ลำดับตอนที่ #63
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #63 : Balance of Power
*** เอ่อ... ตอนเข้าเฝ้าฮ่องเต้นี่อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยมีข้อมูลในเรื่องนี้เยอะนักหรอกนะครับ เพราะฉะนั้นมันก็จะออกมั่ว ๆ หน่อย (แล้วจะเขียนทำไมฟะ!) 555 ก็อ่านแล้วอย่าไปคิดหาเหตุผลอะไรเลยเพราะเรื่องนี้มันก็ไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว (ฮา) ***
@@@@@@@@@@@@
และแล้วพวกผมก็ลอบเข้ามาสู่เขตชั้นในอันเป็นสถานที่หวงห้ามและมีการเฝ้าระวังขั้นสูงสุดในต้าหลง เพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้เป็นการลับ ไม่รู้เหมือนกันว่าจอมมารคิดจะเจรจาต่อรองอะไรกับราชา แต่ที่แน่ ๆ คือมันต้องเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่มีมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลกแหง ๆ
"จากนี้ไปเวรยามจะยิ่งเข้มงวดขึ้น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะข้าล่วงรู้เส้นทางลัดเป็นอย่างดี!"
น้องหมาพาผมลัดเลาะไปตามโถงทางเดิน บางจังหวะก็เหาะขึ้นไปบนฝ้าเพดานเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของพวกองค์รักษ์ ไม่นานนักพวกเราก็มาจนถึงด้านในสุดอันเป็นที่พำนักของฮ่องเต้จนได้ จากภายนอกยังมองเห็นเงาแสงเทียนวูบไหวผ่านม่านประตู ปรากฏเงาของมหาบุรุษนั่งอย่างองอาจอยู่ภายใน
"เส้าเทียนอิ้ง... ไม่นึกว่าเจ้าจะมา เข้ามาสิ!"
เสียงเรียกจากคนที่อยู่ข้างในทำให้ผมสะดุ้ง แต่น้องหมากลับไม่แสดงอาการหวั่นไหวอะไรเหมือนพอจะคาดเดาได้ล่วงหน้าแล้ว และเมื่อจ้าวผู้ครองแผ่นดินเอ่ยปากเองเช่นนี้พวกเราจึงรีบเปิดประตูเข้าไปในทันที
"ไม่ได้พบกันนานเท่าไรแล้วนะ? สักสามสิบปีได้กระมัง?"
มหาบุรุษที่นั่งทรงงานอยู่บนที่ประทับเอ่ยทักโดยไม่ได้ละสายตาจากงานที่วางอยู่ ฮ่องเต้องค์นี้แม้จะลุเข้าสู่วัยสี่สิบกว่าแล้วแต่ยังคงความน่าเกรงขามและแววตาอันร้อนแรงไม่แพ้พวกคนวัยหนุ่มฉกรรจ์
"เจ้าเองก็ดูแข็งแรงดีนี่นะ ว่าง ๆ น่าจะไปเที่ยวเล่นที่เทียนซานบ้าง!"
ฮ่องเต้หัวเราะหึหึ ๆ ออกมาแต่ก็ยังคงไม่ละสายตาจากงานเลย เฮ้ยนี่จะชิลไปหน่อยรึเปล่าฟะ! ตอนนี้จอมมารศัตรูตัวฉกาจมายืนอยู่ตรงหน้าและนะ ตามปกติมันต้องร้องตะโกนเรียกองค์รักษ์ให้แห่เข้ามาจัดการแล้วไม่ใช่เรอะ???
"แล้วมีอะไรรึ? หรือว่าเบื่อที่จะเล่นบทจอมมารแห่งเทียนซาน อยากจะกลับไปนั่งฝึกวิชาเซียนบนเขาอีกรอบหรือไง? หรืออยากจะหาร่างใหม่มาสิงสู่แทนร่างสุนัขตัวนั้น???"
เฮ้ย! ผมนี่ยืนหน้าซีดเหงื่อเย็นเลยเมื่อได้ยินฮ่องเต้พูดถึงเรื่องน้องหมาออกมา นี่องค์ราชารู้เรื่องนี้ได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ปกปิดเป็นความลับสุดยอดขนาดพวกห้าพรรคใหญ่ยังไม่มีใครระแคะระคายเลยสักนิด! แถมทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็ยังปล่อยให้เส้าเทียนอิ้งและพรรคเทียนซานอยู่เย็นเป็นสุขไม่ยอมส่งกองทหารมาถล่มพรรคเสียอีก ตกลงว่านี่เป็นศัตรูกันจริง ๆ เรอะ?
"ถ้าล่วงรู้ถึงขนาดนั้น ข้าคงไม่ต้องเสียเวลาอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องอุตส่าห์ดั้นด้นมาหาเจ้าถึงที่นี่แล้วสิท่า?"
"คงเป็นเรื่องของเกาะลอยได้ที่บนฟ้าสินะ? ข้าเพิ่งได้ยินเมื่อวันก่อนนี้เช่นกัน ดูท่าว่าพวกคนทั่วไปและพวกห้าพรรคใหญ่จะยังไม่รู้เรื่องหรอก"
"นั่นขึ้นอยู่กับเวลา และเจ้ากับข้า... บางทีอาจรวมถึงพรรคอื่น ๆ ก็คงจะอยู่นิ่งเฉยอยู่อีกไม่ได้แล้ว!"
น้องหมาตีหน้าเข้มทันทีในขณะที่ผมยังคงเหวอแดรก ในสมองมันกำลังสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยสักนิด ไหนว่าจะมาเจรจาต่อรองกับฮ่องเต้ไง ไอ้เราก็นึกว่าจะมาตกลงกันเรื่องค่าไถ่ของยัยนั่นเสียอีก นี่กลายเป็นมานั่งคุยอะไรก็ไม่รู้แถมฮ่องเต้ยังรู้เรื่องสลับวิญญาณกันด้วย! เฮ้ยแล้วแบบนี้มันจะไม่แย่เหรอฟะขืนเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเมื่อไหร่ได้เกิดศึกระหว่างเทียนซานกับห้าพรรคใหญ่อีกรอบแน่!
"...ดูท่าสหายน้อยของเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่นะ? นี่ยังไม่ได้เล่าเรื่องข้อตกลงลับไปหรอกหรือ?"
ในที่สุดฮ่องเต้ก็เงยหน้าขึ้นมา และเมื่อมองเห็นความงงงวยที่แปะอยู่บนใบหน้าของทางนี้ก็คงพอเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงได้หันไปถามทางเส้าเทียนอิ้งในทันที ซึ่งเจ้าหมาตัวแสบก็ส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับว่า
"ไม่ใช่กงการอะไรของข้าที่จะต้องมานั่งอธิบายให้ไอ้หัวขี้เลื่อยนี่ฟัง! สำคัญกว่านั้นคือศัตรูมันจ่อประชิดเขตแดนถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าในฐานะจ้าวผู้ครองแผ่นดินไม่คิดจะวางแผนตอบโต้อะไรหน่อยหรือ?"
ไอ้เราก็นึกเคืองที่โดนเรียกว่าหัวขี้เลื่อย แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลามานั่งเถียงกันเรื่องนั้นผมจึงทำนิ่งเงียบไว้ก่อน ด้านฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจยาวแล้วทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะตอบทางนี้กลับมาว่า
"เจ้าเกาะลอยฟ้านั่นยังคงนิ่งเฉยไม่มีการเคลื่อนไหวใดตลอดหนึ่งวันเต็ม และข้าเองก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะขึ้นไปบนนั้นได้ ระหว่างนี้คงต้องรอดูท่าทีไปก่อน..."
ซึ่งนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่น่าจะถูกต้องที่สุด เพราะด้วยวิทยาการเท่าที่ดินแดนต้าหลงมี หรือแม้กระทั่งวิชากำลังภายในทั้งหลายแหล่ของพวกจอมยุทธก็คงไม่มีใครเก่งกล้าขนาดเหาะเหินทะลุชั้นบรรยากาศเข้าใกล้ยานอวกาศลำนั้นได้แน่ ที่สำคัญขืนลอยเข้าไปใกล้ ๆ มีหวังเจอระดมยิงจนพรุนก่อนจะเข้าถึงตัวยานก็เป็นได้?
"แต่ข้าทำได้! และข้าก็สำรวจภายในเกาะปริศนานั้นเรียบร้อยแล้วด้วย!!!"
จอมมารทำชูคอผยองเดชเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คือพลาดท่าโดนจับตัวไปขังไว้ในยานต่างหากเล่า ฮ่องเต้มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
"นี่เองที่ทำให้เจ้าดั้นด้นมาถึงที่นี่ ต้องการต่อรองเรื่องอะไรเพื่อแลกเปลี่ยนกับเบาะแสของเจ้ากันเล่าหืมม?"
อา... ในที่สุดก็เข้าเรื่องกันสักที จอมมารอุตส่าห์มาที่นี่ก็เพื่อต่อรองอะไรบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อมูลของฝ่ายศัตรูที่ทางฮ่องเต้ไม่มีวันหามาได้ด้วยตัวเองสินะ? ตอนนี้ผมเริ่มมองภาพรวมของสถานการณ์ได้เด่นชัดขึ้นบ้างแล้ว ฮ่องเต้กับจอมมาร เทียนซานกับห้าพรรคใหญ่ มันคือการถ่วงดุลอำนาจกันเหมือนที่ผมเคยอ่านเจอในหนังสือประวัติศาสตร์โลกเลย เพราะแบบนี้เองทางการจึงไม่เคยลงไปยุ่งวุ่นวายกับเหตุบ้านการเมืองที่เกิดจากพฤติกรรมของพวกจอมยุทธแม้แต่ครั้งเดียว นั่นเพราะการคอยสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ย่อมปลอดภัยที่สุดแถมทางนี้ก็แบ่งพรรคแบ่งพวกกันเรียบร้อยทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการร่วมแรงกันโค่นล้มราชบัลลังก์ ไม่สิ... เพราะยังงี้ไงฮ่องเต้จึงสานสัมพันธ์กับพวกระดับหัวหน้าอย่างเส้าเทียนอิ้งเป็นการลับ เพื่อใช้การเจรจาต่อรองในกรณีที่สถานการณ์ไม่เป็นใจให้กับตนเอง และจอมมารก็เข้าใจดีในจุดนี้ถึงได้ทำตัวตามน้ำไปเพื่อเก็บเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ไว้ตั้งโต๊ะเจรจาได้ (เช่นครั้งนี้เป็นต้น)
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น