามีคริสตัลชนิดใหม่ปรากฏขึ้น สิ่งที่พวกเราต้องทำก็แค่ออกล่า แล้วค้นหาคริสตัลพวกนั้น”

    กู่หนิวฟังแล้วก็รับรู้ถึงความเฉลียวฉลาดและมองการณ์ไกลของทั้งสอง เขานิ่งไปสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดปากอย่างลังเล

    “ที่จริงแล้ว...ผมเคยเห็นคริสตัลสีเขียวมาก่อนครับ”

    เพียงได้ยินคำกล่าว หลงคุนก็พลันเบิกตาอย่างตกใจ ขณะที่คุณชายเซียงเว่ยยังคงนิ่งเงียบ นัยน์ตาสีฟ้าแวววาวดุจน้ำแข็งเพียงจับจ้องผู้พูดอย่างสื่อว่ากำลังรอฟัง กู่หนิวถูมือไปมาแล้วพูดช้าชัด

    “ผมสามารถหาคริสตัลสีเขียวมาให้ได้ แต่...ผมอยากขอคริสตัลสีแดงเป็นการแลกเปลี่ยน”

    “พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่านายพูดจริง?”หลงคุนว่าเสียงเรียบ แต่คิ้วบางขมวดเข้าหากันแน่น กู่หนิวกลืนน้ำลายก่อนตอบ

    “ผมมีตัวอย่างเก็บไว้อันหนึ่ง และ...ผมรู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้”

    หลงคุนเงียบ ชายหนุ่มหันไปมองเซียงเว่ยที่ยังคงนิ่ง แล้วหันกลับมาพูดกับกู่หนิว

    “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตัวอย่างที่ว่ามาให้ดู”

    กู่หนิวพยักหน้าก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน หยิบถุงผ้าที่สภาพสะอาดขึ้นหลังผ่านการซักล้างออกมาเปิด ข้างในมีแค่คริสตัลสีแดงกับเหลือง แต่กู่หนิวเพียงล้วงเข้าไปแล้วหยิบคริสตัลสีเขียวใสออกมาส่งให้ หลงคุนรับไปดูก่อนส่งต่อให้เซียงเว่ย

    “มันมีความสามารถอะไร?”

    คำถามนี้ของหลงคุนทำให้กู่หนิวลังเลไปชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็กัดฟันตอบออกไป

    “มันช่วยทำให้...เร็วขึ้น”

    “เร็วขึ้น?”นัยน์ตาคนพูดหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ก่อนม่านตาจะขยายเมื่อนึกบางอย่างออก หากแต่เมื่อคิดจะกล่าวคำกลับถูกยั้งไว้ เซียงเว่ยยกมือขัดจังหวะหลงคุน ก่อนเด็กหนุ่มจะพูดถามสั้นๆ

    “เท่าไหร่”

    กู่หนิวลังเลอีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็กลั้นใจกล่าว

    “คริสตัลสีแดงสิบอัน แลกสีเขียวหนึ่ง”

    หลงคุนขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ปฏิเสธเมื่ออัตราการแลกเปลี่ยนนี้ไม่นับว่าสูงมากนัก ทั้งยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ ทางเซียงเว่ยสบตากับคนกล่าวแล้วพยักหน้าให้

    “แลก”

    เมื่อได้ยินคำตัดสินจากปากคุณชายของตน หลงคุนก็ถอนใจ ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำใบใหญ่สองใบมาส่งให้กู่หนิวพร้อมพูดเตือน

    “ในนั้นมีคริสตัลสีแดงทั้งหมดห้าร้อยอัน เท่ากับว่าทางเราต้องได้คริสตัลสีเขียวจำนวนทั้งหมดห้าสิบอัน”

    กู่หนิวพยักหน้า เขารับกระเป๋ามาถือแล้วย่นคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะให้คำมั่น

    “อีกสามวัน ผมจะนำคริสตัลสีเขียวมาให้”

    หลังตกลงธุรกิจกันเรียบร้อย กู่หนิวก็กลับไปใช้ชีวิตตามเดิม เช้ารดน้ำต้นไม้ เที่ยงเติมปุ๋ย เย็นถอนวัชพืช จนวันเวลาเวียนมาครบกำหนด ชายหนุ่มก็เอากระเป๋าสีดำทั้งสองใบไปคืน โดยเมื่อเปิดออกสิ่งที่หลงคุนพบคือคริสตัลสีเขียวจำนวนหกสิบอัน

    เขาจำได้ว่าที่ตกลงกันไว้คือห้าสิบอันจึงเลิกคิ้วมองกู่หนิวที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ

    “สิบอันที่เหลือนั่น ผมอยากแลกกับคำขอร้องหนึ่งอย่าง”กู่หนิวพูดพลางสังเกตสีหน้าผู้ฟัง หลงคุนขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธทันที

    “ลองว่ามา”

    กู่หนิวถูมือ ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่ไม่มั่นใจ

    “ผมอยากจะขอ...ปลูกสตรอว์เบอรี่เพิ่มในเรือนกระจกครับ”

    “สตรอว์เบอรี่?”หลงคุนทวนอย่างไม่แน่ใจ

    “ใช่ครับ”กู่หนิวตอบพลางหัวเราะแห้งๆ

    ทางหลงุคนไม่นึกว่าข้อเสนอที่อีกฝ่ายต้องการจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จึงดันแว่นเบาๆ อย่างแปลกใจ เขาหันไปทางผู้มีอำนาจตัดสินใจอย่างรอฟังคำตัดสิน

    “ได้”

    คำตอบตกลงทำให้กู่หนิวเหยียดยิ้มกว้างในรอบหลายปี เขาพูดขอบคุณรัวๆ ก่อนะรีบตรงดิ่งไปยังเรือนกระจกเพื่อเตรียมการ ทิ้งให้สองร่างเบื้องหลังมองตามอย่างไร้คำพูด

    “คุณชาย เรื่องของเขา...”หลงคุนเกริ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่ง เขาอดระแวงไม่ได้เมื่อพบว่ากู่หนิวมีความลับปิดบังเอาไว้ ก่อนหน้านี้ในใบประวัติของอีกฝ่ายเขียนระบุชัดว่าความสามารถพิเศษคือความเร็ว แต่มาตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่านั่นเป็นความสามารถที่แท้จริงของชายหนุ่มรึเปล่า ทั้งยังเรื่องคริสตัลสีเขียวที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปหามาจากไหนอีก...

    “ไม่ต้องห่วง”

    เซียงเว่ยกล่าวแค่เพียงสามคำ โดยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกยามที่กล่าวนั้นนั้นทำให้ผู้ฟังยากที่จะคาดเดาความหมายของถ้อยคำ หลงคุนฟังแล้วก็เพียงรับคำ ก่อนชายหนุ่มจะโค้งตัวลาพร้อมนำกระเป๋าทั้งสองใบออกไปจัดการ

    ทางเซียงเว่ยที่ถูกปล่อยให้อยู่ในห้องเพียงลำพัง ในความเงียบงันที่มีเพียงกลิ่นหอมจางๆ ล่องลอย เด็กหนุ่มค่อยๆ เอนกายพิงเก้าอี้นุ่มอย่างเงียบเชียบ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปตามคมมีดที่ถือในมืออย่างช้าๆ ชั่วขณะหนึ่ง นัยน์ตาสีฟ้าคู่งามคล้ายทอดมองไปยังแจกันมุมห้องที่มีดอกลิลลี่สีขาวปักอยู่อย่างไม่ตั้งใจ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×