ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เพลงหมัดมังกรราชัน
ในห้วงวิกฤตนั้นริวจินทำได้เพียงนั่งมองความตายค่อย ๆ คืบคลานเข้าหามาเรียและตนเองด้วย บาดแผลใหญ่ที่กลางหน้าอกฉุดรั้งไม่ให้เขาคิดตอบโต้อะไรได้ สุดท้ายแล้วตนก็เป็นแค่เพียงบุคคลที่ไร้คุณค่า ไร้ความสามารถที่จะปกป้องใครสักคน เฉกเช่นฉากแห่งโศกนาฎกรรมในอดีตอันเลือนรางที่ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำเพื่อหลอกหลอนเขาอีกครั้ง
ไม่มีวันเสียล่ะ...
ริวจินลุกขึ้น หากแต่มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวตามเจตจำนงค์ของตัว แต่เป็นเพราะแรงผลักดันจากจิตใต้สำนึกที่มิอาจทนเห็นใครต้องมาเดือดร้อนล้มตายต่อหน้าต่อตาอีกแล้วนั่นเอง เขาตั้งท่าต่อสู้โดยไม่สนอาการบาดเจ็บและนั่นก็ทำให้พวกศัตรูต่างตกตะลึงเป็นอันมาก
"นี่แกยังไม่ตายอีกเหรอวะไอ้เดนคุก! ได้เลยเดี๋ยวพวกข้าจะช่วยจัดการกลบฝังให้เอง!"
สององค์รักษ์เมื่อเห็นเขายังไม่ยอมสิ้นลมก็ทำท่าจองหองอวดดีเตรียมจะตรงเข้าไปเผด็จศึกโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากขุนพลบลูเลยสักนิด พวกมันประสานมือทั้งสองข้างเข้าที่กลางหน้าอก ก่อนจะผนึกพลังต่อสู้ (โทวคิ) แล้วเปล่งมันออกมาในรูปแบบคลื่นจู่โจมในแนวนอน
"นี่มัน วิหคสวรรค์บรรพตไร้สำเนียง นี่นา!"
บลูรู้สึกตกใจที่สององค์รักษ์แกร่งกล้าขนาดร่ำเรียนวิชาสายปฐพีขั้นสูงแบบนี้แถมสำเร็จผลเอามาใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งบรรพตไร้สำเนียงนั้นเป็นท่วงท่าที่ใช้จู่โจมศัตรูจากระยะไกล ด้วยการอัดพลังต่อสู้เข้ากับฝ่ามือทั้งสองข้างที่ประกบติดกันแล้วปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว คลื่นพลังที่ยิงออกมาไร้รูปไร้เสียงทำให้อีกฝ่ายมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนที่ของมันด้วย จนเป็นที่มาของการบัญญัติชื่อดังกล่าวนั่นเอง
"ฮึ่มม!"
แต่ถึงจะไม่ได้ยินได้ยลกระบวนท่า ริวจินก็ยังตอบโต้ได้อย่างชำนาญด้วยการใช้ส่วนหลังฝ่ามือปัดคลื่นโจมตีให้กระเด็นออกไปทั้งซ้ายขวาก่อนจะพุ่งมาถึงตัวในเสี้ยววินาที แรงระเบิดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นรุนแรงจนมันแทบจะยืนหยัดไม่ไหว สององค์รักษ์เห็นเช่นนั้นก็ไม่ยอมพลาดโอกาสทองพุ่งเข้าจู่โจมซ้ำเติมในทันที
"ฮ่าห์!"
ริวจินในร่างภวังค์เริ่มร่ายรำด้วยท่วงท่าอันแปลกตา ด้านซ้ายบิดข้อมือแล้วหมุนวนช่วงท้องแขนเป็นรูปลักษณ์วงกลมแบบทวนเข็มนาฬิกาในขณะที่อีกด้านนั้นบิดข้อมือแล้วหมุนวนไปตามเข็มนาฬิกา เพียงเท่านี้สององค์รักษ์ที่พุ่งเข้ามาต่างก็เจอเล่นงานไปตาม ๆ กัน องค์รักษ์เงินถูกแรงหมุนลึกลับฟาดให้กลิ้งลงไปคลุกดิน ส่วนองค์รักษ์ทองเจอแรงหมุนยกขว้างกลางอากาศตีวงหลายตลบ ทั้งมาเรียและบลูต่างตกตะลึงกับวิชาพิสดารซึ่งไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ถ้ายังรักชีวิตก็จงไสหัวไปซะ! อย่าได้คิดยืนหยัดต่อต้านข้าอีกเป็นคำรบที่สอง!
เสียงประหลาดดังมาจากริมฝีปากของริวจิน แต่นั่นฟังไม่เหมือนน้ำเสียงตามปกติของเจ้าตัวเลยสักนิด ความหยาบกร้านและทุ้มต่ำแหบแห้งนั้นราวกับเป็นสุรเสียงจากเทพปิศาจใต้พิภพผู้อำมหิตไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ กระนั้นเจ้าสององค์รักษ์กลับไม่ยอมจำนนโดยง่าย พวกมันฝืนลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวเล่นงานอีกฝ่ายอีกครั้ง
ช่างโง่เขลาเสียจริง!
ริวจินเพียงยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นเหนือระดับหน้าอก ก่อนจะส่งพลังงานบางอย่างพุ่งตรงเข้าหาศัตรูอย่างรวดเร็วทว่ากลับเงียบเชียบไร้ซึ่งแรงปะทะใด ๆ กว่าที่ทั้งสองจะทันรู้ตัวยมฑูตก็กวักมือเรียกเสียแล้ว เพราะร่างขององค์รักษ์เงินทองต่างถูกจับบิดข้อต่อไปมาราวกับตุ๊กตาชักใยจนกระดูกและกล้ามเนื้อแตกสะบั้น ไม่ผิดไปจากเมื่อคราวของราฟาเลยสักนิด พวกมันต่างส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก่อนจะทิ้งร่างลงกระแทกพื้นนอนตายเหมือนหมาข้างถนนก็มิปาน เป็นที่น่าสมเพชแก่สายตาขององค์หญิงและเจ้าขุนพลยิ่งนัก
"นี่ก็คือเพลงหมัดมังกรราชันที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ...?"
ขุนพลบลูถึงกับเหงื่อซึม การศึกเมื่อครู่ตนนึกว่าได้ปะทะกับเพลงยุทธลึกลับโบราณและหาทางโค่นมันลงได้แล้วเสียอีก ที่ไหนได้นั่นเป็นแค่เศษเสี้ยวหรือกระผีกเดียวหาใช่แก่นแท้ของวิชาไม่ หากว่าตอนนี้เข้าโรมรันกันอีกครั้งตนอาจเป็นฝ่ายเอาชีวิตไม่รอดแทน
"ริวจิน!"
องค์หญิงวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง ทว่าบลูกลับฉุดรั้งแขนนางเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ นั่นเพราะในชั่วพริบตานั้นอีกฝ่ายได้ออกกระบวนท่าซัดเข้าหาในทันทีโดยไม่คำนึงว่านางอาจได้รับอันตราย ดูท่าว่าตอนนี้ริวจินคงจะไร้สติจำอะไรเกี่ยวกับมาเรียและบลูไม่ได้เลย เขาประสานฝ่ามือเข้าหากันตรงแถวหน้าอกก่อนจะส่งคลื่นพลังโจมตีอันรุนแรงออกมา
"นี่มันวิหคสวรรค์บรรพตไร้สำเนียงนี่นา!!!"
ไม่นึกว่าแค่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวเจ้านี่ก็สามารถลอกเลียนกระบวนท่าชั้นสูงที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนนานแรมปีได้ เจ้าขุนพลรวบตัวองค์หญิงไว้ในอ้อมกอดแล้วกระโจนหลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว กระนั้นด้วยรัศมีทำลายล้างอันทรงพลังยังส่งผลถึงทั้งคู่ที่กำลังลอยตัวกลางอากาศ ทำให้บลูและมาเรียต่างกระเด็นกระดอนร่วงลงไปคนละทิศทาง ริวจินพลันรุกเข้าประชิดตัวองค์หญิงพร้อมกับชูฝ่ามือขึ้นสูงดั่งกระบวนท่าสังหาร
เจ้าพวกโง่เขลาทั้งหลาย จงสลายไปด้วยฝ่ามือของข้าเสียเถิด!
บลูตรงเข้าปะทะจากทางด้านข้างแต่ไม่เป็นผล เพียงริวจินซัดฝ่ามือเบา ๆ ร่างของเขาก็เสียการทรงตัวลอยละลิ่วขึ้นกลางเวหาในทันที เจ้าขุนพลขืนตัวรักษาสมดุลได้ก่อนจะทะยานลงพื้นอย่างนิ่มนวล ด้านมาเรียเองก็ไม่ยอมอยู่เฉยหาทางตอบโต้ด้วยกระบวนท่าวิหคสวรรค์สายนภาของถนัดในทันที เจ้าขุนพลเห็นเช่นนั้นก็ตกใจจนต้องร้องห้ามเป็นการใหญ่
"องค์หญิง! อย่าโจมตีใส่เจ้านั่นเชียวนะ!!!"
แต่ช้าไปแล้ว เสี้ยววินาทีที่นางซัดฝ่ามือเข้าหาริวจินก็หันกลับมาเล่นงานอย่างมุ่งร้าย ฝ่ามือของมันหมุนวนอย่างน่าฉงนอีกครั้งก่อนที่ร่างของมาเรียจะโดนจับบิดอย่างรุนแรงไม่ต่างไปจากเหยื่อก่อนหน้านี้เลย
"กรี๊ดด!"
"องค์หญิง!!!!"
เจ้าขุนพลเค้นพลังที่มีทั้งหมดตรงเข้าปะทะกับอีกฝ่ายในทันที ริวจินจำต้องปล่อยมือจากมาเรียก่อนแล้วหันมาตั้งรับทางนี้แทน เลือดในกายบลูเดือดพล่านด้วยความโกรธาเมื่อเห็นสายเลือดราชวงศ์กาเลเทียตกอยู่ในอันตรายและลงมือตอบโต้อย่างดุดันราวกับอสูรร้าย แม้แต่ริวจินในร่างภวังค์ยังโดนกดดันให้ล่าถอยไปสองถึงสามก้าว
"ฮ่าห์!"
บลูโจมตีต่อเนื่องไม่เว้นช่องว่างแม้จะสูญเสียกำลังกายไปมากมายในชั่วพริบตา ด้วยรู้ดีว่าหากผ่อนมือเมื่อไหร่เป็นได้โดนเล่นงานแน่ ไอระเหยจากเหงื่อของเจ้าขุนพลกระจายไปในวงกว้าง ออร่าสีฟ้าอ่อนเปล่งประกายเจิดจ้าในทุกฝ่ามือและกำปั้นที่ถูกปล่อยออกไป กระนั้นเมื่อริวจินตั้งหลักได้ก็รุกกลับทันควัน กระบวนท่าประหลาดของมันฉุดให้การเคลื่อนไหวของเจ้าขุนพลหยุดชะงัก รับรู้ได้ว่าแขนทั้งสองข้างของตนกำลังเจอแรงปริศนาจับบิดในไปทิศทางตรงกันข้ามอย่างรุนแรง แต่บลูยังฝืนกัดฟันกระทืบเท้าลงไปที่พื้นดินอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดเป็นคลื่นโจมตีวิ่งไปในแนวนอนเข้าเล่นงานส่วนขาของอีกฝ่ายในทันที และนี่ก็คือวิชาวิหคสวรรค์ปฐพีคำรามกึกก้องที่ใช้จู่โจมศัตรูจากทางเบื้องล่างนั่นเอง
"จบกันเพียงเท่านี้ล่ะ!!!"
เจ้าขุนพลเล็งโจมตีเข้าหาบาดแผลใหญ่ที่กลางหน้าอกของริวจินซ้ำรอยเก่าอย่างแม่นยำ แน่นอนว่าหากเข้าเป้าย่อมเป็นการปิดฉากการต่อสู้ในค่ำคืนนี้ หากแต่น่าเสียดายที่ฝ่ามือของบลูไปไม่ถึงเป้าหมายเพราะเจอฝ่ายตรงข้ามคว้าจับไว้ได้เสียก่อน ริวจินซัดหนึ่งหมัดกระแทกเข้าที่ชายโครงอย่างจังจนเขาทรุดลงคุกเข่าด้วยความเจ็บปวด และเสี้ยววินาทีที่มันเตรียมจะเจาะกะโหลกของเจ้าขุนพลด้วยปลายนิ้วนั้นเองที่มีการโจมตีสอดแทรกมาจากมือของบุคคลที่สามเสียก่อน
"เจ้ามังกรผลัดถิ่นเอย ช่างน่าเวทนายิ่งนักที่ได้พบเจอแกในสภาพเช่นนี้..."
ชายลึกลับบนหลังม้าที่เข้ามาขัดขวางกระบวนท่าพิฆาตของริวจินเอ่ยขึ้น บลูหันไปมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสนเท่ห์ บุรุษปริศนาผู้นี้ปรากฎตัวในร่างของนักรบสวมชุดเกราะเหล็กหนาทั้งตัวราวกับอัศวิน ทว่าเครื่องสวมศรีษะนั้นกลับเป็นรูปร่างของโครงกระดูกที่ดูคล้ายมังกรผสมกับเขาสัตว์อย่างเช่นวัวกระทิงที่ยืดโง้งออกด้านข้าง ไม่ใช่หมวกโลหะดังเช่นปกตินิยม ส่วนม้าร่างยักษ์สีดำทมิฬแม้ในยามวิกาลก็มีแววตาดุร้ายราวกับสัตว์กินเนื้อที่จ้องมองเหยื่ออย่างไม่วางตา ที่ด้านหลังของบุรุษผู้นั้นมีผ้าคลุมสีขาวพร้อมด้วยสัญลักษณ์รูปศีรษะมังกรหันข้างขวาสีเขียวสดใส เขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสัญลักษณืเช่นนี้จากที่ไหนมาก่อน แต่ในเมื่อเป็นรูปลักษณ์ของมังกรสัตว์เทวะแห่งตำนาน บางทีอาจจะมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับชายที่ชื่อริวจินนี้ก็ได้กระมัง?
"เจ้าขุนพลบลูเจ้าต่อสู้ได้ยอดเยี่ยมมาก หากไม่เพราะชายผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียก่อนล่ะก็ค่ำคืนนี้เจ้าคงไปพบกับยมบาลนานแล้วแน่ ๆ"
มันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายใด ๆ อีกทั้งเส้นเสียงของมันก็ดูทุ้มเปร่งเหมือนกับเสียงของริวจินเมื่อครู่นี้ด้วย ด้านมังกรผลัดถิ่นที่พูดถึงเมื่อครู่เมื่อถูกขัดจังหวะก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก มันตรงเข้ามาหมายเล่นงานผู้มาใหม่ในทันที ทว่ากลับถูกซัดกระเด็นกลิ้งไม่เป็นท่าไปแทน ทั้งบลูและมาเรียต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า เพราะริวจินผู้ไร้เทียมทานคนนั้นโดนเล่นงานเสียเชิงเหมือนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ได้อย่างไรกัน? แล้วชายลึกลับผู้นี้มีจุดประสงค์อะไรในการปรากฎตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้?
"มังกรผู้หลงทางในค่ำคืนอันอบอ้าวเอย ออร์ฟิน่า เจ้าจงขับกล่อมดวงวิญญาณที่สับสนดวงนี้ด้วยเถิด!"
แว่วเสียงพิณลอยมาตามสายลม ทั้งมาเรียและบลูต่างมองหาที่มาของเสียงดนตรีลึกลับนี้จนถ้วนทั่วทิศแต่ก็ไม่พบเจอใคร ด้านริวจินที่ได้ยินเสียงบทเพลงขับกล่อมอันอ่อนโยนก็ผ่อนคลายท่าทีอันก้าวร้าวลง มันทรุดลงนั่งกับพื้นก่อนจะล้มลงสลบใสลไม่ได้สติไปในเวลาไม่นาน
"เจ้า... เป็น... ใครกัน...?"
เจ้าขุนพลพยายามฝืนสติไม่ยอมโอนอ่อนไปตามท่วงทำนองที่อ่อนช้อยทว่าออกฤทธิ์รุนแรงจนแทบทำให้ตนตกสู่ห้วงนิทรา ส่วนมาเรียที่อ่อนแอกว่านั้นทนไม่ไหวร่วงลงสลบกับพื้นไปก่อนหน้านั้นแล้ว บลูคืบคลานไปตามพื้นดินพยายามเข้าใกล้ชายบนหลังม้านั่นพร้อมกับประคองสติเอาไว้ด้วย หากแต่สุดท้ายก็มิอาจต้านทานแรงดึงดูดจากโลกแห่งความฝันได้
"เจ้าขุนพลบลู เจ้าไม่ได้รับสิทธิ์ในการล่วงรู้ชื่อและตำแหน่งของข้าหรอก จงคืบคลานและดิ้นรนไปตามชะตากรรมแสนเศร้าและน่าสมเพชนั่นต่อไปเถิด จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตจะมาถึง..."
ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความพิศวง ชายลึกลับกล่าวก่อนจะหันหลังควบม้าจากไป ทิ้งไว้แต่บุคคลทั้งสามผู้นอนหลับใหลไม่ได้สติไว้กับฉากหลังแห่งท้องทะเลดวงดาวอันสุกสกาวบนฟากฟ้าและเสียงดนตรีขับกล่อมในห้วงแห่งรัตติกาลนั้น...
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น