คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่12
สุดท้ายแล้วกู่หนิวก็เลือกใช้สุดยอดกลยุทธ์เผ่นหนีออกมากท่ามกลางสายตาจับผิดหลายคู่
เขาเลือกลงมาทางบันไดแทนลิฟต์ โดยบันไดที่ว่าอยู่มุมสุดของกำแพง จังหวะตอนเดินผ่านหน้าห้องของเซียงเว่ย
กู่หนิวก็เผลอชะงักเท้า แต่เพียงครู่เดียวเขาก็สาวเท้าต่อ ซึ่งถึงแม้จะเดินลงบันไดมาแล้ว
แต่จมูกของเขาก็ยังคล้ายได้กลิ่นดอกลิลลี่โชยมา...
แม้สถานการณ์เมื่อวานจะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
แต่กู่หนิวก็ปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปรวดเดียว
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเซียงเว่ยแค่เผลอลืมปล่อยมือ เหมือนกับเขาที่ลืมไปว่าอีกฝ่ายยังจับอยู่
วันถัดมาชายหนุ่มจึงยังคงมาทำงานเหมือนปกติ
เพียงแต่...ข่าวลือเรื่องคนรักลับๆที่เคยดับมอดไปแล้ว ตอนนี้หวนมาปะทุอีกครั้ง
กู่หนิวได้แต่ทำใจและทำเป็นไม่รับรู้
แม้จะเห็นสายตามีเลศนัยหลายคู่มองมาไม่ขาดสายก็ตาม
ตกเย็น
ก่อนที่จะไปรับเงินเดือน กู่หนิวและทุกคนในป้อมต่างถูกเรียกให้ไปรวมตัวที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งยามนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นที่ประชุมชั่วคราว
กู่หนิวนั่งลงแถวกลางฝั่งริมขวามือ
เขาคิดถึงสาเหตุที่ถูกเรียกมารวมตัวครั้งนี้ ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการวิวัฒนาการของผู้ล่า
และก็ไม่ผิดเมื่อหลงคุนออกมาพูดประกาศ ทั้งยังเอาวิดีโอเมื่อวานขึ้นฉายซ้ำ
“...อย่างที่ว่านี้
ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
เพราะผู้ล่าอาจเล็ดรอดกำแพงเข้ามาได้”หลงคุนพูดย้ำเสียงหนัก
ทำให้บรรยากาศที่เริ่มเคร่งเครียดตั้งแต่วิดีโอเริ่มฉายหนักอึ้งกว่าเดิม
กู่หนิวเป่าปากอย่างไม่ชินกับบรรยากาศที่ตึงเครียดเท่าไหร่ พอออกมาจากห้องโถงเขาก็เดินขึ้นไปรอรับเงินเดือนที่ห้องเซียงเว่ย
และเพราะหลงคุนยังจัดการงานด้านล่างอยู่ ทำให้ในห้องตอนนี้มีเพียงกู่หนิวกับเซียงเว่ยสองคน
กู่หนิวเกาแก้มเมื่อบรรยากาศในห้องเงียบสนิท
แต่เขาเองก็เคยชินแล้วจึงไม่ทันสังเกตว่าใครบางคนที่ทำเป็นอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะนั้น...กำลังถือหนังสือกลับหัว
รอจนกระทั่งหลงคุนกลับเข้ามา
กู่หนิวรับเงินเดือนเสร็จก็เตรียมเดินออกไป แต่ก็ถูกหลงคุนเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยว
พรุ่งนี้มีประชุมใหญ่ นายเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมด้วย”
“อ่า
ครับ”กู่หนิวตอบรับแล้วเดินออกมา
ประชุมใหญ่?
จะเกี่ยวกับเรื่องคริสตัลรึเปล่านะ?
วันถัดมา
กู่หนิวที่ตื่นแต่เช้าก็ต้องแปลกใจเมื่อไห่หลางมาหาพร้อมกับถุงพลาสติกแบบทึบหลายใบ
ขณะคิดจะถามนั้นเอง
“คุณหลงคุนสั่งให้เอามาให้คุณผู้ดูแล
แล้วยังบอกอีกว่า แต่งตัวเสร็จแล้วให้ไปรอที่รถ”
“อ่อ
ขอบใจมาก”กู่หนิวรับถุงมาก่อนปิดประตู พอเขาเปิดถุงใบแรกออกก็ต้องแปลกใจ
เมื่อมันเป็นชุดสูทแบบเดียวกับที่เขาใส่ครั้งที่แล้ว ชายหนุ่มลองจับเนื้อผ้าดู
ก่อนจะพบว่ามันออกแข็งๆเล็กน้อย เนื้อผ้าดูจะหนากว่าตัวก่อนหน้า
ด้วยเป็นคนไม่คิดอะไรมากกู่หนิวจึงยักไหล่
หลังแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็มองไปยังกระเป๋าใบสุดท้ายที่แตกต่างจากใบอื่นๆ
มันดูคล้ายกระเป๋าเอกสารสีดำทึบ ร่างโตลองเปิดตัวล็อกออกก็พบเข้ากับ...ปืน?
ปืนกระบอกเงินไม่ทราบยี่ห้อนอนรออยู่ในกระเป๋า
กู่หนิวเลิกคิ้ว แล้วหยิบมันออกมาดู
เขาลองถือเล็งเป้าพบว่าปืนกระบอกนี้รับกับมือเขามาก น้ำหนักเองก็ไม่มากเท่าที่คิด
เขาเคยแตะๆปืนมาบ้าง และน้ำหนักปืนพวกนั้นก็พอๆกับดัมเบลอันเล็ก
เมื่อมีปืนก็ควรมีกระสุน กู่หนิวมองไปกล่องสีเงินที่น่าจะบรรจุกระสุขเอาไว้
ก่อนจะรู้สึกแปลกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่เรียกว่ากระสุนกลับกลายเป็นผลึกสีใสแทน
หรือว่านี่คือกระสุน?
กู่หนิวคิด
ก่อนจะความสนใจ เขาเก็บปืนกับกล่องสีเงินใส่กระเป๋าด้านในสูท
ก่อนจะรีบตรงไปรอที่รถ ซึ่งโชคดีที่ที่รถนอกจากคนขับแล้วยังไม่มีใครมา
ขณะคิดแบบนั้นนั่นเอง เสียงฝีเท้าสองคู่ก็ดังมาจากด้านหลัง กู่หนิวหันไปมองก็ชะงัก
เซียงเว่ย...
เด็กหนุ่มที่ปกติจะใส่เพียงสเว็ตเตอร์สีขาวเงินกับกางเกงขายาวสีเดียวกัน
วันนี้กลับแต่งกายด้วยสูทสีดำ โดยมีดอกลิลลี่สีแดงประดับอกเสื้อ แม้แต่ทรงผมก็ถูกแต่งเสยไปด้านหลัง
ทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าตัวดูแปลกตา ดูหล่อเหลาและเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม
สีแดง?
กู่หนิวผุดความคิดขึ้นหลังเห็นดอกไม้ประดับอก แต่เมื่อเซียงเว่ยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จึงได้เห็นว่าเป็นแค่เข็มกลัดเท่านั้น
กู่หนิวส่ายหน้ายิ้มๆ เขาก็แปลกใจอยู่ว่าอีกฝ่ายเอาดอกลิลลี่สีแดงมาจากไหน
เพราะในเรือนกระจกไม่มีลิลลี่สีแดงปลูกไว้ ถึงจะมีสีน้ำเงิน สีม่วง
หรือกระทั่งสีดำก็ตามที
“หนิว”เสียงเรียกโทนเรียบเฉยดึงคนกำลังครุ่นคิดให้กลับมาปัจจุบัน
กู่หนิวมองหน้าคนเรียก ซึ่งนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยเองก็กำลังมองตรงมาเช่นกัน
และก่อนที่เขาจะได้ตอบรับก็ต้องนิ่งอึ้งไป เมื่อได้ยินคำกล่าวต่อมา
“วันนี้
ดูดีมาก”
“คะ ครับ?”กู่หนิวที่หาเสียงตัวเองเจอตอบคำพลางก้มมองชุดที่ตัวเองสวม ซึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรจากครั้งก่อนนักอย่างุนงง ต่อให้เนื้อผ้าต่างออกไปก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเดิมนักนี่?
ขณะที่กู่หนิวสับสน
หลงคุนที่เดินตามเซียงเว่ยมาก็กระแอมขึ้นเสียงดัง
ซึ่งเมื่อสายตากู่หนิวและเซียงเว่ยมองไป อีกฝ่ายก็ดันแว่นแล้วพูดเตือน
“รีบขึ้นรถกันเถอะครับ
เดี๋ยวจะสายเอา”
แล้วทั้งหมดก็ขึ้นรถ
กู่หนิวก็ยังคงนั่งเบาะหลังคู่กับเซียงเว่ยเหมือนเดิม
และด้วยระยะที่ใกล้ชิดทำให้เขาได้กลิ่นดอกลิลลี่จางๆ...
ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้
กู่หนิวได้เห็นเงาผู้ล่าบนท้องฟ้าจำนวนไม่น้อย
แต่พวกมันก็ถูกคนคุ้มกันของเซียงเว่ยที่อยู่ในรถคันอื่นๆจัดการไปเกือบหมด น่าเสียดายที่ซากของพวกมันตกอยู่ไกลออกไป
และทางนี้ก็ไม่มีเวลาไปจัดการ
ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ปล่อยซากพวกผู้ล่าไว้อย่างนั้น
พอไปถึง
สิ่งที่กู่หนิวเห็นคือรถจำนวนมากจอดเรียงรายอยู่
จำนวนคันรถมันเพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเจน
ซึ่งบางทีคงเป็นเพราะเรื่องวิวัฒนาการ ทำให้มีการเตรียมคนคุ้มกันเพิ่มขึ้น อย่างของเซียงเว่ยเองก็เพิ่มจำนวนคนคุ้มกันขึ้นมาสองชุด
กู่หนิวเดินตามหลังเซียงเว่ยกับหลงคุนเข้าไป
ซึ่งในห้องประชุมเดิม กลุ่มคนในห้องกลับลดลงไปเล็กน้อย ทั้งที่ใกล้เวลาเริ่มแล้ว
แต่คนที่ควรนั่งร่วมประชุมกลับขาดหายไปร่วมสิบคน ทำให้คนที่ยังนั่งตอนนี้อยู่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เขาที่เห็นความผิดปกตินี้
“คนอื่นๆหายไปไหนกัน?”
“หัวหน้าป้อมชิงหงกับหัวหน้าป้อมไป๋เหลียนก็ไม่มา
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น
แม้จะมีหลายคนเงียบอยู่ แต่ใบหน้าของพวกเขาก็เริ่มปรากฏวี่แววร้อนใจ จนกระทั่งการประชุมเริ่มขึ้น
คนที่เหลือก็ยังคงไม่มา ขณะที่หลายคนร้อนใจและคิดเอ่ยปาก
ชายหนุ่มที่ท่าทางงามสง่าก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เรียกสายตาผู้คนทั้งหมดให้จับจ้อง
กู่หนิวยังจำได้
ชายคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เปิดประมูลคริสตัลสีเขียวคราวก่อน รู้สึกจะชื่อ...
“เฉาจู้เฉิง“เสียงไม่เป็นมิตรเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ
ซึ่งเมื่อกู่หนิวมองไปก็เห็นเป็นหญิงสาวผมบ็อบย้อมแดงเรือนร่างสะโอดสะองในชุดทูพีชเอวลอยสีขาวเทา
สวมทับด้วยเสื้อคลุมขนนกสีดำ เขายังไม่ทันได้สำรวจอะไรมากมายก็รู้สึกถึงข้อมือที่ถูกกุม
กู่หนิวก้มมองก็เห็นเป็นมือของเซียงเว่ย
ด้วยสถานการณ์ที่แค่พูดเบาๆทั้งห้องก็ได้ยิน
กู่หนิวจึงไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรและได้แต่จ้องมองแผ่นหลังเจ้านายน้อยของตนอย่างงุนงง
แต่ไม่นานเมื่อคนที่ชื่อเฉาจู้เฉิงเริ่มพูด กู่หนิวก็หันเหความสนใจไปทางนั้น
“คุณหัวหน้าป้อมเพ่ยเพ่ยนี่เอง
วันนี้เป็นเกียรติมากครับที่คุณอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง”ชายหนุ่มยกยิ้มกล่าว
ขณะที่สีหน้าคนฟังเย็นชาถึงขีดสุด
“ฮึ!”หญิงสาวสะบัดหน้าหนีเหมือนไม่อยากเสวนาด้วย
เฉาจู้เฉิงเห็นอย่างก็หัวเราะเบาๆ แล้วเริ่มกล่าวเข้าเรื่อง
“ก่อนเปิดการประชุมครั้งนี้
ผมจะขอแจ้งถึงเหตุผลที่หัวหน้าป้อมและเหล่าตัวแทนของป้อมหลายๆแห่งไม่ได้มาเข้าร่วม
ผมทราบดีว่าทุกท่านคงทราบข่าวสารกันมาไม่มากก็น้อย ซึ่งผมเสียใจจริงๆที่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบว่า
ป้อมหงอาน ป้อมไป่เหลียน ป้อมซีซือ ป้อมหยางโจว และป้อมหลงอัน
...มีชะตากรรมเช่นเดียวกับป้อมฉางชิงและป้อมหลูโจว”
“!!!”
คำกล่าวที่ได้รับฟังทำให้สีหน้าผู้คนต่างแตกตื่น
เซียงกระซิบเซ็งแซ่วุ่นวาย กู่หนิวเองก็อึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน
เพราะเมื่อวานเขาเองก็ได้ยินเรื่องของป้อมหลูโจวและป้อมฉางชิงมาแล้ว ทำให้เมื่อรับฟังข่าวนี้จึงตกใจจนตัวชา
ป้อมทั้งหมดนั่นถูกตีแตก?
...โดยกลุ่มผู้ล่าร่วมสองพัน?!
แม้เขาอยากให้เรื่องที่ได้ยินเป็นแค่เรื่องตลก
แต่ข่าวที่น่าตกใจนี้คงไม่อาจเป็นเท็จไปได้ กู่หนิวพยายามสงบใจตัวเอง
แล้วนิ่งฟังต่อ
“ส่วนคนของป้อมอื่นๆ
ผมได้รับแจ้งว่าพวกเขาเกือบทั้งหมดถูกกลุ่มผู้ล่าที่มีปีกฆ่า แน่นอนว่าบางส่วนได้ถูกฝนสีเลือดเมื่อวานเข้าไปจนกลายเศษเนื้อ...
ผมรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันครั้งนี้จริงๆ
และคาดหวังว่าทุกท่านจะระวังตัว ไม่ให้ตัวเองกลายเป็นแบบเดียวกัน”คำที่กล่าวเหมือนจะเห็นใจสงสารขัดกับสีหน้าซ่อนยิ้มของชายหนุ่ม
ทำให้กู่หนิวชักเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูไม่น่าคบ
“คูณเฉาคิดยังไงกับเรื่องที่ผู้ล่ารวมกลุ่มกันเข้าตีป้อมหรือครับ?”ผู้ร่วมประชุมคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“ผมย่อมคิดว่าเรื่องนี้ดูประหลาด เหตุการณ์ที่ป้อมฉางชิงกับป้อมหลูโจวถูกบุกนั้นเกิดขึ้นก่อนเรื่องฝนสีเลือด ทำให้ผมคิดว่านี่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องวิวัฒนาการ ส่วนอะไรที่เป็นสาเหตุให้ผู้ล่ารวมกลุ่มเข้าบุกตีป้อมนั้น...ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”ใบหน้าหล่อเหลาดูสง่าผ่าเผยยามตอบคำถาม แต่คงเพราะอคติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จึงส่งผลให้กู่หนิวเห็นอีกฝ่ายดูคล้ายนักการเมืองโฉด
“แล้วไม่ทราบว่าคุณเฉาคิดยังไงกับเรื่องวิวัฒนาการ?”
“การวิวัฒนาการของผู้ล่าพอจะอยู่ในการคาดเดาของผมอยู่บ้าง
แต่เรื่องที่มีปีกงอกขึ้นมาเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ”
“ไม่ทราบว่าคุณเฉามีหนทางรับมือกับพวกที่วิวัฒนาการแล้วรึยังครับ?”
“เรื่องนั้น...ผมคิดว่าการจัดการทางไกลน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดครับ”
การตอบคำถามยังคงดำเนินต่อไปร่วมสิบนาที
ซึ่งระหว่างนั้นทางเซียงเว่ยและป้อมเพ่ยเพ่ยเป็นกลุ่มที่ไม่ได้พูดจาแสดงความคิดเห็นใดๆ
จนเมื่อหมดช่วงตอบคำถามแล้วนั้นเอง
“ผมได้ทราบมาว่าทางป้อมไป่เหอได้พบคริสตัลชนิดใหม่
ไม่ทราบจริงเท็จแค่ไหนหรือครับ?”
คำถามนี้ดึงสายตาทุกคู่ให้เบนความสนใจมาทางเซียงเว่ยที่นั่งเงียบมาโดยตลอด
กู่หนิวที่เห็นว่าทางตนกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมากะทันหันก็กระวนกระวาย
แต่เมื่อรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆที่ข้อมือเขาก็นิ่งไป
ด้วยเซียงเว่ยมีกิตติศัพท์เรื่องไม่ยอมพูดจากับคนนอก
ทำให้ตัวแทนออกมาพูดครั้งนี้ย่อมเป็นหลงคุนเจ้าเก่า
ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆก้าวออกมาด้านหน้าเล็กน้อย
กิริยาทวงท่าสง่าขับให้อีกฝ่ายดูเป็นชนชั้นสูง หรืออีกแง่ก็คือพ่อบ้านมืออาชีพ
“เรื่องที่คุณเฉากล่าวทำให้ทางเราตกใจจริงๆ
ด้วยไม่คิดว่า ‘ข่าว’
จะไปไวถึงขนาดนั้น”ถ้อยคำเน้นนั้นไม่ทำให้คนถูกกล่าวถึงเปลี่ยนสีหน้า
หลงคุนเองก็ไม่คล้ายจะจับผิดอะไรนัก
อีกฝ่ายหยิบกล่องสีดำแบบเดียวกับที่กู่หนิวเคยเห็นเมื่องานประชุมครั้งที่แล้วออกมา
และเมื่อชายหนุ่มปลดล็อคออกจะเผยให้เห็นคริสตัลกลมกลิ้งสีม่วงใสแวววาวขนาดพอๆกับลูกปิงปองอยู่ข้างใน
“!!!”
ทุกสายตาอึ้งตะลึง
แต่ก็ไม่ได้มากมายนักเมื่อเทียบกับครั้งก่อน
คงเพราะช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้มีคริสตัลสีอื่นออกมาให้เห็นพอสมควร
ดังนั้นครั้งนี้พวกคนที่มองอยู่จึงแค่ตกใจเล็กน้อย
“นี่เป็นคริสตัลที่ทางป้อมของเราบังเอิญได้รับมาเมื่อวานนี้
ด้วยยังไม่ทันตรวจสอบ ทำให้ทางเราไม่ทราบว่าคริสตัลชนิดนี้มีความสามารถอะไร”หลงคุนพูดโกหกโดยไม่กะพริบตา
ซึ่งในที่นั้น นอกจากกู่หนิวกับเซียงเว่ยแล้วก็ไม่มีใครรู้ความจริง
กู่หนิวพยายามตีหน้านิ่ง เขานึกสงสัยว่าหลงคุนคิดจะทำอะไร
“คุณหลง
ไม่ทราบว่าคริสตัลนี้...”ผู้ร่วมประชุมท่านหนึ่งเอ่ยถามขึ้นเบาๆ โดยความนัยทำให้สายตาร้อนแรงหลายคู่จับจ้องไปยังชายหนุ่ม
หลงคุนดันแว่นเบาๆแล้วกล่าวคำ
“ทางเรามีเจตนาส่งคริสตัลนี้เข้าประมูล
โดยขอแลกเปลี่ยนกับคริสตัลสีน้ำเงิน!”
คำเอ่ยที่ตรงประเด็นและชัดเจนนี้ทำให้หลายคนดีใจ
ทางเฉาจู้เฉิงเมื่อได้ยินคำก็เลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ถ้าหากทางป้อมไป่เหอยินดีแลกเปลี่ยนจริง
ผมเองก็ดีใจ”
“ทางเรายินดีแลกเปลี่ยนกับใครก็ตามที่หยิบยื่นคริสตัลสีน้ำเงินมาในจำนวนที่น่าพอใจ”หลงคุนตอบคำอย่างไม่สนใจความนัยที่แอบแฝงของอีกคน
และไม่นานการประมูลที่ไม่ว่าสั้นหรือยาวก็ได้สิ้นสุด
โดยคนที่ประมูลคริสตัลได้ไปเป็นคนของป้อมเพ่ยเพ่ย
ซึ่งได้แลกเปลี่ยนกับคริสตัลสีน้ำเงินสิบสองอัน
กู่หนิวฟังราคาแล้วเลือดซิบ
ทั้งยังแอบชื่นชมหลงคุนที่มีความเป็นพ่อค้าสูงกว่าตนอีก เห็นอีกฝ่ายกล้าเอาของด้อยกว่าไปแลกเปลี่ยนของที่ดีกว่าโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ทั้งยังฟันกำไรยับอีกด้วย นับถือ นับถือ!
ความคิดเห็น