คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทสิบ พี่น้องพบพาน
"ไม่เป็นไรแล้วนะ"
คำสั้นๆพาให้หยาดไข่มุกร่วงหล่นจากดวงตาเด็กสาวอย่างไร้เสียง
จิ้นเฟยเห็นอย่างนั้นจึงหวังเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้
แต่ก่อนจะได้ทำอย่างนั้นก็ต้องกระเด็นล้มเมื่อถูกร่างหนึ่งพุ่งเข้าชน
อั่ก!
จิ้นเฟยนิ่วหน้ากับแรงกระแทกที่หลังก่อนหรี่ตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับร่าง
เมื่อเงยหน้าก็พบเงาร่างเล็กที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำยุ่งเหยิงกับชุดสีขาวเปื้อนโลหิต
ซึ่งไม่ทันมองให้ดีกว่านั้นก็พลันรับรู้ถึงเรี่ยวแรงมหาศาลที่บีบรัดลำคอแน่นจนหายใจไม่ออก
แต่อึดใจต่อมาก็พลันเข้าใจแน่ชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้คือตนเองกำลังโดนใครบางคนบีบคออยู่!
จิ้นเฟยเริ่มหน้าเขียว พยายามแกะมือขาวซีดที่บีบคอตนอยู่ออกแต่กลับทำได้ยากนัก
"ลุงเฟยช่วยทีสิ!"จิ้นเฟยที่กำลังจะขาดอากาศหายใจเรียกร้องความช่วยเหลือจากวิญญาณอีกดวงที่ยังคงสงบรับชมเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความนิ่งเฉย
"กับเรื่องแค่นี้เจ้ายังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากข้า
เห็นได้ชัดว่ายังฝึกมาไม่พอ"แม้จะพูดบ่น แต่สุดท้ายเฟยจิ่งก็เข้าคุมร่างแกะมือที่โอบรัดลำคออยู่ออกพร้อมใช้ขาถีบยันเข้าที่กลางท้องอีกฝ่ายส่งผลให้ร่างที่นั่งคร่อมในทีแรกกระเด็นไปไกล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดความโกลาหล
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายนี้ตงห่ายที่หายตัวไปในทีแรกได้ปรากฏตัวแล้วพูดสั่งให้ทหารคุมตัวคนที่ก่อเรื่องไว้
ทหารหลายคนตรงเข้าไปจับร่างที่นอนหงายอยู่
ซึ่งอีกฝ่ายพยายามสะบัดตัวดิ้นรนขัดขืนและด้วยเรี่ยวแรงที่เกินตัวทำให้ต้องใช้ทหารร่างโตถึงสามคนในการคุมร่างเล็กนั้นไว้
"ปล่อยข้า!"เสียบแหลมแหบแห้งร้องตะโกน
ตอนนี้เองที่จิ้นเฟยได้เห็นคนที่เกือบจะฆ่าตัวเองชัดๆ และก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กที่สูงพอๆกับลู่หลินเท่านั้น
ซึ่งชุดขาวที่ร่างนั้นสวมอยู่เปรอะเลอะด้วยคราบดินและรอยเลือด
ส่วนใบหน้าถูกคลุมด้วยเส้นผมสีดำเกรอะฝุ่นยุ่งเหยิง
สภาพเหมือนคนเพิ่งถูกทำร้ายมามากกว่าเป็นฝ่ายทำร้ายชาวบ้านซะอีก
จิ้นเฟยค่อยๆลุกขึ้นยืนพลางลูบคอตัวเองอย่างนึกปวดแสบ
ลู่หลินที่อยู่ไม่ไกลเขยิบเข้าใกล้หวังดูแผลให้ด้วยความเป็นห่วง
จิ้นเฟยกำลังจะลูบหัวปลอบว่าไม่เป็นไรก็เจอเสียงแหลมแห้งตะโกนเข้าขัด
"อย่าแตะต้องพี่สาวของข้านะ!"
พี่?
ทุกสายตามุ่งจับจ้องยังต้นเสียงที่ยังคงมีท่าทีแข็งกร้าว
จิ้นเฟยกะพริบตา
ยังไม่ทันเอ่ยอะไรร่างเล็กของลู่หลินกลับเดินตรงเข้าไปหาร่างที่ถูกจับกดให้นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
เมื่อไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างนั้น เด็กสาวก็ย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนค่อยๆใช้มือเล็กที่สั่นระริกปัดเส้นผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายออกอย่างแผ่วเบา
เบื้องหลังเส้นผมที่สกปรกนั่นคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและคราบเลือดแห้งกรัง โดยเฉพาะบริเวณดวงตาด้านขวาซึ่งปิดสนิท
ขณะที่ดวงตาอีกข้างเบิกกว้างและกำลังจับจ้องใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังใช้มือน้อยลูบแก้มตนอย่างไม่ละสายตา
จิ้นเฟยที่มองสถานการณ์อยู่ห่างๆสังเกตเห็นบางอย่าง นัยน์ตาข้างนั้น
แม้จะมีลักษณะหางตาชี้อย่างแฝงความหยิ่งทะนงซึ่งต่างกับดวงตากลมโตอันหวานซึ้งที่แฝงความโศกเศร้า
แต่ก็ยังมีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน
นัยน์ตาข้างนั้นมีสีเทาอ่อน...แบบเดียวกับลู่หลิน
"พี่สาว..."น้ำเสียงแหบแห้งที่อ่อนระโหยดังขึ้นแผ่วเบา
ซึ่งลู่หลินหลังได้ยินคำเรียกก็เข้ากอดเด็กชายแน่น
ทางพวกทหารเมื่อเห็นสถานการณ์เปลี่ยนก็ถอยห่างออกมา ปล่อยให้ร่างเล็กทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง
ทางเด็กชายเมื่อแขนถูกปล่อยเป็นอิสระก็ค่อยๆยกมือขาวซีดที่เลอะไปด้วยฝุ่นดินกอดตอบ
เมื่อฝ่ามือสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากแผ่นหลังบางที่สั่นไหวความรู้สึกบางอย่างก็ตีตื้อขึ้นมาที่อกจนรู้สึกร้อนที่กระบอกตา
"..พ..พี่..ลู่..หลิน.."
ถ้อยคำแหบเครือที่กลั่นออกมาแฝงด้วยความรู้สึกและคำพูดมากมายเอาไว้
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกระชับฝ่ามือที่แผ่นหลังเด็กชายก็ซุกใบหน้าลงกับไหล่ของร่างเล็ก
ก่อนปล่อยให้น้ำตาสายหนึ่งไหลรินจากดวงตาข้างที่เหลืออยู่...
พอเหตุการณ์เริ่มสงบ ตงห่ายก็สั่งการให้ทหารจัดการแยกกลุ่มผู้หญิงที่ถูกจับมาขายออกเป็นสองกลุ่มแล้วคุ้มกันไปยังที่ปลอดภัย
ขณะเดียวกันก็สั่งคุมตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานประมูลไปกักไว้เพื่อสอบสวนภายหลัง
จิ้นเฟยยืนชมภาพการสั่งการที่เฉียบขาดของอีกฝ่ายอยู่ห่างๆอย่างนึกชื่นชม ซึ่งเมื่อจัดการกับเรื่องต่างๆเสร็จร่างสูงก็ตรงเข้ามาหาจิ้นเฟยโดยมีร่างของทหารนายหนึ่งติดตามมา
"วันนี้ดึกแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ
ไว้พรุ่งนี้พี่เสร็จธุระแล้วจะไปหา"ตงห่ายใช้น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าว
จิ้นเฟยพยักหน้ารับเพราะรู้ดีว่าตนอยู่ไปก็รังแต่จะเกะกะ
ทว่าทหารร่างโตที่ชื่อเถาเถาก็พูดค้านขึ้น
"เฮ้ย ไป่หมิง ดึกป่านนี้เจ้าคิดจะให้เจ้าหนูนี่กลับบ้านคนเดียวจริงๆน่ะเหรอ?"พอเห็นตงห่ายไม่ตอบคำ ชายร่างโตก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ
ก่อนนิ่วคิ้วเสนอ
"ถ้ายังไงก็ให้น้องชายเจ้าไปพักที่โรงเตี๊ยมกับพวกเราแทนแล้วกัน"
แม้คำพูดจะเต็มไปด้วยความหวังดี
แต่งานนี้จิ้นเฟยรับความหวังดีนั้นไม่ได้
"ขอบคุณพี่ชายเถาเถาที่เป็นห่วง แต่ว่าวันนี้ข้าแอบหนีมาเที่ยวโดยไม่ได้บอกใคร
หากไม่รีบกลับคงได้โดนคนที่บ้านดุเอาแน่
แต่ถ้าข้ากลับไปตอนนี้คงพอได้อ้างชื่อพี่สี่ได้บ้าง"ถ้อยคำซุกซนที่แฝงแผนการทำให้คนโดนพาดพิงเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
"โฮ่ เจ้าหนูนี่ฉลาดไม่เบานี่"เถาเถาว่าอย่างถูกใจ
ก่อนจะถามอย่างนึกขึ้นได้ "จริงสิ เจ้าหนู เจ้าชื่ออะไร?"
คำถามนี้เรียกสายตาตงห่ายให้มองตรงมา เมื่อมองสบสายตาคู่นั้นจิ้นเฟยก็เข้าใจความหมายจึงหันไปส่งยิ้มกว้างและตอบคำถามทหารร่างโตด้วยเสียงดังฟังชัด
"ข้าชื่อเฟยขอรับ
ขอบคุณพี่ชายเถาเถาที่คอยดูแลพี่ชายข้า
ตั้งแต่พี่สี่จากไปก็ไม่ยอมส่งข่าวกลับมาเลยทำให้ข้าเป็นห่วงมาก
แต่เมื่อได้พบกันวันนี้ ได้เห็นพี่สบายดีข้าก็สบายใจแล้ว"
คำพูดไหลลื่นดังสายน้ำ
ซึ่งจิ้นเฟยไม่ต้องใช้สมองคิดคำโกหกให้มากมาย
เพราะทุกสิ่งที่พูดออกไปนั้นเป็นความรู้สึกลึกๆของเด็กชายตัวน้อยซึ่งถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง
มันเป็นความรู้สึกตลอดสามปีขององค์ชายเก้าเฟิงจิ้นที่มีต่อองค์ชายสี่ตงห่าย
อย่างที่เคยบอกว่าร่างนี้มีความทรงจำตกค้างอยู่มาก
แต่ที่มากกว่าความทรงจำคืออารมณ์และความรู้สึกนึกคิด
ยามที่หวนนึกถึงเรื่องบางอย่างอารมณ์และความรู้สึกยามที่องค์ชายน้อยได้เผชิญก็ส่งผ่านความทรงจำมาด้วยเช่นกัน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่จิ้นเฟยค่อนข้างสนิทใจในการพูดคุยกับร่างสูง ขณะที่ทางเฟยจิ่ง
แม้จะรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของอดีตเจ้าของร่าง แต่ก็ไม่ได้หลงไปกับสิ่งเหล่านั้น
อีกฝ่ายตัดความรู้สึกที่ไม่ใช่ของตนเองทิ้งแล้วใช้สมองที่เป็นกลางตัดสินใจเรื่องต่างๆ
ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่ได้ลดการป้องกันที่มีต่อตงห่ายลงเหมือนอย่างจิ้นเฟย
ตงห่ายที่ฟังคำพูดนั้นแล้วนิ่งเงียบไป
ขณะที่เถาเถาตบหนักๆลงบนบ่าเล็กแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ
"ไม่ต้องห่วงเจ้าหนูเฟย
ข้าจะดูแลพี่เจ้าอย่างดีเลย!"
คำสัญญาที่จิ้นเฟยพยักหน้ารับ ขณะที่ในใจนึกขำอีกฝ่ายว่าดูแลประสาอะไรถึงพยายามลากตัวไปทิ้งที่หอโคม
นี่ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าคนที่ตัวเองแกล้งตบหัวตบไหล่เป็นถึงองค์ชายจะทำหน้ายังไงกันนะ?
หมดเรื่องแล้วจิ้นเฟยก็โค้งตัวลาตงห่ายและเถาเถา
ก่อนเลื่อนสายตามองไปยังลู่หลินซึ่งกำลังใช้ผ้าสะอาดเช็ดหน้าผู้เป็นน้องชายอยู่ไม่ไกล
อยู่ที่นี่คงปลอดภัยแล้วล่ะนะ
"ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน พี่สี่
พี่ชายเถาเถา รักษาตัวด้วย"จิ้นเฟยโค้งลา
ซึ่งทั้งสองพยักหน้ารับแล้วกำชับให้กลับระวังๆ
ขณะที่หมุนตัวกลับเตรียมจากไปนั้นเอง
หมับ!
ความรู้สึกชายเสื้อถูกดึงรั้งส่งผลให้จิ้นเฟยชะงักเท้า
เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นลู่หลินที่ยึดไว้ มองฝ่ามือเล็กที่กำชายเสื้อตัวเองไว้แน่นจิ้นเฟยก็เลิกคิ้ว
ร่างเล็กขยับริมฝีปากคล้ายต้องการเอ่ยถ้อยคำแต่ก็ไม่มีเสียงใดลอดออกมาจึงเม้มปากแน่น
จิ้นเฟยเห็นท่าทางนั้นจึงยื่นมือขวาไปให้ ลู่หลินมองฝ่ามือขาวตรงหน้าแล้วราวกับเห็นภาพทับซ้อนกับภาพเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วยามก่อน
หากไม่ใช่มือนี้ที่ยื่นเข้ามาช่วยเหลือ...
ลู่หลินก้มหน้าต่ำลงก่อนใช้มือหนึ่งปะคองฝ่ามือใหญ่ไว้
อีกข้างก็เขียนตวัดตัวอักษรลงไป
'ขอบคุณ'
"เรื่องในวันนี้ข้าไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
ถ้าจะขอบคุณก็ขอบคุณพี่สี่กับพวกพี่ๆทหารแทนจะดีกว่า"จิ้นเฟยว่าอย่างขำๆเมื่อรับรู้สิ่งที่ร่างเล็กต้องการบอก
ฝ่ายเด็กสาวสั่นหัวเหมือนไม่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น
ตอนนี้เองที่ชายเสื้ออีกข้างถูกดึงด้วยแรงที่มากกว่า
พอหันไปดูก็พบกับร่างเล็กของเด็กชายหน้าตามอมแมมที่ตอนนี้ปัดผมไปด้านขวาจนเห็นใบหน้าซีกซ้ายที่ปลอดภัยไร้ราคี
พอใช้น้ำสะอาดล้างออกก็เผยให้เห็นเชื้อผู้ดีลางๆ
จิ้นเฟยมองใบหน้าเล็กที่ส่อแววหล่อในอนาคตทำท่าขมวดคิ้วแน่นหน้าตาขึงขัง
"เรื่องก่อนหน้านี้...ข้าขอโทษด้วย
ถึงข้าจะตั้งใจฆ่าเจ้าจริงๆก็ตาม"
น้ำเสียงยามกล่าวกับคำพูดที่เหมือนว่าอย่างขอไปทีทำให้ฝ่ายโดนขอโทษมุมปากกระตุก
ก่อนจิ้นเฟยจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังพูดไม่จบ
"แล้วก็...ขอบคุณที่ช่วยพี่ของข้าไว้"ท่าทางขมวดคิ้วหนักยามพูดของเด็กชายตัวน้อยกับอาการเบือนหน้าเลี่ยงหลบสายตาตนส่งผลให้จิ้นเฟยหลุดขำเล็กๆอย่างนึกเอ็นดู
ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวเราะก็หันขวับมามองจิ้นเฟยตาขวางทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงติดกร้าว
"อย่าเข้าใจผิดล่ะ บุญคุณนี่ก็เรื่องหนึ่ง
แต่จากนี้ต่อไปห้ามมาทำตัวสนิทสนมกับพี่ลู่หลินของข้าอีก!"
ซิสค่อน!
จิ้นเฟยได้ยินคำพูดที่กางปีกกั้นไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้พี่สาวตัวเองของอีกฝ่ายคิดในใจพลางส่ายหน้า
ก่อนไอเดียบางอย่างจะพุ่งเข้ามาในหัว
ซึ่งเจ้าตัวก็รีบซ่อนยิ้มร้ายแล้วปั้นหน้าใสซื่อกล่าว
"อย่างนั้นเหรอ? แสดงว่าจากนี้ไปข้าคงไม่ได้เจอลู่หลินอีกแล้วสินะ?
แย่จัง..."น้ำเสียงเศร้าเสียดายทำให้ลู่หลินที่ได้ฟังมีสีหน้าหม่นลง
เด็กชายมองท่าทีพี่สาวตนเองอย่างแตกตื่น
ฝ่ายจิ้นเฟยเห็นสถานการณ์ก็ล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบพัดที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อไม่นานออกมายื่นให้เด็กสาว
พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน
"ในเมื่อต่อไปคงไม่ได้เจอกันอีก
ข้าขอมอบพัดนี่ให้เป็นของดูต่างหน้า หากวาสนามีจริงเราคงได้พบพานกันอีก"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่หลินจึงยื่นมือออกไปรับพัดเล่มนั้นมาถือแนบอก
เด็กชายเห็นอย่างนั้นก็รีบพูดไล่ "เจ้าจะไปไหนก็ไปเลยไป!"
จิ้นเฟยฟังคำพูดนั้นแล้วแกล้งถอนหายใจ
"รีบไล่ข้าซะจริงนะ ช่างเถอะ
ก่อนจะไปข้ามีของขวัญให้เจ้าเหมือนกัน"คนฟังมีสีหน้าสงสัย จิ้นเฟยแกล้งยกมือขวาที่กำอยู่เบี่ยงออกไปด้านข้างพร้อมค่อยๆแบออก
ซึ่งเมื่อเด็กชายหันมองตามร่างโปร่งก็ฉวยโอกาสนั้นก้มลงหอมดังฟอดก่อนดีดตัวหนีออกมา
"เจ้า...!"ฝ่ายโดนฉวยโอกาสกุมแก้มขวาตนก่อนชี้หน้าผู้กระทำอย่างสรรหาคำด่าไม่ออก
จิ้นเฟยยิ้มกริ่มโบกมือให้เด็กชายพลางวิ่งจากไป
"นี่คือของขวัญจากลามอบให้เจ้า ลาก่อนเด็กน้อย
ไว้เจอกันใหม่"เสียงหัวเราะร่าค่อยๆเงียบหายไปทิ้งให้คนมองอึ้งตะลึง
"น้องชายเจ้านิยมบุรุษหรือ?"เถาเถาที่คลายจากอาการตะลึงพึมพำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
ขณะที่ตงห่ายที่อยู่ในคราบไป่หมิงเหม่อมองเส้นทางที่ร่างของน้องชายต่างมารดาตัวน้อยจากไปด้วยสายตาประหลาดใจ
ดูท่าห้าปีที่ผ่านพ้นไป
ได้เปลี่ยนให้เด็กชายผู้เย่อหยิ่งเอาแต่ใจคนนั้นให้กลายเป็นเด็กหนุ่มที่ร่าเริงช่างหยอกล้อแทนเสียแล้ว
แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีล่ะนะ
ความคิดเห็น