ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #48 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 743
      33
      16 พ.ย. 60


         เมื่อครั้งที่เจ้าสำนักมังกรทองเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ในหอฌาณแห่งเทียนเหออยู่นั้น  มันได้แต่ทนทุกข์ตบตีผนังเพื่อระบายอาการกลัดกลุ้ม  ไม่ว่าจะศึกษาค้นคว้าฝึกปรือสักเท่าไหร่ก็มิอาจก้าวข้ามขีดจำกัดเท่าที่ความสามารถของตนพึงมีไปได้  ตำราทุกเล่ม  เคล็ดวิชาทุกตัวอักษรล้วนผ่านสายตาของมันจนหมดสิ้น  แต่ก็ยังไม่พบคำตอบที่จะทำให้พลังฝีมือรุดหน้าจนเอาชนะเส้าเทียนอิ้งได้เลย  จางเหอลู่ถึงกับทรมานร่างกายไม่กินไม่ดื่มเป็นเวลาเกือบหกวันเต็มทีเดียว...

         และในห้วงแห่งความทุกข์นั้นเอง  เสียงกระซิบอันแผ่วเบาก็ลอยมาเข้าหูของมัน  กล่าวถึงบางสิ่งที่อาจหลงลืมหรือมองข้ามไป  เจ้าเสียงลึกลับนั้นชี้นำให้เจ้าสำนักมังกรทองผู้อิดโรยค่อย ๆ ไต่คลานไปตามแนวชั้นหนังสือ  ลึกเข้าไปในส่วนที่มืดทึมไร้ซึ่งแสงสว่าง  ตรงนั้นมีชั้นหนังสือเก่าฝุ่นจับเขรอะไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่  กระทั่งเสียงนั้นนำเหอลู่ไปยังม้วนคัมภีร์สีดำที่ไม่คุ้นตา  เจ้าสำนักมังกรทองนึกฉงนว่าทุกวิชาในหอฌาณแห่งนี้น่าจะเคยผ่านตาของมันมาหมดแล้ว  ไฉนเจ้าคัมภีร์ลึกลับฉบับนี้ถึงไม่อยู่ในความทรงจำของมันเลย  ราวกับว่าเจ้านี่เพิ่งจะปรากฎตัวขึ้นมาในบัดเดี๋ยวนี้เอง  ไม่รอช้ามันรีบหยิบมาคลี่ออกเพื่อยลโฉมความลับภายในทันที

         "นี่มัน...!"

         ดวงตาของเหอลู่เบิกโพลง  นับเป็นครั้งแรกที่คนในดินแดนแห่งต้าหลงโบราณได้ค้นพบวิชามนต์ดำหรือเวทย์ต้องห้ามอันเป็นศาสตร์แปลกปลอมจากสถานที่อื่นซึ่งไม่ขึ้นตรงกับกาลเวลาของที่นี่  ชายในสูทสีขาวแอบสอดคัมภีร์ดังกล่าวและปกปิดเบื้องหลังของมันไว้ด้วยความแนบเนียน  เมื่ออีกฝ่ายหลงเชื่อก็เท่ากับเป็นการเบิกประตูสู่หนทางแห่งศาสตร์มืดไปโดยปริยาย...

         "ฮ่า ๆ เท่านี้ข้าก็สำเร็จวิชาเซียนแล้ว  คอยดูเถอะจอมมาร! แล้วเจ้าจะต้องยอมสยบให้กับข้าจางเหอลู่ผู้นี้!"

         เจ้าสำนักมังกรทองส่งเสียงคำรามอย่างพึงพอใจ  มันรีบฝึกวิชามารตามคำชี้นำภายในนั้นทันที  คลื่นพลังสีดำเข้าล้อมรอบตัวของเหอลู่  เมื่อศาสตร์แห่งลมปราณและศาสตร์มืดหลอมรวมกัน  จึงถือกำเนิดเป็นวิชาเซียนในอีกแขนงหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นวิชาเซียนขั้นพิสดารก็ได้ 

         "ยอดเยี่ยม! เท่านี้ข้าก็สามารถเทียบเคียงกับท่านเซียนเมื่อครั้งกระโน้นได้แล้ว!"

         จางเหอลู่ระเบิดพลังวัตรที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลออกมา  กลุ่มเมฆหมอกสีดำวิ่งวนอยู่รอบตัวของมันราวกับอาภรณ์แห่งความมืดที่คอยปกป้องผู้เป็นนาย  มิได้รู้ตัวเลยว่าตนได้ตกเป็นเครื่องมือด้วยวิธีการอันหยาบช้าและฉ้อฉล  ก่อกำเนิดมารร้ายที่หลงก้าวเดินไปในทางที่ผิดอีกหนึ่งตนนั่นเอง...


    @@@@@@@@@@@@


         ท่าทางว่าตาลุงจะฉุนเฉียวน่าดูเมื่อเห็นวิชาอันภาคภูมิใจของตัวเองโดนสลายลงได้ดื้อ ๆ เลย  แน่ล่ะถึงผมจะอ่อนด้อยในเรื่องการต่อสู้  แต่ได้จอมมารในร่างน้องหมาที่เต็มเปี่ยมประสบการณ์มาเป็นโค้ชให้แบบนี้ย่อมทำให้ได้เปรียบอยู่โข  แถมวิชาสายมารของเส้าเทียนอิ้งยังเข้มแข็งกว่าสายประหลาดของลุงจางอีก

         "เส้าเทียนอิ้ง! คราวนี้ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสพลังเต็มสิบขั้นของข้า!!!"

         เฮ้อ...เอาอีกล่ะ เมื่อกี้ก็ทีนึงแล้วพวกจอมยุทธนี่มันเป็นอะไรกันนะ? เดี๋ยวก็พลังห้าส่วนสิบส่วน  แบ่งซะอย่างกับแบ่งหน้าเค้ก  แล้วในเมื่อรู้ว่าพลังสองส่วนสามส่วนมันเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ทำไมถึงไม่ใช่สิบส่วนไปตั้งแต่แรกเลยฟะจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันทีเดียว!

         "ท่านลุง เอ๊ย! จางเหอลู่... ข้าว่าเจ้าพอเท่านี้แล้วรีบกลับสำนักไปพักรักษาตัวเถิด!"

         ผมแกล้งเก็กเสียงเป็นจอมมารแล้วบอกให้ลุงเลิกราต่อกันเพียงเท่านี้  เพราะท่าทางแกก็เหนื่อยหอบตัวโยนขนาดนั้น  แล้วอายุอานามก็ไม่น้อยแล้วฝืนมากไปเดี๋ยวได้ตายจริง ๆ หรอก  ไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นคำดูถูกดูหมิ่นชนิดที่อีกฝ่ายถึงกับเลือดขึ้นหน้าในทันที

         "ไอ้จอมมาร  แกกล้าดูถูกข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ!"

         จางเหอลู่รวบกลุ่มเมฆดำมาไว้ที่มือข้างซ้ายจนกลายรูปร่างเป็นมังกรสีดำร่ายรำไปมา  ในขณะที่มือขวาก็รวบพลังจนเกิดเป็นพยัคฆ์ดำท่าทางร้ายกาจด้วยเช่นกัน  ก่อนจะปล่อยสัตว์ร้ายทั้งสองตรงเข้ามาเล่นงานทางนี้อย่างรวดเร็ว  ทั้งมังกรพยัคฆ์ส่งเสียงคำรามน่าสยดสยองในระหว่างที่มุ่งเข้ามาใกล้

         "แบบนี้ไม่ดีแน่  แค่วิชาบดเมฆสลายวารีไม่อาจรับมือกับพลังพยัคฆ์มังกรได้  เจ้ารีบโคจรพลังไปถึงขั้นที่สามแล้วหน่วงไว้เพื่อรับมือกับมันเดี๋ยวนี้!"

         และแล้วก็ได้เวลาทำตามที่ฝึกฝนมา  เพราะจิตของผมยังไม่มั่นคงพอจะต้านทานอำนาจอันร้ายกาจของวิชามารประสานจิต เทพประสานใจขั้นสีแดงได้  จึงต้องเข้าคอร์สเร่งรัดทุ่มเทเพื่อให้สามารถเรียกใช้พลังได้อย่างไม่ติดขัดหรือเสียสติไปก่อน  และผลที่ได้ก็น่าชื่อชมเพราะผมเรียกพลังขั้นสีแดงได้อย่างไม่ผิดพลาด  สัมผัสได้เลยว่าลมปราณที่แทรกขึ้นมาจากทั่วร่างนี้มันทรงพลังยิ่งกว่าขั้นที่สองมากมายนัก  เมื่อเจ้าพยัคฆ์มังกรเข้ามาใกล้  ผมจึงใช้ทั้งสองแขนรุกเข้าต้านทานอย่างสุดแรง  แค่ชั่วพริบตาที่พลังสองสายปะทะกัน  ก็ก่อให้เกิดพลังลมหมุนทำลายปะรำที่อยู่ใกล้บริเวณจนพังถล่มลงมาเลยทีเดียว

         "ไม่เลวนี่จอมมาร! งั้นต่อไปลองเจอกับพญาหงส์ดูบ้าง!"

         แค่เสือกับมังกรผมก็จะแย่แล้ว  นี่ตาลุงยังเกร็งพลังสร้างร่างหงส์สีดำขนาดใหญ่สยายปีกดุจนางพญา  แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหงส์ตัวนี้นั้นไม่ได้ประกอบจากเมฆดำเหมือนที่ผ่านมา  เพราะมันคือพลังดรรชนีสีดำจำนวนมากที่ก่อรูปขึ้นเป็นร่างตามจินตนาการของผู้ใช้ต่างหาก 

         "ในอดีตพวกข้าอาจจะด้อยกว่า! อ่อนแอกว่า! แต่บัดนี้ด้วยพลังแห่งเซียนจะบดขยี้เจ้าให้กลายเป็นจุล!"

         ดรรชนีอันร้ายกาจคลายตัวจากรูปร่างหงส์ดำและพุ่งตรงมาทางนี้ราวกับสายฝน  โอยทางนี้ยังไม่ทันสลายพลังมังกรพยัคฆ์เลยใจเย็นหน่อยเถอะลุ๊ง!  ผมรีบเดินพลังจับทั้งมังกรและเสือเข้ามาผสมกันแล้วดันให้มันลอยขึ้นข้างบน  ที่สุดแล้วก้อนพลังงานอันมหาศาลนั้นก็ถูกดีดลอยหายขึ้นไปบนฟากฟ้าได้สำเร็จ  ทีนี้ก็ต้องมารับมือกับวิชาดรรชนีบ้างล่ะ  น้องหมาแนะนำว่าให้ใช้วิธีผลักดรรชนีแต่ละสายให้มันชนและหักล้างกันเองเป็นดี  ผมจึงรีบทำตามด้วยการรับมือกับระลอกแรกด้วยการซัดให้พลังดรรชนีในแต่ละเส้นพุ่งเข้ากระทบกันเองและเบี่ยงเบนวิถีออกไป  แต่ในเมื่อปริมาณมันมหาศาลขนาดนี้จึงมีพลาดโดนแทงเข้าตามแขนขาบ้าง  ซึ่งมันเจ็บไม่เบาเลยล่ะต่อให้มีพลังปราณคุ้มครองตัวอยู่ก็เถอะ

         "โดนแค่นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า! แข็งใจไว้เดี๋ยวข้าจะชี้แนะวิธีเอาคืนมันบ้าง!"

         น้องหมาคอยตะโกนให้กำลังใจในขณะที่สมาธิทั้งหมดของผมใช้ไปกับการรับมือดรรชนีจำนวนมาก  เลือดเริ่มไหลย้อยลงมาตามแขนขาถึงจะเป็นแค่แผลถาก ๆ แต่ก็แสบเอาเรื่อง  ที่สุดแล้วผมจึงสามารถเอาชนะพญาหงส์ด้วยการสยบพลังดรรชนีอันร้ายกาจทั้งหมดลงได้...


    จบตอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×