ลำดับตอนที่ #30
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : มาเรียและฟาเรีย ตอนที่03
ด้วยกระบวนท่าและฝีมืออันเหนือชั้นของริวจิน ทำให้ทั้งสามผ่านแนวป้องกันที่หน้าปราสาทกาเลเทียเข้าไปข้างในได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน แม้แต่ขุนพลผู้เจนศึกอย่างเรดเองยังตกตะลึงกับความสามารถของชายลึกลับผู้นี้ ในขณะที่มาเรียนั้นพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่พี่สาวของนางนั่นคือฟาเรีย ซึ่งกำลังรอคอยตนเองอยู่ข้างในตัวปราสาทอย่างแน่นอน
"ต้านพวกมันเอาไว้!!!"
พวกทหารองค์รักษ์ที่ยังหลงเหลือตามระเบียงทางเดินในปราสาทพยายามต้านทานการบุกรุกอย่างสุดฤทธิ์ ทว่าด้านฝีมือนั้นมิอาจเทียบเทียมทั้งสามได้เลย ทำให้แตกพ่ายต้องถอยร่นไปเรื่อย ๆ กระทั่งมาจ่อที่ประตูทางเข้าสู่โถงกลางก่อนผ่านสู่ท้องพระโรงด้านใน
"หยะ... อย่า... อย่าเข้ามานะ!"
ทหารสองคนถือหอกหันมาทางพวกริวจินด้วยมืออันสั่นเทา ฟันของพวกมันกระทบกันริก ๆ ดังมาถึงฝั่งนี้เลยทีเดียว มาเรียก้าวออกมาข้างหน้าก่อนจะพูดกับทั้งสองซึ่งกำลังหวาดกลัวอยู่ว่า
"พอแค่นี้แหละ! พี่สาวของข้าอยู่ข้างในนี้ใช่ไหม? เป้าหมายของพวกข้ามีเพียงแค่นางคนเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อคนพรรค์นั้นอีกแล้ว!"
ได้ยินดังนี้ทหารต่างมองหน้ากันก่อนจะยอมลดอาวุธลง เพื่อเปิดทางให้ทั้งหมดได้ไปต่อ มาเรียรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องเห็นการนองเลือดอีก ทว่าไม่ทันที่ประตูบานใหญ่ด้านหน้าจะเปิดออก จู่ ๆ ศีรษะของทหารทั้งสองก็หลุดจากบ่าปลิวไปในกลางอากาศทันทีด้วยฝีมือของใครบางคน
"ใครกัน!"
เรดพุ่งตัวไปทางทิศที่มีการโจมตีเข้ามาในทันที ปรากฏร่างของชายหนุ่มท่าทางสะโอดสะองค์คนหนึ่งกำลังยืนหลบอยู่ที่ด้านหลังเสากำแพง เจ้าขุนพลไม่รอช้าโจมตีไปที่เสาหินด้วยกระบวนท่าวิหคสวรรค์ แต่ก็ได้เพียงทำลายตัวเสาหิน เพราะขายผู้นั้นได้มาหยุดยืนที่ด้านหลังของเขาอย่างเงียบเชียบราวกับวิญญาณ ไม่สามารถจับเค้าวี่แววการเคลื่อนไหวของมันได้เลย
"ฮึ่ม! มีฝีมือเหมือนกันนี่?"
เจ้าขุนพลกล่าวพลางกระโดดขึ้นกลางอากาศทั้ง ๆ ที่ยังหันหลังให้กับศัตรู ก่อนจะพลิกตัวจู่โจมด้วยสันฝ่ามือโดยเล็งเป้าไปที่ต้นคอของมัน ฉับพลันนั้นสายลมหอบหนึ่งพลันเล่นงานเข้าที่สีข้างของเรดเสียก่อนที่ฝ่ามือจะเข้าเป้า ทำให้เสียหลักล้มลงอย่างน่าเสียดาย
"ขุนพลเรด!"
"ข้าไปเป็นอะไรองค์หญิง ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก!"
แม้จะพลาดท่าในยกแรกแต่เรดก็ยังว่องไวพอจะตั้งท่าเตรียมรับมือศัตรูในทันที ชายปริศนาที่จู่โจมเขาเมื่อครู่ปรากฏตัวขึ้นยืนคู่กับคนก่อนหน้า ที่แท้พวกมันมีกันสองคนและแบ่งกันโจมตีจากสองทิศทางนี่เองทำให้เขาไม่ทันระวังตัว สำคัญกว่านั้นพวกมันต่างมีวิชาพรางตัวอันแนบเนียนจนไม่สามารถจับสัมผัสการเคลื่อนไหวได้เลย เจ้าขุนพลพยายามปรับลมหายใจที่ปั่นป่วนให้เข้าที่ ถ้าไม่เพราะปะทะกับศึกหนักอย่างบลูมาก่อนหน้านี้ คงจัดการกับศัตรูสองคนนี้ได้อย่างง่ายดายไปแล้ว
"ให้ข้าช่วยไหมท่านเจ้าขุนพล?"
"ไม่จำเป็น! เจ้ายืนดูอยู่เฉย ๆ เถอะ!"
ริวจินเห็นอีกฝ่ายกำลังลำบากจึงเอ่ยปากช่วย แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่เรดจึงตอบปฎิเสธไป พวกศัตรูฉวยจังหวะนี้เล็งจู่โจมเข้ามาอีก แต่เจ้าขุนพลก็ออกหน้ารับมือกับพวกมันด้วยวิชาวิหคสวรรค์สยายปีกเบิกเวหา พลังฝ่ามืออันร้ายกาจแม้จะยังบาดเจ็บก็ทำให้พวกมันต้องล่าถอยออกไป
"เจ้าขุนพลเรด ฝีมือร้ายกาจสมคำร่ำลือจริง ๆ"
ทั้งสองเอ่ยยกย่องอีกฝ่ายแต่ก็ด้วยน้ำเสียงเหยียดอยู่ในที และเรดก็หาได้สนใจลมปากของศัตรูไม่ เขาหาช่องว่างระหว่างกระบวนท่าของพวกมันพร้อมเล็งตอบโต้ด้วยวิชายุทธ พวกมันจึงแยกออกเป็นสองทางโจมตีซ้ายทีขวาทีสลับไปมาอย่างรู้ใจ เจอหนึ่งรุมสองเช่นนี้เรดเริ่มหอบหนักขึ้นกว่าเดิม ปากแผลเก่าปริออกส่งให้เลือดไหลซิบ ๆ ออกมาอีกครั้ง มาเรียเห็นท่าไม่ดีก็อยากจะยื่นมือเข้าช่วย ไม่พ้นเจอเจ้าขุนพลห้ามเอาไว้อีกครา
"กะอีแค่สวะสองตัวยังเอาลงไม่ได้ นับประสาอะไรกับจะปกป้องอาณาจักรนี้ได้เล่า?"
พริบตาถัดมาพวกมันก็เล็งจู่โจมเข้ามาพร้อมกันต่อเนื่องจากมุมอับสายตาของเรด แต่นั่นคือสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เจ้าขุนพลเกร็งข้อมือคว้าจับคอของคนหนึ่งแล้วทุ่มแรงทั้งหมดกระชากศีรษะมันลงกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง ส่วนที่เหลือเขาจัดการด้วยฝ่าเท้าที่รวดเร็วยิ่งกว่ากระสุนปืน เตะเข้าให้ที่ใบหน้าจนสะบัดไปอีกทาง เมื่อทั้งสองพลาดท่าก็เท่ากับเป็นจุดจบของชีวิต เพราะหลังจากนั้นวิชาวิหคสวรรค์ก็ตรงเข้าขยี้ร่างของพวกมันจนขาดเป็นท่อน ๆ ไม่เหลือชิ้นดี การลงมืออย่างเหี้ยมโหดเด็ดขาดนี้เองที่ทำให้เรดรอดจากสมรภูมินรกมาหลายต่อหลายครั้ง หากคิดปรานีศัตรูก็เท่ากับเปิดเผยความอ่อนแอออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น และนั่นคือสิ่งต้องห้ามที่สุดในสนามรบ
"อืมม... เจ้าพวกนี้ดูแล้วไม่ใช่หน่วยองค์รักษ์พิเศษของกาเลเทีย ดูท่าว่าฟาเรียจะเรียกมาจากข้างนอกสินะ?"
เจ้าขุนพลพลิกดูศพของพวกมันเพื่อพิจารณา บางทีฟาเรียคงจะเล็งเห็นแล้วว่าแค่ลำพังหน่วยองค์รักษ์คงจะเอาไม่อยู่ จึงได้เรียกใช้บริการเจ้าพวกสวะไร้ค่าที่ด้านนอกกำแพงอาณาจักรซึ่งมักจะเป็นพวกมือสังหารมืดหรือนักรบรับจ้าง อย่างไรก็ดี นี่คงจะเป็นการดิ้นรรนเฮือกสุดท้ายของนางแล้วสิ เพราะเจ้าพวกนี้ถ้านับตามฝีมือแล้วก็ต้องบอกว่ากระจอกเสียยิ่งกว่าหน่วยพิเศษอย่างอาชาสวรรค์เสียอีก
"งั้นพวกเราไปก้นต่อเถอะ บางทีฟาเรียคงจะรออยู่ข้างในนั่น..."
มาเรียรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง เมื่อคิดถึงบรรยากาศด้านหลังประตูตรงหน้าซึ่งเป็นท้องพระโรงหลวง จากปกติที่เป็นสถานที่ซึ่งนางรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีแท้ ๆ แต่มาวันนี้มันกำลังจะกลายเป็นเวทีห้ำหั่นกันระหว่างพี่น้องไปเสียแล้ว กระนั้นจะให้ถอยหลังหนีก็คงทำไม่ได้เช่นกัน เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องไปต่อจนสุดเพียงเท่านั้น
"ตามรับสั่งขอรับองค์หญิง"
เรดโค้งให้เจ้านายของตนก่อนจะผลักบานประตูอันหนาหนักให้เปิดออก เผยให้เห็นองค์ราชินีโฉดที่ประทับอยู่บนบัลลังก์รอคอยการมาเยือนของทั้งสามอยู่ข้างในท้องพระโรงนั่น ฟาเรียแสยะยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า
"เฮอะ! ในที่สุดก็โผล่หัวกันออกมาจนได้นะไอ้พวกคนทรยศ ดูสภาพแต่ละคนสิล้มลุกคลุกคลานหัวหกก้นขวิดกันน่าดูสิท่ากว่าจะมาถึงที่นี่ได้น่ะ ฮ่า ๆ"
แม้จะตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบแต่องค์ราชินีแห่งกาเลเทียก็ยังไม่มีทีท่าหวาดหวั่นแต่อย่างใด ริวจินคาดว่านางน่าจะมีไพ่ตายบางอย่างเก็บซ่อนเอาไว้จึงได้มั่นใจถึงขนาดนี้ มิเช่นนั้นแล้วท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตคงหาทางหลบหนีไปแต่เนิ่น ๆ เป็นแน่ ทว่าขุนพลเรดที่ตอนนี้กำลังเลือดขึ้นหน้าไม่สนอะไรทั้งนั้น เขากระโจนเข้าหาอีกฝ่ายบนบัลลังก์หมายเอาชีวิตในทันที
"แหมช่างใจร้อนเสียจริงนะขุนพลเรด ถ้าให้เดาคงเป็นเรื่องของเจ้าขุนพลบลูกระมัง?"
ได้ยินอย่างนี้ยิ่งเพิ่มโทสะขึ้นไปอีก ฝ่ามือของเรดเรืองแสงสีแดงฉานด้วยความอาฆาตมาดร้าย ทว่าวิชาของเขานั้นไปไม่ถึงใบหน้าของฟาเรียเพราะเจอขัดขวางด้วยพลองลึกลับที่โฉบตัดหน้าเข้ามาเสียก่อน ปรากฏกลุ่มชายฉกรรจ์ผิวสีรูปร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหกคนยืนเรียงกันคอยปกป้ององค์ราชินีเอาไว้
"คิดเหรอว่าข้าฟาเรียคนนี้จะนิ่งดูดายปล่อยให้ไอ้พวกเศษสวะอย่างแกเข้ามาเอาชีวิตกันได้ง่าย ๆ น่ะหา!"
"ฟาเรีย! นี่ท่านพี่สิ้นคิดถึงขนาดลงมือจ้างพวกนักรบจากต่างแดนให้เข้ามาเหยียบย่ำถึงภายในปราสาทแห่งกาเลเทียเลยเชียวหรือ?"
มาเรียไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่สาวของตนจะสิ้นไร้ไม้ตอกขนาดยืมมือพวกคนเถื่อนจากนอกดินแดนเข้ามาเป็นองค์รักษ์ข้างกาย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาคนอย่างพี่สาวองค์โตนั้นเย่อหยิ่งและยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตนเหนือสิ่งอื่นใด มาวันนี้นางกลับทำในสิ่งตรงกันข้ามกับลักษณะนิสัยเสียนี่
"เฮอะ! สวะอย่างพวกแกคงจะไม่รู้หรอกมั้ง? ว่าทั้งหกนี่คือยอดฝีมือจากเทือกเขาอูรัลฉายา สิบสองกรรัศมีเทพ กลุ่มนักรบรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุดจากมณทลทางตะวันออกไกล"
ที่แท้แผนการของฟาเรียคือการสั่งให้ลูกน้องออกตามหาและติดต่อกลุ่มยอดฝีมือทั้งหกนี้ ซึ่งรับจ้างทำงานสกปรกทุกชนิดเท่าที่กำลังทรัพย์ของผู้ว่าจ้างจะอำนวยให้ และโชคก็เข้าข้างนางที่สามารถตกลงราคาว่าจ้างให้พวกมันแอบลักลอบเข้ามาดักรอการจู่โจมภายในปราสาทได้ทันเวลาพอดิบพอดี
"ข้าว่าข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของพวกมันมาบ้าง ผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยปีไม่นึกว่าจะยังมีการสืบทอดวิชาโบราณเช่นนี้มาถึงปัจจุบันด้วย!"
แม้แต่คนระดับริวจินเองยังเคยได้ยินชื่อของพวกมันลอยมาเข้าหูบ้างเมื่อครั้งอดีตอันไกลโพ้น วิชานี้นับว่าร้ายกาจพอตัวแต่มีความยุ่งยากนั่นคือจะต้องมีกำลังคนไม่ต่ำกว่าหกคนขึ้นไปเพื่อประกอบให้ใช้วิชาได้ผลสมบูรณ์ มาวันนี้นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ยลโฉมวิชาที่สืบทอดกันมาของแดนตะวันออกไกลแล้ว
"รับมือ!"
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งหกคนต่างแยกย้ายกระจายกำลังเข้าจู่โจมทั้งสามคนในทีเดียว โดยแยกกันโจมตีฝ่ายละสองคนพร้อมกันเพื่อทดสอบฝีมือของอีกฝ่าย ซึ่งริวจินและเรดยังพอเอาตัวรอดจากการโจมตีระลอกแรกได้ หากแต่มาเรียนั้นพลาดท่าถูกฝ่ามือฟาดเข้าที่หัวไหล่และกลางแผ่นหลังจนเสียหลักล้มลง การจู่โจมของพวกมันไม่ได้รวดเร็วหรือพิสดารเกินรับมืออะไรเลย เพียงแค่การร่ายรำของข้อมือและปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระกลางอากาศเท่านั้น หากแต่ทิศทางของมือที่พุ่งเข้ามาต่างหากที่ซับซ้อนจนคนตั้งรับรู้สึกสับสน
"องค์หญิง!"
เจ้าขุนพลเรดจัดการปัดป้องสองคนที่ขัดขวางอยู่ให้กระเด็นออกไปก่อนจะพุ่งตัวเข้าปกป้องมาเรีย หากแต่ริวจินซึ่งว่องไวกว่าเป็นฝ่ายเข้าถึงตัวองค์หญิงได้ก่อนและซัดพวกศัตรูให้ล่าถอยออกไปสำเร็จ
"ถ้ามีฝีมือแค่นี้ล่ะก็ พวกบรรพบุรุษเมื่อร้อยปีก่อนของพวกเจ้าคงนอนร้องไห้อยู่ในหลุมศพแล้วกระมัง?"
ริวจินกล่าวพลางบุ้ยใบ้ไปทางสองคนที่พุ่งเข้ามาเล่นงานเมื่อครู่ซึ่งนอนมึนอยู่กับพื้นเพราะเจอตบใบหน้าเข้าอย่างจังจนแทบหมดสติ ทันใดนั้นทั้งหกต่างก็กระโดดเข้ามารวมกลุ่มกันที่ใจกลางห้อง ทั้งหมดต่างยืนคุมเชิงกันครู่หนึ่งโดยไม่มีฝ่ายไหนกล้าขยับตัวก่อนเพราะกลัวเสียท่า
"โฮ่! แกก็คือริวจินไอ้ขี้คุกที่หลบหนีออกมาจากชั้นใต้ดินของปราสาทเมื่อตอนนั้นสินะ? ดู ๆ แล้วก็ฝีมือใช้ได้ทีเดียวแต่ถ้าประมาทล่ะก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ!"
ราชินีฟาเรียกล่าวด้วยความมั่นใจในฝีมือของนักรบรับจ้างอย่างเต็มเปี่ยม นางออกคำสั่งให้สิบสองกรรัศมีเทพลงมือกำจัดเสี้ยนหนามของตนในทันที พวกมันจึงตั้งท่ารวมกลุ่มเพื่อเอาจริงโดยหันมายืนเรียงหน้ากระดานหกคน ตรงกลางสามคนคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วตั้งข้อศอกขึ้นมาคนละข้างแนบลำตัว แล้วใช้ฝ่ามือจับที่ปลายข้อศอกของคนข้าง ๆ ต่อเนื่องกันดูแล้วท่าทางคล้ายงูกินหางต่อไปเรื่อยเป็นรูปวงกลม ทั้งริวจินและเรดต่างไม่เคยพบเห็นท่าร่างอันพิสดารแบบนี้มาก่อนจึงได้แต่ยืนดูด้วยความพิศวง
"ฮ่าหห์!!!"
ฉับพลันนั้นเองปริศนาของกระบวนท่าก็ถูกเปิดเผย เมื่อบังเกิดแสงสว่างวาบขึ้นที่ตรงใจกลางพื้นที่วงกลมอันล้อมรอบไปด้วยแขนของพวกมัน กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรคลื่นพลังงานสีขาวอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้าเล่นงานทั้งสามภายในพริบตา!
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น