ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #66 : ลำแสงกับเทือกเขา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 486
      19
      13 ม.ค. 61


         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ  ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... เมื่อพวกเอเลี่ยนจากต่างดาวนำยานอวกาศบุกมาถึงหน้าพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าอย่างเป็นทางการกับฮ่องเต้  แน่นอนว่าบรรดาไพร่ฟ้าและข้าราชบริพารทั้งหลายต่างแตกตื่นอลหม่านไปทั่ว  ด้วยไม่เคยพบเห็นเจ้าวัตถุประหลาดที่ลอยกลางฟ้าได้เช่นนี้มาก่อนในชีวิต  แต่ตัวผมนั้นรู้ดีว่าความชิบหายกำลังจะมาเยือนดินแดนแห่งนี้ในไม่ช้า  อย่างน้อยลางสังหรณ์ในตัวมันก็บอกออกมาเช่นนั้น...

         "ก่อนอื่นกระผมขออภัยที่เดินทางมาเยือนดินแดนของพวกท่านอย่างกะทันหันโดยมิได้นัดหมาย  และกล่าวคำทักทายรวมถึงแนะนำตัวอย่างเป็นทางการขอรับ!"

         ชายหนุ่มท่าทางองอาจโค้งตัวลงพร้อมกล่าวคำทักทายองค์ฮ่องเต้ซึ่งประทับบนบัลลังก์สีทองในท้องพระโรง  ท่าทางของเขาดูนิ่งสุขุม  เรือนผมสีทองและดวงตาสีฟ้าใสราวน้ำทะเลนั่นทำเอาทุกคนต่างตกตะลึงและรู้สึกหวาดกลัวไปพร้อม ๆ กัน  แม้แต่ฮ่องเต้เองยังแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่  ส่วนตัวผมกับน้องหมานั้นแอบซุ่มดูท่าทีอยู่หลังฉากเพื่อสังเกตดูว่าอาคันตุกะจากต่างดาวนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?     

         "กระผมคือร้อยเอกเกรแฮม เบเกอร์ ตัวแทนอย่างเป็นทางการจากสหพันธ์ความร่วมมือแห่งทางช้างเผือก  เดินทางมาเพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อดินแดนต้าหลงแห่งนี้ในฐานะมิตรประเทศ  ด้วยการนี้กระผมจึงนำสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเป็นเครื่องบรรณาการดังที่เห็น"

         เขาจัดแจงวางถาดที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับอันประดับประดาไปด้วยทองคำและเครื่องอัญมณีหลากสี  มันสะท้อนแสงแวววาวจนแสบตาไปหมด  นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นที่แกะสลักจากหินอ่อนเป็นรูปคชสารขนาดใหญ่สูงราวห้าเมตรซึ่งตั้งอยู่ภายนอกอีกสองตัวด้วย  แน่นอนว่ามูลค่าของมันแทบจะประเมินไม่ได้เลยทีเดียว  แต่ที่ดูจะดึงดูดสายตาและความสนใจของทุกคนยิ่งกว่าเครื่องเพชรพวกนี้ก็คือเจ้ายานอวกาศที่ลอยอยู่เหนือชั้นเมฆที่ด้านบนนั่นต่างหาก

         "ฮะ ๆ ดูเหมือนว่าทุกท่านจะสนใจยานสำรวจของพวกกระผมมากกว่าสิ่งของพวกนี้สินะ?"

         เกรแฮมยิ้มอย่างมีเลศนัย  แน่ล่ะเพราะว่ามันยังไม่ได้โชว์ไม้เด็ดอีกอย่างนั่นคือพวกหุ่นยนต์ยักษ์ที่เก็บซ่อนไว้ข้างในยานไม่ใช่รึไง?  ตอนนี้ผมกับจอมมารต่างนิ่งเงียบเฝ้ามองความเป็นไปอย่างอดทน  ด้วยไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะมาไม้ไหนกันแน่... 

         "เจ้าอ้างว่าเจ้าชื่อเกรแฮมและมาจากดินแดนอันไกลโพ้น  เดินทางมาเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเราแต่ข้ายังไม่เห็นว่ามีสิ่งใดที่เชื่อถือได้ในน้ำคำจากเจ้าเลยแม้แต่น้อย..."

         ฮ่องเต้วางท่าอย่างองอาจ  ด้วยว่าการปรากฏตัวของหมอนี่ก็ชวนให้น่าสงสัยจริง ๆ นั่นแหละ  แถมรูปร่างหน้าตาของเจ้าฝรั่งนี่ก็ช่างห่างไกลกับโทนเอเซียของคนแถวนี้อยู่มาก  เพราะฉะนั้นเลยพยายามสงวนท่าทีไว้ก่อนสิท่า  แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเอกบุรุษจะไม่รอดเอาก็งานนี้ล่ะมั้ง? ขืนไปยั่วโมโหพวกมันเข้าไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง

         "หึหึ... ท่าทางพวกท่านจะไม่เชื่อใจกระผมเอาเสียเลยนะ  เช่นนั้นคงต้องแสดงอะไรให้เห็นเป็นตัวอย่างกันบ้างแล้ว!"

         เกรแฮมชี้นิ้วไปยังขุนเขาที่อยู่ไกลออกไปทางด้านขวามือ  พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่าจากการสำรวจของพวกมัน  ที่นั่นคือเทือกเขาเหลียงฮั่วอันเป็นแนวทิวเขาที่ทอดยาวขวางกั้นลำน้ำมาแต่โบราณ  ร่ำลือกันว่าเป็นสถานที่ในตำนานที่เหล่าเซียนเคยใช้บำเพ็ญเพียรก่อนเดินทางขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์เบื้องบน

         "ดูท่าว่าเจ้าจะศึกษา..."

         ฮ่องเต้ยังไม่ทันพูดจบประโยค  ยานอวกาศที่ลอยลำอยู่ที่บนท้องฟ้าก็ยิงลำแสงพุ่งตรงไปยังเทือกเขาเหลียวฮั่วในทันที  แรงระเบิดที่เกิดขึ้นส่งให้พื้นดินสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว  ชั่วครู่หนึ่งพลังเสียงอันกึกก้องราวกับฟ้าถล่มก็แผ่ขยายตามมาจนแม้แต่ฮ่องเต้และบรรดาข้าราชบริพารทั้งหลายต่างล้มระเนระนาดด้วยความตื่นตะหนกไปกันหมด  แล้วเทือกเขาในตำนานก็กลายเป็นรูโหว่ที่ใจกลางราวกับใครเอาสกรูมาขันเอาไว้

         "...กระผมเดินทางข้ามผ่านทะเลดวงดาวหลายร้อยปีแสง  เพื่อมาสำรวจและผูกไมตรีกับพวกท่านถึงที่นี่  แต่สิ่งแรกที่ได้รับกลับมาจากการเดินทางอันยาวนานคือสิ่งนี้!"

         เกรแฮมยื่นแผ่นจดหมายเรียกค่าไถ่ที่มีรูปวาดของยัยโหดซึ่งพวกผมจับตัวเอาไว้ที่เทียนซานขึ้นมา  แล้วเดินไปจ่อที่หน้าของฮ่องเต้ที่ยังคงนั่งคุดคู้อยู่ที่พื้น

         "ท่านอาจจะยังไม่ทราบ  แต่นี่คือองค์หญิงคนสำคัญของทางกระผมนามว่าชาล็อต  และอย่างที่ท่านเห็น  จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาเพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่ของทางนี้..." 

         เลือดในตัวของผมแทบจะจับตัวแข็ง  เจ้าพวกนั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจริง ๆ ด้วยและมันก็ไม่คิดจะล้อเล่นแต่อย่างใด  โธ่ไอ้หมาโง่เอ๊ยย! อยู่ดี ๆ ก็แกว่งเท้าหาเสี้ยนซะงั้น  แล้วทีนี้จะทำยังไงกันล่ะเฟ้ย!!!  ผมหันไปค้อนใส่จอมมารที่ยังคงทำหน้าตะลึงไม่แพ้ฮ่องเต้เช่นกัน


    @@@@@@@@@@@@


         ในระหว่างที่เกรแฮมและสมาชิกในยานคนอื่น ๆ กำลังออกไปปฏิบัติภารกิจที่ด้านนอกอยู่นั้น  แอนดรอยสาวอลิซาเบธผู้ประจำอยู่บนยานกับมารีนก็ปลีกตัวออกมาในที่ลับตาคน  ก่อนจะเริ่มดำเนินการสื่อสารด้วยเครื่องส่งสัญญาณระยะไกลที่แอบซ่อนเอาไว้ภายในช่องว่างตรงส่วนหน้าอกในทันที

         "ซ่า... ซ่า... อลิ... ซา... เบธ..."

         "จับสัญญาณได้แล้วค่ะ  ขอเวลาจัดการกับสัญญาณรบกวนรอบข้างสักครู่...!"

         แอนดรอยสาวรู้สึกโล่งใจที่สามารถส่งสัญญาณกลับไปยังสหราชอาณาจักรได้  แม้ว่าระยะทางจะห่างไกลกันหลายปีแสงก็ตามที  นั่นเพราะหลักการขยายคลื่นสัญญาณผ่านทางกองยานลาดตระเวณที่เดินทางสำรวจไปตามเส้นขอบเขตแดนรอบนอกนั่นเอง  แน่นอนว่าสัญญาณดังกล่าวเป็นความลับอย่างยิ่งยวดที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์ฯ ก็ยังไม่ทราบ

         "อลิซาเบธ... ตกลงว่าแผนการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นใช่มั้ย?"

         "แน่นอนค่ะ! เมื่อดิฉันส่งตัวชาล็อตให้กับพวกศัตรูสำเร็จ  เจ้าพวกบนยานนี่ก็เต้นเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว  และเป็นไปตามที่ดิฉันคาดการณ์ไว้คือพวกมันจงใจปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับอีกด้วย"

         แอนดรอยสาวยิ้มออกมา  มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และน่าสะพรึงกลัวที่สุด  เจ้าพวกนายทหารระดับล่างของสหพันธ์ฯ ไม่ได้ระแคะระคายเลยว่าตนเองเป็นผู้หยิบยื่นองค์หญิงคนสำคัญด้วยมือนี้เอง  และตอนนี้พวกมันก็วิ่งพล่านหาทางช่วยเหลือชาล็อตอย่างเต็มความสามารถเท่าที่จะทำได้  โดยไม่มีการซัพพอร์ตใด ๆ จากทางเบื้องบนแม้แต่น้อย

         "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  เธอนี่มันช่างเลือดเย็นจริง ๆ   เห็นแบบนั้นแต่ชาล็อตก็เป็นหลานสาวในไส้ของทางนี้เชียวนะ!"

         ราชินีคราวเดียหัวเราะเบา ๆ อยู่ที่ปลายสายอีกฝั่ง  แผนการครั้งนี้ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนแม้แต่ชาล็อต  หลานสาวแท้ ๆ เพียงคนเดียวขององค์ราชินีก็ตาม

         "ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ เซฟิราฟ เอเนอจี้  ค่ะ!  และความรุ่งเรืองของสหราชอาณาจักร!" 


    จบตอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×