ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤทธิ์หมัดมังกรราชันสยบฟ้า

    ลำดับตอนที่ #4 : หน่วยพิฆาตอาชาสวรรค์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 196
      9
      7 ก.ย. 62


         "ไอ้สารเลวนี่  พวกเราเล่นมันเลยโว้ยย!"

         เมื่อได้เห็นสภาพการตายของผู้เป็นนาย  เหล่าลูกน้องก็โกรธจัดพุ่งตรงเข้าไปหาเจ้านั่นหมายจะแก้แค้นให้กับราฟาให้จงได้  แต่ไม่ว่าจะกรูกันเข้ามาสักกี่คนก็หาใช่คู่มือของมันไม่  เมื่อชายคนนั้นสะบัดท่อนแขนเบา ๆ พวกทหารก็กระเด็นกระดอนไม่เป็นท่า  มิหนำซ้ำสภาพของแต่ละคนก็ดูไม่ได้  แขนบิดขางอ  บ้างก็ไหล่หลุดเอวเคลื่อน  หมดพิษสงไปตาม ๆ กัน  พวกแนวหลังเมื่อเห็นดังนี้ก็ไม่กล้าพลีพลามเข้าไปใกล้เจ้านี่อีก

         "พวกเจ้าพอแค่นี้เถอะ!"

         องค์หญิงรีบออกคำสั่งกับพวกที่ยังเหลืออยู่  แม้ว่าตัวราฟาจะชั่วช้าเพียงใด  แต่ทหารเหล่านี้ก็เพียงทำไปตามหน้าที่เท่านั้น  และนางยังไม่รู้สึกถึงจิตอันชั่วร้ายจากตัวชายคนดังกล่าว  และเมื่อทุกคนยืนอยู่กับที่แล้ว  เจ้านั่นก็กลับมาอยู่ในโหมดเซื่องซึมไม่ขยับตัวตามเดิม  ดูเหมือนว่าหากไม่มีใครเข้ามาคุกคามมันก็จะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ  คราวนี้พวกทหารเลยหันไปเล่นงานองค์หญิงอันเป็นเป้าหมายตามเดิมแทน

         "จับตัวองค์หญิงเอาไว้ให้ได้!"

         ทุกคนตรงดิ่งเข้ามาหามาเรียที่ยังบาดเจ็บอยู่  แน่นอนว่านางไม่สามารถต้านทานกำลังของอีกฝ่ายได้แน่  ทว่าสิ่งที่ผิดคาดก็คือเจ้านั่นจู่ ๆ ก็ตรงเข้ามาขวางทางเอาไว้เสียก่อน

         "เฮ้ยแกหลบไปชิ่ว ๆ"

         พวกมันได้แต่พยายามออกปากไล่เจ้านั่นเพราะไม่กล้าลงมือทำอะไร  ด้วยรู้พิษสงของอีกฝ่ายดีจากสภาพของรองขุนพล  และเมื่อต่างฝ่ายต่างยืนดูท่าทีก็ทำให้ไม่มีใครกล้าขยับเขยี้อนอีก  ในสภาวะสูญญากาศเช่นนี้มาเรียมองดูชายปริศนาอย่างฉงนใจ

         "เจ้าชื่ออะไรหรือ?"

         "ชื่อของข้า... ริว... จิน..."

         ริวจิน ตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบาคล้ายกระซิบ  และในช่วงจังหวะนั้นเองที่แววตาของมันส่องประกายวิบวับต่างกับที่ผ่านมา  ราวกับว่ามันได้นึกถึงเรื่องสำคัญยิ่งยวดบางประการที่เคยหลงลืมมาตลอดออก  มาเรียเห็นดังนั้นจึงได้คว้าข้อมือของเขาเอาไว้

         "ริวจิน... ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม  แต่ดูเหมือนว่าเราทั้งสองจะไม่เป็นที่ต้อนรับของที่นี่ไปเสียแล้ว  เพราะฉะนั้นรีบหนีออกไปจากที่นี่กันเถอะ!"

         หนึ่งคือองค์หญิงสูงศักดิ์ผู้ถูกป้ายสีว่าเป็นคนทรยศ  อีกหนึ่งคือนักโทษจองจำปริศนาที่ถูกจับขังลืมในชั้นใต้ดิน  แม้ทั้งคู่ได้มาพบกันท่ามกลางห้วงเวลาอันแปลกประหลาดเช่นนี้ทว่าพวกเขากลับมีความคล้ายคลึงกันอย่างคาดไม่ถึง  และตอนนี้มาเรียก็ยื่นข้อเสนอในการเอาตัวรอดออกจากที่นี่พร้อมกับกับนาง

         "ตรงที่มีแสงลอดเข้ามานั่นไง! มันจะต้องมีทางออกไปจากที่นี่ได้แน่ ๆ"

         องค์หญิงชี้ให้เห็นแสงสว่างซึ่งลอดผ่านช่องว่างลงมายังห้องขังแห่งนี้  หากค่อย ๆ ปีนขึ้นไปตามทางนั้นล่ะก็ต้องพบกับทางออกสู่เบื้องบนได้แน่  เหล่าทหารเองก็ลังเลที่จะไล่ตามเพราะกลัวฝีมือของอีกฝ่าย

         "หนีออกไป..."

         "เอ้ามัวทำอะไรอยู่ล่ะริวจิน! เจ้าจะยอมถูกขังลืมข้างใต้นี้ต่อไปงั้นหรือ?"

         มาเรียเร่งเร้าให้ริวจินรีบตามนางออกไป  เจ้านั่นยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะยอมทำตามอย่างว่าง่าย  แถมก่อนจะออกไปยังแอบเหลือบมองไปที่พวกทหาร  ซึ่งก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวางการหลบหนีแต่อย่างใด  กระทั่งทั้งคู่อาศัยแสงสว่างที่ส่องลอดลงมา  สามารถปีนหนีออกไปตามแยกของผนังและเพดานได้ในที่สุด 


    @@@@@@@@@@@@


         ครึ่งวันพ้นผ่าน  หลังจากที่พวกทหารได้นำศพของราฟากลับออกมาจากคุกใต้ดินและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้องค์หญิงฟาเรียได้ทราบโดยละเอียดแล้ว  สถานการณ์ในปราสาทก็ลดความตึงเครียดลงเล็กน้อย  มีเพียงทหารสองสามกองและทหารองค์รักษ์ถูกสั่งให้ตรึงกำลังไว้ภายใน  นอกจากนั้นก็ให้ไปติดประกาศแจ้งข่าวสารแก่ปวงประชาถึงความเลวร้ายขององค์หญิงคนรองในทันที  ป้ายข่าวที่มีใบหน้าของมาเรียและคนคุกถูกนำไปติดไว้ตามพื้นที่สาธารณะทั่วอาณาจักร  ช่วยแพร่กระจายข่าวสารไปในหมู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว  แน่นอนว่าหากใครบังอาจให้ความช่วยเหลือกับผู้ทรยศก็จักต้องได้รับโทษแบบเดียวกันไปด้วย

         "หนอยแน่ะไอ้สารเลวนั่นมันหนีรอดไปจนได้สินะ  แต่ข้าจะรอดูว่าน้ำหน้าอย่างมันจะหนีรอดไปได้สักกี่น้ำกัน?"

         ฟาเรียเดินวนไปมาในห้องโถงใหญ่ของปราสาทอย่างร้อนรน  นางสบถเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปมาสักเกือบสิบรอบได้แล้ว  แถมยังออกคำสั่งให้ลงโทษพวกทหารที่ปล่อยให้คนร้ายหนีรอดไปได้ด้วยการจับทุกคนแขวนคอบนหอคอยของปราสาททั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

         "ท่าทางร้อนใจนะขอรับองค์หญิง  ทั้ง ๆ ที่เรียกพวกเรามากันพร้อมหน้าแบบนี้น่ะ"

         ชายหนุ่มท่าทางอวดดีคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างบนขอบหน้าต่างปราสาท  มันเผยรอยยิ้มอันชวนสยดสยองขวัญออกมา  ใกล้กันนั้นยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์อีกราวหกหกคนยืนพิงกำแพงอยู่ด้วย  พวกมันทุกคนล้วนสวมเครื่องแต่งกายแบบเดียวกันและมีผ้าคลุมสีขาวสลักลวดลายม้าบินสีเขียวไว้ที่กลางหลัง  และแต่ละคนล้วนมีร่างกายกำยำแฝงออร่าน่าเกรงขามทั้งสิ้น

         "หุบปากของเจ้าซะไซออน! ไม่ได้ยินที่พวกทหารเล่าหรือว่าไอ้คนคุกนั่นมันจัดการราฟาได้ในกระบวนท่าเดียวเลยนะ!"

          ไซออน ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหว  เช่นเดียวกับบริวารคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ทั้งหมดเปล่งเสียงหัวเราะออกมาแทบจะพร้อมกันเลยทีเดียว  เล่นเอาองค์หญิงคนโตถึงกับออกอาการฉุนเฉียว

         "มีอะไรน่าขำ! พวกเจ้าไม่รู้รึไงว่าข้ากำลังกังวลใจแค่ไหนน่ะ!"

         เมื่อเห็นฟาเรียหงุดหงิดทุกคนจึงต้องคุกเข่าลงเบื้องหน้าในทันทีด้วยเกรงอาญามิพ้นเกล้า  เว้นเสียแต่ไซออนเท่านั้นที่ยังทำท่านิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนเช่นเดิม

         "ถ้าพวกข้าเอาจริง  กระจอกอย่างราฟาแค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการได้เช่นกัน..."

         ทีแรกฟาเรียว่าจะจัดการลงโทษในท่าทีสามหาวของพวกมัน  แต่เมื่อได้เห็นความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมของลูกน้องที่ตนอุตส่าห์ชุบเลี้ยงมาเพราะเห็นแววในฝีมือจึงได้ล้มเลิกความตั้งใจไป  องค์หญิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประกาศออกไปว่า

         "ในเมื่อพวกเจ้ามั่นใจถึงขนาดนั้นก็จงนำศีรษะของน้องสาวผู้ทรยศมาให้ข้าโดยเร็วที่สุด  อย่าลืมนะว่าหากทำไม่ได้ตามที่พูดล่ะก็  ที่จะหลุดจากบ่าคือหัวของพวกเจ้าแทน!"

         ไซออนโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่งไปยังหน่วยลับอาชาสวรรค์ซึ่งเป็นทีมพิฆาตศัตรูอย่างลับ ๆ ขึ้นตรงต่อฟาเรียแต่เพียงผู้เดียว  พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่ถูกคัดสรรมาอย่างเข้มงวด  ผ่านการเคี่ยวกรำฝึกฝนด้วยวินัยอันเคร่งครัดจนสามารถรับบัญชาให้ไปลอบสังหารผู้ใดก็ได้ที่ต้องสงสัยว่าอาจคิดร้ายต่อราชบัลลังก์หรือต่อฟาเรียเอง  ทีแรกนางไม่ยอมใช้กลุ่มนี้ทำงานก็เพราะไม่อยากให้ใครทราบถึงการมีอยู่ของทีม  อีกทั้งต้องการจะหักหน้าประจานน้องสาวต่อธารกำนัลจึงเลือกใช้งานขุนพลบลูแทน  ไม่นึกว่าเจ้าโง่นั่นจะทรยศหักหลังความเชื่อใจของตนได้

         "รับรองว่าท่านจะได้เห็นผลงานเป็นที่พึงพอใจในเร็ววันนี้แน่นอนพะย่ะค่ะ  ว่าแต่แล้วบุคคลท่านนั้นเราควรจะทำอย่างไรกับเขาดีหรือขอรับ?"

         ในห้องโถงนั้นนอกจากฟาเรียและหน่วยพิฆาตแล้ว  ยังมีบุรุษร่างใหญ่ที่ถูกตรึงแขนขาไว้กับกำแพงฝั่งหนึ่งด้วยโซ่ตรวนขนาดมหึมาไม่แพ้ที่ใช้ยึดร่างของริวจินเลยสักนิด  และชายคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากหนึ่งในเจ้าขุนพลบลูนั่นเอง  เขามิได้พ่ายแพ้ให้แก่กองทหาร  หากแต่ยอมเสนอตัวให้ถูกจับกุมเสียเองในข้อหาขัดคำสั่งของนายเหนือหัว

         "ปล่อยเอาไว้แบบนั้นแหละ  พรุ่งนี้ข้าว่าจะนำตัวมันออกไปนอนตากแดดที่ด้านนอกเสียหน่อย หึหึ... กล้าขัดคำสั่งของข้าแบบนี้อย่านึกว่าจะได้ตายดีนะ!"

         ฟาเรียบัญชาพวกทหารจับตรึงร่างของขุนพลเอาไว้  และวางแผนว่าจะนำตัวมันออกไปผูกตรึงกับเสาเหล็กกลางแจ้งให้อาบแดดร้อน ๆ ยามเที่ยงวัน  เพื่อประจานให้ขายหน้าต่อสาธารณชนและข่มขู่ว่ามิให้ผู้ใดละเมิดคำสั่งของนางอีกเป็นอันขาด! 

         "ตามแต่ท่านจะบัญชา  ว่าแต่ก่อนอื่นให้ข้าช่วยกำจัดพวกหนูสกปรกแถวนี้ก่อนเลยมั้ยขอรับ?"

         ไซออนเหลียวมองไปที่ประตูทางเข้าห้องโถงซึ่งมีกลุ่มทหารแอบซ่อนตัวรอจังหวะลอบจู่โจมอยู่  พวกมันน่าจะเป็นหน่วยที่จงรักภักดีต่อมาเรียอย่างแน่นอน  เมื่อเห็นนายเหนือหัวถูกป้ายสีถึงขนาดนี้ก็อดรนทนไม่ไหว  ต้องออกโรงเล่นงานศัตรูในทันทีแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงองค์หญิงคนโตแห่งราชอาณาจักรก็ตาม

         "แกไอ้ฟาเรีย!  แกบังอาจใส่ความน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรืออย่างไรกันหา!!!"

         กลุ่มชายฉกรรจ์ตรงเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือหมายเล่นงานอีกฝ่ายในทันที  โชคดีที่มีหัวหน้าหน่วยอาชาสวรรค์อยู่ด้วย  พวกมันจึงหมดสิทธิ์ทำอันตรายเป้าหมายได้  เพราะในเวลาแค่ชั่วกะพริบตา  อาวุธที่ถืออยู่ในมือก็แตกหักพังทลายไปตาม ๆ กัน  ไม่เพียงเท่านั้นกระทั่งดวงตาของทุกคนก็ถูกกระชากออกจากเบ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน  ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วตัวปราสาทเลยทีเดียว

         "ถ้าคิดจะมาเล่นงานองค์หญิงล่ะก็  วันหลังช่วยหาพวกที่มีกระดูกมาหน่อยนะ  ไอ้กระจอกแบบนี้ต่อให้ขนมาทั้งกองทัพก็ไม่ครณามือข้าหรอก ฮ่า ๆ"

         ไซออนกล่าวเยาะเย้ยในขณะที่เขวี้ยงลูกนัยน์ตาซึ่งควักออกมาสด ๆ ให้กลิ้งเกลื่อนพื้น  ความโหดเหี้ยมของมันนั้นแม้แต่ฟาเรียยังต้องเบือนหน้าหนี  ทว่าพวกทหารหาญแม้จะสูญเสียทั้งอาวุธและแสงสว่างไปแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้  พวกมันกรูกันเข้ามาหมายจะจัดการขย้ำศัตรูตรงหน้าให้จงได้  ไซออนจึงต้องลงมือขั้นเด็ดขาดด้วยการใช้กระบวนท่าปิดฉาก  กระชากคอหอยของพวกมันขาดกระจุยกระจาย  เลือดสด ๆ พุ่งสาดไปทั่วบริเวณส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปในอากาศทันที  และแล้วศัตรูทางการเมืองของฟาเรียก็จบชีวิตลงจนหมดสิ้น

         "ยอดเยี่ยมมาก...  ว่าแต่คราวหลังเจ้าช่วยเก็บกวาดงานให้เรียบร้อยกว่านี้ได้หรือไม่?  เห็นไหมว่าห้องโถงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสกปรกของพวกมันเต็มไปหมดแบบนี้น่ะ!"

         "ขออภัยขอรับองค์หญิง  พอดีว่าข้ามันเป็นพวกออมมือไม่ค่อยเป็นเสียด้วย"

         หัวหน้าหน่วยยิ้มกริ่มด้วยความพอใจที่ได้สำแดงฝีมือให้ผู้เป็นนายเห็น  มันกล่าวอำลาฟาเรียก่อนจะหันหลังเดินจากไป  ด้านขุนพลบลูเมื่อได้เห็นคนที่เคยพวกพ้องกันมาก่อนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนี้ก็ได้แต่เศร้าใจ  หรือว่าอนาคตของอาณาจักรแห่งนี้จักต้องจบสิ้นลงในยุคของเขาจริง ๆ กันแน่นะ?

         "หึหึ... เท่านี้พวกแกก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อนอีกแล้ว  ข้าจะคอยดูว่าหน่วยอาชาสวรรค์จะลากตัวแกมาให้ข้าได้เมื่อไหร่  รับรองเลยว่าจะไม่ได้ตายดีแน่ ๆ น้องของข้าเอย!"

         ทีแรกฟาเรียยังเป็นกังวลเรื่องฝีมือของคนคุกนั่น  แต่เมื่อได้เห็นความเก่งกาจไม่เป็นสองรองใครของหัวหน้าหน่วยพิฆาตแล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที  และตอนนี้นังคนทรยศนั่นจะถูกตามจับตัวได้เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นแล้ว



    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×