คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่13
ฝ่ายหลงคุนที่ถูกชื่นชมไม่ได้รู้สึกตัว
เจ้าตัวเพียงเก็บคริสตัลที่ได้มาใส่กล่องสีดำใบเดิมแล้วนำกลับป้อม พอกลับถึงป้อม กู่หนิวที่หมดธุระของวันแล้วก็เตรียมตัวไปหานมสตรอว์เบอรี่ดื่มก่อนนอน
แต่ก็ถูกหลงคุนเรียกขึ้นไปคุยซะก่อน
“นอกจากคริสตัลที่เคยแลกมา
ยังมีสีอื่นอีกไหม?”
คำถามที่กล่าวอย่างชัดเจนและจริงจังส่งผลให้กู่หนิวเผลอยืดหลังตรง
ร่างหนาหันมองหลงคุนกับเซียงเว่ยสลับกันก่อนจะตอบเสียงเบา
“เรื่องนั้น...ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ
อาจมีอีกก็ได้ แต่ผมยังไม่เคยเห็น”
“ไม่มีงั้นเหรอ
เอาเถอะ นายไปได้แล้ว”แม้น้ำเสียงหลงคุนจะเรียบเฉย
แต่กู่หนิวก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังผิดหวัง ก่อนจะจากมากู่หนิวเหลือบมองเซียงเว่ยแวบหนึ่งอย่างนึกลังเล
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
พอแผ่นหลังคนตัวโตหายลับไป
หลงคุนก็หันไปปรึกษาเซียงเว่ย
“จากคำพูดของเฉาจู้เฉิงวันนี้
ดูเหมือนว่าในป้อมจะยังมีสายของป้อมอื่นแฝงอยู่นะครับ”
“กำจัดทิ้ง”เซียงเว่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ราวกับว่าที่พูดไม่ใช่การสั่งฆ่า แต่เป็นการสั่งอาหาร
“รับทราบครับ”หลงคุนตอบรับอย่างสงบนิ่งไม่แพ้กัน
ชายหนุ่มพลิกแฟ้มเอกสารในมือ ก่อนจะเริ่มรายงานข่าวที่ได้รับมา
“หลงจูรายงานมาว่าเมื่อวานนี้มีสี่คนที่พยายามขโมยคริสตัลสีม่วงจากเขาครับ
หลังจากจัดการสืบแล้วพบว่าทั้งสี่คนเข้าป้อมมาช่วงครึ่งปีก่อน โดยย้ายมาจากป้อมไหวติง
ป้อมหรูจาง ป้อมหลงกู่ และ...ป้อมเหลียงตี้”
ชื่อสุดท้ายที่เอ่ยออกมาทำให้บรรยากาศในห้องพลันเงียบสนิท
ที่จริงแล้วทั้งสี่ป้อมต่างเป็นแค่ป้อมเล็กๆ
ที่ไม่มีความสำคัญอะไร แต่หนึ่งในป้อมนั้นกลับมีความเกี่ยวข้องกับป้อมเฉาเชา
พอมานึกถึงเรื่องสายในป้อม
ก็ช่วยไม่ได้ที่กู่หนิวซึ่งมาจากป้อมเหลียงตี้จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคริสตัลที่อีกฝ่ายนำมาแลกที่ยังคงเป็นปริศนาว่าชายหนุ่มนำมาจากไหน
อีกทั้ง...ในวันนี้เฉาจู้เฉิงไม่ได้เข้าร่วมประมูลด้วย ทั้งที่มันเป็นโอกาสดีแท้ๆ
หลงคุนดันแว่น
เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
“ถ้ายังไงให้ผมจับตาดู...“
“ไม่ต้อง”
คำตอบที่ตอบกลับมาแทบจะทันทีทำให้คนถามได้แต่กลืนถ้อยคำที่เหลือลงคอ
ก่อนถอนหายใจ แล้วรายงานต่อ
“เรื่องการบุกของกลุ่มผู้ล่า
หลังลองสืบระยะเวลาที่แต่ละป้อมถูกตีแตกแล้ว พบว่าห่างกันราวหนึ่งถึงสามวันครึ่ง
โดยป้อมที่ถูกตีแตกเริ่มมาจากป้อมหวนกู่ที่อยู่ทางเหนือของเมืองMไล่ลงมา จนตอนนี้ป้อมล่าสุดที่ถูกตีแตกไปอยู่ที่ชายแดนเมืองS จากการวิเคราะห์ มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มผู้ล่าจะบุกเข้ามาในเมืองSได้ ผมจึงคิดว่าทางป้อมของเราควรมีการปรับเปลี่ยนระบบป้องกันเพื่อเตรียมรับมือกับการบุกของผู้ล่าครับ”
“อืม”เซียงเว่ยรับคำเบาๆ
อย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งท่าทีนี้เป็นการสื่ออ้อมๆว่าอีกฝ่ายยกเรื่องนี้ให้เขาจัดการโดยสิ้นเชิง
หลงคุนดันแว่นด้วยนึกเคยชิน
ชายหนุ่มก้มจดหน้าที่และกำหนดการที่ต้องจัดการลงสมุดเล่มเล็กอย่างเป็นระเบียบ
ก่อนครู่ถัดมาจะเงยหน้ามองคนที่ยามนี้หยิบมีดผีเสื้อสีเงินมาหมุนควงเล่นไปมา
ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี หลงคุนก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่
หรือพูดถูกคือ...กำลังคิดแผนการบางอย่าง
ท่าทีที่เห็นได้น้อยครั้งทำให้คนมองนึกแปลกใจ
แต่ก็ละความสนใจไปเมื่อยังมีอีกเรื่องที่ต้องกล่าว
“เรื่องการป้องกัน...
ฝ่ายจัดการเสนอมาว่าควรมีหน่วยลาดตระเวนบนดาดฟ้าตึกครับ เพราะเป็นสถานที่ที่มองเห็นศัตรูได้ง่ายที่สุด”ที่หลงคุนพูดเสนอมาครั้งนี้ก็เตรียมใจรับคำปฏิเสธเอาไว้แล้ว
เนื่องจากครั้งก่อนฝ่ายจัดการก็เสนอเรื่องนี้มารอบหนึ่งแล้ว
แต่เซียงเว่ยไม่อนุมัติ
ทั้งนี้เป็นเพราะชั้นดาดฟ้ามีเรือนกระจกที่นับว่าเป็นเขตหวงห้ามอยู่...
“อนุญาต”
“ครับ?”
หลงคุนทวนอย่างไม่อยากเชื่อหู
เขาเกือบคิดว่าตัวเองหูฝาด แต่เซียงเว่ยยังคงพูดซ้ำคำเดิม โดยที่สายตาผู้พูดยังคงจดจ่ออยู่ที่มีดสีเงินในมือ
“อนุญาต”
ว่าจบคนพูดก็กลับไปหมุนมีดในมือต่ออย่างไม่สนใจอะไรอีก
งานนี้หลงคุนจึงได้แต่ตอบรับคำแล้วเดินออกไปทั้งที่ยังงุนงง ซึ่งชายหนุ่มไม่ทันเห็นว่าบนโต๊ะตัวยาวของเซียงเว่ย
มีกระดาษสมุดแผ่นหนึ่งที่ดูไม่เข้าพวกกับเอกสารบนโต๊ะวางปนอยู่ โดยกระดาษแผ่นนั้นเขียนข้อความตัวโตเอาไว้เกือบสองบรรทัด
‘ขอโทษด้วยครับ ถ้าผมทำอะไรผิดไปก็ช่วยบอกผมมาเถอะนะครับ ผมจะพยายามแก้ไขแล้วไม่ทำผิดซ้ำอีก’
ข้อความสั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมาซึ่งเขียนด้วยตัวอักษรเข้มหนาอันสะท้อนถึงบุคลิกของผู้เขียนข้อความที่เป็นคนหนักแน่นและเปิดเผย
ลักษณะตัวอักษรที่เขียนมีความแหลมคมอยู่บ้าง ทว่าเหลี่ยมมุมกลับโค้งมนบ่งบอกว่าผู้เขียนเป็นบุคคลที่ฉลาดเฉลียว
หากแต่ไม่มีพิษมีภัย เมื่อมองโดยรวมพบว่าตัวอักษรไม่มีการหวัดแม้แต่น้อย ทั้งจำนวนขีดก็ครบครัน
เป็นลักษณะลายมือแบบฝึกคัดที่อ่านง่ายสบายตา
ช่างคล้ายกับตัวผู้เขียนที่ไม่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ
แต่กลับทำให้คนที่เห็นรู้สึกสบายใจยามอยู่ใกล้
ในที่สุดมีดในมือเซียงเว่ยก็หยุดหมุน
เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีฟ้าเยือกเย็นที่ยามนี้ฉายแววตัดสินใจ
ฝั่งกู่หนิวที่กลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวแผ่หลาบนเตียงกว้าง
โดยที่วันนี้เขาไม่ได้ซื้อนมสตรอว์เบอรี่กลับมากินอย่างเคย
ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะคำถามของหลงคุนเมื่อครู่
ถึงจะปฏิเสธไปว่าไม่รู้
แต่ถ้าให้พูดตามตรงก็คงต้องตอบว่า มี
หลังจากภัยพิบัติเกิดขึ้น
กู่หนิวก็ได้รับพลังพิเศษบางอย่างมา แน่นอนว่าพลังนั้นที่ว่านั้นไม่ใช่ความเร็วอย่างที่ระบุลงไปในใบประวัติ
พลังที่ตัวเขาได้มาเป็นพลังที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน มันคือพลังแลกเปลี่ยน
เขาสามารถนำคริสตัลสีหนึ่งมาแลกเป็นอีกสีได้ โดยที่อัตราส่วนในการแลกคริสตัลแต่ละสีนั้นต่างกันไป
เช่น ถ้าหากเขาคิดแลกคริสตัลสีแดงเป็นสีเหลือง ก็จำต้องหาคริสตัลสีแดงจำนวนสองอันมาใช้แลก
กลับกัน ถ้าเขามีคริสตัลสีเหลืองหนึ่งอัน และคิดจะแลกเป็นสีแดง คริสตัลสีเหลืองที่ว่าก็จะกลายเป็นคริสตัลสีแดงสองอันแทน
สาเหตุที่จำนวนคริสตัลที่แลกไม่เท่ากัน
กู่หนิวเดาว่ามันคงเป็นเรื่องของมูลค่า โดยจากการวิเคราะห์ของเขา
คริสตัลสีแดงคงเป็นคริสตัลที่มีมูลค่าหรือระดับต่ำที่สุดในบรรดาคริสตัลทั้งหมด
ทำให้จำเป็นต้องใช้คริสตัลจำนวนมากในการจะแลกเปลี่ยนเป็นสีอื่น
ซึ่งตามระดับมูลค่าคริสตัลที่เขาเคยแลกมาทั้งหมดเรียงดังนี้
แดง เหลือง
เขียว ม่วง น้ำเงิน ฟ้า และ...ดำ
หากคิดใช้คริสตัลสีแดงเป็นตัวแลก
เมื่อแลกสีเหลืองก็จำเป็นต้องใช้สองอัน ทางสีเขียวห้าอัน สีม่วงหนึ่งร้อยอัน
สีน้ำเงินร้อยห้าสิบ และสีฟ้าร้อยเจ็ดสิบห้า
ส่วนสีดำ...
มันเป็นคริสตัลสีเดียวที่เขาไม่เคยแลกมาก่อน
เขาเคยลองรวบรวมคริสตัลสีแดงได้ถึงห้าร้อยอันก็ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้
ทำให้แม้จะรู้ว่ามีคริสตัลอีกสีอยู่ เขาก็ยังไม่เคยแลกเปลี่ยน
ดังนั้นทำให้เขาลังเลที่จะพูดบอกในสิ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีคุณค่าอะไร
และต้องใช้คริสตัลเท่าไหร่จึงจะแลกได้
หากถามถึงสาเหตุที่เขารู้ว่ามีคริสตัลสีดำอยู่ด้วย
ก็เนื่องมาจากขั้นตอนใช้พลัง วิธีการใช้พลังของเขานั้นง่ายดาย
เพียงวางคริสตัลให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดแล้วหลับตา
ในหัวของเขาก็พลันปรากฏภาพลูกแก้วคริสตัลเจ็ดสีหมุนวนในอากาศ
ซึ่งถ้าคริสตัลที่เขารวบรวมมาสามารถแลกคริสตัลสีไหนได้ คริสตัลสีนั้นๆ
ก็จะเรืองแสงออกมารางๆ ส่วนอันที่แลกไม่ได้ก็จะมีสีหม่น
และพอเขาคิดว่าต้องการสีไหนๆ คริสตัลที่ใช้แลกก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสีที่ต้องการ
กู่หนิวรู้สึกว่าพลังของตัวเองถือเป็นสายโกงฝ่ายสนับสนุนชั้นเยี่ยม
เพียงแต่นั่นหมายถึงว่าเขาต้องมีคริสตัลพอที่จะแลกเปลี่ยนล่ะนะ
กู่หนิวถอนใจ
เขานึกย้อนไปยังช่วงแรกๆ ในตอนนั้นพลังของเขาไม่ค่อยมีประโยชน์นัก
เพราะคริสตัลที่ได้มาก็จำต้องใช้เสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายอย่างด่วนที่สุด
เนื่องจากหลังเข้ายุคสิ้นโลก อากาศในโลกก็แปรปรวนอย่างน่ากลัว บางครั้งก็หนาวเหน็บจนแม้กระทั่งหายใจยังลำบาก
และบางครั้งก็ร้อนระอุดุจจะแผดเผาผู้คนให้เป็นตอตะโก ดังนั้นเมื่อได้คริสตัลสีแดงมาเขาจึงต้องรีบดูดซับมันเพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากเรื่องจำนวนคริสตัลที่หายากแล้ว
พลังของเขายังมีข้อจำกัดอีกอย่าง นั่นคือขอบเขตระยะในการใช้พลัง
พลังของเขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนคริสตัลที่อยู่ห่างออกไปได้มากนัก
ในตอนนี้เขาสามารถแลกคริสตัลโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสมันเหมือนในตอนแรกๆ แต่ก็ยังต้องอยู่ในรัศมีหนึ่งเมตร
อันที่จริง...
ถึงจะมีข้อจำกัดนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขามากนักหรอก
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้กู่หนิวที่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่นอยู่ดีดตัวขึ้นจากเตียง
เขามองนาฬิกาที่เกือบเที่ยงคืนก็เดาไปว่าคงมีใครจะใช้บริการผู้ดูแลป้อมอีก และเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบว่าเป็นไห่หลาง
ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งผู้ดูแลป้อมมา อีกฝ่ายก็ไม่เคยมาใช้บริการเขามาก่อน
แต่ไม่ทันจะถามเด็กหนุ่มว่าต้องการให้ช่วยเหลืออะไร
สายตาของเขาก็พลันสะดุดกับนมสตรอว์เบอรี่ในมืออีกฝ่าย
“บอสสั่งให้เอามาให้”ไห่หลางเปิดปากพูดด้วยเสียงไร้อารมณ์พลางส่งขวดนมมาให้
“อ๊ะ ขอบคุณ”
กู่หนิวรับมาพลางกล่าวขอบคุณทั้งที่ยังงงๆ
แต่ไห่หลางก็ไม่อยู่รอไขข้อสงสัย เมื่อหมดหน้าที่แล้ว อีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
ทิ้งให้กู่หนิวเกาหัวนิดๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง ร่างหนานั่งลงบนเตียงพลางพินิจขวดนมสตรอว์เบอรี่ในมืออย่างสงสัย
นี่เซียงเว่ยให้มา
เพราะตั้งใจชมเชยว่าที่ผ่านมาตนทำงานได้ดีรึเปล่านะ?
กู่หนิวคิดไปคิดมาก็พบว่าสาเหตุนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว
หลังปัดข้อสงสัยออกจากหัวได้ ชายหนุ่มก็เปิดฝานมออกพลางยกขึ้นดื่มรวดเดียว ซึ่งรสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ไหลผ่านลำคอทำให้เขายิ้มออกมาอย่างสุขใจ
ดูท่าวันนี้เขาคงหลับฝันดี
ความคิดเห็น