ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วิหคสวรรค์-นภาปะทะปฐพี
หลายวันผ่านไปหลังจากที่หัวหน้าองค์รักษ์ขององค์หญิงมาเรียหายสาบสูญ องค์ราชาออกคำสั่งให้จัดกำลังทหารหน่วยหนึ่งออกตามหารวมถึงเจ้าขุนพลบลูด้วยแต่ก็ไร้วี่แวว ครั้งสุดท้ายที่มีคนพบเห็นฮอร์นก็คือช่วงก่อนที่เขาจะหายตัวไปในหอคอยทางทิศตะวันออกนั่นเอง
"ปัทโธ่หายไปไหนของเขากันนะ! แบบนี้ข้าก็แอบไปฝึกวิชาไม่ได้น่ะสิ"
มาเรียกำลังหัวเสียอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ฮอร์นบอกเองว่าเห็นการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ที่หอคอยฝั่งตรงข้ามกับจุดที่นางแอบขึ้นไปฝึกวิชาแล้วก็ขอตัวไปสืบดู หลังจากนั้นก็หายตัวไปเลย แน่นอนว่านางใช้ให้คนรับใช้อย่างดอนไปดูที่หอคอยนั่นเรียบร้อยแล้ว แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยขององค์รักษ์ฮอร์นอยู่เลย
"ข้าว่าบางทีฮอร์นอาจจะเบื่อที่ต้องคอยปกปิดการแอบฝึกวิชาขององค์หญิงก็เลยหลบหน้าไปก็ได้นะขอรับ!"
ดอนเสนอความคิด แต่ก็เจอองค์หญิงสวนกลับทันทีว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง ฮอร์นเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากและไม่เคยหนีจากอะไรทั้งนั้น แถมงานอารักขาบุคคลสำคัญแบบนี้มันแอบหลบไปอู้ได้ด้วยหรือ?
"สำหรับเรื่องนั้นข้าอาจจะตอบแทนได้นะ?"
จู่ ๆ องค์หญิงฟาเรียปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสองพร้อมด้วยเจ้าขุนพลบลูและทหารอีกจำนวนหนึ่ง สร้างความประหลาดใจให้กับมาเรียอย่างมาก
"ท่านพี่! ท่านรู้หรือคะว่าหัวหน้าองค์รักษ์ของหนูหายตัวไปไหนน่ะ"
"หึหึ... รู้ซะยิ่งกว่ารู้เสียอีก ก็ไอ้สารเลวนั่นวางแผนจะชิงบัลลังก์จากข้าคนนี้ยังไงล่ะ!"
ดั่งสายฟ้าผ่าลงมากลางอกของมาเรีย คำพูดของพี่สาวทำให้นางตกใจและสับสนงุนงงยิ่ง ฮอร์นเนี่ยนะ? วางแผนร้ายโค่นบังลังก์? มันต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ ๆ เลย หัวหน้าองค์รักษ์คนนี้คอยอยู่เคียงข้างนางมาตั้งแต่ยังเล็ก และคอยปกป้องตนมาตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
"ท่านพี่คะ! น้องว่ามันต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ ๆ เลย..."
"ไม่มีเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น! และข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้านั้นแอบสมคบคิดกับไอ้สารเลวนั่นด้วย!"
ฟาเรียชูกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาและบอกว่านี่คือหลักฐานยืนยันในสิ่งที่ตนพูดไป เพราะในนี้ได้เขียนอธิบายไว้อย่างละเอียดถึงแผนการโค่นล้มบังลังก์แห่งกาเลเทีย อีกทั้งยังระบุไว้ด้วยว่าองค์หญิงมาเรียเองก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ด้วย!
"นี่มันคืออะไรกันคะท่านพี่! น้องไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้นะรวมถึงฮอร์นเองด้วย ถ้ายังไงเราคงต้องตามหาตัวฮอร์นและ..."
"ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนหรอก เพราะร่างของเจ้านั่นอยู่ที่นี่แล้ว!"
ขุนพลบลูนำศพของฮอร์นที่ห่อไว้ด้วยผ้าคลุมของตนเองวางบนพื้น เพื่อที่องค์หญิงจะได้เห็นวาระสุดท้ายของยอดองค์รักษ์อย่างเต็มตา มาเรียถึงกับปล่อยโฮเมื่อรับรู้ว่าฮอร์นผู้ซื่อสัตย์นั้นได้ตายจากไปแล้ว
"ทำไมกัน... ทำไมฮอร์นถึงได้...!"
บลูก้มหน้าไม่กล้าสบตากับใคร ๆ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกที่ยากจะแสดงออก ด้านฟาเรียเห็นน้องสาวร้องไห้ฟูมฟายก็เดินเข้าไปตบใบหน้าหนึ่งทีอย่างรุนแรง
"นังแพศยา! แกคิดว่าข้าคนนี้ไม่รู้รึไงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้พวกแกแอบฝึกวิชายุทธของขุนพลเรดเพื่อเอามาใช้โค่นล้มบัลลังก์น่ะ!"
เมื่อโดนเข้าไปแบบนี้มีหรือที่อีกฝ่ายจะทนนิ่งเฉย มาเรียลุกขึ้นตบใบหน้าของฟาเรียแบบไม่เกรงใจกลับบ้างแล้วตะโกนขึ้นว่า
"ท่านพี่! ท่านกล้าดียังไงมาหาว่าข้าวางแผนโค่นบัลลังก์เช่นนี้! ฮอร์นน่ะรับใช้อาณาจักรแห่งนี้ด้วยความซื่อสัตย์มาหลายสิบปีแล้ว ทำไมเขาจะต้อง..."
"เฮอะ! ซื่อสัตย์อย่างนั้นเรอะ แล้วทำไมเจ้านั่นต้องลอบเข้ามาทำร้ายข้าด้วยล่ะ? ถ้าไม่ได้ขุนพลบลูช่วยไว้ล่ะก็ชีวิตขององค์หญิงคนโตของอาณาจักรนี้คงสูญสิ้นไปแล้ว!"
มาเรียเบกตาโพลงด้วยไม่อยากเชื่อในวาจาของพี่สาว นางหันไปมองที่เจ้าขุนพลบลูในทันทีและพบว่าเขาไม่กล้าสบตาด้วย เท่านี้ก็พอจะยืนยันได้แล้วว่าใครเป็นผู้ยัดเยียดความตายให้แก่องค์รักษ์ของตนเอง
"ทะ... ท่านบลู! ทำไมท่านถึงได้..."
"อภัยให้ข้าด้วยองค์หญิง"
เจ้าขุนพลรู้สึกละอายใจที่ได้ลงมือกับผู้บริสุทธิ์ แต่ด้วยเพราะเป็นหน้าที่เขาจึงจำใจต้องกระทำการอันฝีนใจยิ่งนัก บลูไม่กล่าวอะไรออกมาอีกเลยในระหว่างที่มาเรียร้องไห้เสียใจอย่างสุดซึ้ง
"ทหาร! จับนังคนทรยศเอาไว้!"
ฟาเรียไม่รอช้าออกคำสั่งจับกุมน้องสาวในทันที พวกทหารทีแรกต่างก็รู้สึกสับสนมองกันไปมาเลิ่กลั่ก แต่เมื่อองค์หญิงคนโตออกคำสั่งซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอันเฉียบขาดพวกมันจึงต้องเข้ารวบตัวองค์หญิงมาเรียเอาไว้
"ฮ่าห์!"
เมื่อไม่มียอดองค์รักษ์คอยเกื้อหนุน มาเรียจึงต้องหาทางตีฝ่าวงล้อมของอีกฝ่ายออกไปด้วยตนเอง นางใช้วิชาฝ่ามือวิหคสวรรค์ที่เรียนรู้มาปลดอาวุธพวกทหารได้อย่างง่ายดาย ฟาเรียเห็นก็ยิ่งร้อนใจออกคำสั่งให้บลูรีบจัดการกับนางเสีย
"ขุนพลบลู! ถ้าท่านมีใจที่ภักดีต่อราชอาณาจักรแห่งนี้จริง ท่านควรจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรใช่ไหม? แล้วตอนนี้สิ่งที่ตัวท่านควรจะทำมันคืออะไรกันแน่!"
คำพูดของมาเรียเสียดแทงใจยอดขุนพลยิ่งนัก กระนั้นบลูก็หาได้หวั่นไหวไปกับคำพูดของมาเรีย เมื่อได้เห็นเหล่าทหารกระเด็นกระดอนไม่เป็นท่าเขาจึงจำต้องเอาจริงบ้างเสียแล้ว
"องค์หญิงโปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย หวังว่าสักวันท่านคงจะเข้าใจ!"
ร่างของบลูเปล่งประกายออร่าสีฟ้าออกมาอย่างแผ่วเบา เป็นสัญญาณเตือนว่าบัดนี้ยอดขุนพลแห่งกาเลเทียกำลังอยู่ในสภาพพร้อมรบแล้ว เพียงแค่มันวาดฝ่ามือซ้ายขวาแยกออกจากกันเบา ๆ ก็บังเกิดสายลมกรรโชกซัดเข้าหามาเรียจนกระเด็นถอยหลังไปสี่ถึงห้าก้าวได้แล้ว
"วิชาวิหคสวรรค์สายนภาของขุนพลเรดงั้นรึ? แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอจะโค่นเจ้าขุนพลบลูผู้นี้ได้หรอกนะ!"
สายวิชาของวิหคสวรรค์อันเป็นพื้นฐานวิชาแห่งอาณาจักรกาเลเทียแห่งนี้พอจะแบ่งแยกเป็นสายใหญ่ ๆ ได้สองสายนั่นคือสายนภาและปฐพี สายนภานั้นเด่นในด้านการร่ายรำไปบนอากาศ พลังฝ่ามืออันรวดเร็วเฉียบขาดนั้นสามารถสะบั้นได้แม้แต่สายลมเหนือ ส่วนสายปฐพีคงความหนักแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังดุจขุนเขา แค่เพียงฝ่ามือยังป่นได้แม้ภูผา และขุนพลทั้งสองก็คือตัวแทนของวิชาทั้งสองสายที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวยากหาใครเทียบเทียมได้นั่นเอง
"ท่านช่างอ่อนหัดยิ่งนัก!"
บลูพุ่งเข้าประชิดตัวองค์หญิงในทันทีไม่เปิดโอกาสให้นางตั้งหลักกระโจนขึ้นสู่เวหาอันเป็นเวทีสำแดงพลังสายนภา มาเรียตั้งรับฝ่ามืออันหนาหนักของเจ้าขุนพลด้วยแขนทั้งสองข้างแต่ยังไม่เพียงพอจะต้านทานฝ่ามือวิหคสวรรค์ใจประสานกาย ร่างขององค์หญิงถูกกระแทกจนล้มลงนอนกับพื้น ที่นางยังมีลมหายใจอยู่นั้นก็เป็นเพราะอีกฝ่ายจงใจยั้งมือไว้นั่นเอง
"ทำอะไรน่ะขุนพลบลู ข้าบอกให้เด็ดหัวมันออกมาไงเล่า!"
ฟาเรียไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นลูกน้องของตนออมมือให้น้องสาว ด้านมาเรียก็รู้สึกเจ็บใจที่ฝีมือของตนซึ่งขัดเกลามานานแรมปีก็ยังมิอาจทาบระดับพลังของบลูได้เลยแม้แต่นิด ทว่ามีหรือที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้ องค์หญิงคนเล็กกระโดดถอยห่างออกมาพร้อมกับตั้งท่ากระโจนขึ้นสู่เบื้องบนในทันที เป้าหมายคือเล็งจู่โจมช่วงศีรษะของอีกฝ่ายให้จงได้ ท่าร่างของนางแลดูคล้ายพญาวิหคสีขาวที่เหินลมบนอย่างองอาจสง่างาม นี่คือหนึ่งในกระบวนท่าลับวิหคสวรรค์สะบั้นดาวเหนือของขุนพลเรดที่มาเรียแอบลักลอบจดจำมาประยุกต์เอง
"เมื่อครู่องค์หญิงอาจคิดว่าที่สู้ไม่ได้ก็เพราะไม่ใช่ศึกกลางอากาศ คราวนี้ข้าจึงยอมให้ท่านได้เหาะเหินตามใจชอบ จะได้รู้กันไปว่าท่านนั้นอ่อนหัดแค่ไหน ฮ่าห์!!!"
และแม้ว่าจะเป็นศึกกลางอากาศของถนัดสายนภาขุนพลบลูก็ไม่หวาดหวั่น มันกระโดดเข้ารับมือวิชาลับสะบั้นดาวเหนือของมาเรียได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าหากนี่เป็นระดับเรดเขาคงไม่กล้าขนาดนี้แน่ พร้อมกันนั้นบลูยังจับบิดหัวไหล่ของนางเพื่อที่ตอนลงพื้นข้อไหล่จะหลุดในทันที
"กรี๊ดด!"
มาเรียร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เมื่อไหล่หลุดแบบนี้ก็หมดหนทางสู้แล้วจึงได้แต่ก้มหน้าเจ็บใจ ฝ่ายฟาเรียเห็นสีหน้าของน้องสาวก็หัวเราะร่วนพร้อมกับออกคำสั่งให้บลูลงมือเผด็จศึกศัตรูในทันที ทว่าเขากลับปฎิเสธ
"องค์หญิงมาเรียมีความผิดฐานทรยศต่อองค์ราชา ข้าจำเป็นต้องควบคุมตัวนางไปให้องค์เหนือหัวเป็นผู้ตัดสินโทษขอรับ"
"อย่ามาล้อเล่นนะขุนพลบลู! ข้าสั่งให้เจ้าสำเร็จโทษนางที่นี่เดี๋ยวนี้!"
แม้ว่าฟาเรียจะเค้นน้ำเสียงให้หนักแน่นสักแค่ไหน หากแค่ขุนพลบลูก็ไม่ยอมทำตามเสียแล้ว เขายอมก้มหัวรับใช้ตามคำบัญชา แต่ยังไม่ได้ขายวิญญาณให้แก่ปิศาจ ดังนั้นจึงไม่ประสงค์จะปลิดชีพสายเลือดขัตติยะโดยเด็ดขาดไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม
"หึหึ... เจ้าเองก็ยังอ่อนหัดนะบลู!"
รองขุนพลราฟา สบโอกาสทำเสียงเยาะเย้ยอีกฝ่าย เพราะตัวมันนั้นทั้งอิจฉาในฝีมือและตำแหน่งของบลูมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถช่วงชิงยศฐาจากอีกฝ่ายได้เสียที มาวันนี้มันเจอโอกาสงามทั้งทีย่อมไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่
"องค์หญิงฟาเรีย ข้าราฟาผู้นี้จะขอเป็นผู้จัดการนังคนทรยศนี่เองขอรับ ฮี่ ๆ"
"ย่อมได้! หากเจ้าจัดการนังแพศยาสำเร็จข้าจะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าขุนพลแทนไอ้คนไร้ความสามารถนั่น!"
คำพูดของฟาเรียทรมานลงไปจนถึงวิญญาณของบลูเลยทีเดียว กับการตอบแทนความซื่อสัตย์จงรักภักดีที่ตนมีให้มาตลอดเช่นนี้ แต่อย่างไรเสีย เขาไม่ยินยอมให้ผู้ใดก็ตามบังอาจสังหารคนในราชวงศ์กาเลเทียได้โดยเด็ดขาด!
"หลีกไปบลูไอ้คนดื้อด้าน! ไว้ข้าจัดการนังนั่นเสร็จเมื่อไหร่ก็ถึงตาแกบ้างล่ะ!"
"สามหาว! นี่แกคิดจะลงมือกับสายเลือดแห่งราชวงศ์กาเลเทียจริง ๆ งั้นรึ..."
สองบุรุษประจันหน้ากันโดยไม่มีใครยอมหลีกให้ใคร ทั้งบลูและราฟาต่างยืนจ้องตากันสักพักก่อนจะเริ่มเปิดฉากการต่อสู้ในทันที คราวนี้เจ้าขุนพลไม่คิดออมมือจึงซัดเต็มพลังในทุกฝ่ามือ เล่นเอาราฟาถึงกับตั้งรับแทบไม่ทัน
"เปิดช่องว่าง!"
บลูสังเกตเห็นจุดบอดในการป้องกันของอีกฝ่ายจึงสวนด้วยวิชาวิหคสวรรค์ฝ่ามือเบิกร่องภูผาเข้าให้ แต่ที่ไหนได้เมื่อวิชาของบลูไปไม่ถึงราฟา นั่นเพราะองค์หญิงฟาเรียจงใจเข้ามายืนขวางทางเอาไว้เสียก่อน!
"ดูเหมือนว่าที่บอกจะไม่ให้ใครจัดการกับสายเลือดแห่งกาเลเทียนี่คงเป็นเรื่องจริงสินะ?"
สถานการณ์จึงกลายเป็นว่าฝ่ายบลูเปิดช่องว่างเสียเอง เลยโดนเพลงหมัดของราฟาเข้าไปเต็มที่ทรุดตัวลงกับพื้นในทันที เจ้าขุนพลสบถเบา ๆ ในลำคอด้วยความเจ็บปวด แต่นั่นยังไม่เท่าความเจ็บใจที่ถูกหักหลังความภักดีเยี่ยงนี้
"ฮ่า ๆ จบกันเท่านี้ล่ะบลู!"
ราฟาหมายจะจัดการขั้นเด็ดขาดแต่เจอบลูสวนด้วยวิชาฝ่ามือเข้าให้ ถึงอย่างไรระดับฝีมือของทั้งคู่ก็ยังห่างกันเกินไปอยู่ดี ฟาเรียเห็นเช่นนั้นจึงออกคำสั่งให้พวกทหารลงมือจัดการกับมาเรียที่ไร้ทางต่อสู้แล้วแทน
"ฮึ่มม!"
ลำพังตัวขุนพลบลูคนเดียวย่อมไม่มีปัญหาอะไรกับบาดแผลแค่นี้ แต่ทว่าองค์หญิงมาเรียนั้นไม่มีทางต้านทานกำลังทหารที่บุกเข้ามาได้แน่นอน ดังนั้นตนจึงต้องใช้วิธีสุดท้ายนั่นคือการใช้วิชาวิหคสวรรค์-มหาปฐพีวินาศ ลงมือทุบทำลายพื้นโถงปราสาทให้ถล่มกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่แล้วกอดตัวองค์หญิงร่วงลงไปสู่ความมืดมิดเบื้องล่างโดยไม่รอช้า
"อย่าให้มันหนีไปได้ รีบตามไปฆ่าพวกมันเร็ว ๆ เข้า!"
ฟาเรียออกคำสั่งอย่างร้อนใจ ขืนปล่อยให้พวกมันหลบหนีออกไปนอกปราสาทได้ล่ะก็งานหนักแน่ ถึงยังไงก็ต้องจัดการน้องสาวชั่วร้ายให้ได้ภายในวันนี้ มิเช่นนั้นตนคงนอนไม่หลับไปตลอดแน่
"ราฟารับคำสั่ง ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้แน่ ๆ ขอรับ!"
ว่าแล้วรองขุนพลก็นำกำลังทหารติดตามบลูและมาเรียผ่านทางร่องลึกใต้ปราสาทในทันที ท่าทางว่าพื้นที่พังทลายนั้นจะเชื่อมต่อลงไปจนถึงชั้นเก็บของใต้ดินของปราสาทเลยทีเดียว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ว่าที่เบื้องล่างนั้นจะมีความลับดำมืดบางประการถูกเก็บซ่อนเอาไว้เป็นระยะเวลาอันยาวนานอีกด้วย!
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น