ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤทธิ์หมัดมังกรราชันสยบฟ้า

    ลำดับตอนที่ #27 : ความรัก ดอกหญ้า น้ำตาของเด็กน้อย ตอนที่06 (จบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 37
      1
      21 พ.ค. 63


         เปลวเพลิงลุกไหม้ลามเลียไปตามสวนดอกไม้ที่เคยสวยงามอุดมสมบูรณ์  เปรียบดั่งความฝัน ความหวังที่พังทลายลงของเด็กน้อยแห่งสงคราม  เรดและบลูต่างต่อสู้ฟาดฟันกันด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่างและไม่สามารถเดินทางมาบรรจบกันได้  สุดท้ายแล้วบั้นปลายของทั้งคู่ก็มีแต่ความสูญเสียที่มิอาจเรียกกลับคืนมาได้ 

         "ฮ่าห์!"

         เรดเร่งจู่โจมด้วยพยุหะฝ่ามือถี่ยิบจนมองตามแทบไม่ทัน  ด้านบลูเองก็ต้านทานด้วยเพลงหมัดอย่างเต็มกำลังไม่มีถอยเช่นกัน  ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็แบกรับบาดแผลสาหัสชนิดที่คนธรรมดาไม่น่าจะทานทนความเจ็บปวดได้แล้ว  ทว่าศักดิ์ศรีและความคิดคำนึงถึงสิ่งสำคัญนั้นเป็นตัวผลักดันให้ทั้งสองยังคงออกหมัดต่อไป

         "เรด! แกมีฝีมือแค่นี้เองเรอะ!!!"

         บลูซัดกำปั้นเข้าที่ใบหน้าและช่วงท้องของอีกฝ่ายพร้อมกับส่งอีกฝ่ายให้กระเด็นถอยหลังไปด้วยพละกำลังมหาศาลชนิดเหนือมนุษย์  ท่าทางของมันไม่เหมือนคนบาดเจ็บใกล้ตายเลยสักนิด  ไอพลังที่แผ่ออกมาจากรอบตัวนั้นกำลังลุกไหม้จนเห็นได้ชัด

         "บลู! แกเองนั่นแหละมีปัญญาทำได้แค่นี้รึไง!"

         เรดตอบโต้ด้วยวิชาวิหคสวรรค์เบิกนภา  พริบตานั้นทั่วร่างของบลูก็ถูกกรีดด้วยเพลงฝ่ามือที่คมกริบราวกับคมมีดนับไม่ถ้วน  ทั้งสองกัดฟันฝืนทนความเจ็บปวดตรงเข้าห้ำหั่นกันอีกรอบอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  หยาดเลือดซาดกระเซ็นไปทั่วสวนดอกไม้ที่ลุกไหม้จนแทบไม่เหลือเค้าความสวยงามดังเดิม  เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของสองบุรุษนี้

         "บลู! ทำไมกันบลู...  ทำไมแกต้องทำถึงขนาดนี้! แกก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าสภาพของกาเลเทียมันกลายเป็นแบบนี้เพราะใคร!"

         "ก็ช่างมันสิ...  ข้าทำเพื่อปกป้องโลกของข้าก็เท่านั้น!"

         บลูซัดกำปั้นลุ่น ๆ เข้าที่ใบหน้าของเพื่อนรัก  แต่คราวนี้เรดกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด  เห็นได้ว่ากำลังของมันอ่อนแอลงจนทำอันตรายใด ๆ อีกฝ่ายไม่ได้แล้ว  ยิ่งเสียเลือดไปมากเช่นนี้การเผชิญศึกยืดยื้อย่อมไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

         "โลกของแกที่มีท่านอาจารย์...  แต่ไม่มีอนาคตของกาเลเทียอยู่ในนั้นเนี่ยนะ!  แล้วที่ผ่านมาแกพร่ำบอกว่าทำเพื่ออาณาจักรก็เป็นแค่คำลวงงั้นเรอะ!"

         ทั้งความทรงจำ รอยยิ้มและน้ำตาที่ผ่านมาที่ทั้งสองมีให้แก่กัน  ทั้งคำสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อราชอาณาจักรและพิทักษ์มาตุภูมินั้นก็เป็นแค่เพียงลมปากงั้นหรือ?  สุดท้ายแล้วข้างในตัวบลูก็ไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้เลย  นอกจากภาพลวงของอาจารย์สาวที่คอยตามหลอกหลอนเสมือนวิญญาณร้ายอยู่ตลอดเวลา

         "ข้าบอกว่าช่างมันสิ! ตอนนี้ชีวิตข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว  นอกจากคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับท่านอาจารย์!"

         นับจากวันที่คนรักจากไป  ร่างของบลูก็เหลือเพียงแค่ซากรอวันเน่าเปื่อย  ถึงจะเดินได้พูดได้ต่อสู้ปกป้องได้แต่ก็ไร้ซึ่งหัวใจ  เป็นร่างที่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ เพื่อทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่คนสำคัญเท่านั้น  เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากการปกป้องดวงใจทั้งสองของท่านผู้นั้นแล้ว  มันก็ไม่คิดจะสนใจอะไรอื่นอีกต่อไป  ตอนนี้ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็มีเพียงการต่อสู้ไปตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจเท่านั้น 

         "ฮ่าห์!"

         บลูเค้นพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อปล่อยเพลงหมัดวิหคสวรรค์ที่เป็นท่าไม้ตาย  ทว่ากลับเจอเรดขัดขวางไว้ได้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง  ตอนนี้ทั้งคู่ยืนประชิดกันจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันเลยทีเดียว

         "เจ้าบ้าเอ๊ยย!!!"

         คลื่นพลังจิตต่อสู้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสองแขนของเจ้าขุนพลเรดจนมองเห็นเป็นลำแสงสว่างเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าดวงตะวัน  เขาใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำในการประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกันในแนวราบ  แล้วพุ่งทะลวงตรงผ่านกลางลำตัวของเพื่อนรักไปในพริบตา!  

         "อั่กกก!"

         บลูกระอักเลือดทรุดตัวลงนั่งชันเข่ากับพื้น  แต่พริบตาต่อมามันก็ผุดลุกขึ้นพร้อมด้วยประกายตาอันแรงกล้า  ใช้สองมือจับท่อนแขนของอีกฝ่ายที่แทงทะลุผ่านลำตัวเข้ามา  จุดประสงค์มิใช่เพื่อขัดขืนต่อต้าน  หากแต่มันต้องการสัมผัสถึงจิตวิญญาณและชีพจรที่ไหลเวียนผ่านกล้ามเนื้อนั่น  จิตวิญญาณของผู้ที่เอาชนะเจ้าขุนพลบลูลงได้ในที่สุด...

         "แฮ่ก... แฮ่ก... ถึง... วาระสุดท้าย... แล้วสิ... นะ...?"

         น้ำเสียงของบลูเริ่มขาดห้วง  ความเจ็บปวดเริ่มสำแดงฤทธิ์แผ่ไปทั่วร่างของมันราวกับอสรพิษร้าย  เลือดสด ๆ หลั่งรินไม่ขาดสายดูท่าเจ้าตัวคงจะครองสติไว้ได้อีกไม่นานแล้ว  ปล่อยไว้แบบนี้ไม่นานมหาบุรุษผู้นี้ก็คงตายตกตามคนอื่น ๆ ไปท่ามกลางไฟสงครามเป็นแน่  แต่กระนั้นเจ้าขุนพลเรดกลับถอนแขนทั้งสองข้างออกแล้วดึงร่างของอดีตสหายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแทน

         "ใช่...  แกต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว  วันนี้ข้าได้ประจักษ์ต่อสายตาถึงเปลวเพลิงของบลู  หนึ่งในสามยอดขุนพลนักสู้แห่งราชอาณาจักรกาเลเทียแล้ว!"

         น้ำตาของสองบุรุษหลั่งริน  เมื่อชีวิตถือกำเนิดขึ้นจากประกายไฟในสงคราม  ก็ย่อมต้องคืนกลับสู่อ้อมอกแห่งเทพมารดรปฐพีผ่านไฟสงครามดุจเดียวกัน  และบัดนี้ก็สมควรแก่เวลาที่มหาบุรุษจะหวนคืนสู่ความไม่มีอันยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด

         "งั้นเหรอ... ข้าทำดีแล้ว...?"

        สายตาของบลูเริ่มรางเลือน  มองไม่เห็นใบหน้าของเพื่อนรักเสียแล้ว  ในห้วงสุดท้ายแห่งความคิดคำนึง  มโนสำนึกได้ย้อนความทรงจำของยอดขุนพลกลับไปสู่วันแห่งการเอ่ยคำสัญญา  นับจากวันนั้น  วันที่บลูเฝ้าปกป้องสองพี่น้องผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนรัก  แม้ว่าจะพลาดพลั้งทำเรื่องผิดพลาดไปบ้าง  แต่มันไม่เคยลืมคำสาบาน  ไม่เคยลืมหน้าที่ของตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว  เพื่อท่านอาจารย์แล้วมันยอมเป็นคนร้ายให้ทั้งโลกตราหน้า  ดีกว่าอยู่ไปวัน ๆ เพื่อปลอบใจตัวเอง  นั่นแหละคือวิถีชีวิตของบลู     

         "ไม่มีอะไรติดค้างในใจแล้ว  ลาก่อนเรด...  ข้าจะขอติดตามท่านอาจารย์ไปสู่ท้องทุ่งแห่งเรวาดอล  สู่การเดินทางอันเป็นนิรันดร์..."

         เรดกลั้นน้ำตาพลางใช้มือลูบปิดเปลือกตาของสหายรัก  เขาก่นด่าสาปแช่งชะตากรรมอันโหดร้ายที่ดลบันดาลแต่หายนะไม่รู้จบสิ้น  โลกของบลูที่มีแต่ท่านอาจารย์งั้นรึ?  ก็แล้วมันยังไงล่ะ!  ในเมื่อโลกของเรดเองก็มีเพียงบลู กรีน และสหายร่วมรบอยู่ในนั้นด้วยนี่นา  เจ้าขุนพลเม้มปากกัดฟันแน่น  วันนี้ไม่เพียงแต่โลกของบลูเท่านั้น  แม้แต่โลกของตนเองก็แตกสลายมลายไปกับสายลมแห่งโชคชะตาด้วยเช่นกัน! 

         "หลับให้สบายเถิดสหายของข้า  หลังจากนี้เจ้าขุนพลเรดคนนี้จะสะสางเรื่องราวที่เหลือให้จบสิ้นเอง!"

         เจ้าขุนพลลุกขึ้นยืนพลางใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งแนบเข้าที่หน้าอกเพื่อทำความเคารพร่างของบลูเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนจะจัดการฝังศพแบบง่าย ๆ ใต้เนินดินของสวนแห่งนั้น  โดยให้สัญญาว่าเมื่อใดที่สะสางเรื่องราวนี้เสร็จสิ้น  เขาจะกลับมาตกแต่งหลุมศพของสหายรักให้สมเกียรติแก่ยอดขุนพลแห่งกาเลเทียอย่างแน่นอน


    @@@@@@@@@@@@    

         "ท่านอาจารย์ดูนี่สิ!"

         เด็กน้อยอวดดอกไม้กำใหญ่ในมือ  ท่ามอาจารย์สาวเผยริยยิ้มอันอ่อนโยนพลางลูบหัวศิษย์รักไปมาอย่างเอ็นดู  ทั้งสองต่างอยู่กันตามลำพังท่ามกลางสวนดอกไม้แห่งความหลังที่สวยสดเหมือนดังเช่นในความทรงจำ  สถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่ง  ไม่มีประเทศไม่มีการต่อสู้นองเลือด  ไม่มียอดขุนพลและวิชาเพื่อใช้ฆ่าฟันผู้ใด  จะมีก็แต่รอยยิ้มอันสงบสุขของสองศิษย์อาจารย์เพียงเท่านั้น

         "เจ้าเด็ดมาให้ข้าหรือ?  ช่างน่ารักเสียจริง!"

         อาจารย์สาวนำดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นทัดไว้ที่ใบหู  เจ้าบลูยิ้มกว้างเฉิดฉายเมือ่ได้เห็นภาพอันน่าพึงใจนั่น  หัวใจของมันพองโตราวกับจะระเบิดออกมาเสียให้ได้  นานแค่ไหนแล้วนะที่ตนไม่ได้รู้สึกเปรมปรีด์เช่นนี้?  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ชั่วนิจนิรันดร์  ทว่ากาลเวลาและโชคชะตานั้นเป็นสิ่งที่โหดร้าย  สุดท้ายที่ตนทำได้ก็มีเพียงการสละชีพเพื่อปกป้องคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่คนรักเท่านั้นเอง

         "ท่านอาจารย์  ข้าต้องกราบขออภัยแก่ท่านด้วย..."

         ร่างของเจ้าขุนพลกลับคืนสู่สภาพหนุ่มแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามตามเดิม  แปลงดอกไม้สวยพลันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง  เฉกเช่นปราสาทแห่งกาเลเทียที่ลุกไหม้อยู่ในฉากหลังดุจเดียวกัน  เมื่อเขาตายลงเรดก็คงนำกองทัพบุกเข้าพิชิตปราสาทเพื่อลงทัณฑ์ฟาเรียเป็นแน่  หยาดน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มของเจ้าขุนพล  เท่านี้ก็เท่ากับว่าเขาผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับอาจารย์  กลายเป็นคนไร้สัจจะไร้ฝีมือ  แค่จะรักษาคำพูดของตนก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายศีรษะแล้วยื่นมือเข้ามาลูบใบหน้าของเขา

         "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะบลู"

         ท่ามกลางเปลวไฟ  ใบหน้าของท่านอาจารย์ยังคงความงดงามไม่เปลี่ยน  จะมีก็เพียงแววตาอันเศร้าสร้อยที่บาดลึกเข้าไปถึงข้างในจิตใจของบลู

         "ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า  มันเป็นเพราะข้าที่บีบบังคับให้เจ้าทำตามคำสัญญา  เป็นเพราะข้าที่บีบให้เจ้าต้องพบกับชะตากรรมอันโหดร้ายไม่มีที่สิ้นสุด..." 

         ด้วยความรักของมารดา  กลับทำให้ชื่อเสียงและคุณงามความดีที่บลูเคยทำมาต้องมลายสิ้นไปพร้อมกับความชั่วร้ายของฟาเรีย  เรื่องนี้ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนักแม้จะกลายเป็นวิญญาณในโลกแห่งคนตายแล้วก็ตามที  นางโน้มตัวกอดศิษย์รักแนบแน่น

         "ท่านอาจารย์!  ข้า! ข้า...!"

         "บลูเอย...  บัดนี้เจ้าเป็นอิสระแล้ว  ไม่มีคำสัญญาใด ๆ มาคอยผูกมัด  ไม่มีชะตากรรมอันโหดร้ายมาคอยดึงรั้งตัวเจ้าไว้อีกต่อไป  จงออกเดินทางสู่พิภพแห่งนิรันดร์ด้วยกันกับข้าเถิด!"

         และแล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกเดินทางไปตามท้องทุ่งอันเปลี่ยวร้าง  ไร้ซึ่งสิ่งยึดติดใด ๆ ไร้ซึ่งข้อกังขาแห่งชีวิตที่ผ่านมา  มีเพียงหนทางที่ทอดยาวยังเบื้องหน้าและโลกอันไม่แน่นอนรอคอยพวกเขาอยู่  สู่การเดินทางบทที่สองของชีวิตอันเหนือกาลเวลาและกฎเกณฑ์ใด ๆ บนโลก...




    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×