ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #7 : ตาแก่ปริศนา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.46K
      197
      6 ก.ย. 60


         หลังจากที่หนีการไล่ตามของจอมมารวัยกระเต๊าะมาได้  ตาแก่ขี้เมาก็อุตริปีนขึ้นไปนั่งบนยอดหลังคาตึกของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตลาดนัก  และเริ่มร่ำสุราแต่หัววันจนเมาแอ๋นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปตามประสา  กระทั่งปรากฏบุรุษลึกลับผู้หนึ่งที่เดินทางข้ามมิติเวลามาโผล่ตรงหน้าเขาอย่างเงียบเชียบราวกับวิญญาณ  ชายผู้นี้แต่งตัวด้วยชุดสูทสีขาวปราณีตตามสไตล์ตะวันตก  สีหน้าแววตาบ่งบอกความไม่พอใจอย่างชัดเจน 

         "ไอ้แก่หน้าโง่  ข้าย้ำแล้วใช่ไหมว่าให้จัดการกับเส้าเทียนอิ้งและทำลายพิธีโง่ ๆ ของมันอย่าให้ปรากฏออกมารบกวนสายตาข้าคนนี้อีก!"

         ตาแก่เพียงแค่แหล่สายตามองชายผู้นั้น  ก่อนจะตอบว่า

         "เจ้าบอกให้ข้าทำลายพิธี  ซึ่งข้าก็ได้ลงมือทำไปแล้ว  ตอนนี้จอมมารกลายเป็นหมาน้อยน่ารักไร้ซึ่งพิษสงแล้วเจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก?"

         "ลงมือ?  ถ้าเจ้าหมายถึงไอ้วิธีโง่ ๆ อย่างเบี่ยงเบนวิญญาณจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง  เปลี่ยนคนให้กลายเป็นสัตว์  เปลี่ยนสัตว์กลายเป็นคน  ข้าว่าเจ้าทิ้งสมญา มัจจุราชอเวจี ไปเสียดีกว่า!"

        ชายผู้นั้นรู้ดีว่ามัจจุราชมีความร้ายกาจลึกล้ำกว่านี้มาก  และการเล่นสนุกเช่นนี้ก็ไม่อยู่ในวิสัยของกลุ่ม The Eliminator ด้วย  หากว่าจะหาเหตุผลของการกระทำเช่นนี้ล่ะก็...

         "เจ้าอยากจะท้าทายพวกข้าสินะ!  เจ้ากล้าท้าทายกับ โครนอส งั้นหรือ?"

         ตาแก่หัวเราะลั่น  มันกระดกเหล้าเข้าปากอีกอึกโดยไม่สนใจท่าทีขัดเคืองของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย  ก่อนจะนอนเท้าสะเอวแล้วบอกกับชายในชุดสูทว่า

         "แล้วอย่างเจ้ามีปัญญาทำอะไรได้เล่า?  หรือจะสู้กันตัวต่อตัวกับข้าที่นี่ตอนนี้เลยดีไหม!"

         เพียงแค่มัจจุราชหยั่งเชิง  บรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไปในทันที  จากผืนฟ้าอันปลอดโปร่งปราศจากหมู่เมฆยามเที่ยงวัน  กลับแปรเปลี่ยนเป็นค่ำคืนอันหนาวเหน็บท่ามกลางพายุหิมะอันเกรี้ยวกราด  ชายในชุดสูทพยายามยันร่างกายต่อสู้กับลมพายุกระหน่ำเสียจนเนื้อตัวสั่นไปหมด  ทั้งหมดนี้มีเพียงสองคนบนหลังคาเท่านั้นที่รับรู้ถึงบรรยากาศมรณะนี้  ส่วนชาวบ้านร้านตลาดที่ด้านล่างไม่ได้รู้สึกรู้สาอันใดด้วย  ยังคงใช้ชีวิตตามปกติต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

         "หึ! ผยองเข้าไปเถอะ... ไว้รอห้วงเวลาที่โครนอสจะย้อนกลับมายังโลกแห่งนี้แล้วแกจะได้ลิ้มรสความสิ้นหวังแน่ ๆ"

         ชายในชุดสูทเลือกจะถอยหนี  เขาเปิดหลุมมิติขนาดเล็กและย่อตัวลงไปในนั้นอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่หลุมดำจะปิดและอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วไร้ร่องรอยใด ๆ ให้สังเกตเห็น  ตาแก่ตะโกนไล่หลังไปว่า

         "เออ! รีบ ๆ กลับไปยังมิติคาออสของพวกแกแล้วไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีกนะ!  เอะอะก็ใช้งาน ๆ พอไม่ได้ดังใจก็พาลข้าอีก!"


    @@@@@@@@@@


         "เจ้าสืบจนแน่ชัดแล้วใช่หรือไม่?"

         น้องหมาเทียนอิ้งสอบถามสินหุ่ยคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งเครียด (แบบหมา ๆ) เพราะการรวมพลบุกพรรคมารของพวกขี้กะโล้ธรรมะนั้นไม่ได้เกิดขึ้นนานมากแล้ว  นับตั้งแต่เทียบร่างเชิญวิญญาณเมื่อสองครั้งก่อนด้วยซ้ำ  คราวนี้พวกมันคงคิดตื้น ๆ ว่าตนซึ่งเพิ่งย้ายร่างมาใหม่ ๆ คงจะอ่อนแอจนไม่สามารถรับมือกับพวกห้าสำนักได้สิท่า?  อันที่จริงก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง  แต่ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือเจ้าของร่างในปัจจุบันดันเป็นไอ้เด็กหน้าโง่จากยุคอื่นที่ดันเหาะมาแย่งชิงทุกอย่างไปจากตนหน้าตาเฉยเสียนี่

         "สินหุ่ย  เจ้าจงไปรวบรวมกำลังพลทั้งหมดของเทียนซานมาที่นี่โดยด่วน  แล้วเจ้าเด็กนรกนั่นไปไหนเสียแล้ว?"

         "ชั้นชื่อโชคดีเฟ้ย  ไม่ได้ชื่อเด็กนรกเรียกให้มันถูก ๆ หน่อย!"

         เจ้าเด็กอวดดีในร่างจอมมารเดินอาด ๆ เข้ามาถึงในห้องโถงแต่น้องหมาทำเป็นหูทวนลม  เลยเกิดปากเสียงกันเล็กน้อย  และก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปกว่านั้นสินหุ่ยจึงรีบเชิญบรรดาพลพรรคมารทั้งหลายให้มารวมตัวกันเพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉิน

         "เจ้าพวกธรรมะหน้าโง่!  อยากบุกมาก็ดีข้าจะได้เชือดแล้วถลกหนังมันมาแขวนไว้ที่หน้าประตูทางเข้าสำนักเสียเลย!"

         อสูรแปดหน้า หนึ่งในบริวารของจอมมารกล่าวคำผรุสวาท  บรรดาพวกพ้องที่เหลือต่างเห็นดีเห็นงามด้วย  ทว่าเส้าเทียนอิ้งไม่คิดเช่นนั้น  เพราะถ้าดูตามลำดับขั้นฝีมือแล้วพวกลูกน้องของตนคงเทียบเคียงกับระดับลูกศิษย์ตัวเด่น ๆ ของแต่ละพรรคใหญ่แบบไม่เป็นรอง  แต่กับระดับเจ้าสำนักคงไม่มีหวังเทียบชั้นได้

         "เอ่อ... คือผมมีคำถามฮะ  ก็ในเมื่อเจ้าสำนักที่ว่าเนี่ยกลายเป็นน้องหมาน่ารักยังงี้  แล้วจะให้ไปสู้กับพวกนั้นกันล่ะ?"

         โชคดีผ่ากลางปล้องขึ้นมาด้วยความสงสัย  บรรดาลูกสมุนต่างจ้องถมึงทึงไปที่เขาพร้อมกับบอกว่ากะอีแค่พวกธรรมะหน้าหมูนี่ไม่ต้องถึงมือท่านจอมมารหรอก  แค่พวกมันรวมพลังกันก็จัดการได้หมดแล้ว

         "หึหึ... ถึงเวลาจริงข้าคงต้องให้เจ้าออกโรงด้วยแล้วกระมังเจ้าหนู!  ไหน ๆ ก็อาศัยอยู่ในสำนักของข้าแห่งนี้เพราะฉะนั้นจงทำตัวให้มีประโยชน์ด้วย!"

         "เฮ้ย ๆ ผมสู้รบปรบมือเป็นกับเขาที่ไหนกันเล่า?"

         เด็กหนุ่มโวย  แต่น้องหมาจอมมารกลับมองว่าเจ้านี่ดูมีแววกว่าที่เห็น  แม้จะแก่แดดแก่ลมสักหน่อยแต่พลังที่เคยใช้จัดการกับสินหุ่ยและจอมยุทธเจ็ดย่อมเป็นวิชาขั้นต้นของมารประสานจิต  เทพประสานใจอย่างแน่นอน  ฉะนั้นงานนี้แค่ควบคุมเจ้าเด็กน้อยนี่ให้สู้ไปตามบทละครของตนก็เพียงพอแล้ว

         "แต่ตอนนี้ข้าคิดว่ามีเรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นเสียอีก  ก็เรื่องสถานที่ ๆ เจ้าจากมาไงเล่า!"

         เส้าเทียนอิ้งสะกิดใจในเรื่องที่เด็กน้อยคนนี้เล่ามาตั้งแต่วันก่อน  ไหนจะเรื่องสำนักงานจัดการวิญญาณผู้ล่วงลับ  ไหนจะอำนาจพิเศษในการส่งดวงวิญญาณคนไปยังดินแดนต่าง ๆ โดยไม่เกี่ยงมิติภพชาติ  หากว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริง  ก็เท่ากับว่าในโลกนี้ยังมีภูมิความรู้และวิชาที่เหนือล้ำยิ่งกว่าวิชาเซียนที่มันเคยร่ำเรียนมาเสียอีก  จอมมารจึงยอมให้ไอ้เด็กปากดีนี่อยู่ร่วมชายคาพรรคมารไปอีกสักระยะเพื่อรีดเค้นข้อมูลและเบาะแสสำคัญให้มากกว่านี้  แน่นอนว่าก็เพื่อค้นหาวิธีฉกฉวยพลังนั้นมาอยู่ในกำมือของตนนั่นเอง...    


    จบตอน  
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×