ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #55 : ผู้มาเยือนจากต่างดาว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 730
      32
      5 ธ.ค. 60


         พวกเทียนซานต่างแตกตื่นร้องตะโกนโหวกเหวกเมื่อเห็นเงาดำทมึนบนฟากฟ้า  เจ้าสิ่งนั้นใหญ่โตราวกับเป็นเกาะลอยได้  รูปร่างเป็นวงรีดูคล้ายตัวหนอนขนาดมหึมา  ทีแรกมันยังแค่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศเฉย ๆ  แต่ผ่านไปสักพักเจ้าสิ่งนั้นก็ค่อย ๆ ลดระดับลงมาจนกระทั่งลอยลำเรี่ยยอดต้นสน  ที่น่าแปลกคือแม้จะมีขนาดใหญ่โตราวกับเกาะก็จริง  แต่ในทุกการเคลื่อนไหวของมันกลับแทบไม่มีเสียงดังเล็ดลอดออกมาเลย  ราวกับว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นภูติวิญญาณที่ลงมาเยือนโลกจากบนสรวงสวรรค์

         "สินหุ่ย  เจ้าช่วยกระโดดขึ้นไปบนยอดต้นสนที  ข้าอยากสำรวจให้ใกล้กว่านี้"

         เส้าเทียนอิ้งบอกกับสมุนของตน  สินหุ่ยจึงอาสาพาเจ้าสำนักทะยานไปบนยอดสนที่สูงที่สุดในละแวกนั้น  ระยะจัดว่าใกล้กับวัตถุประหลาดนั่นชนิดไม่เกินหนึ่งลี้ (ราวห้าร้อยเมตร)  ความใหญ่โตของมันทำเอาหัวใจของน้องหมาเต้นไม่เป็นจังหวะ  ด้วยเกิดและอยู่มาถึงหกร้อยปีก็ยังไม่เคยพบเคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน

         "คะเนด้วยสายตาเจ้าสิ่งนี้คงไม่ได้สร้างด้วยไม้หรือศิลาใด ๆ จะว่าเป็นโลหะก็ดูจะประหลาดล้ำยิ่งกว่าวัตถุดิบที่ใช้ตีอาวุธชั้นยอดเท่าที่ข้ารู้จักมา ...บางทีเจ้าสิ่งนี้อาจจะเป็น"

         จอมมารเหล่ตาลงมายังกระท่อมเบื้องล่าง  ถึงมันจะน่าเหลือเชื่อแต่ก็ชวนให้คาดเดาว่าเจ้าสิ่งนี้อาจจะเป็นวัตถุจากในยุคเดียวกับที่เจ้าเด็กนั่นย้อนเวลากลับมาก็เป็นได้  หากว่าไอ้ "วิทยาศาสตร์" หรืออะไรก็ตามที่เจ้านั่นเคยเล่ามาทั้งหมดเป็นความจริงล่ะก็...

         "นายท่าน  ดูนั่น!"

         สินหุ่ยแจ้งนายเหนือหัวด้วยความตื่นตระหนก  เมื่อเห็นแสงไฟส่องลอดออกมาจากภายในส่วนที่อยู่ต่ำที่สุดของวัตถุทรงประหลาดนั่น  แต่ก็ยังมิอาจเทียบกับสีหน้าเมื่อได้เห็นสิ่งที่พุ่งออกมาจากข้างในนั้น  ร่างของยักษ์ตนหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากส่วนใต้ท้องของมัน  แล้วมุ่งลงสู่พื้นดินที่เบื้องล่าง  มองเห็นเหมือนมีไฟหรืออะไรบางอย่างพ่นแลบออกมาจากส่วนต่าง ๆ ของมันเช่นที่แผ่นหลังและตามข้อพับ  แน่นอนว่าเจ้านี่ก็สร้างมาจากโลหะประหลาดไม่ใช่คน  เพราะมันมีรูปร่างใหญ่โตกว่าคนปกติราวสามเท่าได้  เพียงแต่ถูกสร้างในรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายมนุษย์เท่านั้น

         "รีบส่งสัญญาณให้ทุกคนหาที่กำบังตัวเอาไว้! อย่าให้เจ้ายักษ์นั่นมองเห็นตัวโดยเด็ดขาด!"

         สัญชาตญาณแรกของเส้าเทียนอิ้งคืออันตราย  ไม่ว่าเจ้ายักษ์นั่นจะเป็นตัวอะไรหรือเกาะลอยได้นั้นจะมาจากที่ไหนก็ตาม  แต่จอมมารเกิดความหวาดระแวงว่าเจ้านี่อาจจะเป็นศัตรูหรือผู้คิดการร้ายก็ได้  เพราะด้วยขนาดที่ใหญ่โตรวมถึงขีดความสามารถในด้านอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ล้ำหน้าจนมันไม่สามารถคิดหรือจินตนาการตามได้เลย  ฉะนั้นสิ่งแรกที่ควรกระทำคือแอบซุ่มดูและศึกษาเจ้าสิ่งประหลาดนี้ให้ถี่ถ้วนเสียก่อนค่อยคิดลงมือทำอะไรต่อไป

         "ทีนี้เจ้าลอบตามยักษ์ตัวนั้นไปอย่าให้มันรู้ตัว  ข้าอยากรู้ว่ามันคิดจะมุ่งไปที่ไหนและทำอะไรกันแน่?"

         สินหุ่ยรับคำสั่งพร้อมกับเหาะทะยานไปตามกิ่งสนอย่างเงียบเชียบเชื่องช้า  เว้นระยะห่างจากเจ้ายักษ์นั่นในระดับที่ไม่คลาดสายตา  โชคดีที่มันไม่ใช้ความเร็วมากเหมือนกับตอนที่พุ่งลงมา  เจ้ายักษ์ลอยไปทางซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่

         "แปลกมาก... เจ้ายักษ์นั่นเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่นะขอรับประมุข?"

         "ที่น่าสนใจกว่านั้น  ข้ากำลังสงสัยว่าเจ้าสิ่งนี้ขับเคลื่อนด้วยอะไรมากกว่า!"

         สัตว์ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณ  มนุษย์ขับเคลื่อนด้วยลมปราณ  ธรรมชาติก็ขับเคลื่อนไปตามฤดูกาล  แล้วเจ้าสิ่งนี้ใช้อะไรเป็นแหล่งพลังงานในการเคลื่อนไหวกันแน่?  หากว่ามันเป็นสิ่งของที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น  แล้วใครเล่าเป็นผู้สรรค์สร้าง?  เจ้ายักษ์ยังคงลอยตัวเหนือผืนป่าที่เบื้องล่างอย่างคล่องแคล่ว  จอมมารสังเกตเห็นเปลวไฟที่แลบออกมาจากใต้ส่วนเท้าของมัน  บางทีภายในตัวของมันอาจมีการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงหรืออะไรบางอย่างในการป้อนพลังทำให้มันเคลื่อนไหวได้

         "น่าสนใจ! น่าสนใจจริง ๆ !!!"

         เส้าเทียนอิ้งจำได้ว่าก่อนนี้มันได้เคยอ่านเจอคัมภีร์ลึกลับบทหนึ่งของท่านปรมาจารย์ จางเค่อ  ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาพื้นฐานทั้งหลายให้แก่ตนในวัยเยาว์  โดยข้างในเป็นบันทึกของหุ่นกลไฟประหลาดที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้  พวกมันถูกสร้างขึ้นอย่างประนีตในแต่ละส่วน  ประกอบขึ้นในโรงหล่อทีละชิ้นทีละท่อน  ก่อนจะนำมาประกอบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง

         "เห็นทีคงต้องจับไอ้หนูนั่นมาสอบเค้นกันเสียหน่อยแล้ว!"

         ว่าแล้วจอมมารจึงสั่งให้พวกเจ็ดองค์รักษ์และเหล่านักพรตที่ซ่อนตัวอยู่รีบไปตามจับตัวร่างทรงของตนเองมาโดยเร็วที่สุด  บางทีเจ้านั่นอาจเห็นว่าเหตุการณ์จวนตัวจึงใช้วิธีบางอย่างส่งสัญญาณเรียกพรรคพวกมาช่วยก็เป็นได้  ที่เจ้ายักษ์กำลังตามหาก็คงจะเป็นมันไม่ผิดแน่  เพราะฉะนั้นต้องรีบชิงความได้เปรียบด้วยการคว้าตัวประกันเอาไว้ก่อน

         "แล้วเจ้ายักษ์นี่จะทำเช่นไรกับมันดีขอรับ?"

         "ปล่อยเอาไว้ก่อน  ยังไงเราก็เข้าถึงตัวเจ้าหนูนั่นได้เร็วกว่า  เมื่อจับเป็นมันได้และเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณนี้แล้ว  เจ้าค่อยสั่งให้ลูกน้องคนอื่นคอยจับตามันกับเกาะลอยนั่นเอาไว้เป็นพอ!"

         จอมมารเริ่มคิดแผนการชั่วร้ายอีกครั้ง  หากว่านี่เป็นภูมิความรู้จากโลกอื่นจริงล่ะก็  แล้วทำไมมันจะยึดมาเป็นของตัวเองไม่ได้เล่า?  เริ่มจากสร้างข้อเสนอเพื่อต่อรองแลกตัวกับเจ้าหนูแบบหลอก ๆ ไปก่อน  หลังจากที่อีกฝ่ายตายใจหรือเผลอเปิดช่องว่าง  มันก็จะทำการศึกษาเจ้าวัตถุประหลาดและหุ่นกลไฟโดยถี่ถ้วนเพื่อค้นหาจุดเด่นจุดด้อยไว้ต่อกร  หลังจากนั้นก็สร้างแบบจำลองและพัฒนาไว้ใช้งานส่วนตน  และเมื่อตักตวงประโยชน์จนเพียงพอแล้วมันก็จะทำพิธีย้ายวิญญาณซะ  แล้วยึดเอาทั้งเกาะลอยฟ้าพร้อมด้วยหุ่นกลไฟทั้งหมดมาเป็นของตัวเองเสียให้หมด!

         "ฮ่า ๆ เอาล่ะทีนี้ก็..."

         ทว่าไม่ทันที่จะได้คิดการอะไรต่อ  จู่ ๆ เจ้าหุ่นยักษ์นั่นก็หันขวับมาทางนี้ทันทีราวกับรู้สึกตัวว่ามีใครแอบลอบเข้ามาใกล้  สินหุ่ยต้องรีบโจนทะยานไปตามกิ่งไม้เพื่อหลบหนีการไล่ล่าอุตลุด  เจ้ายักษ์นั่นจากที่เคลื่อนไหวช้า ๆ กลับเร่งความเร็วขึ้นจนตามมาในระยะประชิดได้ในพริบตา

         "เร็วขึ้นอีก! ใช้กิ่งไม้ที่ขวางทางให้เป็นประโยชน์!"

         สินหุ่ยกระโจนไปทางซ้ายทีขวาที  เลี้ยวเลาะไปตามแนวกิ่งไม้เพื่อให้เจ้ายักษ์ติดแนวกิ่งที่ยื่นมาเกะกะ  แต่ที่ไหนได้เจ้ายักษ์นั่นกลับพุ่งตัวทะลุทะลวงแนวกิ่งไม้ทั้งหมดจนแตกหักไม่มีชิ้นดี  เรียวแรงอันมหาศาลของมันนับว่าเกินคาดของน้องหมาไปมาก  แม้ว่าสินหุ่ยจะเร่งความเร็วระดับสูงสุดเท่าที่กำลังภายในของมันจะอำนวยแล้วก็ยังมิอาจรอดพ้นเงื้อมมือเจ้ายักษ์ไปได้  สุดท้ายทั้งคนทั้งหมาจึงตกอยู่ภายใต้การจับกุมของยักษ์จากนอกโลกไปในที่สุด...


    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×