ลำดับตอนที่ #27
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ความรัก ดอกหญ้า น้ำตาของเด็กน้อย ตอนที่06 (จบ)
เปลวเพลิงลุกไหม้ลามเลียไปตามสวนดอกไม้ที่เคยสวยงามอุดมสมบูรณ์ เปรียบดั่งความฝัน ความหวังที่พังทลายลงของเด็กน้อยแห่งสงคราม เรดและบลูต่างต่อสู้ฟาดฟันกันด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่างและไม่สามารถเดินทางมาบรรจบกันได้ สุดท้ายแล้วบั้นปลายของทั้งคู่ก็มีแต่ความสูญเสียที่มิอาจเรียกกลับคืนมาได้
"ฮ่าห์!"
เรดเร่งจู่โจมด้วยพยุหะฝ่ามือถี่ยิบจนมองตามแทบไม่ทัน ด้านบลูเองก็ต้านทานด้วยเพลงหมัดอย่างเต็มกำลังไม่มีถอยเช่นกัน ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็แบกรับบาดแผลสาหัสชนิดที่คนธรรมดาไม่น่าจะทานทนความเจ็บปวดได้แล้ว ทว่าศักดิ์ศรีและความคิดคำนึงถึงสิ่งสำคัญนั้นเป็นตัวผลักดันให้ทั้งสองยังคงออกหมัดต่อไป
"เรด! แกมีฝีมือแค่นี้เองเรอะ!!!"
บลูซัดกำปั้นเข้าที่ใบหน้าและช่วงท้องของอีกฝ่ายพร้อมกับส่งอีกฝ่ายให้กระเด็นถอยหลังไปด้วยพละกำลังมหาศาลชนิดเหนือมนุษย์ ท่าทางของมันไม่เหมือนคนบาดเจ็บใกล้ตายเลยสักนิด ไอพลังที่แผ่ออกมาจากรอบตัวนั้นกำลังลุกไหม้จนเห็นได้ชัด
"บลู! แกเองนั่นแหละมีปัญญาทำได้แค่นี้รึไง!"
เรดตอบโต้ด้วยวิชาวิหคสวรรค์เบิกนภา พริบตานั้นทั่วร่างของบลูก็ถูกกรีดด้วยเพลงฝ่ามือที่คมกริบราวกับคมมีดนับไม่ถ้วน ทั้งสองกัดฟันฝืนทนความเจ็บปวดตรงเข้าห้ำหั่นกันอีกรอบอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หยาดเลือดซาดกระเซ็นไปทั่วสวนดอกไม้ที่ลุกไหม้จนแทบไม่เหลือเค้าความสวยงามดังเดิม เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของสองบุรุษนี้
"บลู! ทำไมกันบลู... ทำไมแกต้องทำถึงขนาดนี้! แกก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าสภาพของกาเลเทียมันกลายเป็นแบบนี้เพราะใคร!"
"ก็ช่างมันสิ... ข้าทำเพื่อปกป้องโลกของข้าก็เท่านั้น!"
บลูซัดกำปั้นลุ่น ๆ เข้าที่ใบหน้าของเพื่อนรัก แต่คราวนี้เรดกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด เห็นได้ว่ากำลังของมันอ่อนแอลงจนทำอันตรายใด ๆ อีกฝ่ายไม่ได้แล้ว ยิ่งเสียเลือดไปมากเช่นนี้การเผชิญศึกยืดยื้อย่อมไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
"โลกของแกที่มีท่านอาจารย์... แต่ไม่มีอนาคตของกาเลเทียอยู่ในนั้นเนี่ยนะ! แล้วที่ผ่านมาแกพร่ำบอกว่าทำเพื่ออาณาจักรก็เป็นแค่คำลวงงั้นเรอะ!"
ทั้งความทรงจำ รอยยิ้มและน้ำตาที่ผ่านมาที่ทั้งสองมีให้แก่กัน ทั้งคำสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อราชอาณาจักรและพิทักษ์มาตุภูมินั้นก็เป็นแค่เพียงลมปากงั้นหรือ? สุดท้ายแล้วข้างในตัวบลูก็ไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้เลย นอกจากภาพลวงของอาจารย์สาวที่คอยตามหลอกหลอนเสมือนวิญญาณร้ายอยู่ตลอดเวลา
"ข้าบอกว่าช่างมันสิ! ตอนนี้ชีวิตข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นอกจากคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับท่านอาจารย์!"
นับจากวันที่คนรักจากไป ร่างของบลูก็เหลือเพียงแค่ซากรอวันเน่าเปื่อย ถึงจะเดินได้พูดได้ต่อสู้ปกป้องได้แต่ก็ไร้ซึ่งหัวใจ เป็นร่างที่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ เพื่อทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่คนสำคัญเท่านั้น เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากการปกป้องดวงใจทั้งสองของท่านผู้นั้นแล้ว มันก็ไม่คิดจะสนใจอะไรอื่นอีกต่อไป ตอนนี้ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็มีเพียงการต่อสู้ไปตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจเท่านั้น
"ฮ่าห์!"
บลูเค้นพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อปล่อยเพลงหมัดวิหคสวรรค์ที่เป็นท่าไม้ตาย ทว่ากลับเจอเรดขัดขวางไว้ได้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง ตอนนี้ทั้งคู่ยืนประชิดกันจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันเลยทีเดียว
"เจ้าบ้าเอ๊ยย!!!"
คลื่นพลังจิตต่อสู้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสองแขนของเจ้าขุนพลเรดจนมองเห็นเป็นลำแสงสว่างเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าดวงตะวัน เขาใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำในการประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกันในแนวราบ แล้วพุ่งทะลวงตรงผ่านกลางลำตัวของเพื่อนรักไปในพริบตา!
"อั่กกก!"
บลูกระอักเลือดทรุดตัวลงนั่งชันเข่ากับพื้น แต่พริบตาต่อมามันก็ผุดลุกขึ้นพร้อมด้วยประกายตาอันแรงกล้า ใช้สองมือจับท่อนแขนของอีกฝ่ายที่แทงทะลุผ่านลำตัวเข้ามา จุดประสงค์มิใช่เพื่อขัดขืนต่อต้าน หากแต่มันต้องการสัมผัสถึงจิตวิญญาณและชีพจรที่ไหลเวียนผ่านกล้ามเนื้อนั่น จิตวิญญาณของผู้ที่เอาชนะเจ้าขุนพลบลูลงได้ในที่สุด...
"แฮ่ก... แฮ่ก... ถึง... วาระสุดท้าย... แล้วสิ... นะ...?"
น้ำเสียงของบลูเริ่มขาดห้วง ความเจ็บปวดเริ่มสำแดงฤทธิ์แผ่ไปทั่วร่างของมันราวกับอสรพิษร้าย เลือดสด ๆ หลั่งรินไม่ขาดสายดูท่าเจ้าตัวคงจะครองสติไว้ได้อีกไม่นานแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้ไม่นานมหาบุรุษผู้นี้ก็คงตายตกตามคนอื่น ๆ ไปท่ามกลางไฟสงครามเป็นแน่ แต่กระนั้นเจ้าขุนพลเรดกลับถอนแขนทั้งสองข้างออกแล้วดึงร่างของอดีตสหายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแทน
"ใช่... แกต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว วันนี้ข้าได้ประจักษ์ต่อสายตาถึงเปลวเพลิงของบลู หนึ่งในสามยอดขุนพลนักสู้แห่งราชอาณาจักรกาเลเทียแล้ว!"
น้ำตาของสองบุรุษหลั่งริน เมื่อชีวิตถือกำเนิดขึ้นจากประกายไฟในสงคราม ก็ย่อมต้องคืนกลับสู่อ้อมอกแห่งเทพมารดรปฐพีผ่านไฟสงครามดุจเดียวกัน และบัดนี้ก็สมควรแก่เวลาที่มหาบุรุษจะหวนคืนสู่ความไม่มีอันยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
"งั้นเหรอ... ข้าทำดีแล้ว...?"
สายตาของบลูเริ่มรางเลือน มองไม่เห็นใบหน้าของเพื่อนรักเสียแล้ว ในห้วงสุดท้ายแห่งความคิดคำนึง มโนสำนึกได้ย้อนความทรงจำของยอดขุนพลกลับไปสู่วันแห่งการเอ่ยคำสัญญา นับจากวันนั้น วันที่บลูเฝ้าปกป้องสองพี่น้องผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนรัก แม้ว่าจะพลาดพลั้งทำเรื่องผิดพลาดไปบ้าง แต่มันไม่เคยลืมคำสาบาน ไม่เคยลืมหน้าที่ของตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพื่อท่านอาจารย์แล้วมันยอมเป็นคนร้ายให้ทั้งโลกตราหน้า ดีกว่าอยู่ไปวัน ๆ เพื่อปลอบใจตัวเอง นั่นแหละคือวิถีชีวิตของบลู
"ไม่มีอะไรติดค้างในใจแล้ว ลาก่อนเรด... ข้าจะขอติดตามท่านอาจารย์ไปสู่ท้องทุ่งแห่งเรวาดอล สู่การเดินทางอันเป็นนิรันดร์..."
เรดกลั้นน้ำตาพลางใช้มือลูบปิดเปลือกตาของสหายรัก เขาก่นด่าสาปแช่งชะตากรรมอันโหดร้ายที่ดลบันดาลแต่หายนะไม่รู้จบสิ้น โลกของบลูที่มีแต่ท่านอาจารย์งั้นรึ? ก็แล้วมันยังไงล่ะ! ในเมื่อโลกของเรดเองก็มีเพียงบลู กรีน และสหายร่วมรบอยู่ในนั้นด้วยนี่นา เจ้าขุนพลเม้มปากกัดฟันแน่น วันนี้ไม่เพียงแต่โลกของบลูเท่านั้น แม้แต่โลกของตนเองก็แตกสลายมลายไปกับสายลมแห่งโชคชะตาด้วยเช่นกัน!
"หลับให้สบายเถิดสหายของข้า หลังจากนี้เจ้าขุนพลเรดคนนี้จะสะสางเรื่องราวที่เหลือให้จบสิ้นเอง!"
เจ้าขุนพลลุกขึ้นยืนพลางใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งแนบเข้าที่หน้าอกเพื่อทำความเคารพร่างของบลูเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจัดการฝังศพแบบง่าย ๆ ใต้เนินดินของสวนแห่งนั้น โดยให้สัญญาว่าเมื่อใดที่สะสางเรื่องราวนี้เสร็จสิ้น เขาจะกลับมาตกแต่งหลุมศพของสหายรักให้สมเกียรติแก่ยอดขุนพลแห่งกาเลเทียอย่างแน่นอน
@@@@@@@@@@@@
"ท่านอาจารย์ดูนี่สิ!"
เด็กน้อยอวดดอกไม้กำใหญ่ในมือ ท่ามอาจารย์สาวเผยริยยิ้มอันอ่อนโยนพลางลูบหัวศิษย์รักไปมาอย่างเอ็นดู ทั้งสองต่างอยู่กันตามลำพังท่ามกลางสวนดอกไม้แห่งความหลังที่สวยสดเหมือนดังเช่นในความทรงจำ สถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่ง ไม่มีประเทศไม่มีการต่อสู้นองเลือด ไม่มียอดขุนพลและวิชาเพื่อใช้ฆ่าฟันผู้ใด จะมีก็แต่รอยยิ้มอันสงบสุขของสองศิษย์อาจารย์เพียงเท่านั้น
"เจ้าเด็ดมาให้ข้าหรือ? ช่างน่ารักเสียจริง!"
อาจารย์สาวนำดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นทัดไว้ที่ใบหู เจ้าบลูยิ้มกว้างเฉิดฉายเมือ่ได้เห็นภาพอันน่าพึงใจนั่น หัวใจของมันพองโตราวกับจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ นานแค่ไหนแล้วนะที่ตนไม่ได้รู้สึกเปรมปรีด์เช่นนี้? ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ทว่ากาลเวลาและโชคชะตานั้นเป็นสิ่งที่โหดร้าย สุดท้ายที่ตนทำได้ก็มีเพียงการสละชีพเพื่อปกป้องคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่คนรักเท่านั้นเอง
"ท่านอาจารย์ ข้าต้องกราบขออภัยแก่ท่านด้วย..."
ร่างของเจ้าขุนพลกลับคืนสู่สภาพหนุ่มแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามตามเดิม แปลงดอกไม้สวยพลันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง เฉกเช่นปราสาทแห่งกาเลเทียที่ลุกไหม้อยู่ในฉากหลังดุจเดียวกัน เมื่อเขาตายลงเรดก็คงนำกองทัพบุกเข้าพิชิตปราสาทเพื่อลงทัณฑ์ฟาเรียเป็นแน่ หยาดน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มของเจ้าขุนพล เท่านี้ก็เท่ากับว่าเขาผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับอาจารย์ กลายเป็นคนไร้สัจจะไร้ฝีมือ แค่จะรักษาคำพูดของตนก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายศีรษะแล้วยื่นมือเข้ามาลูบใบหน้าของเขา
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะบลู"
ท่ามกลางเปลวไฟ ใบหน้าของท่านอาจารย์ยังคงความงดงามไม่เปลี่ยน จะมีก็เพียงแววตาอันเศร้าสร้อยที่บาดลึกเข้าไปถึงข้างในจิตใจของบลู
"ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า มันเป็นเพราะข้าที่บีบบังคับให้เจ้าทำตามคำสัญญา เป็นเพราะข้าที่บีบให้เจ้าต้องพบกับชะตากรรมอันโหดร้ายไม่มีที่สิ้นสุด..."
ด้วยความรักของมารดา กลับทำให้ชื่อเสียงและคุณงามความดีที่บลูเคยทำมาต้องมลายสิ้นไปพร้อมกับความชั่วร้ายของฟาเรีย เรื่องนี้ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนักแม้จะกลายเป็นวิญญาณในโลกแห่งคนตายแล้วก็ตามที นางโน้มตัวกอดศิษย์รักแนบแน่น
"ท่านอาจารย์! ข้า! ข้า...!"
"บลูเอย... บัดนี้เจ้าเป็นอิสระแล้ว ไม่มีคำสัญญาใด ๆ มาคอยผูกมัด ไม่มีชะตากรรมอันโหดร้ายมาคอยดึงรั้งตัวเจ้าไว้อีกต่อไป จงออกเดินทางสู่พิภพแห่งนิรันดร์ด้วยกันกับข้าเถิด!"
และแล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกเดินทางไปตามท้องทุ่งอันเปลี่ยวร้าง ไร้ซึ่งสิ่งยึดติดใด ๆ ไร้ซึ่งข้อกังขาแห่งชีวิตที่ผ่านมา มีเพียงหนทางที่ทอดยาวยังเบื้องหน้าและโลกอันไม่แน่นอนรอคอยพวกเขาอยู่ สู่การเดินทางบทที่สองของชีวิตอันเหนือกาลเวลาและกฎเกณฑ์ใด ๆ บนโลก...
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น