ลำดับตอนที่ #24
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ความรัก ดอกหญ้า น้ำตาของเด็กน้อย ตอนที่03
ไฟสงครามใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่ออาณาจักรรอบข้างต่างคิดปองร้ายกาเลเทียอันอุดมสมบูรณ์และเป็นปึกแผ่น ทั้งกับอาณาจักรเอลมอร์และเจ้าพวกสัตว์ร้ายทางเหนือ ไหนจะข่าวลืออันน่ากลัวเรื่องที่มีพวกไส้ศึกแอบลักลอบปะปนเข้ามากับพลเมืองด้านหลังกำแพงอันเกรียงไกรนี้อีก ทำให้ทุกฝ่ายต่างไม่สบายใจและจัดเตรียมกำลังป้องกันอย่างพรักพร้อม เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ทันท่วงที ทั้งเรดและกรีนต่างก็ถูกจับฝึกฝนอย่างหนักหน่วงในทุกวัน เป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการต่อสู้ขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้
"โอย... วันนี้ก็เจอชุดใหญ่อีกแล้วสิ!"
เรดกับกรีนประสานเสียงพลางทิ้งตัวลงบนเตียงอันนุ่มนิ่มโดยมีบลูนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะไม่ไกล บ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดจากพวกทหารในรุ่นก่อนที่ออกสงครามแล้วไม่ได้โชคดีกลับมาบ้านเกิดอีก องค์ชายเครโต้จึงยอมมอบให้เป็นแหล่งพักอาศัยของพวกเด็ก ๆ ที่ไร้ญาติขาดมิตรและพวกทหารเด็กในรุ่นถัดไปได้ใช้สอยตามใจชอบ แม้จะไม่ใหญ่โตอะไรแต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกบลูและเด็กคนอื่น ๆ อีกห้าหกคน ซึ่งทั้งสามก็สมัครใจอยู่ร่วมห้องเดียวกันเนื่องจากความสนิทเป็นทุนเดิม
"ฮะ ๆ ดูเหมือนว่าสงครามใกล้เข้ามาแล้วสินะ?"
บลูหัวเราะแห้ง ๆ รู้ดีว่าหากเกิดการสู้รบขึ้น เพื่อนสนิททั้งสองของตนก็คงไม่พ้นถูกเกณฑ์ไปรบด้วยแน่นอน ท่ามกลางไฟสงครามอันแสนอันตรายนี้ พวกเด็ก ๆ จะมีโอกาสรอดกลับมาบ้านสักกี่มากน้อยกันเชียว? ได้ยินว่าพวกทหารที่ขี้ขลาดมักจะเรียกใช้ทหารเด็กเพื่อเป็นตัวหมากล่อศัตรู เรียกง่าย ๆ ว่าส่งไปตายแทนตัวเองก็ได้ นับว่าชั่วช้าสิ้นดีแต่จะทำอะไรได้ในเมื่อองค์เหนือหัวทรงอนุญาต เพราะมันช่วยลดอัตราการสูญเสียกองกำลังทหารอันล้ำค่าของอาณาจักรไปได้โขทีเดียว
"เฮอะ! ถ้าข้าได้ลงสนามเมื่อไหร่จะกัดหูพวกมันให้ขาดสะบั้นเลยเชียว!!!"
เรดกล่าวอย่างคึกคะนอง ตรงข้ามกับกรีนที่มีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ส่วนบลูก็ได้แต่ทอดถอนใจเพราะเพื่อนของตนก็เป็นซะแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรเรดไม่เคยแสดงท่าทีอ่อนแอออกมา ด้วยความที่เขาทำตัวเหมือนพี่ใหญ่ในกลุ่มเสมอจึงพยายามเก็บซ่อนความสับสนวุ่นวายไว้ภายใน ถึงจะไม่พูดแต่บลูก็รู้ดีเพราะสนิทกันมานาน
"จะว่าไป... ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ถามข้าว่าโลกนี้คืออะไร? พวกเจ้าพอจะเข้าใจความหมายของมันไหม?"
บลูนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์สาวของตนเคยถามเรื่องนี้ตอนที่อยู่ในสวนดอกไม้ เขาพยายามขบคิดเรื่อยมาคนเดียวแต่ด้วยสมองน้อย ๆ ของตนก็ไม่อาจตีความออก จึงได้ลองปรึกษาเพื่อน ๆ เผื่อว่าจะมีใครเข้าใจในความหมายของมันบ้าง
"ฉลาดอย่างแกยังนึกไม่ออก หน้าโง่อย่างข้าจะไปรู้ไหม?"
เรดขมวดคิ้ว พวกตนจะไปรู้คำตอบได้ยังไงในเมื่อวัน ๆ ก็ง่วนอยู่แต่การฝึกวิชาเพื่อทำสงคราม ขัดเกลาก็แต่กล้ามเนื้อและประสาทสัมผัส โลกของตนจึงมีแต่การต่อสู้และความรุนแรง มีแต่บลูนี่แหละที่สติปัญญาดูจะดีกว่าคนอื่นในขณะที่พละกำลังแทบจะไม่มีเลย จึงต้องนั่งอ่านหนังสือร่ำเรียนวิชาทางโลกแบบนี้ทุกวันไม่ใช่รึไง
"นั่นสินะ ข้าลืมไปสนิทเลย"
บลูเปรยขึ้นมาลอย ๆ ด้วยแววตาอันเศร้าสร้อย แล้วบทสนทนาก็จบลงเพียงเท่านั้น หลังจากจบมื้อเย็นแล้วพวกเขาก็รีบเข้านอนแต่หัววัน เพราะพรุ่งนี้ก็ยังมีเมนูการฝึกอันหฤโหดรอคอยเรดและกรีนอยู่ ส่วนบลูนั้นมีนัดเรียนหนังสือกับท่านอาจารย์เช่นเคย และเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้พบบุคคลสำคัญของตนเช่นกัน
@@@@@@@@@@@@
บรรดาเด็กน้อยรวมถึงบลูนั่งฟังอาจารย์สาธยายวิชาในหอสมุดประจำกาเลเทียอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้ว่าช่วงนี้จะมีข่าวลือเรื่องสายลับจากอาณาจักรอื่นจนองค์ชายไม่อนุญาตให้นางออกไปไหนมาไหนคนเดียวได้ตามปกติ แต่ด้วยความรั้นของอาจารย์สาวก็ทำให้เปิดห้องเรียนสอนวิชาจนได้ และแน่นอนว่าต้องมีผู้ติดตามใบหน้าบอกบุญไม่รับสองคนมายืนประกบตลอดเวลา ทำราวกับพวกตนจะคิดปองร้ายท่านอาจารย์เสียอย่างนั้น?
"...ด้วยเหตุนี้ปฐมกษัตริย์แห่งกาเลเทียจึงริเริ่มการฟื้นฟูบ้านเมืองที่ล่มสลายลง"
แสงแดดยามบ่ายเคลื่อนคล้อยไต่ระดับลงมาตามมุมของหน้าต่าง ช่วยขับเน้นเรือนร่างอันอวบตึงของสาวงามให้เด่นชัดยิ่งขึ้น บลูคอยสังเกตริมฝีปากอันอวบอิ่มของท่านอาจารย์ที่ขยับลื่นไหลไปกับจังหวะการเล่าเรื่องตำนานแห่งกาเลเทีย มันช่างดูมีสเน่ห์ยั่วยวนอย่างประหลาดจนเด็กน้อยอดใจไม่อยู่ สายตาของมันเริ่มเลื่อนจากตัวอักษรบนกระดาษไปที่ส่วนโค้งเว้าของผู้เป็นอาจารย์แทน หากว่ามันมีเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างความนับถือกับความใคร่ในอิสตรี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบลูกำลังจะก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นอยู่รอมร่อแล้ว
"ท่านหญิงขอรับ ได้เวลาแล้ว"
ผุ้ติดตามทั้งสองไม่ยอมให้นางได้สอนจบจนบทเรียนประจำวัน เนื่องด้วยอาทิตย์คล้อยต่ำจนแทบจะลับฟ้าไปแล้ว การเดินทางในยามพลบค่ำอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ จึงต้องรีบกลับเข้าสู่วังโดยเร็วที่สุด พวกเด็ก ๆ ต่างทำสีหน้าผิดหวังรวมถึงบลูด้วย หากแต่หน่วยองค์รักษ์ก็หาได้ใส่ใจไม่ หน้าที่ของพวกมันมีเพียงดูแลบุคคลสำคัญขององค์ชายแห่งกาเลเทียเท่านั้น อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องสน
"ท่านอาจารย์ครับ"
บลูพยายามจะรั้งตัวอาจารย์ไว้ แต่ก็ต้องเจอการขัดขวางจากผู้ติดตามในทันที นางจึงค้อมตัวลงไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของเด็กน้อยก่อนจะยอมจากไปแต่โดยดี ซึ่งเด็กน้อยก็ไม่คิดขัดขวางอะไรอีก
......
...
เช้าวันรุ่งขึ้น บลูรีบออกจากบ้านมาอย่างไวด้วยว่าอาจารย์สาวได้แอบกระซิบบอกตั้งแต่เมื่อวานถึงการนัดพบกับพวกเด็ก ๆ เพื่อเปิดชั่วโมงเรียนพิเศษในทุ่งดอกไม้ แน่นอนว่าเมื่อไปถึงได้มีพวกเด็กบางคนมารออยู่ก่อนแล้ว และบลูยังไม่ลืมที่จะเดินหาเด็ดดอกไม้สวย ๆ เพื่อมอบให้แก่คนสำคัญของตนอีกด้วย ทว่าเมื่อถึงเวลานัดพบคนที่ปรากฎตัวนั้นกลับไม่ใช่สาวสวยที่ทุกคนรอคอย แต่มันคือชายฉกรรจ์สองคนที่มีใบหน้ามุ่งร้ายและอาวุธเป็นมีดสั้นในมือ
"ฮี่ ๆ อะไรกันวะ! ไหนเอ็งว่านังนั่นจะมาที่นี่ไง แล้วทำไมถึงมีแต่ไอ้เด็กเปรตพวกนี้เล่า?"
"เฮ้ยข้าจะไปรู้ได้ยังไง! ก็สายข่าวมันรายงานมาแบบนี้นี่หว่า!"
พวกมันพูดจาหยอกล้อกันในขณะที่พวกเด็ก ๆ ต่างหวาดกลัวลนลานจนไม่กล้าขยับตัวหนีไปไหน ในที่สุดสายลับที่ลอบแฝงตัวเข้ามาในเมืองก็ปรากฎตัวออกมาแล้ว แถมยังเล็งเป้าหมายไปที่อาจารย์สาวของตนอีก บลูกำหมัดแน่น อย่างน้อย ๆ ถ้าตอนนี้เพื่อนของเขาอีกสองคนอยู่ด้วยล่ะก็...
"แล้วจะเอายังไง? ฆ่าทิ้งให้หมดเลยดีมั้ย ไหน ๆ พวกมันก็เห็นหน้าเรากันแล้วด้วย!"
ทั้งสองแสยะยิ้มให้แก่กันก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาพวกเด็ก ๆ ที่ไม่รู้วิชาต่อสู้ มีดในมือส่องประกายวิบวับดูแล้วน่าสยดสยอง พวกมันกระชากแขนเด็กคนหนึ่งขึ้นมาก่อนที่จะตวัดปลายมีดเข้าไปจ่อที่ลำคอ แค่ออกแรงเล็กน้อยก็เพียงพอจะตัดเส้นเลือดบริเวณนั้นให้ขาดสะบั้นจนเลือดพุ่งเอาง่าย ๆ แล้ว
"หะ... หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นและความตายนั้นเอง บลูกระโดดออกมายืนหน้าทุกคนพร้อมกับตะโกนให้คนร้ายหยุดการกระทำอันโฉดชั่วเสีย เล่นเอาพวกมันส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่หยุดเลยทีเดียว
"ฮ่า ๆ อะไรของแกวะ! คิดจะเล่นบทพระเอกช่วยเหลือพวกพ้องเหรอ? ยังเร็วไปสิบปีโว้ย!!!"
เพียงสะบัดท่อนแขนเบา ๆ ก็ส่งร่างของเด็กน้อยให้กระเด็นกลิ้งไม่เป็นท่าได้แล้ว กระนั้นบลูยังไม่ยอมทอดใจรีบวิ่งมายกแขนทั้งสองข้างขึ้นบังพวกเพื่อน ๆ อีกรอบหนึ่ง คราวนี้คนร้ายเริ่มรู้สึกรำคาญจึงหมายใช้มีดในมือแทงให้แดดิ้นไปซะที จากตรงจุดนี้เองที่ความทรงจำของบลูขาดห้วงไป เด็กน้อยรู้สึกโหวง ๆ ราวกับเดินอยู่บนก้อนเมฆที่กลางอากาศ รู้สึกตัวอีกทีเจ้าพวกนั้นก็นอนจมกองเลือดตายคาที่ไปเสียแล้ว...
@@@@@@@@@@@@
"ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของเจ้างั้นหรือ?"
เมื่อเหตุร้ายผ่านพ้นไป พวกทหารในเมืองก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ที่ทุ่งดอกไม้โดยมีเด็ก ๆ ยืนตัวสั่นพูดจาไม่เป็นภาษาคนอยู่ แต่ที่สำคัญกว่านั้น คนที่ให้เกียรติเดินเข้ามาสอบถามเรื่องราวกับบลูนั่นก็คือตัวองค์ชายเครโต้ซึ่งเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอันมากที่เด็กตัวเล็กท่าทางไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้จะล้มยักษ์ถึงสองคนได้ในคราวเดียวกัน
"ขะ... ข้า... ไม่รู้!"
บลูพยายามบังคับริมฝีปากไม่ให้สั่นระรัวในขณะที่พูด อันที่จริงตนนั้นจำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับความตายของคนชั่วพวกนั้น รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นภาพตามที่ทุกคนได้เห็นไปเสียแล้ว กระนั้นพวกเด็กคนอื่น ๆ ต่างให้การตรงกันนั่นคือบลูเป็นผู้ลงมือสังหารเจ้าพวกนี้ด้วยตัวเอง เริ่มจากใช้กระบวนท่าปัดมีดในมือของคนหนึ่งย้อนกลับไปแทงตนเอง ส่วนอีกคนก็เจอฝ่ามือแทงทะลุกลางลำตัวในระหว่างที่ตะลึงกับศพของเพื่อนมันอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินไปในช่วงเวลาไม่ถึงวินาทีเลยด้วยซ้ำ
"อืมมม... ช่างมหัศจรรย์เสียจริง"
แม้แต่ชายผู้ผ่านศึกมามากอย่างเครโต้ยังถึงกับตกใจกับพรสวรรค์อันเปี่ยมล้นที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายเล็ก ๆ ท่าทางอ่อนแอไม่สู้คนเช่นนี้ การผลักอาวุธกลับไปทำร้ายเจ้าของนั่นคือเคล็ดวิชาวิหคสวรรค์สายปฐพีชื่อคืนดาบศัตรา ส่วนการใช้ฝ่ามือแทงทะลุร่างของศัตรูเช่นนี้คือวิชาสายนภาชื่อกระบวนท่าพยุหะผ่าเวหา ท่าทางว่าเจ้าเด็กคนนี้คงแอบเห็นการฝึกกระบวนท่าของพวกเพื่อน ๆ ในระหว่างที่ไม่มีการเรียกรวมพลและสมองก็จดจำกระบวนท่าเหล่านั้นเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อถึงจังหวะวิกฤตเช่นนี้จึงเผลองัดออกมาใช้ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่เด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งไม่มีประสบการณ์สังหารใครมาก่อนจะแสดงศักยภาพการต่อสู้สูงส่งถึงขนาดนี้?
"บลู! เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า!!!"
อาจารย์สาววิ่งเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ถ้าไม่เป็นเพราะเมื่อเช้านางถูกจับได้ว่ากำลังหาทางหลบหนีออกจากวังโดยมิได้รับอนุญาต ป่านนี้ก็คงประสบชะตากรรมเดียวกับพวกเด็ก ๆ ตรงนี้เป็นแน่ และนั่นทำให้องค์ชายแห่งกาเลเทียไม่สบอารมณ์ยิ่ง ในห้วงวิกฤตขนาดนี้ยังห่วงแต่เรื่องของตัวเองด้วยการนัดพวกเด็ก ๆ ออกมาเสี่ยงอันตรายกับเรื่องไร้สาระอย่างการเรียนหนังสืออย่างนี้หรือ? กระนั้นในโชคร้ายก็ยังมีโชคดีนั่นคือมันทำให้ตนได้ค้นพบเพชรเม็ดงามที่ยังไม่ผ่านการเจียรไนมาก่อนเช่นนี้
"จงถอยไปซะ! เพราะการละเมิดคำสั่งของเจ้าถึงทำให้เด็ก ๆ พวกนี้เกือบเอาชีวิตมาทิ้งโดยไม่จำเป็นเสียแล้ว แต่ยังโชคดีที่มีเจ้าหนูคนนี้อยู่..."
เครโต้ขึ้นเสียงใส่คู่หมั้นของตนกลางที่สาธารณะอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้นางตกใจกลัวจนอีกฝ่ายต้องรีบปรับน้ำเสียงลงในทันใดเพื่อไม่ให้นางเสียหน้าไปมากกว่านี้
"ข้าจะรับเด็กคนนี้เข้ารับการฝึกพิเศษของหน่วยองค์รักษ์แห่งกาเลเทียด้วย!"
"ดะ... เดี๋ยวก่อนค่ะ! ท่านหมายความว่าจะให้เด็กคนนี้เข้าหน่วยทหารที่ต้องออกรบด้วยเช่นนั้นหรือ?"
แม้คู่หมั้นจะทำสีหน้าไม่เชื่อ แต่ก็มิอาจเปลี่ยนแววตาอันแน่วแน่ขององค์ชายได้ เครโต้ประกาศให้ทุกคนในที่นั้นรวมถึงเรดและกรีนที่ตามมาสมทบทีหลังว่าจะขอรับเด็กน้อยที่ชื่อบลูคนนี้เข้าสู่ปราสาทกาเลเทียและรับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเพื่อรับตำแหน่งทหารองค์รักษ์ให้จงได้
"ข้าขอคัดค้านค่ะ! เด็กคนนี้ยังอายุไม่ถึงสิบขวบเลยด้วยซ้ำ แขนขาก็เรียวเล็กไม่เหมือนเด็กคนอื่นแถมไม่รู้วิชาการต่อสู้อีกด้วย!"
อาจารย์สาวพยายามอย่างเต็มที่ในการปฎิเสธการตัดสินใจนี้ แม้นทราบดีว่าการออกความเห็นในลักษณะนี้จะต้องมีโทษหนักตามมาอย่างแน่นอน แต่นางก็พร้อมที่จะปกป้องลูกศิษย์ของตนมิให้ต้องออกไปเผชิญอันตราย เพราะต่อให้เป็นหน่วยองค์รักษ์แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินก็ต้องออกไปปฎิบัติการที่ด้านนอกกำแพงอยู่ดี
"ขะ... ข้าจะพยายามขอรับ!"
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังโจษจันเกี่ยวกับการตัดสินใจขององค์ชายนั้นเอง บลูได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นและมั่นคง ก็นี่คือต่อหน้าคนสำคัญของตนนี่นา จะมัวทำตัวขี้แยอ่อนแอได้ยังไง และการเป็นทหารองค์รักษ์ก็หมายความว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับอาจารย์ยิ่งขึ้นด้วย
"บลูแกแน่ใจแล้วเหรอ?"
เรดถามสหายด้วยความเป็นห่วง ด้วยรู้ดีว่าการเป็นทหารนั้นหมายถึงหนทางแห่งการฝึกฝนอันโหดร้ายและหนักหน่วงกำลังรอคอยอยู่ แล้วเพื่อนตัวเล็กคนนี้ของเขาจะสามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้หรือ? แต่เมื่อได้เห็นแววตาอันแน่วแน่ของอีกฝ่ายก็ทำให้ไม่อาจเอ่ยอะไรไปได้มากกว่านี้เช่นกัน และด้วยเหตุนี้เองที่บลูได้ก้าวเดินเข้าสู่หนทางแห่งการต่อสู้ กระทั่งเดินมาถึงจุดทางแยกของโชคชะตาอีกมากมายในอนาคตอันใกล้โดยที่เจ้าตัวก็คงไม่ทันคาดคิดมาก่อนเป็นแน่...
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น