ลำดับตอนที่ #48
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่11
เมื่อครั้งที่เจ้าสำนักมังกรทองเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ในหอฌาณแห่งเทียนเหออยู่นั้น มันได้แต่ทนทุกข์ตบตีผนังเพื่อระบายอาการกลัดกลุ้ม ไม่ว่าจะศึกษาค้นคว้าฝึกปรือสักเท่าไหร่ก็มิอาจก้าวข้ามขีดจำกัดเท่าที่ความสามารถของตนพึงมีไปได้ ตำราทุกเล่ม เคล็ดวิชาทุกตัวอักษรล้วนผ่านสายตาของมันจนหมดสิ้น แต่ก็ยังไม่พบคำตอบที่จะทำให้พลังฝีมือรุดหน้าจนเอาชนะเส้าเทียนอิ้งได้เลย จางเหอลู่ถึงกับทรมานร่างกายไม่กินไม่ดื่มเป็นเวลาเกือบหกวันเต็มทีเดียว...
และในห้วงแห่งความทุกข์นั้นเอง เสียงกระซิบอันแผ่วเบาก็ลอยมาเข้าหูของมัน กล่าวถึงบางสิ่งที่อาจหลงลืมหรือมองข้ามไป เจ้าเสียงลึกลับนั้นชี้นำให้เจ้าสำนักมังกรทองผู้อิดโรยค่อย ๆ ไต่คลานไปตามแนวชั้นหนังสือ ลึกเข้าไปในส่วนที่มืดทึมไร้ซึ่งแสงสว่าง ตรงนั้นมีชั้นหนังสือเก่าฝุ่นจับเขรอะไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ กระทั่งเสียงนั้นนำเหอลู่ไปยังม้วนคัมภีร์สีดำที่ไม่คุ้นตา เจ้าสำนักมังกรทองนึกฉงนว่าทุกวิชาในหอฌาณแห่งนี้น่าจะเคยผ่านตาของมันมาหมดแล้ว ไฉนเจ้าคัมภีร์ลึกลับฉบับนี้ถึงไม่อยู่ในความทรงจำของมันเลย ราวกับว่าเจ้านี่เพิ่งจะปรากฎตัวขึ้นมาในบัดเดี๋ยวนี้เอง ไม่รอช้ามันรีบหยิบมาคลี่ออกเพื่อยลโฉมความลับภายในทันที
"นี่มัน...!"
ดวงตาของเหอลู่เบิกโพลง นับเป็นครั้งแรกที่คนในดินแดนแห่งต้าหลงโบราณได้ค้นพบวิชามนต์ดำหรือเวทย์ต้องห้ามอันเป็นศาสตร์แปลกปลอมจากสถานที่อื่นซึ่งไม่ขึ้นตรงกับกาลเวลาของที่นี่ ชายในสูทสีขาวแอบสอดคัมภีร์ดังกล่าวและปกปิดเบื้องหลังของมันไว้ด้วยความแนบเนียน เมื่ออีกฝ่ายหลงเชื่อก็เท่ากับเป็นการเบิกประตูสู่หนทางแห่งศาสตร์มืดไปโดยปริยาย...
"ฮ่า ๆ เท่านี้ข้าก็สำเร็จวิชาเซียนแล้ว คอยดูเถอะจอมมาร! แล้วเจ้าจะต้องยอมสยบให้กับข้าจางเหอลู่ผู้นี้!"
เจ้าสำนักมังกรทองส่งเสียงคำรามอย่างพึงพอใจ มันรีบฝึกวิชามารตามคำชี้นำภายในนั้นทันที คลื่นพลังสีดำเข้าล้อมรอบตัวของเหอลู่ เมื่อศาสตร์แห่งลมปราณและศาสตร์มืดหลอมรวมกัน จึงถือกำเนิดเป็นวิชาเซียนในอีกแขนงหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นวิชาเซียนขั้นพิสดารก็ได้
"ยอดเยี่ยม! เท่านี้ข้าก็สามารถเทียบเคียงกับท่านเซียนเมื่อครั้งกระโน้นได้แล้ว!"
จางเหอลู่ระเบิดพลังวัตรที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลออกมา กลุ่มเมฆหมอกสีดำวิ่งวนอยู่รอบตัวของมันราวกับอาภรณ์แห่งความมืดที่คอยปกป้องผู้เป็นนาย มิได้รู้ตัวเลยว่าตนได้ตกเป็นเครื่องมือด้วยวิธีการอันหยาบช้าและฉ้อฉล ก่อกำเนิดมารร้ายที่หลงก้าวเดินไปในทางที่ผิดอีกหนึ่งตนนั่นเอง...
@@@@@@@@@@@@
ท่าทางว่าตาลุงจะฉุนเฉียวน่าดูเมื่อเห็นวิชาอันภาคภูมิใจของตัวเองโดนสลายลงได้ดื้อ ๆ เลย แน่ล่ะถึงผมจะอ่อนด้อยในเรื่องการต่อสู้ แต่ได้จอมมารในร่างน้องหมาที่เต็มเปี่ยมประสบการณ์มาเป็นโค้ชให้แบบนี้ย่อมทำให้ได้เปรียบอยู่โข แถมวิชาสายมารของเส้าเทียนอิ้งยังเข้มแข็งกว่าสายประหลาดของลุงจางอีก
"เส้าเทียนอิ้ง! คราวนี้ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสพลังเต็มสิบขั้นของข้า!!!"
เฮ้อ...เอาอีกล่ะ เมื่อกี้ก็ทีนึงแล้วพวกจอมยุทธนี่มันเป็นอะไรกันนะ? เดี๋ยวก็พลังห้าส่วนสิบส่วน แบ่งซะอย่างกับแบ่งหน้าเค้ก แล้วในเมื่อรู้ว่าพลังสองส่วนสามส่วนมันเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ทำไมถึงไม่ใช่สิบส่วนไปตั้งแต่แรกเลยฟะจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันทีเดียว!
"ท่านลุง เอ๊ย! จางเหอลู่... ข้าว่าเจ้าพอเท่านี้แล้วรีบกลับสำนักไปพักรักษาตัวเถิด!"
ผมแกล้งเก็กเสียงเป็นจอมมารแล้วบอกให้ลุงเลิกราต่อกันเพียงเท่านี้ เพราะท่าทางแกก็เหนื่อยหอบตัวโยนขนาดนั้น แล้วอายุอานามก็ไม่น้อยแล้วฝืนมากไปเดี๋ยวได้ตายจริง ๆ หรอก ไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นคำดูถูกดูหมิ่นชนิดที่อีกฝ่ายถึงกับเลือดขึ้นหน้าในทันที
"ไอ้จอมมาร แกกล้าดูถูกข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ!"
จางเหอลู่รวบกลุ่มเมฆดำมาไว้ที่มือข้างซ้ายจนกลายรูปร่างเป็นมังกรสีดำร่ายรำไปมา ในขณะที่มือขวาก็รวบพลังจนเกิดเป็นพยัคฆ์ดำท่าทางร้ายกาจด้วยเช่นกัน ก่อนจะปล่อยสัตว์ร้ายทั้งสองตรงเข้ามาเล่นงานทางนี้อย่างรวดเร็ว ทั้งมังกรพยัคฆ์ส่งเสียงคำรามน่าสยดสยองในระหว่างที่มุ่งเข้ามาใกล้
"แบบนี้ไม่ดีแน่ แค่วิชาบดเมฆสลายวารีไม่อาจรับมือกับพลังพยัคฆ์มังกรได้ เจ้ารีบโคจรพลังไปถึงขั้นที่สามแล้วหน่วงไว้เพื่อรับมือกับมันเดี๋ยวนี้!"
และแล้วก็ได้เวลาทำตามที่ฝึกฝนมา เพราะจิตของผมยังไม่มั่นคงพอจะต้านทานอำนาจอันร้ายกาจของวิชามารประสานจิต เทพประสานใจขั้นสีแดงได้ จึงต้องเข้าคอร์สเร่งรัดทุ่มเทเพื่อให้สามารถเรียกใช้พลังได้อย่างไม่ติดขัดหรือเสียสติไปก่อน และผลที่ได้ก็น่าชื่อชมเพราะผมเรียกพลังขั้นสีแดงได้อย่างไม่ผิดพลาด สัมผัสได้เลยว่าลมปราณที่แทรกขึ้นมาจากทั่วร่างนี้มันทรงพลังยิ่งกว่าขั้นที่สองมากมายนัก เมื่อเจ้าพยัคฆ์มังกรเข้ามาใกล้ ผมจึงใช้ทั้งสองแขนรุกเข้าต้านทานอย่างสุดแรง แค่ชั่วพริบตาที่พลังสองสายปะทะกัน ก็ก่อให้เกิดพลังลมหมุนทำลายปะรำที่อยู่ใกล้บริเวณจนพังถล่มลงมาเลยทีเดียว
"ไม่เลวนี่จอมมาร! งั้นต่อไปลองเจอกับพญาหงส์ดูบ้าง!"
แค่เสือกับมังกรผมก็จะแย่แล้ว นี่ตาลุงยังเกร็งพลังสร้างร่างหงส์สีดำขนาดใหญ่สยายปีกดุจนางพญา แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหงส์ตัวนี้นั้นไม่ได้ประกอบจากเมฆดำเหมือนที่ผ่านมา เพราะมันคือพลังดรรชนีสีดำจำนวนมากที่ก่อรูปขึ้นเป็นร่างตามจินตนาการของผู้ใช้ต่างหาก
"ในอดีตพวกข้าอาจจะด้อยกว่า! อ่อนแอกว่า! แต่บัดนี้ด้วยพลังแห่งเซียนจะบดขยี้เจ้าให้กลายเป็นจุล!"
ดรรชนีอันร้ายกาจคลายตัวจากรูปร่างหงส์ดำและพุ่งตรงมาทางนี้ราวกับสายฝน โอยทางนี้ยังไม่ทันสลายพลังมังกรพยัคฆ์เลยใจเย็นหน่อยเถอะลุ๊ง! ผมรีบเดินพลังจับทั้งมังกรและเสือเข้ามาผสมกันแล้วดันให้มันลอยขึ้นข้างบน ที่สุดแล้วก้อนพลังงานอันมหาศาลนั้นก็ถูกดีดลอยหายขึ้นไปบนฟากฟ้าได้สำเร็จ ทีนี้ก็ต้องมารับมือกับวิชาดรรชนีบ้างล่ะ น้องหมาแนะนำว่าให้ใช้วิธีผลักดรรชนีแต่ละสายให้มันชนและหักล้างกันเองเป็นดี ผมจึงรีบทำตามด้วยการรับมือกับระลอกแรกด้วยการซัดให้พลังดรรชนีในแต่ละเส้นพุ่งเข้ากระทบกันเองและเบี่ยงเบนวิถีออกไป แต่ในเมื่อปริมาณมันมหาศาลขนาดนี้จึงมีพลาดโดนแทงเข้าตามแขนขาบ้าง ซึ่งมันเจ็บไม่เบาเลยล่ะต่อให้มีพลังปราณคุ้มครองตัวอยู่ก็เถอะ
"โดนแค่นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า! แข็งใจไว้เดี๋ยวข้าจะชี้แนะวิธีเอาคืนมันบ้าง!"
น้องหมาคอยตะโกนให้กำลังใจในขณะที่สมาธิทั้งหมดของผมใช้ไปกับการรับมือดรรชนีจำนวนมาก เลือดเริ่มไหลย้อยลงมาตามแขนขาถึงจะเป็นแค่แผลถาก ๆ แต่ก็แสบเอาเรื่อง ที่สุดแล้วผมจึงสามารถเอาชนะพญาหงส์ด้วยการสยบพลังดรรชนีอันร้ายกาจทั้งหมดลงได้...
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น