ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หน่วยพิฆาตอาชาสวรรค์
"ไอ้สารเลวนี่ พวกเราเล่นมันเลยโว้ยย!"
เมื่อได้เห็นสภาพการตายของผู้เป็นนาย เหล่าลูกน้องก็โกรธจัดพุ่งตรงเข้าไปหาเจ้านั่นหมายจะแก้แค้นให้กับราฟาให้จงได้ แต่ไม่ว่าจะกรูกันเข้ามาสักกี่คนก็หาใช่คู่มือของมันไม่ เมื่อชายคนนั้นสะบัดท่อนแขนเบา ๆ พวกทหารก็กระเด็นกระดอนไม่เป็นท่า มิหนำซ้ำสภาพของแต่ละคนก็ดูไม่ได้ แขนบิดขางอ บ้างก็ไหล่หลุดเอวเคลื่อน หมดพิษสงไปตาม ๆ กัน พวกแนวหลังเมื่อเห็นดังนี้ก็ไม่กล้าพลีพลามเข้าไปใกล้เจ้านี่อีก
"พวกเจ้าพอแค่นี้เถอะ!"
องค์หญิงรีบออกคำสั่งกับพวกที่ยังเหลืออยู่ แม้ว่าตัวราฟาจะชั่วช้าเพียงใด แต่ทหารเหล่านี้ก็เพียงทำไปตามหน้าที่เท่านั้น และนางยังไม่รู้สึกถึงจิตอันชั่วร้ายจากตัวชายคนดังกล่าว และเมื่อทุกคนยืนอยู่กับที่แล้ว เจ้านั่นก็กลับมาอยู่ในโหมดเซื่องซึมไม่ขยับตัวตามเดิม ดูเหมือนว่าหากไม่มีใครเข้ามาคุกคามมันก็จะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ คราวนี้พวกทหารเลยหันไปเล่นงานองค์หญิงอันเป็นเป้าหมายตามเดิมแทน
"จับตัวองค์หญิงเอาไว้ให้ได้!"
ทุกคนตรงดิ่งเข้ามาหามาเรียที่ยังบาดเจ็บอยู่ แน่นอนว่านางไม่สามารถต้านทานกำลังของอีกฝ่ายได้แน่ ทว่าสิ่งที่ผิดคาดก็คือเจ้านั่นจู่ ๆ ก็ตรงเข้ามาขวางทางเอาไว้เสียก่อน
"เฮ้ยแกหลบไปชิ่ว ๆ"
พวกมันได้แต่พยายามออกปากไล่เจ้านั่นเพราะไม่กล้าลงมือทำอะไร ด้วยรู้พิษสงของอีกฝ่ายดีจากสภาพของรองขุนพล และเมื่อต่างฝ่ายต่างยืนดูท่าทีก็ทำให้ไม่มีใครกล้าขยับเขยี้อนอีก ในสภาวะสูญญากาศเช่นนี้มาเรียมองดูชายปริศนาอย่างฉงนใจ
"เจ้าชื่ออะไรหรือ?"
"ชื่อของข้า... ริว... จิน..."
ริวจิน ตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบาคล้ายกระซิบ และในช่วงจังหวะนั้นเองที่แววตาของมันส่องประกายวิบวับต่างกับที่ผ่านมา ราวกับว่ามันได้นึกถึงเรื่องสำคัญยิ่งยวดบางประการที่เคยหลงลืมมาตลอดออก มาเรียเห็นดังนั้นจึงได้คว้าข้อมือของเขาเอาไว้
"ริวจิน... ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าเราทั้งสองจะไม่เป็นที่ต้อนรับของที่นี่ไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้นรีบหนีออกไปจากที่นี่กันเถอะ!"
หนึ่งคือองค์หญิงสูงศักดิ์ผู้ถูกป้ายสีว่าเป็นคนทรยศ อีกหนึ่งคือนักโทษจองจำปริศนาที่ถูกจับขังลืมในชั้นใต้ดิน แม้ทั้งคู่ได้มาพบกันท่ามกลางห้วงเวลาอันแปลกประหลาดเช่นนี้ทว่าพวกเขากลับมีความคล้ายคลึงกันอย่างคาดไม่ถึง และตอนนี้มาเรียก็ยื่นข้อเสนอในการเอาตัวรอดออกจากที่นี่พร้อมกับกับนาง
"ตรงที่มีแสงลอดเข้ามานั่นไง! มันจะต้องมีทางออกไปจากที่นี่ได้แน่ ๆ"
องค์หญิงชี้ให้เห็นแสงสว่างซึ่งลอดผ่านช่องว่างลงมายังห้องขังแห่งนี้ หากค่อย ๆ ปีนขึ้นไปตามทางนั้นล่ะก็ต้องพบกับทางออกสู่เบื้องบนได้แน่ เหล่าทหารเองก็ลังเลที่จะไล่ตามเพราะกลัวฝีมือของอีกฝ่าย
"หนีออกไป..."
"เอ้ามัวทำอะไรอยู่ล่ะริวจิน! เจ้าจะยอมถูกขังลืมข้างใต้นี้ต่อไปงั้นหรือ?"
มาเรียเร่งเร้าให้ริวจินรีบตามนางออกไป เจ้านั่นยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะยอมทำตามอย่างว่าง่าย แถมก่อนจะออกไปยังแอบเหลือบมองไปที่พวกทหาร ซึ่งก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวางการหลบหนีแต่อย่างใด กระทั่งทั้งคู่อาศัยแสงสว่างที่ส่องลอดลงมา สามารถปีนหนีออกไปตามแยกของผนังและเพดานได้ในที่สุด
@@@@@@@@@@@@
ครึ่งวันพ้นผ่าน หลังจากที่พวกทหารได้นำศพของราฟากลับออกมาจากคุกใต้ดินและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้องค์หญิงฟาเรียได้ทราบโดยละเอียดแล้ว สถานการณ์ในปราสาทก็ลดความตึงเครียดลงเล็กน้อย มีเพียงทหารสองสามกองและทหารองค์รักษ์ถูกสั่งให้ตรึงกำลังไว้ภายใน นอกจากนั้นก็ให้ไปติดประกาศแจ้งข่าวสารแก่ปวงประชาถึงความเลวร้ายขององค์หญิงคนรองในทันที ป้ายข่าวที่มีใบหน้าของมาเรียและคนคุกถูกนำไปติดไว้ตามพื้นที่สาธารณะทั่วอาณาจักร ช่วยแพร่กระจายข่าวสารไปในหมู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหากใครบังอาจให้ความช่วยเหลือกับผู้ทรยศก็จักต้องได้รับโทษแบบเดียวกันไปด้วย
"หนอยแน่ะไอ้สารเลวนั่นมันหนีรอดไปจนได้สินะ แต่ข้าจะรอดูว่าน้ำหน้าอย่างมันจะหนีรอดไปได้สักกี่น้ำกัน?"
ฟาเรียเดินวนไปมาในห้องโถงใหญ่ของปราสาทอย่างร้อนรน นางสบถเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปมาสักเกือบสิบรอบได้แล้ว แถมยังออกคำสั่งให้ลงโทษพวกทหารที่ปล่อยให้คนร้ายหนีรอดไปได้ด้วยการจับทุกคนแขวนคอบนหอคอยของปราสาททั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
"ท่าทางร้อนใจนะขอรับองค์หญิง ทั้ง ๆ ที่เรียกพวกเรามากันพร้อมหน้าแบบนี้น่ะ"
ชายหนุ่มท่าทางอวดดีคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างบนขอบหน้าต่างปราสาท มันเผยรอยยิ้มอันชวนสยดสยองขวัญออกมา ใกล้กันนั้นยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์อีกราวหกหกคนยืนพิงกำแพงอยู่ด้วย พวกมันทุกคนล้วนสวมเครื่องแต่งกายแบบเดียวกันและมีผ้าคลุมสีขาวสลักลวดลายม้าบินสีเขียวไว้ที่กลางหลัง และแต่ละคนล้วนมีร่างกายกำยำแฝงออร่าน่าเกรงขามทั้งสิ้น
"หุบปากของเจ้าซะไซออน! ไม่ได้ยินที่พวกทหารเล่าหรือว่าไอ้คนคุกนั่นมันจัดการราฟาได้ในกระบวนท่าเดียวเลยนะ!"
ไซออน ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหว เช่นเดียวกับบริวารคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ทั้งหมดเปล่งเสียงหัวเราะออกมาแทบจะพร้อมกันเลยทีเดียว เล่นเอาองค์หญิงคนโตถึงกับออกอาการฉุนเฉียว
"มีอะไรน่าขำ! พวกเจ้าไม่รู้รึไงว่าข้ากำลังกังวลใจแค่ไหนน่ะ!"
เมื่อเห็นฟาเรียหงุดหงิดทุกคนจึงต้องคุกเข่าลงเบื้องหน้าในทันทีด้วยเกรงอาญามิพ้นเกล้า เว้นเสียแต่ไซออนเท่านั้นที่ยังทำท่านิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนเช่นเดิม
"ถ้าพวกข้าเอาจริง กระจอกอย่างราฟาแค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการได้เช่นกัน..."
ทีแรกฟาเรียว่าจะจัดการลงโทษในท่าทีสามหาวของพวกมัน แต่เมื่อได้เห็นความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมของลูกน้องที่ตนอุตส่าห์ชุบเลี้ยงมาเพราะเห็นแววในฝีมือจึงได้ล้มเลิกความตั้งใจไป องค์หญิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประกาศออกไปว่า
"ในเมื่อพวกเจ้ามั่นใจถึงขนาดนั้นก็จงนำศีรษะของน้องสาวผู้ทรยศมาให้ข้าโดยเร็วที่สุด อย่าลืมนะว่าหากทำไม่ได้ตามที่พูดล่ะก็ ที่จะหลุดจากบ่าคือหัวของพวกเจ้าแทน!"
ไซออนโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่งไปยังหน่วยลับอาชาสวรรค์ซึ่งเป็นทีมพิฆาตศัตรูอย่างลับ ๆ ขึ้นตรงต่อฟาเรียแต่เพียงผู้เดียว พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่ถูกคัดสรรมาอย่างเข้มงวด ผ่านการเคี่ยวกรำฝึกฝนด้วยวินัยอันเคร่งครัดจนสามารถรับบัญชาให้ไปลอบสังหารผู้ใดก็ได้ที่ต้องสงสัยว่าอาจคิดร้ายต่อราชบัลลังก์หรือต่อฟาเรียเอง ทีแรกนางไม่ยอมใช้กลุ่มนี้ทำงานก็เพราะไม่อยากให้ใครทราบถึงการมีอยู่ของทีม อีกทั้งต้องการจะหักหน้าประจานน้องสาวต่อธารกำนัลจึงเลือกใช้งานขุนพลบลูแทน ไม่นึกว่าเจ้าโง่นั่นจะทรยศหักหลังความเชื่อใจของตนได้
"รับรองว่าท่านจะได้เห็นผลงานเป็นที่พึงพอใจในเร็ววันนี้แน่นอนพะย่ะค่ะ ว่าแต่แล้วบุคคลท่านนั้นเราควรจะทำอย่างไรกับเขาดีหรือขอรับ?"
ในห้องโถงนั้นนอกจากฟาเรียและหน่วยพิฆาตแล้ว ยังมีบุรุษร่างใหญ่ที่ถูกตรึงแขนขาไว้กับกำแพงฝั่งหนึ่งด้วยโซ่ตรวนขนาดมหึมาไม่แพ้ที่ใช้ยึดร่างของริวจินเลยสักนิด และชายคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากหนึ่งในเจ้าขุนพลบลูนั่นเอง เขามิได้พ่ายแพ้ให้แก่กองทหาร หากแต่ยอมเสนอตัวให้ถูกจับกุมเสียเองในข้อหาขัดคำสั่งของนายเหนือหัว
"ปล่อยเอาไว้แบบนั้นแหละ พรุ่งนี้ข้าว่าจะนำตัวมันออกไปนอนตากแดดที่ด้านนอกเสียหน่อย หึหึ... กล้าขัดคำสั่งของข้าแบบนี้อย่านึกว่าจะได้ตายดีนะ!"
ฟาเรียบัญชาพวกทหารจับตรึงร่างของขุนพลเอาไว้ และวางแผนว่าจะนำตัวมันออกไปผูกตรึงกับเสาเหล็กกลางแจ้งให้อาบแดดร้อน ๆ ยามเที่ยงวัน เพื่อประจานให้ขายหน้าต่อสาธารณชนและข่มขู่ว่ามิให้ผู้ใดละเมิดคำสั่งของนางอีกเป็นอันขาด!
"ตามแต่ท่านจะบัญชา ว่าแต่ก่อนอื่นให้ข้าช่วยกำจัดพวกหนูสกปรกแถวนี้ก่อนเลยมั้ยขอรับ?"
ไซออนเหลียวมองไปที่ประตูทางเข้าห้องโถงซึ่งมีกลุ่มทหารแอบซ่อนตัวรอจังหวะลอบจู่โจมอยู่ พวกมันน่าจะเป็นหน่วยที่จงรักภักดีต่อมาเรียอย่างแน่นอน เมื่อเห็นนายเหนือหัวถูกป้ายสีถึงขนาดนี้ก็อดรนทนไม่ไหว ต้องออกโรงเล่นงานศัตรูในทันทีแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงองค์หญิงคนโตแห่งราชอาณาจักรก็ตาม
"แกไอ้ฟาเรีย! แกบังอาจใส่ความน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรืออย่างไรกันหา!!!"
กลุ่มชายฉกรรจ์ตรงเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือหมายเล่นงานอีกฝ่ายในทันที โชคดีที่มีหัวหน้าหน่วยอาชาสวรรค์อยู่ด้วย พวกมันจึงหมดสิทธิ์ทำอันตรายเป้าหมายได้ เพราะในเวลาแค่ชั่วกะพริบตา อาวุธที่ถืออยู่ในมือก็แตกหักพังทลายไปตาม ๆ กัน ไม่เพียงเท่านั้นกระทั่งดวงตาของทุกคนก็ถูกกระชากออกจากเบ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วตัวปราสาทเลยทีเดียว
"ถ้าคิดจะมาเล่นงานองค์หญิงล่ะก็ วันหลังช่วยหาพวกที่มีกระดูกมาหน่อยนะ ไอ้กระจอกแบบนี้ต่อให้ขนมาทั้งกองทัพก็ไม่ครณามือข้าหรอก ฮ่า ๆ"
ไซออนกล่าวเยาะเย้ยในขณะที่เขวี้ยงลูกนัยน์ตาซึ่งควักออกมาสด ๆ ให้กลิ้งเกลื่อนพื้น ความโหดเหี้ยมของมันนั้นแม้แต่ฟาเรียยังต้องเบือนหน้าหนี ทว่าพวกทหารหาญแม้จะสูญเสียทั้งอาวุธและแสงสว่างไปแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกมันกรูกันเข้ามาหมายจะจัดการขย้ำศัตรูตรงหน้าให้จงได้ ไซออนจึงต้องลงมือขั้นเด็ดขาดด้วยการใช้กระบวนท่าปิดฉาก กระชากคอหอยของพวกมันขาดกระจุยกระจาย เลือดสด ๆ พุ่งสาดไปทั่วบริเวณส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปในอากาศทันที และแล้วศัตรูทางการเมืองของฟาเรียก็จบชีวิตลงจนหมดสิ้น
"ยอดเยี่ยมมาก... ว่าแต่คราวหลังเจ้าช่วยเก็บกวาดงานให้เรียบร้อยกว่านี้ได้หรือไม่? เห็นไหมว่าห้องโถงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสกปรกของพวกมันเต็มไปหมดแบบนี้น่ะ!"
"ขออภัยขอรับองค์หญิง พอดีว่าข้ามันเป็นพวกออมมือไม่ค่อยเป็นเสียด้วย"
หัวหน้าหน่วยยิ้มกริ่มด้วยความพอใจที่ได้สำแดงฝีมือให้ผู้เป็นนายเห็น มันกล่าวอำลาฟาเรียก่อนจะหันหลังเดินจากไป ด้านขุนพลบลูเมื่อได้เห็นคนที่เคยพวกพ้องกันมาก่อนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนี้ก็ได้แต่เศร้าใจ หรือว่าอนาคตของอาณาจักรแห่งนี้จักต้องจบสิ้นลงในยุคของเขาจริง ๆ กันแน่นะ?
"หึหึ... เท่านี้พวกแกก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อนอีกแล้ว ข้าจะคอยดูว่าหน่วยอาชาสวรรค์จะลากตัวแกมาให้ข้าได้เมื่อไหร่ รับรองเลยว่าจะไม่ได้ตายดีแน่ ๆ น้องของข้าเอย!"
ทีแรกฟาเรียยังเป็นกังวลเรื่องฝีมือของคนคุกนั่น แต่เมื่อได้เห็นความเก่งกาจไม่เป็นสองรองใครของหัวหน้าหน่วยพิฆาตแล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที และตอนนี้นังคนทรยศนั่นจะถูกตามจับตัวได้เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นแล้ว
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น