ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วัวกินหญ้า หรือ หญ้ากินวัว? BL

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่12

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 64


    สุดท้ายแล้วกู่หนิวก็เลือกใช้สุดยอดกลยุทธ์เผ่นหนีออกมากท่ามกลางสายตาจับผิดหลายคู่ เขาเลือกลงมาทางบันไดแทนลิฟต์ โดยบันไดที่ว่าอยู่มุมสุดของกำแพง จังหวะตอนเดินผ่านหน้าห้องของเซียงเว่ย กู่หนิวก็เผลอชะงักเท้า แต่เพียงครู่เดียวเขาก็สาวเท้าต่อ ซึ่งถึงแม้จะเดินลงบันไดมาแล้ว แต่จมูกของเขาก็ยังคล้ายได้กลิ่นดอกลิลลี่โชยมา...

    แม้สถานการณ์เมื่อวานจะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่กู่หนิวก็ปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปรวดเดียว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเซียงเว่ยแค่เผลอลืมปล่อยมือ เหมือนกับเขาที่ลืมไปว่าอีกฝ่ายยังจับอยู่ วันถัดมาชายหนุ่มจึงยังคงมาทำงานเหมือนปกติ เพียงแต่...ข่าวลือเรื่องคนรักลับๆที่เคยดับมอดไปแล้ว ตอนนี้หวนมาปะทุอีกครั้ง กู่หนิวได้แต่ทำใจและทำเป็นไม่รับรู้ แม้จะเห็นสายตามีเลศนัยหลายคู่มองมาไม่ขาดสายก็ตาม

    ตกเย็น ก่อนที่จะไปรับเงินเดือน กู่หนิวและทุกคนในป้อมต่างถูกเรียกให้ไปรวมตัวที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งยามนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นที่ประชุมชั่วคราว

    กู่หนิวนั่งลงแถวกลางฝั่งริมขวามือ เขาคิดถึงสาเหตุที่ถูกเรียกมารวมตัวครั้งนี้ ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการวิวัฒนาการของผู้ล่า และก็ไม่ผิดเมื่อหลงคุนออกมาพูดประกาศ ทั้งยังเอาวิดีโอเมื่อวานขึ้นฉายซ้ำ

    “...อย่างที่ว่านี้ ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เพราะผู้ล่าอาจเล็ดรอดกำแพงเข้ามาได้”หลงคุนพูดย้ำเสียงหนัก ทำให้บรรยากาศที่เริ่มเคร่งเครียดตั้งแต่วิดีโอเริ่มฉายหนักอึ้งกว่าเดิม กู่หนิวเป่าปากอย่างไม่ชินกับบรรยากาศที่ตึงเครียดเท่าไหร่ พอออกมาจากห้องโถงเขาก็เดินขึ้นไปรอรับเงินเดือนที่ห้องเซียงเว่ย และเพราะหลงคุนยังจัดการงานด้านล่างอยู่ ทำให้ในห้องตอนนี้มีเพียงกู่หนิวกับเซียงเว่ยสองคน

    กู่หนิวเกาแก้มเมื่อบรรยากาศในห้องเงียบสนิท แต่เขาเองก็เคยชินแล้วจึงไม่ทันสังเกตว่าใครบางคนที่ทำเป็นอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะนั้น...กำลังถือหนังสือกลับหัว

    รอจนกระทั่งหลงคุนกลับเข้ามา กู่หนิวรับเงินเดือนเสร็จก็เตรียมเดินออกไป แต่ก็ถูกหลงคุนเรียกเอาไว้ก่อน

    “เดี๋ยว พรุ่งนี้มีประชุมใหญ่ นายเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมด้วย”

    “อ่า ครับ”กู่หนิวตอบรับแล้วเดินออกมา

    ประชุมใหญ่? จะเกี่ยวกับเรื่องคริสตัลรึเปล่านะ?

    วันถัดมา กู่หนิวที่ตื่นแต่เช้าก็ต้องแปลกใจเมื่อไห่หลางมาหาพร้อมกับถุงพลาสติกแบบทึบหลายใบ ขณะคิดจะถามนั้นเอง

    “คุณหลงคุนสั่งให้เอามาให้คุณผู้ดูแล แล้วยังบอกอีกว่า แต่งตัวเสร็จแล้วให้ไปรอที่รถ”

    “อ่อ ขอบใจมาก”กู่หนิวรับถุงมาก่อนปิดประตู พอเขาเปิดถุงใบแรกออกก็ต้องแปลกใจ เมื่อมันเป็นชุดสูทแบบเดียวกับที่เขาใส่ครั้งที่แล้ว ชายหนุ่มลองจับเนื้อผ้าดู ก่อนจะพบว่ามันออกแข็งๆเล็กน้อย เนื้อผ้าดูจะหนากว่าตัวก่อนหน้า

    ด้วยเป็นคนไม่คิดอะไรมากกู่หนิวจึงยักไหล่ หลังแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็มองไปยังกระเป๋าใบสุดท้ายที่แตกต่างจากใบอื่นๆ มันดูคล้ายกระเป๋าเอกสารสีดำทึบ ร่างโตลองเปิดตัวล็อกออกก็พบเข้ากับ...ปืน?

    ปืนกระบอกเงินไม่ทราบยี่ห้อนอนรออยู่ในกระเป๋า กู่หนิวเลิกคิ้ว แล้วหยิบมันออกมาดู เขาลองถือเล็งเป้าพบว่าปืนกระบอกนี้รับกับมือเขามาก น้ำหนักเองก็ไม่มากเท่าที่คิด เขาเคยแตะๆปืนมาบ้าง และน้ำหนักปืนพวกนั้นก็พอๆกับดัมเบลอันเล็ก เมื่อมีปืนก็ควรมีกระสุน กู่หนิวมองไปกล่องสีเงินที่น่าจะบรรจุกระสุขเอาไว้ ก่อนจะรู้สึกแปลกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่เรียกว่ากระสุนกลับกลายเป็นผลึกสีใสแทน

    หรือว่านี่คือกระสุน?

    กู่หนิวคิด ก่อนจะความสนใจ เขาเก็บปืนกับกล่องสีเงินใส่กระเป๋าด้านในสูท ก่อนจะรีบตรงไปรอที่รถ ซึ่งโชคดีที่ที่รถนอกจากคนขับแล้วยังไม่มีใครมา ขณะคิดแบบนั้นนั่นเอง เสียงฝีเท้าสองคู่ก็ดังมาจากด้านหลัง กู่หนิวหันไปมองก็ชะงัก

    เซียงเว่ย... เด็กหนุ่มที่ปกติจะใส่เพียงสเว็ตเตอร์สีขาวเงินกับกางเกงขายาวสีเดียวกัน วันนี้กลับแต่งกายด้วยสูทสีดำ โดยมีดอกลิลลี่สีแดงประดับอกเสื้อ แม้แต่ทรงผมก็ถูกแต่งเสยไปด้านหลัง ทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าตัวดูแปลกตา ดูหล่อเหลาและเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม

    สีแดง? กู่หนิวผุดความคิดขึ้นหลังเห็นดอกไม้ประดับอก แต่เมื่อเซียงเว่ยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จึงได้เห็นว่าเป็นแค่เข็มกลัดเท่านั้น กู่หนิวส่ายหน้ายิ้มๆ เขาก็แปลกใจอยู่ว่าอีกฝ่ายเอาดอกลิลลี่สีแดงมาจากไหน เพราะในเรือนกระจกไม่มีลิลลี่สีแดงปลูกไว้ ถึงจะมีสีน้ำเงิน สีม่วง หรือกระทั่งสีดำก็ตามที

    “หนิว”เสียงเรียกโทนเรียบเฉยดึงคนกำลังครุ่นคิดให้กลับมาปัจจุบัน กู่หนิวมองหน้าคนเรียก ซึ่งนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยเองก็กำลังมองตรงมาเช่นกัน และก่อนที่เขาจะได้ตอบรับก็ต้องนิ่งอึ้งไป เมื่อได้ยินคำกล่าวต่อมา

    “วันนี้ ดูดีมาก”

    “คะ ครับ?”กู่หนิวที่หาเสียงตัวเองเจอตอบคำพลางก้มมองชุดที่ตัวเองสวม ซึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรจากครั้งก่อนนักอย่างุนงง ต่อให้เนื้อผ้าต่างออกไปก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเดิมนักนี่?

    ขณะที่กู่หนิวสับสน หลงคุนที่เดินตามเซียงเว่ยมาก็กระแอมขึ้นเสียงดัง ซึ่งเมื่อสายตากู่หนิวและเซียงเว่ยมองไป อีกฝ่ายก็ดันแว่นแล้วพูดเตือน

    “รีบขึ้นรถกันเถอะครับ เดี๋ยวจะสายเอา”

    แล้วทั้งหมดก็ขึ้นรถ กู่หนิวก็ยังคงนั่งเบาะหลังคู่กับเซียงเว่ยเหมือนเดิม และด้วยระยะที่ใกล้ชิดทำให้เขาได้กลิ่นดอกลิลลี่จางๆ...

    ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้ กู่หนิวได้เห็นเงาผู้ล่าบนท้องฟ้าจำนวนไม่น้อย แต่พวกมันก็ถูกคนคุ้มกันของเซียงเว่ยที่อยู่ในรถคันอื่นๆจัดการไปเกือบหมด น่าเสียดายที่ซากของพวกมันตกอยู่ไกลออกไป และทางนี้ก็ไม่มีเวลาไปจัดการ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ปล่อยซากพวกผู้ล่าไว้อย่างนั้น

    พอไปถึง สิ่งที่กู่หนิวเห็นคือรถจำนวนมากจอดเรียงรายอยู่ จำนวนคันรถมันเพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งบางทีคงเป็นเพราะเรื่องวิวัฒนาการ ทำให้มีการเตรียมคนคุ้มกันเพิ่มขึ้น อย่างของเซียงเว่ยเองก็เพิ่มจำนวนคนคุ้มกันขึ้นมาสองชุด

    กู่หนิวเดินตามหลังเซียงเว่ยกับหลงคุนเข้าไป ซึ่งในห้องประชุมเดิม กลุ่มคนในห้องกลับลดลงไปเล็กน้อย ทั้งที่ใกล้เวลาเริ่มแล้ว แต่คนที่ควรนั่งร่วมประชุมกลับขาดหายไปร่วมสิบคน ทำให้คนที่ยังนั่งตอนนี้อยู่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น

    และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เขาที่เห็นความผิดปกตินี้

    “คนอื่นๆหายไปไหนกัน?”

    “หัวหน้าป้อมชิงหงกับหัวหน้าป้อมไป๋เหลียนก็ไม่มา นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

    เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น แม้จะมีหลายคนเงียบอยู่ แต่ใบหน้าของพวกเขาก็เริ่มปรากฏวี่แววร้อนใจ จนกระทั่งการประชุมเริ่มขึ้น คนที่เหลือก็ยังคงไม่มา ขณะที่หลายคนร้อนใจและคิดเอ่ยปาก ชายหนุ่มที่ท่าทางงามสง่าก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เรียกสายตาผู้คนทั้งหมดให้จับจ้อง

    กู่หนิวยังจำได้ ชายคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เปิดประมูลคริสตัลสีเขียวคราวก่อน รู้สึกจะชื่อ...

    “เฉาจู้เฉิง“เสียงไม่เป็นมิตรเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ ซึ่งเมื่อกู่หนิวมองไปก็เห็นเป็นหญิงสาวผมบ็อบย้อมแดงเรือนร่างสะโอดสะองในชุดทูพีชเอวลอยสีขาวเทา สวมทับด้วยเสื้อคลุมขนนกสีดำ เขายังไม่ทันได้สำรวจอะไรมากมายก็รู้สึกถึงข้อมือที่ถูกกุม กู่หนิวก้มมองก็เห็นเป็นมือของเซียงเว่ย

    ด้วยสถานการณ์ที่แค่พูดเบาๆทั้งห้องก็ได้ยิน กู่หนิวจึงไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรและได้แต่จ้องมองแผ่นหลังเจ้านายน้อยของตนอย่างงุนงง แต่ไม่นานเมื่อคนที่ชื่อเฉาจู้เฉิงเริ่มพูด กู่หนิวก็หันเหความสนใจไปทางนั้น

    “คุณหัวหน้าป้อมเพ่ยเพ่ยนี่เอง วันนี้เป็นเกียรติมากครับที่คุณอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง”ชายหนุ่มยกยิ้มกล่าว ขณะที่สีหน้าคนฟังเย็นชาถึงขีดสุด

    “ฮึ!”หญิงสาวสะบัดหน้าหนีเหมือนไม่อยากเสวนาด้วย เฉาจู้เฉิงเห็นอย่างก็หัวเราะเบาๆ แล้วเริ่มกล่าวเข้าเรื่อง

    “ก่อนเปิดการประชุมครั้งนี้ ผมจะขอแจ้งถึงเหตุผลที่หัวหน้าป้อมและเหล่าตัวแทนของป้อมหลายๆแห่งไม่ได้มาเข้าร่วม ผมทราบดีว่าทุกท่านคงทราบข่าวสารกันมาไม่มากก็น้อย ซึ่งผมเสียใจจริงๆที่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบว่า ป้อมหงอาน ป้อมไป่เหลียน ป้อมซีซือ ป้อมหยางโจว และป้อมหลงอัน ...มีชะตากรรมเช่นเดียวกับป้อมฉางชิงและป้อมหลูโจว”

    !!!

    คำกล่าวที่ได้รับฟังทำให้สีหน้าผู้คนต่างแตกตื่น เซียงกระซิบเซ็งแซ่วุ่นวาย กู่หนิวเองก็อึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะเมื่อวานเขาเองก็ได้ยินเรื่องของป้อมหลูโจวและป้อมฉางชิงมาแล้ว ทำให้เมื่อรับฟังข่าวนี้จึงตกใจจนตัวชา

    ป้อมทั้งหมดนั่นถูกตีแตก? ...โดยกลุ่มผู้ล่าร่วมสองพัน?!

    แม้เขาอยากให้เรื่องที่ได้ยินเป็นแค่เรื่องตลก แต่ข่าวที่น่าตกใจนี้คงไม่อาจเป็นเท็จไปได้ กู่หนิวพยายามสงบใจตัวเอง แล้วนิ่งฟังต่อ

    “ส่วนคนของป้อมอื่นๆ ผมได้รับแจ้งว่าพวกเขาเกือบทั้งหมดถูกกลุ่มผู้ล่าที่มีปีกฆ่า แน่นอนว่าบางส่วนได้ถูกฝนสีเลือดเมื่อวานเข้าไปจนกลายเศษเนื้อ... ผมรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันครั้งนี้จริงๆ และคาดหวังว่าทุกท่านจะระวังตัว ไม่ให้ตัวเองกลายเป็นแบบเดียวกัน”คำที่กล่าวเหมือนจะเห็นใจสงสารขัดกับสีหน้าซ่อนยิ้มของชายหนุ่ม ทำให้กู่หนิวชักเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูไม่น่าคบ

    “คูณเฉาคิดยังไงกับเรื่องที่ผู้ล่ารวมกลุ่มกันเข้าตีป้อมหรือครับ?”ผู้ร่วมประชุมคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม

    “ผมย่อมคิดว่าเรื่องนี้ดูประหลาด เหตุการณ์ที่ป้อมฉางชิงกับป้อมหลูโจวถูกบุกนั้นเกิดขึ้นก่อนเรื่องฝนสีเลือด ทำให้ผมคิดว่านี่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องวิวัฒนาการ ส่วนอะไรที่เป็นสาเหตุให้ผู้ล่ารวมกลุ่มเข้าบุกตีป้อมนั้น...ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”ใบหน้าหล่อเหลาดูสง่าผ่าเผยยามตอบคำถาม แต่คงเพราะอคติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จึงส่งผลให้กู่หนิวเห็นอีกฝ่ายดูคล้ายนักการเมืองโฉด

    “แล้วไม่ทราบว่าคุณเฉาคิดยังไงกับเรื่องวิวัฒนาการ?”

    “การวิวัฒนาการของผู้ล่าพอจะอยู่ในการคาดเดาของผมอยู่บ้าง แต่เรื่องที่มีปีกงอกขึ้นมาเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ”

    “ไม่ทราบว่าคุณเฉามีหนทางรับมือกับพวกที่วิวัฒนาการแล้วรึยังครับ?”

    “เรื่องนั้น...ผมคิดว่าการจัดการทางไกลน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดครับ”

    การตอบคำถามยังคงดำเนินต่อไปร่วมสิบนาที ซึ่งระหว่างนั้นทางเซียงเว่ยและป้อมเพ่ยเพ่ยเป็นกลุ่มที่ไม่ได้พูดจาแสดงความคิดเห็นใดๆ จนเมื่อหมดช่วงตอบคำถามแล้วนั้นเอง

    “ผมได้ทราบมาว่าทางป้อมไป่เหอได้พบคริสตัลชนิดใหม่ ไม่ทราบจริงเท็จแค่ไหนหรือครับ?”

    คำถามนี้ดึงสายตาทุกคู่ให้เบนความสนใจมาทางเซียงเว่ยที่นั่งเงียบมาโดยตลอด กู่หนิวที่เห็นว่าทางตนกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมากะทันหันก็กระวนกระวาย แต่เมื่อรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆที่ข้อมือเขาก็นิ่งไป

    ด้วยเซียงเว่ยมีกิตติศัพท์เรื่องไม่ยอมพูดจากับคนนอก ทำให้ตัวแทนออกมาพูดครั้งนี้ย่อมเป็นหลงคุนเจ้าเก่า ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆก้าวออกมาด้านหน้าเล็กน้อย กิริยาทวงท่าสง่าขับให้อีกฝ่ายดูเป็นชนชั้นสูง หรืออีกแง่ก็คือพ่อบ้านมืออาชีพ

    “เรื่องที่คุณเฉากล่าวทำให้ทางเราตกใจจริงๆ ด้วยไม่คิดว่า ข่าว จะไปไวถึงขนาดนั้น”ถ้อยคำเน้นนั้นไม่ทำให้คนถูกกล่าวถึงเปลี่ยนสีหน้า หลงคุนเองก็ไม่คล้ายจะจับผิดอะไรนัก อีกฝ่ายหยิบกล่องสีดำแบบเดียวกับที่กู่หนิวเคยเห็นเมื่องานประชุมครั้งที่แล้วออกมา และเมื่อชายหนุ่มปลดล็อคออกจะเผยให้เห็นคริสตัลกลมกลิ้งสีม่วงใสแวววาวขนาดพอๆกับลูกปิงปองอยู่ข้างใน

    !!!

    ทุกสายตาอึ้งตะลึง แต่ก็ไม่ได้มากมายนักเมื่อเทียบกับครั้งก่อน คงเพราะช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้มีคริสตัลสีอื่นออกมาให้เห็นพอสมควร ดังนั้นครั้งนี้พวกคนที่มองอยู่จึงแค่ตกใจเล็กน้อย

    “นี่เป็นคริสตัลที่ทางป้อมของเราบังเอิญได้รับมาเมื่อวานนี้ ด้วยยังไม่ทันตรวจสอบ ทำให้ทางเราไม่ทราบว่าคริสตัลชนิดนี้มีความสามารถอะไร”หลงคุนพูดโกหกโดยไม่กะพริบตา ซึ่งในที่นั้น นอกจากกู่หนิวกับเซียงเว่ยแล้วก็ไม่มีใครรู้ความจริง กู่หนิวพยายามตีหน้านิ่ง เขานึกสงสัยว่าหลงคุนคิดจะทำอะไร

    “คุณหลง ไม่ทราบว่าคริสตัลนี้...”ผู้ร่วมประชุมท่านหนึ่งเอ่ยถามขึ้นเบาๆ โดยความนัยทำให้สายตาร้อนแรงหลายคู่จับจ้องไปยังชายหนุ่ม หลงคุนดันแว่นเบาๆแล้วกล่าวคำ

    “ทางเรามีเจตนาส่งคริสตัลนี้เข้าประมูล โดยขอแลกเปลี่ยนกับคริสตัลสีน้ำเงิน!

    คำเอ่ยที่ตรงประเด็นและชัดเจนนี้ทำให้หลายคนดีใจ ทางเฉาจู้เฉิงเมื่อได้ยินคำก็เลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

    “ถ้าหากทางป้อมไป่เหอยินดีแลกเปลี่ยนจริง ผมเองก็ดีใจ”

    “ทางเรายินดีแลกเปลี่ยนกับใครก็ตามที่หยิบยื่นคริสตัลสีน้ำเงินมาในจำนวนที่น่าพอใจ”หลงคุนตอบคำอย่างไม่สนใจความนัยที่แอบแฝงของอีกคน

    และไม่นานการประมูลที่ไม่ว่าสั้นหรือยาวก็ได้สิ้นสุด โดยคนที่ประมูลคริสตัลได้ไปเป็นคนของป้อมเพ่ยเพ่ย ซึ่งได้แลกเปลี่ยนกับคริสตัลสีน้ำเงินสิบสองอัน

    กู่หนิวฟังราคาแล้วเลือดซิบ ทั้งยังแอบชื่นชมหลงคุนที่มีความเป็นพ่อค้าสูงกว่าตนอีก เห็นอีกฝ่ายกล้าเอาของด้อยกว่าไปแลกเปลี่ยนของที่ดีกว่าโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ทั้งยังฟันกำไรยับอีกด้วย นับถือ นับถือ!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×